Skip to content

King of Gods 238

King Of Gods

บทที่ 238 : อันดับหนึ่งในงานพันธมิตร (2)

เหล่าผู้ที่ชมต่างรับรู้ได้ว่าจ้าวเฟิงกำลังทำลายความมั่นใจของชางหยูเยว่อยู่

ภายใต้การจับจ้องของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า ทุกคำพูดของจ้าวเฟิงได้เต็มไปด้วยพลังจิตที่พยายามแทรกซอนเข้าสู่จิตใจของคู่ต่อสู้

ในเวลาเดียวกัน

ความมั่นใจและจิตต่อสู้ของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คำพูดธรรมดาทั่วไปกลับเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันเป็นที่สุด

ความแข็งแกร่งอันไม่อาจคาดคำนวณได้ได้ฝังลึกลงในจิตใจของชางหยูเยว่

ในเวลาเดียวกัน

พลังของเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนางก็ได้ถูกจำกัด

และนี่ถือว่าเป็นเป้าหมายของจ้าวเฟิง

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกดาบคนใดล้วนมีความเชื่อมั่นในดาบที่แข็งแกร่ง หากคนผู้หนึ่งไม่มีความเชื่อมั่นใดในดาบ คนผู้นั้นย่อมไม่อาจควบรวมเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบได้

ในหัวใจของชางหยูเยว่ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งหนึ่งดาบของนางได้

มันเป็นความเชื่อมั่นที่ได้เพิ่มพลังดาบของนาง

ทว่าด้วยเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าและเคล็ดวิชาพลังจิตของจ้าวเฟิง เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของชางหยูเยว่ได้สูญเสียความเชื่อมั่นไป

การทำให้คู่ต่อสู้อ่อนแอลงก็เป็นเหมือนการเพิ่มโอกาสชนะของเขา

การประลองระหว่างยอดฝีมือนั้นไม่ได้มีเพียงแต่พลังต่อสู้เพียงอย่างเดียว มันยังมีประสบการณ์ วิธีการ ความคิด ความตั้งมั่น และอื่นๆ เป็นต้น

“หึ เจ้าคิดว่าเจ้ารู้หรือว่าเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบนั้นทรงพลังเพียงใด?”

ชางหยูเยว่เค้นเสียงเย็น กระตุ้นรังสีดาบของนางเพื่อกดดันจิตใจและร่างกายของจ้าวเฟิง

นางรู้ถึงความหมายของคำพูดของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทว่านางก็ยังคงได้รับผลอยู่บ้าง นางจึงใช้ความเชื่อมั่นและความมั่นใจของนางในการต่อกรกับเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว

เช้ง!

ดาบสีเขียวถูกชักออกจากฝัก ความแหลมคมของมันนั่นราวกับได้ปรากฏขึ้นในอากาศ มุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง

“หึหึ ไหนดูสิว่าเจ้าจะสามารถจบการประลองนี้ลงได้ด้วยหนึ่งดาบของเจ้าหรือไม่”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างมั่นใจ ผ้าคลุมเงาหยินโบกสะบัดในอากาศ ทำให้ร่างของเขาดูเลือนลางกว่าเก่า

ในยามนี้ รังสีดาบได้พุ่งเข้าหาร่างของจ้าวเฟิง

ชางหยูเยว่นั้นยังไม่กระทั่งวาดดาบของนางออก ทว่าพลังที่มองไม่เห็นจากเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนางกลับพยายามทิ่มแทงวิญญาณของเด็กหนุ่ม

หากเป็นผู้อื่น เพียงแค่กลิ่นอายนี้ก็สามารถทำลายจิตใจของพวกเขาลงได้ โดยไม่ต้องพูดถึงพลังต่อสู้เลย

ทว่าจ้าวเฟิงยืนอย่างเยือกเย็น ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

“ดาบผ่าเมฆาสวรรค์!”

ประกายแสงจากจิตแห่งดาบสว่างวาบในแววตาของชางหยูเยว่พร้อมกับที่ดาบสีเขียวได้วาดผ่านอากาศ ทิ้งร่อยลากยาวงดงามราวกับสายรุ้งไว้เบื้องหลัง

ฉึก! ฉึก!

ค่ายกลในอากาศได้ถูกตัดจนแหลกสลาย

การโจมตีที่มาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบนั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีที่ชางหยูเยว่ที่ได้ใช้ก่อนหน้ามากนัก และเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง

ก่อนหน้ายามที่ชางหยูเยว่ยังคงไม่เข้าใจเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งแม้เพียงดาบเดียวจากนางได้ และบัดนี้นางกระทั่งมีเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบแล้ว

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ถูกตัดสินลงที่นี่

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาซ้ายจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ เฝ้ารอช่วงเวลาในการระเบิดพลังสายเลือดของเขาออกในวินาทีก่อนที่การโจมตีของอีกฝ่ายจะมาถึง

วิ้ง

โลหิตสีเขียวครามเคลื่อนไหววนอยู่รอบกาย

ลวดลายราวกับแก้วได้ปรากฏขึ้นบนร่างของเด็กหนุ่ม มันให้ความรู้สึกราวกับมาจากยุคสมัยโบราณ ทั้งเก่าแก่และสูงศักดิ์ พร้อมกับความรู้สึกชั่วร้ายบางประการ

โลหิตและกระดูกของเขาได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่มองไม่เห็นออกมา ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกกระวนกระวาย โลหิตจับตัวแข็ง

โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่มีพลังสายเลือดอย่างจ้าวหยูเฟย หลินทง และคนอื่นๆ ล้วนรู้สึกว่าสายเลือดของพวกเขาสั่นสะท้าน

ในเสี้ยววินาทีนั้น ความสามารถของจ้าวเฟิงได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ดูราวกับถูกปกป้องไว้ด้วยพลังลึกลับประการหนึ่ง

“พลังสายเลือดนี่คืออันใดกัน…? มันเก่าแก่ยิ่งนัก และอาจมาจากยุคสมัยโบราณ…”

“ยิ่งสายเลือดนั้นเก่าแก่เพียงใด บรรพบุรุษผู้นั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ทว่าในทางกลับกัน ความบริสุทธิ์ของสายเลือดก็จะเจือจางลง โอกาสที่จะถ่ายถอดย่อมถดถอย”

ร่างลึกลับจากแคว้นมังกรโลหะทอดถอนใจ

พลังสายเลือดนั้นหายากยิ่งนักในสิบสามแคว้น และบางครั้งอาจปรากฏขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในช่วงเวลานับพันปี

ทว่าคนเหล่านี้ดูจะเข้าใจในพลังสายเลือดมากกว่า

“สลาย!”

เรือนผมสีครามของจ้าวเฟิงพลิ้วไหวในอากาศ คิ้วแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคราม ในเวลาเดียวกัน รอยสักสีเขียวครามที่ใสราวแก้วก็ได้ส่องสว่างขึ้น

พลังของกลิ่นอายที่มองไม่เห็นได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังจิตเสียงโจมตีจากเสียงตวาดของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว

เวทีสีดำค่อยๆ แตกสลายลง

ใจกลางอากาศ วงแหวนแสงวงหนึ่งได้พุ่งตรงไปยังชางหยูเยว่

มันไม่ใช่แค่เคล็ดวิชาพลังจิตธรรมดาๆ อีกต่อไป มันได้มีพลังของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าและพลังลึกลับจากสายเลือดของจ้าวเฟิงอยู่ด้วย

ในเสี้ยววินาทีนั้น แสงสีเขียวครามสว่างได้หมุนวนอยู่ในดวงตาของจ้าวเฟิง แสงสีเขียวครามลึกล้ำดูราวกับแผ่ขยายออกไปในอากาศ

คว้าง เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ชางหยูเยว่รู้สึกเพียงว่าสวรรค์ได้สั่นสะท้าน และหากมันมิใช่เพราะพลังดาบของนาง การโจมตีของอีกฝ่ายย่อมทำให้นางต้องกระอักโลหิตแล้ว

แสงแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ควบรวมกันในดวงตาของนางและปะทะเข้ากับความลึกล้ำสีเขียวครามในดวงตาของจ้าวเฟิง คล้ายกับเกิดระเบิดขึ้นที่ใจกลางอากาศ

ความเร็วของการปะทะกันนี้นั้นกระทั่งรวดเร็วกว่าพลังจิตนับสิบเท่า

จิตแห่งดาบของชางหยูเยว่พลันสลายหายไปเกินครึ่ง

เมล็ดพันธุ์แห่งดาบถูกควบรวมกันด้วยความเชื่อมั่นในดาบของนาง เมื่อพลังนี้จางหาย ดาบของนางก็สูญเสียความคมไป

“ไม่ดีแล้ว เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของหยูเยว่ยังไม่มั่นคง”

“พลังสายเลือดของเด็กเหลือขอนั่นโน้มเอียงไปทางพลังจิตมากกว่า ทั้งมันยังมีพลังที่คล้ายคลึงกับจิตแห่งดาบ”

สีหน้าของผู้อาวุโสแห่งสำนักดาบเมฆาแปรเปลี่ยนไป

ยิ่งไปกว่านั้น

การกระทำของจ้าวเฟิงยังเกิดขึ้นเพียงก่อนหน้าที่การโจมตีของชางหยูเยว่จะไปถึงเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

การเคลื่อนไหวกะทันหันของเขาไม่ได้เอาชนะจิตแห่งดาบของชางหยูเยว่ ทว่ามันได้หยุดการเคลื่อนไหวของนางลงกลางคัน ทำให้จิตใจของนางสั่นสะเทือน

ฟุ่บ

ประกายแสงของดาบได้พุ่งผ่านอากาศไปราวกับสายรุ้ง มุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง

หากเป็นเหล่าผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณผู้อื่นอาจไม่สามารถหลบมันได้

ทว่า

ภายใต้การจับจ้องของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า จ้าวเฟิงเห็นทิศทางของดาบนั้นในเสี้ยววินาทีที่อีกฝ่ายฟาดฟันมันออก

ทิศทางของดาบนั้นถูกเห็นในลักษณะที่ช้ากว่าเดิมหนึ่งร้อยเท่าในสายตาของเขา

ทว่าดาบของชางหยูเยว่ยังคงมีเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบที่มุ่งเป้าตรงมายังจ้าวเฟิงอยู่เล็กน้อย

วิ้งง

รอยสักใสราวแก้วบนร่างของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวพลันส่องแสงขึ้น มันเหมือนกับได้เพิ่มพลังป้องกันของเขาขึ้น

แม้ว่าพลังป้องกันจะไม่เพิ่มขึ้น จ้าวเฟิงก็ยังคงสามารถป้องกันพลังจิตแห่งดาบส่วนมากได้ด้วยพลังจิตของเขา

การเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดของเด็กหนุ่มได้สมบูรณ์แล้ว

ด้วยการลดพลังจิตแห่งดาบของชางหยูเยว่ลง มันหมายความว่าพลังโจมตีของนางจะลดลงอย่างมหาศาล

วายุอัสนีทำลายล้าง!

สายฟ้าสีเขียวครามปรากฏวูบขึ้นรอบกายของจ้าวเฟิง สร้างน้ำ ขนาดใหญ่ที่จะบดขยี้ทุกสิ่งให้กลับสู่ความว่างเปล่า

ตูมมม

วังวนแห่งอัสนีได้ปะทะเข้ากับการโจมตีของดาบก่อนที่จะระเบิดออก สร้างหลุมลึกสีดำสนิทขึ้นบนลานประลอง ลึกเสียจนไม่อาจมองเห็นก้นของมัน

พลังทำลายล้างที่น่าตื่นตะลึงนั้นได้สร้างความตกใจให้กับเหล่าผู้ชม มันยากที่จะจินตนาการว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

ฟุ่บ

ร่างที่ส่องแสงสีเขียวครามจางๆ พุ่งวูบขึ้นกลางอากาศ

จ้าวเฟิงได้เคลื่อนกายหลบหนีออกไปในวินาทีที่เขารับการโจมตีของอีกฝ่าย

ทว่าแม้กระนั้น โลหิตก็ได้ไหลย้อยออกจากมุมปากของเขา รอยบาดลึกถึงกระดูกปรากฏขึ้นบนไหล่ จากสิ่งเหล่านี้ ทุกคนสามารถเห็นได้ถึงพลังโจมตีของชางหยูเยว่ได้

ทุกคนควรจะรู้ว่าฝ่ามือวายุอัสนีของจ้าวเฟิงนั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับหก ทั้งพลังสายเลือดของเขายังถูกใช้ออกอย่างเต็มที่ กระทั่งอ้าวเยว่เทียนที่มีพลังป้องกันสูงส่งก็ยังต้องพ่ายให้แก่เขาในหนึ่งฝ่ามือ

ดีที่ว่า

จ้าวเฟิงสามารถทำลายหนึ่งดาบของชางหยูเยว่ได้ นับตั้งแต่จัดงานพันธมิตรขึ้น เรื่องเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ว่าได้

ตราบเท่าที่กระบวนท่านี้ถูกใช้ออกก็แทบจะนับได้ว่าชัยชนะครึ่งหนึ่งเป็นของจ้าวเฟิงแล้ว

ในยามนี้ ชางหยูเยว่ได้ควบรวมเมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนางอีกครั้ง

พลังลึกลับของจ้าวเฟิงได้ทิ้งร่องรอยลึกไว้ในจิตใจของนาง

ในฐานะของผู้ฝึกดาบ จุดแข็งของนางคือการโจมตี ทว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของนางกลับถูกป้องกันไว้ได้โดยคู่ต่อสู้

นอกจากนั้น ความเย็นเยียบของการที่ถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งได้กลืนกินจิตใจของนาง

การจับจังหวะของจ้าวเฟิงนั้นสมบูรณ์แบบเกินไป มันไม่ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป พอดีกับวินาทีที่นางโจมตี

ชางหยูเยว่กระทั่งมีความรู้สึกว่าเส้นทางการโจมตีของนางได้ถูกมองออกโดยคู่ต่อสู้

“ชางหยูเยว่… การที่เจ้าไม่อาจเอาชนะได้ในดาบเดียว นั่นหมายความว่าเจ้าได้สูญเสียโอกาสที่จะเอาชนะไปแล้ว”

ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งวูบจากกลางอากาศ ใจกลางประกายสายฟ้า พุ่งตรงไปยังร่างของคู่ต่อสู้

อีกฝ่ายกำดาบสีเขียวเอาไว้ ตระหนักได้ว่านางไม่อาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวได้ มีเพียงการใช้เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบเท่านั้นที่จะมีโอกาส

ในยามนี้ พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ และเมื่อรวมเข้ากับผ้าคลุมเงาหยินของเขาแล้ว ย่างก้าวอัสนีมายาของเขาก็มีความเร็วสูงสุด

มันไม่ใช่เพียงแค่ความเร็วเท่านั้น วิชานี้ได้มีคำว่า ‘มายา’ ปรากฏอยู่ และภายใต้พลังจิตจากเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า มันสามารถหลอกคู่ต่อสู้ได้

ทว่า

เมื่อชางหยูเยว่ใช้เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนาง นางจะสามารถพุ่งเป้าตรงไปยังจ้าวเฟิงและโจมตีเด็กหนุ่มได้

“ฮี่ฮี่ฮี่ ช้าไป”

เสียงหัวเราะแผ่วเบาได้ดังก้องในหูของนาง

สายฟ้าได้ล้อมรอบร่างของจ้าวเฟิง เขาดูราวกับเป็นเทพแห่งอัสนีที่ได้ถือกำเนิดขึ้น ความเร็วของเขาพลันเพิ่มขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปหาคู่ต่อสู้

ชางหยูเยว่ฟาดฟันออกไปได้เพียงครึ่งก่อนที่พลังจิตโจมตีจากเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจะบดขยี้เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนาง

ในเวลาเดียวกัน

เสียงของสายฟ้าก็ได้ดังก้องขึ้นในหูของนาง ทำให้โลหิตต้องสั่นไหว

ชางหยูเยว่รู้สึกถึงความหนึบชา แววตาที่สั่นไหวด้วยความตระหนกเล็กๆ

ตั้งแต่ยามที่นางฝึกฝน นางได้บดขยี้ผู้อื่นลงใต้ฝ่าเท้าด้วยเพียงดาบเดียวของนาง ไม่มีผู้ใดในรุ่นเดียวกันสามารถต่อต้านนางได้

ดาบที่สองของนางไม่อาจฟาดฟันออกไปได้สำเร็จ

ตลอดทั้งการประลองนี้ ชางหยูเยว่สามารถฟาดฟันออกไปได้เพียงหนึ่งดาบ

และเมื่อจ้าวเฟิงได้เข้าใกล้นาง การต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลง

หากพลังโจมตีของชางหยูเยว่เทียบเท่าได้กับ 10 ส่วนพลังป้องกันและการเคลื่อนไหวของนางก็ไม่อาจเกิน 6 ส่วนไปได้

ในทางกลับกัน พลังโจมตี ป้องกัน การเคลื่อนไหว และพลังจิตของจ้าวเฟิงล้วนอยู่ที่ราวๆ 8ส่วน

ชางหยูเยว่เพียงรู้สึกถึงแหล่งกำเนิดสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ได้แผ่ขยายออกจากครึ่งล่างของร่างกายขึ้นมา

จิตแห่งดาบที่นางเพิ่งจะควบรวมได้ถูกสลายไปโดยสายฟ้านี้ สายฟ้าได้โจมตีเข้าที่หัวไหล่ของนางพร้อมด้วยเสียง ‘เปรี้ยง’

พลังป้องกันที่อ่อนแอของชางหยูเยว่ย่อมไม่อาจที่จะป้องกันสายฟ้าที่ผ่าลงได้ ทำให้นางจึงกระอักเลือดและหมดสติลงในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!