บทที่ 56 : กำแพงเหล็กหวนกลับ
ชิวเมิงหยูส่งจ้าวเฟิงกลับด้วยสายตาก่อนจะจมลงในห้วงความคิด ในฉากหน้านั้นจ้าวเฟิงดูเหมือนเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปี ทว่าความเย็นชา ความเยือกเย็น และความเข้าใจที่สะท้อนออกมาทางแววตานั้นราวกับไม่ใช่มนุษย์ กระทั่งตัวจ้าวเฟิงเองก็ไม่ได้ตระหนักว่าโลหิตรวมทั้งท่าทางของเขานั้นได้เปลี่ยนไปจากการหลอมรวมเข้ากับดวงตานั้น…
ปึก!
เด็กหนุ่มในชุดบัณฑิตกระโดดลงเบื้องหน้าชิงเมิงหยู เขาคือชิวชางอี้!
“เมิงหยู มิใช่เด็กนั่นจากไปเร็วไปหน่อยหรือ? สตรีที่งดงามที่สุดแห่งเมืองประกายอรุณล้มเหลว?” ชิวชางอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กกๆ
“ข้าพลาด… เขาดูไม่เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป” หญิงสาวสั่นศีรษะ
ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบชราก็ดังขึ้น
“อย่าได้กังวลไปเมิงหยู ข้าเองก็มิได้คาดว่ามันจะได้ผล”
ชายชราในชุดสีเทาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง
“ผู้อาวุโส” ทั้งสองทำความเคารพชายชราในทันที
งานชุมนุมย่อมมีผู้อาวุโสคอยดูแลและคนผู้นั้นคือชายชราผู้นี้ ไม่นานมานี้เขาได้ต่อสู้กับกองกำลังกว่านจวินลึกลับ ดังนั้นแล้วใบหน้าของเขาจึงค่อนข้างซีดเซียวเล็กๆ
“เมิงหยู เจ้าได้ถ่วงเวลาเขาถึงครึ่งก้านธูป แผนการที่สองได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว” ความต้องการฆ่าปรากฏขึ้นในแววตาของชายชรา
“ท่านจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?” ใบหน้าของชิวเมิงหยูปรากฏความไม่เต็มใจ
“ความสามารถของเขามากมายเกินไป เมื่อตระกูลจ้าวแข็งแกร่ง ตระกูลชิวย่อมถูกทำลาย” ชายชราเอ่ย
“แต่ท่านผู้อาวุโส! หากจ้าวเฟิงตาย ตระกูลจ้าวอาจเชื่อมโยงมันมายังตระกูลชิว” ชิวชางอี้ค่อนข้างลังเล
“ฮี่ฮี่ การตายของอัจฉริยะนั้นไร้ค่า นอกจากนั้นเขายังมาจากตระกูลสาขา แผนการของพวกเรานั้นสมบูรณ์แบบ จ้าวเฟิงจะไม่ตายตกใกล้อาณาเขตของตระกูลชิว…” รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโส
ฟุ่บ!
เมื่อเอ่ยจบ ร่างของเขาก็หายไปกับความมืดมิดยามราตรี ความเร็วของเขานั้นกระทั่งเร็วกว่าชิวชางอี้กว่าสองเท่า
“โชคร้ายอันใดเช่นนี้” ชิวเมิงหยูและชิวชางอี้มองหน้ากัน นัยน์ตาของทั้งสองปรากฏร่องรอยความสงสาร
จ้าวเฟิงเดินลงจากเขาด้วยตนเองอีกครั้ง ครานี้งานชุมนุมได้จบลงแล้ว ดังนั้นจึงมีคนไม่มากในระหว่างทาง เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงได้มีความรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจ้องมอง จิตสังหารทำให้ดวงตาซ้ายของเขากระตุก
หืม?
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาซ้ายของเขาออกอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นแสงสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ภายใต้ความมืดมิดมันยิ่งงดงามขึ้นไปอีก เขาเข้าสู่สถานะสุดยอดการมองเห็นอีกครั้ง ค่ำคืนสีหมึกนั้นสว่างราวกับกลางวันในสายตาของเขา เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ภายในระยะสิบไมล์ หากเป็นยามกลางวัน ระยะทางจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสองเท่า
ความรู้สึกของประสาทสัมผัสแสนเยี่ยมยอดนี้ทำให้เขามั่นใจและเยือกเย็น
ฟุ่บ!
ภายใต้การกวาดตามองนั้น จ้าวเฟิงพลันเห็นร่างหนึ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในระยะสองสามร้อยเมตร ร่างนั้นสวมใส่ชุดสีเทาและพรางกายไปกับต้นไม้ คนธรรมดาย่อมไม่อาจรับรู้ได้ถึงเขาโดยสิ้นเชิง ทว่าดวงตาของเด็กหนุ่มกลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด
นั่นเขา!
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก! เขาเห็นผู้อาวุโสชุดเทาคนนี้มาก่อน ชายชราเป็นผู้ที่สู้กับร่างลึกลับในชุดสีเงินก่อนหน้า
“ไม่ดีแล้ว! คนผู้นี้อาจเป็นผู้อาวุโสตระกูลชิว และเขาอาจจะต้องการฆ่าข้า!” สมองของเด็กหนุ่มหมุนเร็วจี๋
ความสามารถของเขานั้นโดดเด่นเกินไป ดังนั้นแล้วแม้กระทั่งเหล่าระดับสูงของตระกูลชิวยังเริ่มจะสังเกตเห็นเขา
“โชคดีที่ข้าซ่อนระดับฝึกตนที่แท้จริงไว้”
จ้าวเฟิงแสร้งทำเป็นไม่เห็นสิ่งใดและใช้ความเร็วปกติในการกลับไปยังตระกูลจ้าว บัดนี้เขาเข้าใกล้อาณาเขตของตระกูลจ้าวเข้าไปทุกที เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกประหลาด เหตุใดอีกฝ่ายจึงไม่โจมตีเขากัน?
เขาเข้าสู่สถานะสุดยอดการมองเห็นอีกครั้งและกวาดตามองสำรวจโดยรอบ ที่ชายขอบอาณาเขตในอีก 6-7 ไมล์นั้นจะเข้าสู่อาณาเขตของตระกูลจ้าว จ้าวเฟิงรู้ว่านั่นเป็นจุดสุดท้ายและจุดเดียวที่พวกเขาจะโจมตี
เหตุใดพวกเขาจึงได้โจมตีใกล้ๆ อาณาเขตของตระกูลจ้าว?
สมองของจ้าวเฟิงหมุนก่อนจะได้คำตอบในทันที
หากเด็กหนุ่มตายใกล้สถานที่จัดงานชุมนุม มันย่อมสร้างความสงสัยให้กับตระกูลจ้าวและพวกเขาย่อมเอาความกับตระกูลชิวเมื่อสถานที่นั้นอยู่ในแดนของตระกูลชิว แผนของตระกูลชิวคือการปล่อยให้จ้าวเฟิงตายในอาณาเขตของตระกูลจ้าวเอง เมื่อเป็นเช่นนั้นพรรคจ้าวย่อมไม่อาจยืนยันและไม่มีหลักฐานในการเอาความผู้อื่น
เป็นแผนที่ฉลาดอันใดเช่นนี้!
จ้าวเฟิงพลันโคจรพลังภายในของเขาและพุ่งตรงไปยังประตูหน้าของตระกูลจ้าว
“ข้าเพียงแค่ต้องเข้าไปยังพื้นที่ใกล้ๆ ตระกูลจ้าว ตรงนั้นมีทหารยามจำนวนมากและตระกูลชิวย่อมไม่มีความกล้าในการฆ่าพวกเขา…”
จ้าวเฟิงตัดสินใจในที่สุด เมื่อคิดถึงตอนนี้ความเร็วของเขาก็ยิ่งรวดเร็วขึ้นไปอีก
“ไอ้เด็กเหลือขอนั่นซ่อนพลังฝึกตนที่แท้จริงเอาไว้! ความเร็วของเขากระทั่งมากกว่าชิวชางอี้…” ความเร็วของผู้อาวุโสชุดเทาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หกไมล์… ห้าไมล์… สี่ไมล์…
จ้าวเฟิงเข้าใกล้ประตูหน้าเข้าไปทุกที
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
ทันใดนั้น ร่างสองร่างก็ออกจากประตูหน้าของพรรคจ้าว จากชุดที่พวกเขาสวมใส่ดูเหมือนจะมาจากพรรคจ้าว สำหรับจ้าวเฟิงนั้นนี่นับเป็นข่าวดีเพราะผู้ที่ไล่ล่าเขามาย่อมต้องกังวลกับสองคนเบื้องหน้า ดวงตาซ้ายของเขากวาดมองใบหน้าของทั้งสอง ทั้งสองล้วนอยู่ในวัยกลางคนและพลังฝึกตนของพวกเขาอยู่ในระดับขั้นหก
ใบหน้าของหนึ่งในนั้นมีความคุ้นเคยอย่างยิ่ง
“นั่นเขา! จ้าวเทียนเจี้ยน…”
จ้าวเฟิงประหลาดใจ หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นหกนั้นคือบิดาของจ้าวยี่จาง จ้าวเทียนเจี้ยน! จ้าวเทียนเจี้ยนและอีกคนมุ่งตรงมาหาเด็กหนุ่มด้วยท่าทางสบายๆ จ้าวเฟิงพลันรู้สึกไม่สบายใจ หากเป็นผู้อื่นที่มาเขาย่อมไม่รู้สึกผิดสังเกต แต่หากหนึ่งในนั้นคือจ้าวเทียนเจี้ยน มันย่อมทำให้เขาตื่นตัวขึ้นในทันที
“หยุดมัน! จากนั้นฆ่ามันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!” จ้าวเทียนเจี้ยนเอ่ยกับนักรบขั้นหกอีกคน
เพราะว่ามันเป็นยามราตรีและยังคงมีระยะทางอีกเล็กน้อยระหว่างพวกเขา จ้าวเทียนเจี้ยนจึงยังไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มได้มองเห็นใบหน้าของเขาแล้ว
ฟุ่บ!
ความเร็วของผู้ที่ไล่ล่ามาเบื้องหลังพลันเพิ่มขึ้นขณะที่ทั้งสองกลุ่มได้เข้ามาจากทั้งสองฝั่ง จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่มาจากผู้อาวุโสด้านหลัง เขาไม่ได้หวาดกลัวจ้าวเทียนเจี้ยนและอีกคน แต่เขาไม่ไว้ใจผู้อาวุโสตระกูลชิวจากด้านหลังยิ่งนัก ผู้อาวุโสของตระกูลชิวนั้นได้เข้าสู่ขั้นเจ็ดแห่งหนทางผู้ฝึกตน เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนอีกต่อไป เขาเป็นจอมยุทธ์!
นภาลอยล่อง!
ความเร็วของเด็กหนุ่มพลันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ความเร็วอันใดกัน!
สีหน้าของจ้าวเทียนเจี้ยนและอีกคนแปรเปลี่ยนไป ทั้งสองแยกตัวออกในทิศทางที่ต่างกันเพื่อขวางทางของเด็กหนุ่ม หากพวกเขาไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว ตัวตนของพวกเขาย่อมถูกเปิดเผย
หากปลาไม่ตาย ก็ย่อมเป็นเพราะแหนั้นขาด! (มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องตาย)
ฆ่า!
คนจากตระกูลจ้าวทั้งสองโจมตีจ้าวเฟิงในเวลาเดียวกัน
คมดาบเหมันต์!
ดาบของจ้าวเทียนเจี้ยนพลันกลายเป็นประกายแสงเย็นเยียบ จ้าวเฟิงย่อมรู้ว่าความแข็งแกร่งของคมดาบเหมันต์นั้นมากมายขนาดไหนเมื่อเขาได้ประลองกับจ้าวยี่จางที่ใช้วิชาเดียวกันนี้มาก่อน ทว่าครานี้ คมดาบเหมันต์ของจ้าวเทียนเจี้ยนนั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดและพลังฝึกตนของเขาก็อยู่ในช่วงปลายของขั้นหก พลังโจมตีของมันจึงรุนแรงเสียยิ่งกว่า
หมัดจ้าววายุ!
ด้านข้างปรากฏเสียงกรีดลึกของสายลม ชายวัยกลางคนอีกคนได้โจมตีมาพร้อมกัน ผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหกต่อสู้กับผู้ฝึกตนขั้นห้า มันย่อมไม่ยุติธรรม นอกจากนั้นยังมีการโจมตีจากผู้อาวุโสตระกูลชิวอีก! เมื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ชายชราย่อมจัดการมันลงได้ด้วยพลังขั้นเจ็ดของเขา
นภาลอยล่อง! ย่างก้าวเสี้ยวพริบตา!
จ้าวเฟิงโคจรวิชาทั้งสองจนสุดขีดความสามารถและหลบการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว
ดรรชนีดารากระบวนท่าแรก!
กลิ่นอายของจ้าวเฟิงพลันเพิ่มขึ้นเป็นขั้นหก
ฟุ่บ!
แสงสีครามนั้นราวกับอุกกาบาตที่พุ่งผ่านโจมตีไปยังดาบของจ้าวเทียนเจี้ยน
เคร้ง!
จ้าวเทียนเจี้ยนรู้สึกได้เพียงว่าแขนของเขาชาหนึบและดาบหักครึ่ง ในเวลาเดียวกันนั้นพลังภายในที่กราดเกรี้ยวก็ได้ฉีกกระชากภายในร่างของเขา
พรวด!
จ้าวเทียนเจี้ยนกระอักเลือดในทันใด สีหน้าของเขากลับกลายเป็นยับเยิน
“ดรรชนีดารา… เจ้าเรียนรู้มันได้อย่างไร? แล้วยังพลังฝึกตนของเจ้า…”
ดรรชนีดารา!
มันนับเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมของวิชาระดับสุดยอดที่ยอดเยี่ยม เมื่อใช้มัน ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันมันได้ กระทั่งจ้าวเทียนเจี้ยนที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นหกยังได้รับบาดเจ็บภายในจากการป้องกันมันโดยตรง
“ตาย!”
จ้าวเฟิงโจมตีอีกครั้ง และแม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ใช่ท่าไม้ตายของดรรชนีดารา มันก็ยังสร้างอาการบาดเจ็บเพิ่มให้จ้าวเทียนเจี้ยนได้
หมัดจ้าววายุ!
ผู้ฝึกตนขั้นหกอีกคนลอยโจมตีจากเบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือสหาย ทั้งสองไม่เคยคิดเลยว่าพลังฝึกตนที่แท้จริงของจ้าวเฟิงนั้นจะอยู่ที่ขั้นหกและเขาได้เรียนรู้วิชาดรรชนีดารา หากจ้าวเฟิงต้องการจะฆ่าจ้าวเทียนเจี้ยนในตอนนี้ เขาก็ต้องรับการโจมตีจากด้านหลังตรงๆ
ตาย!
จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจกับการโจมตีด้านหลังแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มใช้ดรรชนีดาราอีกครั้ง แสงสีฟ้าซีดเปล่งประกายงดงามยามค่ำคืน
ปุ!
ดรรชนีนั้นเข้าเป้า
“อ่า…” ร่างของจ้าวเทียนเจี้ยนแข็งค้าง บนอกปรากฏรูขึ้นรูหนึ่ง
ตุบ!
ชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นหกสิ้นสุดลงตรงนี้ นั่นเป็นเพราะว่าดรรชนีดารานั้นแข็งแกร่งเกินไป และวิชากำแพงเหล็กของจ้าวเฟิงก็ยังเพิ่มพลังให้กับวิชานั้นอีก
หมัดจ้าววายุ! (TL:มีอยู่วิชาเดียวเหรอคะ!//ทนไม่ได้)
ในเวลาเดียวกันนั้น การโจมตีอย่างเต็มที่ของผู้ฝึกตนขั้นหกอีกคนก็มาถึงยังร่างของเขา
เปรี้ยง!
เด็กหนุ่มไม่อาจหลบหลีกได้แม้แต่น้อย เขาทำได้ดีที่สุดเพียงเบี่ยงกายหลบไม่ให้โดนจุดตาย
พลั่ก!
หมัดนั้นกระแทกเข้าที่ร่างของจ้าวเฟิง สีหน้าของชายวัยกลางคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่งอกและมีความสุข ผู้อาวุโสตระกูลชิวที่อยู่ห่างออกไปก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกัน มันนับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากับชีวิตของจ้าวเทียนเจี้ยนหากพวกเขาฆ่าจ้าวเฟิงได้
“กำแพงเหล็กหวนกลับ!”
จ้าวเฟิงตวาดลั่นขณะที่ควบรวมพลังภายในทั้งหมดและส่งมันไปยังวิชากำแพงเหล็ก ทั่วทั้งร่างของเด็กหนุ่มพลันเปลี่ยนไปเป็นกำแพงเหล็กที่สะท้อนการโจมตีกลับ
กร๊อบบบบ!
โลหิตไหลย้อยออกจากมุมปากของชายวัยกลางคนขณะที่เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะท้านทรงพลังที่แล่นผ่านแขนของเขาไปยังร่าง
ปึก! ปึก! ปึก!
ชายวัยกลางคนคำรามอย่างเจ็บปวดขณะที่ผงะถอย