№ 313 ตายอย่างไม่ต้องสงสัย?
แรงกดดันของบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดแผ่ออกมา ทำให้เฟิ่งเซียวที่เดิมทีบาดเจ็บภายในเลือดในหัวใจหมุนตลบขึ้นไปยังลำคอ เพียงรู้สึกถึงรสเค็มเล็กน้อย กลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายในช่องปาก กลับถูกเขากดลงไปเสียดื้อๆ
ในเวลานี้เองฝ่ามือชายชราสองคนนั้นรวบรวมกลิ่นอายพลังเร้นลับพุ่งมาทางเขา ความเร็วของบรรพชนนักรบยกระดับขึ้นถึงจุดสูงสุด ว่องไวเสียจนเขาไม่มีทางเห็นชัดเจนว่าศัตรูลงมือเช่นไร ร่างกายก็โดนโจมตีกระเด็นออกไปเสียแล้ว
“ผัวะ! ผัวะ!”
เสียงการโจมตีหนักหน่วงทั้งสองกระทบลงกลางอกเขา คนหนึ่งใช้หมัดกระหน่ำชก ส่วนอีกคนใช้ฝ่ามือตบอย่างดุร้าย การจู่โจมทั้งสองล้วนแฝงด้วยกลิ่นอายพลังเร้นลับมหาศาลทั้งร้ายกาจและโหดเหี้ยม!
“อั่ก!”
เฟิ่งเซียวร้องเสียงอู้อี้ เลือดกระอั่กออกจากปาก ขณะที่ร่างกายถูกโจมตีกระเด็นเขาเพียงรู้สึกหน้าอดเจ็บปวดรุนแรงยากเกินจะทน ระหว่างที่ยังพร่าเบลอร่างชายชราสองคนนั้นก็โผเข้ามาอีกครั้ง เพียงรู้สึกว่าฝ่ามือลมสะบัดลงบนกะโหลกหัวเขาอย่างรุนแรงชั่วขณะ
“ฮี้!”
เหล่าไป๋ร้องขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งในนั้นใช้ฝ่ามือตบไปบนกะโหลกศรีษะเฟิ่งเซียว มันวิ่งไปด้านหน้าพุ่งชนชายชราคนนั้นกระเด็นออกไปอย่างร้ายกาจ
“สมควรตาย!”
ฝ่ามือชายชราคนนั้นตบลงไปไม่ทันเวลาร่างกายจึงโดนชนกระเด็นออกไป กำลังม้าแข็งแกร่งเช่นนั้นต่อให้เป็นบรรพชนนักรบก็ไม่อาจต้านทานแรงกระแทกของเหล่าไป๋ได้ ตัวกลิ้งตกลงพื้นล้มแขนขาชี้ฟ้าอย่างน่าอับอาย
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”
ชายชราอีกคนเห็นม้าตัวนี้ทำเสียเรื่องอีกครั้งจึงด่าทอด้วยความโกรธเคือง เท้าหนึ่งเตะกระบี่ยาวเล่มหนึ่งบนพื้นขึ้นมาถือไว้ในมือปล่อยกลิ่นอายพลังเร้นลับเข้าไปแล้วปาดไปทางเหล่าไป๋
เดิมที่ไม่คิดจะฆ่าแต่มันทำพวกเขาเสียครั้งแล้วครั้งเล่าจะปล่อยไว้อีกไม่ได้!
“ฮี้!”
เหล่าไป๋พ่นลมหายใจออกจากจมูกราวกับกำลังหัวเราะเยาะความไม่เจียวตัวของเขา มันหมุนตัวหันบั้นท้ายใส่ชายชราคนนั้นพร้อมสะบัดหาง
“ปู้ด!”
พอเสียงดังปู้ดควันสีเหลืองคล้ำราวกับหมอกพิษก็ปล่อยออกมาจากก้น กลิ่นเหม็นอย่างไม่มีอะไรเทียบ มันพ่นใส่หน้าชายชราเช่นนั้นโดยไม่มีการเตือนพร้อมสะบัดหางม้าตบจนเขาเป็นลมล้มไปเสียดื้อๆ
เห็นภาพเช่นนี้คนชุดดำไม่กี่คนที่เหลือรวมถึงชายสวมหน้ากากคนหัวหน้าต่างก้าวถอยหลังไปอย่างตกตะลึงเพื่อหลบออกจากกลิ่นเหม็นสีเหลืองคล้ำที่กระจายอยู่ และในเวลาเช่นนี้เอง ชายสวมหน้ากากเห็นเหล่าไป๋ร้องหมอบลงบนพื้น เฟิ่งเซียวที่บาดเจ็บหนักหายใจรวยรินคลานขึ้นหลังก่อนจะวิ่งกลับไป
เห็นเช่นนี้เขาก็โต้ตอบทันที ยกแขนขึ้นเล็งคันธนูตรงหัวใจด้านหลังเฟิ่งเซียว นัยน์ตามีจิตสังหารแวบผ่าน ยิ่งลูกศรออกไปด้วยท่าทางดุร้ายอย่างไม่มีความลังเล
“ฟิ้ว!”
“อ๊าก!”
เฟิ่งเซียวที่เดิมสภาพใกล้ตายอยู่แล้วร้องอย่างเจ็บปวด ตรงแผ่นหลังมีลูกศรขนาดเล็กสั้นๆ ปักอยู่ เลือดเปลี่ยนเป็นสีดำ เขาที่เคยยังฝืนนั่งได้ฟุบลงไปบนหลังเหล่าไป๋เพราะเหตุนี้ และปล่อยเขารีบรุดกลับไป…
ชายสวมหน้ากากที่กำลังจะไล่ตามไปได้ยินเสียงการเคลื่อนมาของกองหนุนอยู่รางๆ จึงตะโกนเสียงเบาทันใด “ถอย!”
เขาที่พาคนที่เหลือออกไปหันกลับไปมองอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ไม่เห็นเขาหมดลมกับตาตัวเอง แต่เฟิ่งเซียวที่รับสองฝ่ามือของผู้แข็งแกร่งระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดทั้งสอง ซ้ำยังโดนลูกศรอาบยาพิษของเขา ต่อให้เป็นเทพเซียนค้ำฟ้ามาถึงก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว!
คิดถึงตรงนี้ ใจที่ยังพะวงถึงจะวางลงได้ ถอยห่างอย่างรวดเร็วและหายไปกลางถนนบนภูเขา…
“เฟิ่งเซียว!”
เสียงท่านผู้เฒ่าเปล่งออกมาด้วยความกังวลและตื่นตกใจ เมื่อเห็นลูกชายที่หมอบอยู่ในสภาพปางตายบนหลังเหล่าไป๋ก็หวั่นๆ ใจขึ้นมา
………………………………………