Skip to content

King of Gods 55

King Of Gods

บทที่ 55 : คณะกว่านจวิน คำเชิญจากสาวงาม

ท่าไม้ตายที่แท้จริง?

คำกล่าวของจ้าวหลินหลงสร้างความตื่นตะลึงให้ผู้อื่น จ้าวเฟิงเชื่อมโยงความเยือกเย็นนั้นไปยังหอตำราชั้นสาม วันนั้นเขาเห็นจ้าวหลินหลงเข้าไปยังชั้นสาม ทว่าในงานชุมนุม จ้าวหลินหลงกลับใช้เพียงดรรชนีเมฆนภา หากเขามีท่าไม้ตายที่แท้จริง เหตุใดจึงไม่ใช้มันเล่า?

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจ้าวเฟิง คำอธิบายเดียวนั้นคือสิ่งที่จ้าวหลินหลงได้รับจากชั้นสามนั้นยังไม่ถูกย่อยจนหมด

ใต้ต้นไม้ต้นเดิม

ร่างในชุดสีเงินทั้งสองมองเห็นการกระทำทั้งหมด

“จำไว้ ทั้งตระกูลซินและตระกูลจ้าวต่างมียอดอัจฉริยะ บัดนี้นำมันไปรายงานแก่นายท่านของเรา…” หนึ่งในร่างนั้นเอ่ย

ฟุ่บ!

ร่างสีเงินทั้งสองได้หลอมรวมเข้ากับความมืดยามราตรี

“นั่นใคร!?”

ทั้งสองเพียงเคลื่อนกายไปได้ราวๆ 200 เมตรก่อนที่เสียงแหบชราทรงพลังจะดังก้อง

ปึก!

ผู้อาวุโสชุดเทากระโดดลงบนพื้น ดวงตาจับจ้องไปยังบุคคลลึกลับทั้งสอง

“ฮี่ฮี่ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าข้าจะพบจอมยุทธ์ขั้นเจ็ด! หมายเลขสิบเจ็ด เจ้าสามารถไปฝึกอมกับเขาได้” หนึ่งในร่างสีเงินหัวเราะเสียงแผ่วขณะที่จากไป

“ฮึ่ม! ผู้ใดกล้ารุกรานพื้นที่สำคัญของตระกูลชิว!?” ดวงตาของชายชราชุดเทาคมกริบขณะที่ส่งฝ่ามือออกไป

เปรี้ยง!

แสงสีเขียวตัดผ่านอากาศด้วยเสียงราวฟ้าผ่า ภายใต้แรงกดดันนั้น ทั้งต้นไม้และก้อนหินต่างแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

พลังปราณได้โจมตีผ่านอากาศเป็นระยะทางยาว!

นี่คือสัญลักษณ์ของจอมยุทธ์ พลังของฝ่ามือนั้นสามารถบดขยี้ผู้ฝึกตนขั้นสี่หรือห้าได้ผ่านอากาศ

“เป็นกลที่อ่อนด้อยเหลือเกิน!”

ร่างในชุดสีเงินที่เหลืออยู่ยกมือขึ้นหนึ่งข้างและค่อยๆ ชี้นิ้วไปยังแสงสว่างนั้น

ฟุ่บ

พลังภายในสีดำสนิทถูกปลดปล่อยออกราวกับหอก มันทะลุผ่านการโจมตีของชายชราไป

ในเสี้ยววินาทีต่อมา

ร่างทั้งสองได้เข้าปะทะกันด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า ผู้ฝึกตนในขั้นหกไม่อาจแม้แต่จะตอบสนองได้

เปรี้ยง!

หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณที่พวกเขาต่อสู้กัน สร้างหมอกฝุ่นขึ้นทั่วบริเวณ พลังจากคนทั้งสองนั้นเทียบเท่าได้กับสัตว์ปีศาจระดับสูง

พรวด!

ชายชรากระอักเลือดคำโต หน้าซีดเซียว

“เจ้าเป็นใคร!? เจ้าไม่กลัวที่จะโดนไล่ล่าโดยตระกูลชิวรึ?”

อย่างไรก็ตาม ตระกูลชิวนั้นนับเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองประกายอรุณ มันมีอำนาจอย่างมากในบรรดากองกำลังทั้งหมดในรัศมีพันไมล์ของเมืองประกายอรุณ

“ตระกูลชิว? เพียงแค่ความคิดเดียวของนายท่านข้าสามารถทำลายตระกูลพรรคเช่นพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย” ร่างสีเงินหัวเราะในใจก่อนจะหลอมรวมเข้ากับความมืดและหายไปเช่นเดียวกับร่างในชุดเงินอีกคน

“สองคนนั้นมาจากที่ใดกัน? พวกเขาดูเหมือนจะใส่… ไม่ดีแล้ว! หรือพวกเขาจะมาจากกองกำลังกว่านจวินในข่าวลือนั่น…?” ผู้อาวุโสสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

กองกำลังกว่านจวิน!

คำคำนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุก เมืองประกายอรุณนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ในจักรวรรดิเมฆา และตระกูลชิวเองก็เป็นเพียงหนึ่งในกองกำลังของเมืองเล็กๆ นั่น

เมืองประกายอรุณนั้นเป็นหนึ่งในสิบสองเมืองเล็กภายใต้การปกครองของแคว้นกว่านลู่ กองกำลังกว่านจวินนั้นเป็นกองทัพแนวหน้าแห่งแคว้นกว่านลู่ ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น กองกำลังกว่านจวินนับเป็นเพียงตำนานที่ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่ามีอยู่จริง

แน่นอนว่ากองกำลังกว่านจวินนั้นมีสิบแปดองครักษ์ และทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับจอมยุทธ์

“ดูเหมือนว่ากองกำลังกว่านจวินจะมาเพื่อสังเกตการณ์งานชุมนุมอัจฉริยะ แต่เพื่ออันใดกัน? หรือจะเป็นเพราะคำสั่งของ ‘ท่านผู้นั้น’ ?”

ผู้อาวุโสชุดเทาไม่มั่นใจเพราะเขารู้ว่ากองกำลังกว่านจวินนั้นมีเพื่อสิ่งใด การทำลายตระกูลพรรคเช่นตระกูลชิวนั้นง่ายดายราวกับบี้มด

งานชุมนุมจบลงแล้ว

เหล่าเด็กหนุ่มสาวต่างจากไปเป้นกลุ่ม 3-5 คน เด็กหนุ่มสาวตระกูลจ้าวทั้งเจ็ดเดินลงเขาไปด้วยความเงียบงัน ในระหว่างทางนั้น ใบหน้าของจ้าวหลินหลงหมืนหม่นยิ่งนักและไม่มีผู้ใดกล้าก่อกวนให้เขาหงุดหงิดไปมากกว่านี้

ทว่าจ้าวเฟิงนั้นหาได้ใส่ใจเมื่อเขากำลังให้ความสนใจกับที่อื่นอยู่ ดวงตาซ้ายของเขาเพิ่งจะเห็นภาพการปะทะในชั่วหนึ่งลมหายใจที่ห่างออกไปหลายไมล์ มันเป็นการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังกว่านจวินและผู้อาวุโสตระกูลชิว

ผู้อาวุโสจากตระกูลชิวนั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้นเจ็ด ทุกๆ กระบวนท่าสามารถจู่โจมผ่านอากาศได้ พลังของกระบวนท่าเหล่านั้นสามารถฆ่าเหล่าผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าขั้นเจ็ดได้นับร้อยในเสี้ยวพริบตา

“นั่นคือพลังของจอมยุทธ์? หากพวกเขาแข็งแกร่งเพียงนั้นในขั้นเจ็ด เช่นนั้นข้าก็สงสัยนักว่าผู้ฝึกตนขั้นแปดและเก้าจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน…”

เพียงแค่ยามที่พวกเขาจะออกจากเขา ศิษย์ตระกูลชิวจำนวนหนึ่งก็ได้หยุดพวกเขาไว้ หน้าสุดเป็นเด็กสาวที่อายุราวๆ เดียวกับพวกเขา

“นายน้อยจ้าวเฟิง โปรดหยุดก่อน” เด็กสาวเอ่ย

หืม?

จ้าวเฟิงมองไปยังศิษย์ตระกูลชิวด้วยสายตาแปลกประหลาด

“นายหญิงของเราต้องการพบท่าน”

นายหญิงของพวกเจ้า?

จ้าวเฟิงรู้สึกงุนงงเล็กๆ

“นายหญิงของเราเป็นผู้จัดงานชุมนุมครั้งนี้ ชิวเมิงหยู” เด็กสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

ชิวเมิงหยู?

สตรีที่งดงามที่สุดแห่งเมืองประกายอรุณ?

เด็กหนุ่มผู้อื่นล้วนตื่นตะลึงขณะที่สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นความอิจฉาประการหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้มากพรสวรรค์บางคนใช้วิธีนับร้อยพันเพื่อที่จะพบนาง ทว่ากลับไม่มีคนใดเลยที่ได้รับการเชื้อเชิญไปเป็นการส่วนตัวเช่นจ้าวเฟิง นี่มันสถานะอันใดกัน?

ชิวเมิงหยูไม่ใช่เพียงอัจฉริยะจากตระกูลชิวหรือสตรีที่งดงามที่สุดแห่งเมืองประกายอรุณ นางยังเป็นว่าที่หัวหน้าตระกูลคนต่อไปของตระกูลชิวอีกด้วย

“แน่นอน” จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผงกศีรษะของเขา

อย่างไรก็ตาม ชิวเมิงหยูก็เป็นผู้จัดงานชุมนุม และเขาต้องรักษาหน้านาง

“โปรดตามข้ามา” ข้ารับใช้คำนับก่อนจะนำทางเด็กหนุ่มไป

“หึ!” ริมฝีปากของจ้าวหยูเฟ่ยกระตุกขณะที่นางจ้องมองร่างที่จากไปของจ้าวเฟิง

“เป็นไปได้หรือไม่ที่ชิวเมิงหยูจะชมชอบจ้าวเฟิง?” จ้าวชิรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ

มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้คิดเช่นนั้น ครานี้จ้าวเฟิงได้สร้างความตื่นตะลึงให้ทุกคนเมื่อเขาได้รับอันดับหนึ่งร่วมกับซินหวู่เฮิง และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือจ้าวเฟิงนั้นเด็กกว่า ทว่าความสามารถของเขานั้นสูงกว่า

ชิวเมิงหยูอาจเห็นความสามารถนั้นและพยายามที่จะชักจูงเขาให้ไปอยู่ฝ่ายนาง

“เขากล้ารึ!” จ้าวหลินหลงหัวเราะเสียงเย็น

ทุกคนล้วนรู้ว่าตระกูลชิวและตระกูลจ้าวนั้นเป็นศัตรูกัน หากจ้าวเฟิงเข้าข้างตระกูลชิว มันย่อมไม่ใช่เพียงแค่การทรยศเป็นแน่

จ้าวเฟิงเดินตามหลังข้ารับใช้และกลับไปยังสถานที่จัดงานชุมนุมอีกครั้ง

“เชิญเจ้าค่ะ” เด็กสาวนำทางเด็กหนุ่มไปยังบ้านไม้ไผ่ที่งดงามแต่ก็ธรรมดาในคราเดียวกัน

ไม่ช้าสายตาของเขาก็ปรากฏร่างดงามขึ้น เพียงแค่รูปลักษณ์ของนางก็สามารถทำให้หัวใจของผู้คนเต้นเร็วขึ้นได้ ชิวเมิงหยูนั้นราวกับผลไม้เกือบทุก ในขณะที่จ้าวหยูเฟ่ยนั้นคือดอกตูม

เมื่อเผชิญหน้ากับสตรีที่งดงามที่สุดแห่งเมืองประกายอรุณ จ้าวเฟิงก็จ้องมองค้างไปอยู่ชั่วครู่ก่อนที่หัวใจของเขาจะกลับมาสงบราบเรียบราวผิวน้ำเช่นเดิม ในฐานะของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ นับว่าไม่ปรากฏที่ใดมาก่อนเมื่อกระทั่งผู้ใหญ่บางคนยังไม่อาจต่อต้านความงดงามของหญิงสาวผู้นี้ได้

ชิวเมิงหยูถอดถอนใจอยู่ภายในใจ เขานั้นเด็กเกินไป และไม่เพียงแค่แข็งแกร่ง กระทั่งความสามารถในการต่อต้านของเขาก็น่าเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน

“โปรดนั่ง”

ชิวเมิงหยูเดินตรงไปยังเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม ในบัดนั้นทั้งสองห่างกันเพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น

เด็กหนุ่มได้กลิ่นแสนอบอุ่นของอีกฝ่ายได้อย่าชัดเจน บุรุษปกติอาจพบว่ามันยากยิ่งนักในการควบคุมตนเอง นอกจากนั้น การที่หญิงสาวเป็นฝ่ายรินชาให้เขาด้วยตนเองก็ยิ่งทำให้นางงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

จ้าวเฟิงรับถ้วยชาด้วยท่าทางธรรมดา และเขาก็ได้สัมผัสนิ้วมือของอีกฝ่ายเช่นที่คาด มันเป็นความฝันของเด็กหนุ่มผู้อื่นเพื่อที่จะได้เคียงข้างสตรีผู้นี้ ทว่าใบหน้าของจ้าวเฟิงก็ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

ความจริงแล้ว หากเขาต้องการที่จะย่นระยะระหว่างพวกเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดเมื่อเขาสามารถมองเห็นนางได้ด้วยดวงตาซ้ายห่างออกไปหลายไมล์

หากจ้าวเฟิงต้องการ เขาทำได้กระทั่งมองผ่านสิ่งของ แน่นอนว่าชิวเมิงหยูย่อมไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ หรือมิเช่นนั้นนางคงพยายามหลีกเลี่ยงเขาแทนที่จะเชิญเขามายังที่นี่

“ชื่อเสียงของนายน้อยจ้าวเฟิงย่อมกระจายไปทั่วเมืองประกายอรุณในไม่ช้า…” เสียงของชิวเมิงหยูนั้นนุ่มนวลราวสายฝน

จ้าวเฟิงตอบคำถามนางสองสามคำอย่างสุภาพ ทว่าเขากลับครุ่นคิดอยู่ในใจ เหตุใดชิวเมิงหยูต้องการที่จะพบเขากัน?

เขายังเด็ก ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่เข้าใจถึงความต่างระหว่างบุรุษและสตรีนัก ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ตกหลุมของรอยยิ้มอีกฝ่าย

ดวงตาซ้ายของเขาก็ยังช่วยทำให้เขาเยือกเย็นและสามารถยับยั้งความต้องการของตนได้ การสนทนาของพวกเขาจึงถูกจำกัดอยู่ที่ชิวเมิงหยูเป็นฝ่ายถาม และจ้าวเฟิงเป็นฝ่ายตอบ

เด็กหนุ่มทำตัวราวกับท่อนไม้ ชิวเมิงหยูรู้สึกสงสัยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่านางนั้นดึงดูดไม่พอหรือว่าอีกฝ่ายเด็กเกินไป การปฏิบัติตนของอีกฝ่ายทำให้แผนสาวงามของนางล่ม

“นายน้อยจ้าว ท่านมีความสนใจจะเข้าร่วมตระกูลชิวหรือไม่? ตระกูลชิวนั้นสามารถตอบสนองความต้องการท่านได้ทุกอย่าง ทั้งวิชา เงินตรา หรือกระทั่งสตรี…” ขณะที่นางเอ่ยนั้น เรือนร่างราวเทพเซียนของหญิงสาวไปขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่ม

จ้าวเฟิงพลันตื่นตัวขึ้นและถอยสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาในทันที เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่เขาจึงตระหนักได้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายในที่สุด ใบหน้าของหญิงสาวแดงซ่าน นางรู้สึกจนใจต่อเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องราคะเช่นอีกฝ่าย

“ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของท่าน ทว่าหนทางของข้านั้นไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในเมืองประกายอรุณ” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงลึกล้ำขณะที่ยืนขึ้นช้าๆ

หนทางของเขาไม่ได้จำกัดเพียงในเมืองประกายอรุณ! หัวใจของชิวเมิงหยูสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่มองร่างที่จากไปของอีกฝ่าย ในสายตาของนางนั้น เด็กหนุ่มผู้นั้นดูน่าดึงดูดขึ้นไปอีก…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!