Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 100

Cover Renegade Immortal 1

100. ชำระล้างฝักกระบี่

ถ้ำขนาดใหญ่นี้มีหลุมจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนกำแพง สัมผัสวิญญาณของหวังหลินออกมาจากหนึ่งในหลุมพวกนั้น

ใจกลางห้องมีโลงศพขนาดยักษ์ที่ดูธรรมดามากมันไม่มีเครื่องประดับอะไรสักชิ้นบนนั้นเลยแต่คลื่นพลังงานหยินอันแข็งแกร่งได้ปลดปล่อยออกมาจากโลงศพใบนั้นพลังงานหยินเปลี่ยนเป็นควันสีขาวที่ถูกดูดเข้าไปในหลุมจำนวนนับไม่ถ้วนนี้

หวังหลินลังเลและคอยสังเกตโลงศพอยู่ชั่วครู่จากนั้นเขาก็พยายามตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ ทันใดนั้นหวังหลินตกตะลึงเขาเข้าไปได้โดยไม่มีแรงต้านอันใดเลย

โลงศพว่างเปล่ายกเว้นหลุมขนาดใหญ่ พลังงานหยินกำลังออกมาจากหลุมนี้

พลังงานหยินนี้หนาแน่นมาก คลื่นพลังงานหยินได้ป้องกันสัมผัสวิญญาณของหวังหลินจากการมองผ่านเข้าไป

ในถ้ำของตัวเอง สายตาหวังหลินเผยประกายแสงเพื่อหาว่าพลังงานหยินมาจากไหนและทำไมหินลูกปัดถึงดูดซับพลังงานหยินนี้ได้เขาหยิบน้ำเต้าออกมาจากกระเป๋าและกระดกไปทีนึงโดยไม่ลังเล

ด้วยสภาพปัจจุบันของหวังหลินตอนนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหนาวสั่นหวังหลินเสียสติทันทีและร่างกายชาเหน็บเขาไม่ต้องการเสียเวลาออีกต่อไปและรีบหมุนเวียนพลังปราณในร่างเพื่อดูดซับพลังงานหยินขณะที่ดูดซับนั้นสัมผัสวิญญาณเขายิ่งกล้าแข็งมากขึ้นการไหลเวียนของพลังงานอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้สัมผัสวิญญาณเขามุ่งหน้าเข้าไปในหลุมภายในโลงศพ

สัมผัสวิญญาณเขาฝ่าฟันต่อสู้ข้างในหลุมและหลายครั้งที่พลังงานหยินแทบฉีกกระชากสัมผัสวิญญาณเขาเมื่อลงไปได้สี่ร้อยเมตรนั้นพลังงานหยินได้สร้างกำแพงขึ้น

หวังหลินกัดฟันแน่นและดื่มน้ำพลังหยินไปอึกใหญ่ เขามุ่งหน้าผ่านกำแพงเขาไปและตกตะลึงขึ้นกับสิ่งที่เห็น

ร่างขนาดใหญ่มหึมากำลังลอยบนอากาศหากหวังหลินเปรียบร่างตัวเองกับยักษ์ตนนั้นเขาก็เทียบได้เพียงนิ้วมือเท่านั้น บนร่างนั้นมีหลายสิ่งแปลกประหลาดพืชสีม่วงเขียวชอุ่ม พืชพวกนั้นเคลื่อนไหวแปลกประหลาดและร่างกายหดลงแต่มันก็กลับมาเป็นปกติในไม่นาน ขณะที่วงจรนี้ดำเนินต่อไปพืชสีม่วงก็ได้ปลดปล่อยพลังงานหยินออกมาอย่างรวดเร็ว

หวังหลินมึนงง เขาปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาสังเกตการณ์อยู่ชั่วครู่ร่างนี้ถูกทิ้งไว้ที่นี่โดยใครสักคนเป้าหมายก็เพื่อเป็นสารอาหารสำหรับพืชสีเขียวม่วงพวกนี้

ได้ข้อสรุปว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมสำนักซากศพถึงได้มีพลังงานหยินก็เพราะพืชพวกนี้

กระทั่งเหตุผลที่ว่าทำไมลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้เปลี่ยนแปลงไปก็ต้องเป็นเพราะพืชพวกนี้หวังหลินรู้สึกว่าที่นี่แปลกประหลาดมากตั้งแต่เขาเข้ามาแล้วเขารู้สึกได้ถึงอันตราย เพียงเขากำลังจะจากไปน้ำเสียงฟังเข้าใจยากก็ได้ดังขึ้น

หวังหลินไม่ได้กล่าวอะไรและพยายามถอนสัมผัสวิญญาณออกแต่เขากลับตื่นตะลึงเนื่องจากพลังงานหยินในห้องนั้นป้องกันไม่ให้เขาถอนตัวในไม่ช้าน้ำเสียงก็ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนใกล้พอที่จะได้ยินว่ามันกำลังกล่าวอะไร

“ช่วยด้วย…”

หวังหลินดื่มน้ำพลังหยินที่เหลือทั้งหมดสัมผัสวิญญาณเขาสั่นสะเทือนขณะที่เขาพุ่งไปรอบๆพลังงานหยินพลังงานหยินจำนวนมากเข้ามาในสัมผัสวิญญาณและผสมกับพลังงานหยินที่ไม่ได้ถูกดูดซับในร่างกายทำให้หวังหลินไอออกมาเป็นเลือดและจู่ๆเลือดนั้นก็แข็งตัวเป็นลิ่มน้ำแข็ง

ถึงอย่างนั้นสัมผัสวิญญาณของหวังหลินก็ทำลายอุปสรรคและกลับเข้ามาในร่างอย่างรวดเร็วเขาไอเป็นเลือดน้ำแข็งออกมาเพิ่มอีกขณะที่เผยใบหน้าหวาดกลัว

หวังหลินไม่กล้าตรวจสอบอีกครั้งและเริ่มฝึกฝนควบคุมร่างกายทันทีหลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็ลืมตาและเริ่มครุ่นคิดขณะที่จ้องไปยังหลุมพวกนั้นบนกำแพง

เวลาได้ผ่านไปราวกับกระพริบตา หวังหลินอยู่ที่สำนักซากศพได้สี่วันแล้วในสี่วันนี้นอกจากสามวันก่อนเมื่อเขาสำรวจใต้ดินด้วยสัมผัสวิญญาณก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยเขาใช้เวลาทั้งหมดเพื่อรวบรวมน้ำพลังงานหยินจากลูกปัดระหว่างนี้ลูกปัดก็เพิ่มจากสองใบเป็นสามใบแล้ว

จากการคำนวณของหวังหลินจำนวนทั้งหมดของใบไม้ควรจะเหมือนกันกับเมฆครั้งก่อน ทั้งหมดคือสิบใบหวังหลินรู้ได้จากประสบการณ์ครั้งก่อนว่าแต่ละใบอาจจะใช้เวลานานกว่าครั้งก่อนหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันคงใช้เวลาหลายปีกว่าจะดูดซับธาตุไม้ได้เสร็จสิ้น

แต่สำนักซากศพไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะอยู่ได้เป็นเวลานานเขาตัดสินใจว่าจะตรวจสอบสถานที่นั้นอีกครั้งเพื่อหาทางให้ร่างกายเขาเข้าไปหากเขาได้พืชพวกนั้นมาบ้างหวังหลินแน่ใจว่ามันจะทำให้ลูกปัดเกิดการพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น

แต่การทำเรื่องเช่นนี้เห็นได้ง่ายๆว่าอันตรายมาก แม้แต่หวังหลินก็ไม่แน่ใจ

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นาน เขาก็ยอมแพ้ที่จะลงไปด้านล่างคนเดียวด้วยความเข้าใจกับระดับฝึกฝนปัจจุบันนี้ ไม่ว่าเขาจะระมัดระวังยังไงโอกาสที่เขาจะได้พืชสีเขียวม่วงพวกนั้นมีต่ำมากและแย่ยิ่งกว่านั้นเขาอาจจะเสียชีวิตได้หลังจากคิดสถานการณ์พวกนี้ หวังหลินก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย

หลังจากตัดสินใจได้เขาก็ตบกระเป๋าเบาๆ ฝักกระบี่โบราณได้ลอยขึ้นด้านหน้าเขา

หลังจากหวังหลินได้ฝักกระบี่นี้เขาชำระล้างมันเพียงครั้งเดียวหลังจากชิงมาจากเถิงลี่ได้แม้ว่าเขาจะชำระล้างมันไม่สำเร็จแต่ก็ยังควบคุมมันได้บ้างถึงประสิทธิภาพจะไม่ได้มกามายนักตอนนี้เขาเพียงทำให้กระบี่เหินเข้าไปได้สามในห้าส่วนเท่านั้น

หวังหลินได้เรียนรู้เรื่องฝักกระบี่นี้หลายครั้งแม้กระทั่งซือถูหนานยังกล่าวว่าฝักกระบี่นี้ประหลาดมากและมีคุณค่ามากกว่ากระบี่เหินเล่มเล้กที่เขาใช้เลือดชำระล้างเสียอีก

สายตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะพึมพำกับตัวเอง “ซุนเฮ่าได้กล่าวว่าเขาพบกระบี่และฝักกระบี่นี้ในถ้ำโบราณและนอกจากอาจารย์ของเขา มีเพียงคนที่อยู่ขั้นแตกหน่อถึงจะชำระล้างมันได้ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถชำระล้างมันหากระดับต่ำกว่าขั้นแตกหน่อมันเป็นแค่เรื่องของเวลาและพลังปราณที่จะต้องใช้จำนวนมากเท่านั้นเมื่อถึงขั้นแตกหน่อไฟในแกนของคนผู้นั้นจะช่วยให้กระบวนการนี้สั้นลงอย่างมากน่าเสียดายที่วิชาเซียนชำระโลหิตสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์หนึ่งชิ้นเท่านั้นหากมันใช้ได้ทั้งสองในเวลาเดียวกันก็คงจะง่ายกว่านี้”

หวังหลินจ้องฝักกระบี่ตาไม่กระพริบการเพิ่มพลังของกระบี่เหินนั้นเขาต้องชำระล้างฝักกระบี่นี้อีกครั้งแม้ว่าเขาจะไม่มีแกนขั้นแตกหน่อ แต่เขายังมีแกนเย็นจากวิถีเซียนนรก

พลังปราณทั้งหมดในร่างหวังหลินถูกจัดการโดยแกนเย็นในร่างกายเขาหวังหลินทำความเข้าใจอยู่ไม่นานนักแต่ซือถูหนานได้บอกเขาครานึงว่าแกนเย็นนี้ห่างไกลจากแกนของจริงอยู่มากโขและเว้นแต่มันจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายแกนเย็นไม่ควรจะออกห่างจากร่างกายหากแกนเย็นออกห่างจากร่างกายช่วงเวลาหนึ่งมันจะกระจายตัวนั่นหมายความว่ามันอาจจะสร้างร่างเขาขึ้นมาอีกหนึ่งร่าง

ครั้งแรกที่เขาชำระล้างฝักกระบี่เป็นตอนที่เขาพึ่งเข้าสู่ขั้นสร้างลำต้นระดับแรกได้ตอนนี้เขาฝึกฝนวิถีเซียนนรก หากไม่กล่าวถึงคุณภาพพลังปราณที่เปลี่ยนไปแล้วพลังปราณของเขาเองได้เพิ่มขึ้นมามหาศาลตอนนี้เขาได้เข้ามาถึงจุดสูงสุดระดับแรกขั้นสร้างลำต้นและอีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงขั้นกลางดังนั้นมันคงงจะง่ายมากขึ้นเวลานี้

พอคิดได้เช่นนี้หวังหลินอ้าปากปล่อยพลังปราณหยินออกมาขณะที่พลังปราณหยินได้สัมผัสกับฝักกระบี่ม่านน้ำแข็งได้ปกคลุมฝักกระบี่นั้นทันที

หวังหลินชี้ด้วยนิ้วตัวเอง ฝักกระบี่ได้ลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างช้าๆขณะที่ปลายนิ้วได้ปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา มันดูสวยงามจับใจ

มือหวังหลินไม่หยุดขณะปล่อยลำแสงน้ำเงินออกมาหลายเส้นทุกครั้งที่แสงน้ำเงินสัมผัสกับฝักกระบี่มันก็สั่นสะท้านมือของหวังหลินเคลื่อนไหวค่อยๆเร็วขึ้นจนดูเหมือนมีสายลำแสงเชื่อมต่อกับมือหวังหลินกับฝักกระบี่ฝักกระบี่สั่นถี่ยิบอย่างรวดเร็ว

หยาดเหงื่อปรากฎบนหน้าผากหวังหลินแต่มันก็กลายเป็นน้ำแข็งและหล่นลงบนพื้นทันทีหวังหลินไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องนั้นขณะที่ยิงลำแสงสีฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเขาตบกระเป๋าอย่างรวดเร็วและดื่มน้ำพลังหยินก่อนที่ชำระล้างฝักกระบี่อย่างต่อเนื่อง

เวลาได้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าหลังจากฝักกระบี่สั่นอยู่เป็นเวลานานลำแสงรอบๆมันได้จางลงและหายไปอย่างช้าๆรูปทรงห้าเหลี่ยมได้ปรากฎขึ้นบนฝักกระบี่หลังจากหวังหลินเห็นลวดลายนี้เขาก็ผ่อนคลายเล็กน้อยเขาไม่ได้ยิงลำแสงออกมาแต่กลับควบคุมพลังปราณในร่างกายแทน ขณะคิดขึ้นได้ว่า “พลังฝึกตนของข้าแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนห้าเท่าซือถูหนานนได้บอกวิธีที่สามารถบังคับค่ายกลบนฝักกระบี่ให้ปรากฎขึ้นได้โดยใช้พลังปราณของข้าครั้งล่าสุดข้าได้ยิงลำแสงพลังปราณออกไปห้าพันครั้งก่อนที่ค่ายกลจะปรากฎแต่ข้าเหนื่อยที่จะทำต่อไป ครั้งนี้มันปรากฎขึ้นหลังจากลำแสงหนึ่งพันครั้งแม้ว่าพลังฝึกตนของข้าจะเพิ่มขึ้นมาก มันก็ยังไกลจากขั้นแตกหน่อซือถูหนานบอกว่าหากเป็นขั้นแตกหน่อเพียงลำแสงพลังปราณครั้งเดียวก็บังคับให้ค่ายกลปรากฎขึ้นแล้ว”

เขาสูดหายใจลึก มือขวาสร้างผนึกอันหนึ่งและชี้ไปที่หน้าท้องตัวเองกระเพาะหดตัวกลับขณะที่ใบหน้าเผยอาการเจ็บปวด มือขวาค่อยๆยกขึ้นจากหน้าท้องเขาอ้าปากออกมาขณะที่ลูกกลมสีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นเด็กลอยออกมาจากปาก

ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดหลังจากหายใจช้าๆสักพักเขาก็รีบชี้ไปที่แกนเย็นนั้นทันทีทันใดนั้นแกนเย็นได้ละลายกลายเป็นแอ่งน้ำสีฟ้าใบหน้าหวังหลินซีดมากกว่าเดิมจนไม่มีเส้นเลือดแต่ยิ่งเขาเคร่งเครียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งระมัดระวังขณะที่นำทางแกนเย็นที่ละลายไปแล้วเข้าหาฝักกระบี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!