Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 984

Cover Renegade Immortal 1

984. ฝันเหมือนเกิดใหม่

“น้องข้าไม่ได้หล่อนัก เจ้าน่าไม่รู้จักเขาหรอก” ซือถูหนานหัวเราะ ยื่นแขนเข้าหาเอวนางและบีบอย่างเหมาะมือ

นางไม่ได้ยืนนิ่งเฉยๆและกำลังจะต่อต้าน ทว่าซือถูหนานดึงนางเข้าสู่อ้อมอก เขาหัวเราะพลางเหาะเหินตรงเข้าหาดาวเทียนหยุน

“สาวน้อยไม่ต้องรีบเร่งนัก ข้าจัดเจ้าไปกี่ครั้งกันแล้ว? เจ้าบอกว่าเจ้ามีสาวๆในตำหนักชมพูหลายคน ไปดูกันเถอะว่าที่นั่นจะสวยงามตามที่เจ้าว่าไหม”

นางยิ้มพลางมองซือถูหนานด้วยดวงตายั่วยวน “ผู้อาวุโสจะต้องพึ่งพอใจจนไม่ลืมสาวๆที่ตำหนักชมพูแน่นอน”

หลังซือถูหนานได้ยินแบบนั้น หัวใจระริกระรี้และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความน่ารักจนตกตะลึงบนดาวเฟิ่งหลวน หากมีวันหนึ่งเขาสามารถปกครองดาวเฟิ่งหลวนได้ เขาและน้องชายหวังหลินคงจะกอดสาวงามได้แขนละข้าง นั่นคงเป็นความสุขในชีวิตที่สุด

‘น่าเสียดายที่หลินน้อยเป็นเศษไม้ เสียเวลาข้าสั่งสอนไปหลายร้อยปี’

ซือถูหนานกำลังเล่นอยู่รอบๆอย่างมีความสุข ส่วนดาววิญญาณวารีที่อยู่ห่างออกไปไกล ดวงตาขวาหวังหลินเรืองแสงสีฟ้า เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นกลับเข้าปิดด่านฝึกตน

ผู้คนใกล้เคียงทั้งหมดกระจัดกระจาย ความสงบกลับคืนสู่ดาววิญญาณวารี

มีหลายคนแทบนอนไม่หลับทั้งคืนและอีกหลายคนไม่อาจฝึกฝนต่อได้ สามพี่น้องเฉินเป็นแบบนั้น จ้าวสายลมหวนก็เช่นเดียวกัน รวมถึงสาวน้อยหลิงเอ๋อด้วย

นางไม่อาจลืมเลือนร่างที่สูงเสียดฟ้ายามที่ร่างนั้นนั่งขัดสมาธิลงมา นางไม่สามารถฝึกฝนต่อได้และนอนกลิ้งอยู่บนเตียง

‘ทำไมตอนที่ข้าเห็นร่างยักษ์นั่น ข้ารู้สึกเหมือนกำลังฝันถึงวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่? ราวกับในตอนนั้นข้าสัมผัสความนอบน้อมที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน’ หลิงเอ๋อไม่เข้าใจสิ่งใดเลย จนเมื่อฟ้าสว่างนางถึงได้หลับใหล

นางไม่ได้หลับนานแต่รู้สึกว่าผ่านประสบการณ์ทั้งชีวิตในความฝัน

ในความฝัน นางดูเหมือนจะเปลี่ยนกลายเป็นคนอื่นและสวมชุดประหลาด นางอยู่ในโลกที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคย ท้องฟ้าสีครามไปหมด เพียงพอจะทำให้ผู้คนพร่ามัว

นางยืนอยู่บนแท่นพิธีสูงตระหง่านเสียดเข้าไปในท้องฟ้า ด้านล่างมีบุรุษและสตรีหลายคนสวมชุดประหลาดยืนอยู่ พวกเขากำลังร่ายวิชาประหลาดเสียงดังสะท้อนไปทั้งโลก

นางยืดแขนออก มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเคารพนับถือ ราวกับนางถูกเรียกขานและสื่อสารกับท้องฟ้า

หลังผ่านไปสักพัก ก้อนเมฆและสายลมพัดผ่านมา ท้องฟ้าเปลี่ยนไป ก้อนเมฆปกคลุมท้องฟ้า ผู้คนเริ่มร่ายคาถาเสียงดังขึ้น ใบหน้าแต่ละคนเผยความตื่นเต้นและความเคารพยิ่งนัก

นางคุกเข่าอยู่บนแท่นพิธีอยู่ข้างเดียว ฝ่ามือถือขวดแนบหน้าอก ศีรษะมองไปขึ้นเผยร่างสมส่วนของตัวเอง ลำคอขาวละเอียด หลังจากทำท่าประหลาดนี้ ดูเหมือนจะมีเสียงออกมาจากลำคอ

ชั่วขณะนั้นก้อนเมฆในท้องฟ้าหมุนปั่นรุนแรง สองลำแสงอันทรงพลังค่อยๆแทงทะลุผ่านก้อนเมฆและร่อนลงมาบนพื้นดิน

ก้อนเมฆถูกหุ้มด้วยพลังประหลาดนั้นค่อยๆแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ทว่าในจังหวะนี้เองร่างยักษ์หนึ่งปรากฏตัวด้านหลังก้อนเมฆ

มันคือเทพโบราณ1

เผยร่างท่อนบนเพียงครึ่งส่วนคล้ายครอบครองฟ้าดิน ดวงดาวแปดดวงหมุนวนระหว่างคิ้วอย่างรวดเร็ว

ในจังหวะเทพโบราณตนนี้ปรากฏ ผู้คนทั้งหมดใต้แท่นพิธีเริ่มส่งเสียงและเผยสีหน้าตื่นเต้น

ความฝันพลันจบลงตรงนี้

หลิงเอ๋อลืมตาจ้องมองผนังด้านบน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางฝันแบบนี้แต่มันมักจะเกิดขึ้นเมื่อนางมีสติ

นี่คือความลับในใจนาง ไม่รู้ว่าทำไมจึงไม่ต้องการบอกเรื่องนี้แก่คนอื่น แม้กระทั่งในวันนี้ เพื่อนสนิทอย่างพี่จ้าวเฉว่ก็ยังไม่รู้เรื่อง แม้กระทั่งปู่ยี่เฉินก็ยังไม่รู้

เดิมทีหลิงเอ๋อคิดมาเสมอว่ามันเป็นแค่เรื่องในจินตนาการของตนเอง แม้นางจะเห็นมันหลายครั้ง แต่เมื่อเพ่งสติดูก็ไม่อาจเห็นได้ชัดเจน

ครั้งแรกที่นางเห็นมันชัดเจนคือคืนหลังจากเจอผู้อาวุโสหวัง แม้จะมีเหตุการณ์น่าตกตะลึงเกิดขึ้นภายนอก นางก็ไม่ได้ตื่นจากความฝัน

ในความฝันคืนนั้นในที่สุดก็ได้เห็นทุกสิ่งอย่าง

แม้จะพบว่ามันประหลาดไปเล็กน้อย ทำไมนางถึงรู้สึกคุ้นเคยตอนที่เจอผู้อาวุโสหวังหลิน? นางรู้สึกว่ามันประหลาดยิ่ง

ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้ใส่ใจในเวลานั้นมากนัก อีกทั้งในใจนางยังคิดว่าทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้แตกสลายหลังจากคืนนี้!

นางเห็นร่างมหึมาในท้องฟ้า แม้จะไม่เหมือนกันกับในความฝัน ดวงดาวตรงระหว่างคิ้วและความรู้สึกเสียดแทงหัวใจนางเป็นสิ่งเดียวกัน!

นางไม่เคยคิดว่ายักษ์ในความฝันนั่นจะมีตัวตนอยู่จริงๆ! ทำให้จิตใจตกอยู่ในความยุ่งเหยิงที่สุด

พอถึงตอนเช้า เสียงเคาะประตูดังขึ้นแผ่วเบา เมื่อพบว่าไม่มีการตอบสนองอยู่พักใหญ่ จ้าวเฉว่ซึ่งอยู่ข้างนอกจึงประหลาดใจ นางไม่ได้แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาแต่ผลักประตูเปิดเข้าไปจนพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน

“ท้องฟ้าพึ่งสว่าง นางไปไหนกันนะ?” จ้าวเฉว่ขมวดคิ้ว จากนั้นหันกลับและเดินจากไป

หวังหลินนั่งอยู่ในตำหนักตลอดทั้งคืน แสงสีฟ้าในแววตาค่อยๆสงบลงจนคนภายนอกไม่สามารถเห็นความผิดปกติได้

‘มันต้องใช้พลังดั้งเดิมมากเกินไปเพื่อกระตุ้นวิชาช่วยชีวิตของเทพโบราณ การดูดซับผ่านการต่อสู้ถือว่าไม่เพียงพอ…’ หวังหลินขบคิดและวางแผนเอาไว้

หลังจากฝึกฝนอยู่ชั่วครู่ หวังหลินตบกระเป๋า ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาร่อนลงบนฝ่ามือ แสงค่อยๆหายไปเผยเป็นมงกุฎสง่างาม!

มงกุฎนี้มีร่องรอยเงาสีแดงเผยความเย่อเหยิ่งอย่างที่สุด! รอบเงาสีแดงคือเส้นสีทองล้อมรอบเป็นวงกลม หากมองใกล้ๆจะเห็นได้ว่าเส้นีทองนั้นคือวิญญาณมังกรทองที่หดเล็กลงไปมากแล้ว!

เส้นสีทองล้อมรอบเงาสีแดงราวกับมันหวาดกลัวและเคลื่อนไปพร้อมกับเงา

หวังหลินจ้องมองมงกุฎ ร่างเงาสีแดงจากในอดีตนั่นค่อยๆปรากฏขึ้นผ่านสายตา

‘ผีเสื้อสีชาด…’

ตอนที่นางตาย นางให้หวังหลินพากลับไปบ้านเกิด ตรงนั้นหวังหลินพบกับกุหลาบสีฟ้าและปลดปล่อยความหยิ่งผยองเช่นเดียวกับผีเสื้อสีชาด

หลังจากนั้นหวังหลินก็ได้รับมงกุฎมา ทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง ตอนแรกหวังหลินไม่รู้ว่ามงกุฎทำอะไรได้และรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่แตกต่างอยู่ข้างใน แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่แตกต่างนั้นคืออะไร

จนกระทั่งตอนที่อยู่ในมิติว่าง มังกรทองใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองและกลายเป็นรูปทรงมงกุฎ หวังหลินเข้าใจสิ่งเดียวและนำมงกุฎของจริงออกมา

ฉากเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นสิ่งที่หวังหลินยังไม่อาจลืมเลือน ร่างสีแดงปรากฏขึ้นคล้ายกับผีเสื้อสีชาด แม้กระทั่งกลิ่นอายโดดเดี่ยวยังเหมือนกัน

หวังหลินเอ่ยเสียงเบา “ผีเสื้อสีชาด นั่นเจ้าใช่ไหม…”

ผีเสื้อสีชาดเป็นคนแรกที่หวังหลินชื่นชมในชีวิต ยากที่จะลืมความโอหังของอัจฉริยะแห่งแคว้นเฉว่ยี่ไปได้ เป็นคนที่แม้กระทั่งแคว้นซูซาคุยังต้องแหกกฏตัวเองให้ พวกเขารับนางเป็นศิษย์และยกระดับแคว้นเฉว่ยี่ กระทั่งยอมให้เฉวี่ยี่เริ่มสงครามระหว่างสองแคว้นจนลากเหล่าคนธรรมดาเช่นต้าหนิวมาเกี่ยวข้องด้วย!

หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้นมา เงาสีแดงข้างในมงกุฎก็สั่นสะท้าน ทว่ามันไม่ได้ตอบสนอง มันค่อยๆหายไปราวกับกำลังหลีกเลี่ยงเขา

หวังหลินถอหายใจและมองมงกุฎอย่างละเอียดก่อนจะเก็บกลับไป ดวงตาส่องสว่างและเผยสีหน้าเคร่งขรึม

‘หากข้าสามารถปรับแต่งและควบคุมของชิ้นถัดไปได้ ข้าจะยิ่งมั่นใจมากขึ้นในการเดินทางไปดินแดนวิญญาณปิศาจ’ หวังหลินสูดหายใจลึกและตบกระเป๋า ศพหญิงสาวเรืองแสงสีเงินปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน

ในระหว่างการต่อสู้ของฝ่ายทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียน ฝ่ายพันธมิตรเซียนนำร่างศพออกมาและสตรีคนนี้คือหนึ่งในสามที่ทรงพลังที่สุด หลังจากนางได้รับบาดเจ็บหวังหลินก็จัดการขโมยนางมาได้

นางสวมชุดราตรีสีเงินเผยส่วนเว้าโค้งงดงาม หากนางมีชีวิตคงเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ยิ่ง ทว่าตอนนี้ใบหน้านางขาวซีด พลังหยินน่าหวาดกลัวระเบิดออกมาจากร่างกายและเต็มไปทั่วห้อง

บนร่างนางยังมีโซ่ตรวนสองเส้น หนึ่งนั้นล๊อคไว้กับกระดูกต้นแขนและอีกหนึ่งอยู่ที่กระดูกเชิงกราน(เอว) โซ่ตรวนนี้มีสีม่วงดำและส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง หากคนธรรมดาได้กลิ่นคงตายทันที

แม้กระทั่งเซียนที่ระดับบ่มเพาะไม่สูงพอก็จะตายเพราะได้รับพิษ หากสูดเข้าไปเพียงลมหายใจเดียงก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส หากสูดไปหลายครั้งก็จะตาย

‘หากข้าสามารถควบคุมร่างศพนี้ได้ ข้าก็จะได้พลังอำนาจของเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นอีกคน!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น ตอนนั้นเขาเสี่ยงไปขโมยมา ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว

ขณะที่เขากำลังตรวจสอบมัน สีหน้าพลันเปลี่ยนไป จากนั้นโบกแขนขวาเก็บร่างศพกลับเข้าไปในประเป๋า พลังหยินและพิษในห้องสลายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน น้ำเสียงหญิงสาวแฝงความลังเลดังออกมาจากนอกตำหนัก

“หวัง…ผู้อาวุโสหวัง ข้าหลิงเอ๋อ”

ตอนนี้เป็นช่วงรุ่งสางแต่สายลมค่ำคืนยังคงพัดไหว บนดาววิญญาณวารี สายลมนั้นหนาวเย็นและถึงแม้นางจะไม่สัมผัสมากนักจากระดับบ่มเพาะ นางก็ยังรู้สึกหนาวมาก

นางเอียงอายมองร่างใหญ่ยักษ์นั่งอยู่บนพื้นเบื้องหน้า จำได้ว่าร่างใหญ่ตนนี้ติดตามหลังหวังหลินมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เมื่อมาจ้องนางด้วยสายตาเย็นเฉียบ นางจึงหวาดกลัว

นางกัดรมฝีปากและเอ่ยเบาๆ “ข้า…ข้าอยากเจอผู้อาวุโสหวัง ท่าน…ท่านให้ข้าเข้าไปได้ไหม?”

ต้าซานไม่ได้พูดอะไรและมองนางเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น หากนางก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว เขาจะโจมตีทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!