Skip to content

King of Gods 452

King Of Gods

บทที่ 452 วิธีการเดียว

“แน่นอนว่าสำหรับสาเหตุการมาเยือนของเจ้า ตาแก่ผู้นี้ก็รู้ดี…”

หลังจากเอ่ยขอบคุณและชื่นชมอีกฝ่าย ทิศทางการสนทนาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้เฒ่าซู่เอ่ยเช้าเรื่องในทันที

ชัดเจนว่าเขาเองก็กังวลว่าอีกชั่ววินาทีต่อไปจ้าวเฟิงจะกลับไปหลับใหลอีกครั้ง คำพูดหยอกล้อไร้สาระมีเพียงแค่จะทำให้เสียเวลาอันมีค่าไปเท่านั้น

“โฮ่ เช่นนั้นคงต้องขอคำชี้แนะจากท่านผู้เฒ่าซู่สักหนึ่งหรือสองอย่างแล้ว”

จ้าวเฟิงเผยความสนใจเล็กๆ ออกมา พึงพอใจในลักษณะการพูดจาของผู้เฒ่าซู่นัก การโคจรปราณจิตวิญญาณของผู้เฒ่าซู่ถูกปิดกั้นไว้ด้วยแผลเก่าในร่างกาย ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังได้ทำความเข้าใจจ้าวเฟิง ราชาแห่งผู้ถูกเลือกที่สั่นคลอนงานชุมนุมเซียนมังกรเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

ความสำเร็จในงานชุมนุมเซียนมังกรของจ้าวเฟิง องค์หญิงจิงย่อมไม่ปิดบังต่อผู้เป็นอาจารย์ เมื่อได้รับรู้ข่าวที่น่าตื่นตะลึงนี้แล้ว ในยามนั้นผู้เฒ่าซู่ก็ตื่นตะลึงไปพักใหญ่ จนกระทั่งยามนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังไม่ตกตะกอน

ผู้เฒ่าซู่มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำคราหนึ่ง ในใจปรากฏความเช้าใจขึ้น ผู้ถูกเลือกเช่นจ้าวเฟิงที่เหนือกว่าผู้อื่นหลายเท่าตัวเช่นนี้ ตราบเท่าที่ไม่ร่วงหล่นไประหว่างทาง อนาคตย่อมกลายเป็นผู้ควบคุมความเป็นตายของทวีป ตัวตนในระดับที่สามารถชี้ชะตาของผู้คนทั่วไปได้

บางที ในอนาคตจ้าวเฟิงอาจเทียบเคียงกับตัวตนในตำนานอย่างจ้าวลัทธิมารจันทราชาดและจอมดาบเย่อู๋เสี่ยได้

“อย่างแรก พันธมิตรมังกรโลหะคือศัตรูร่วมของพวกเรา ในเรื่องนี้ น้องจ้าวเองก็คงไม่มีคำถาม”

ผู้เฒ่าซู่เปิดปากในที่สุด ทว่ายังไม่ได้เอ่ยสรุป

“ใช่”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กๆ

เขากลับมายังสิบสามแคว้นครั้งแรกก็ชี้หอกไปทางพันธมิตรมังกรโลหะ มันเป็นเรื่องที่สามารถอนุมานได้

“หากคาดเดาไม่ผิด การที่เจ้ากลับมายังสิบสามแคว้นเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือสำนักเก่า รวมทั้งผู้นำของฝั่งเดียวกัน”

ผู้เฒ่าซู่ท่าทีเยือกเย็น

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ส่งสัญญาณให้ชายชราเอ่ยต่อด้วยใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

ความจริงแล้ว ตราบเท่าที่เช้าใจถึงอดีตที่ผ่านมาของจ้าวเฟิงก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเรื่องเหล่านี้

“ทว่าเจ้ามีตัวคนเดียวทำให้อ่อนแอ ต้องการการสนับสนุนจากพันธมิตรสังหารมังกรเพื่อทำความเช้าใจและรับมือกับพันธมิตรมังกรโลหะ ดังนั้นเราจึงมาหาพวกเรา”

ผู้เฒ่าซู่แย้มยิ้มมองจ้าวเฟิง

ครั้งนี้ เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวไม่ได้ผงกศีรษะ ไม่ได้ปฏิเสธ

“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ ผู้เฒ่าซู่ ท่านมีข้อเสนออันใดให้ข้า?”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง นัยน์ตาซ้ายที่ราวกับไพลินส่องประกายสั่นกระเพื่อมราวผิวน้ำ ให้ความรู้สึกสุภาพ

ผู้เฒ่าซู่พลันค้นพบว่าตนเองไม่อาจเช้าใจเด็กหนุ่มเบื้องหน้าได้อย่างสมบูรณ์

แต่เขาไม่ปิดบังความคิดของเขา

“ตาแก่ผู้นี้จะแนะนำเจ้าให้… รีบออกจากแคว้นเมฆาเสีย”

น้ำเสียงของผู้เฒ่าซู่พลันเคร่งเครียด ทว่าไม่ได้สูญเสียความจริงใจไป

ออกจากแคว้นเมฆา

คำแนะนำของผู้เฒ่าซู่คือสี่คำนี้

“อันใดนะ?” จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นบ้าง

“นี่คือการกระทำที่ดีที่สุด เจ้ารีบกลับไปยังกลุ่มอำนาจของเจ้า หลังจากฝึกฝนรอจนเจ้าเติบโตเต็มที่ ทุกอย่างย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่างน้อยเจ้าก็จะสามารถเป็นความช่วยเหลือที่แข็งแกร่งได้”

ผู้เฒ่าซู่เอ่ยอย่างจริงจัง

จ้าวเฟิงชะงีกไป อดที่จะครุ่นคิดถึงเจตนาของคำพูดของผู้เฒ่าซู่ไม่ได้

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มตะลึงขึ้นก่อนจะแย้มรอยยิ้ม รู้สึกชมชอบผู้เฒ่าซู่ขึ้นอีกหลายส่วน ผู้เฒ่าซู่เอ่ยขึ้นอย่างไม่ปิดบัง คำพูดเต็มไปด้วยความจริงใจ

ยามที่ล่วงรู้ถึงเกียรติยศชื่อเสียงอันเลื่องลือของจ้าวเฟิงในงานชุมนุมเซียนมังกร ผู้เฒ่าซู่ไม่เพียงไม่ขอให้เขาเช้าร่วมพันธมิตร ทว่ายังแนะนำให้จ้าวเฟิงออกจากแคว้นเมฆาไป ชัดเจนว่าผู้เฒ่าซู่กำลังกังวลว่าจ้าวเฟิง ดวงดาราในระดับผู้ถูกเลือกนี้จะร่วงหล่นจากท้องนภา หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกเสียใจ

“ผู้เฒ่าซู่เพียงบอกวิธีการช่วยเหลือสำนักจันทร์สลาย รวมทั้งความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพันธมิตรมังกรโลหะแก่ข้าก็เพียงพอ”

จ้าวเฟิงไม่สานต่อเรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงหัวข้ออย่างรวดเร็ว

ผู้เฒ่าซู่ไม่ประหลาดใจ ทำเพียงแย้มยิ้มสงบนิ่ง ผู้ถูกเลือกเช่นจ้าวเฟิง ยอดฝีมือของทวีปเช่นนี้ มีหรือที่จะยอมทำตาม ล่าถอยไปอย่างง่ายๆ

ทว่า

ผู้เฒ่าซู่มั่นใจ ตราบเท่าที่จ้าวเฟิงรู้เรื่องอย่างชัดเจน ตัวเขามั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้

“เจ้าคงไม่รู้เรื่องอย่างชัดเจน ทว่าสิบสามสำนักในยามนี้ไม่ได้ตกเป็นเบี้ยล่างของพันธมิตรมังกรโลหะเพียงแค่ในนาม ทว่ายามที่ยอมแพ้เมื่อสองปีก่อนยังทำพันธะสัญญาโลหิตด้วย”

“พันธะสัญญาโลหิต?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไปเล็กๆ

เขาได้ถูก ‘ผู้อาวุโสหยุนไห่’ ไล่ล่าในอดีต ออกจากสิบสามแคว้นอย่างเร่งรีบ สำหรับรายละเอียดการยอมศิโรราบในยามนั้น เขาไม่ได้ล่วงรู้อย่างชัดเจน

จ้าวเฟิงรู้เพียงว่าหนึ่งในสิบสามสำนักในอดีต ‘วิหารโบราณ’ ได้ทรยศอยู่ก่อนแล้ว ราวกับว่ามีความเกี่ยวข้องบางประการกับลัทธิมารจันทราชาด

สำหรับอีกสิบสองสำนัก ยามที่ ‘นายเหนือแท้เซียวเหยา’ มาถึงต่างก็ยอมแพ้กันอย่างสมบูรณ์

“ที่ทะเลสาบมังกรซ่อนในอดีต ผู้อาวุโสระดับสูงของทั้งสิบสองสำนักได้ลงนามใน ‘พันธะสัญญาโลหิต’ เป็นกองกำลังใต้อำนาจของพันธมิตรมังกรโลหะ ขีดจำกัดพลังของ ‘พันธะสัญญาโลหิต’ เจ้าเองก็คงรู้ดี มันเป็นพลังกฎเกณฑ์ของฟ้าดิน”

เมื่อผู้เฒ่าซู่เอ่ยถึงยามนี้ก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

“หรืออีกนัยหนึ่ง ถึงแม้ข้าจะกลับไปยังสำนักจันทร์สลาย ท่านอาจารย์ของข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือข้าได้ ในทางกลับกัน การกลับไปของข้าจะทำเพียงให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เช้าคายไม่ออกเท่านั้น?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงย่ำแย่ลงเล็กๆ

“ถูกต้องแล้ว วิธีการเดียวในการช่วยเหลือสำนักจันทร์สลายคือการทำลายรังมังกรของพันธมิตรมังกรโลหะ ตราบเท่าที่พันธมิตรมังกรโลหะถูกทำลาย ‘พันธะสัญญาโลหิต’ นั่นย่อมสูญเสียพลังในการบังคับควบคุมไป นี่เป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด”

เมื่อผู้เฒ่าซู่เอ่ยถึงยามนี้ก็อดที่จะมองไปยังจ้าวเฟิงไม่ได้

การโจมตีรังของ ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ และทำลายมันลงนับเป็นความคิดที่โง่เขลาและเป็นไปไม่ได้

เมื่อผู้เฒ่าซู่เอ่ยว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ และเป็น ‘วิธีเดียว’ ก็คิดว่าจ้าวเฟิงคงจะยอมแพ้ในความยากลำบากของมัน

ทว่า

สีหน้าของจ้าวเฟิงกลับปรากฏความหลากหลาย กระทั่งยามที่ผู้เฒ่าซู่เอ่ยถึงวิธีการที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ นี้ก็ราวกับมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กๆ

หลังจากเงียบงันไปชั่วขณะ

“พันธมิตรมังกรโลหะแข็งแกร่งหรือ?”

ในที่สุดจ้าวเฟิงก็เอ่ยถามถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่สุด

“แข็งแกร่ง?”

ผู้เฒ่าซู่ส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม “ทั่วทั้งแคว้นเมฆา สองแคว้นใหญ่และสิบสามแคว้นเล็ก ดินแดนมากมายและสำนักหลากหลายล้วนตกอยู่ภายใต้การปกครองของมัน พันธมิตรมังกรโลหะมี ‘สี่จ้าวตำหนัก’ ‘สามสิบหกผู้อาวุโสหลัก’ รวมทั้งยอดฝีมือจำนวนมาก นับว่านำหนึ่งฝ่ามือปิดผืนฟ้าได้ในแคว้นเมฆา พลังอำนาจของมันกระทั่งแผ่ขยายไปยังแคว้นใหญ่ข้างเคียง นอกจากนั้น กลุ่มอำนาจนี้ พันธมิตรมังกรโลหะยังมีลัทธิมารจันทราชาดคอยเติมเชื้อไฟอยู่ภายนอก มียอดฝีมือกองกำลังที่ปกปิดไว้อยู่อีกหลายส่วน”

สี่จ้าวตำหนัก สามสิบหกผู้อาวุโสหลัก นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ ราวกับเช้าใจถึงโครงสร้างหลักของพันธมิตรมังกรโลหะ

เมื่อนานมาแล้ว สองผู้อาวุโสหลักจากพันธมิตรมังกรโลหะ กองกำลังของสองตำหนักยังสามารถไล่ต้อนพันธมิตรสังหารมังกรได้ถึงระดับนี้

สามสิบหกผู้อาวุโสหลัก แต่ล่ะคนล้วนครอบครองกำลังของหนึ่งตำหนัก เหนือตำหนักมีจ้าวตำหนัก แต่ล่ะจ้าวตำหนักมีตำหนักในควบคุมทั้งหมด 9 ตำหนัก

จ้าวตำหนักย่อมเป็นตัวตนในชั้นนายเหนือแท้อย่างแน่นอน

“นายเหนือแท้เซียวเหยาที่ปรากฏตัวขึ้นในอดีตและทำให้สิบสามสำนักยอมแพ้ก็เป็นหนึ่งในสี่จ้าวตำหนัก”

ผู้เฒ่าซู่เอ่ยถึงสี่จ้าวตำหนัก รวมทั้งผู้อาวุโสหลักที่ค่อนข้างเก่งกาจขึ้นบางคน

สี่จ้าวตำหนัก?

สิ่งที่จ้าวเฟิงสนใจจริงๆ คือใน ‘สี่จ้าวตำหนัก’ มียอดฝีมือของลัทธิมารจันทราชาดอยู่หรือไม่

หลังจากครึ่งชั่วน้ำชาเดือด

“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะของผู้เฒ่าซู่มาก การทำลายรังมังกรของพันธมิตรมังกรโลหะคงเป็นวิธีการเดียวที่ง่ายและตรงเป้าที่สุด”

จ้าวเฟิงยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยสีหน้ายินดีออกมา

ผู้เฒ่าซู่อดที่จะเบิกตากว้างไม่ได้

อย่าได้บอกข้าเชียวว่าจ้าวเฟิงฟังคำโน้มน้าวของเขาจริงๆ? แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดพลาด

ตั้งแต่เริ่มจนจบ จ้าวเฟิงไม่มีท่าทีหวาดกลัว น้ำเสียงกระทั่งปรากฏความมั่นใจเฉยชาขึ้นปะปนอยู่

เมื่อเห็นว่าจ้าวเฟิงกำลังจะจากไป

“เดี๋ยว เจ้าจะไม่ออกจากแคว้นเมฆาหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่”

ฝีเท้าของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเชื่องช้าลง

“อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้ามีกำลังเสริมแล้ว?”

ผู้เฒ่าซู่อดจะคาดเดาไม่ได้

“มีข้าผู้เดียวนี่แหละ”

จ้าวเฟิงหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินออกไป

อันใดนะ?

ผู้เฒ่าซู่อึ้งงัน ยกนิ้วสั่นๆ ขึ้นชี้ตามหลังจ้าวเฟิง ไม่อาจทำได้กระทั่งส่งเสียงออกไป

จองหองยิ่งนัก

จองหองโดยแท้

ผู้เฒ่าซู่สูดลมหายใจลึก พลิ้วกายไปหาจ้าวเฟิง “เจ้าอาจเป็นราชาแห่งผู้ถูกเลือกที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าความเย่อหยิ่งจองหองของเจ้ามีเพียงแต่จะทำให้เจ้าตกลงสู่หุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง”

จ้าวเฟิงไม่สนใจชายชรา ฝีเท้าที่ก้าวเดินเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเกินจะเทียบ

“หยุด”

ผู้เฒ่าซู่ตวาดอย่างเคร่งเครียด เส้นผมสีขาวพลิ้วไหว พลังอำนาจชั้นนายเหนือแท้สะทกสะท้อนกับไอสวรรค์รอบกาย สร้างบรรยากาศบางอย่างขึ้น

นี่คือพลังของชั้นนายเหนือแท้

แม้ว่าพลังของผู้เฒ่าซู่จะถดถอยลง ทว่าขอบเขตจิตวิญญาณก็ยังคงอยู่

“ฮี่ฮี่ ชั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ นั่นคือจุดสูงสุดของผู้เฒ่าซู่หรือ?”

เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินในสายตาของชายชราแย้มยิ้ม

ในยามนี้ เขาเป็นราวกับท้องทะเลกว้างไกลยากจะเทียบเคียง ทว่าในเวลาเดียวก็ก็เหมือนกับหุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง ลึกล้ำไม่อาจจะประมาณได้ กลิ่นอายจิตวิญญาณที่ไม่เคยมีมาก่อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้องลับเล็กๆ บรรยากาศโดยรอบราวกับกำลังจับตัวแข็ง

“เจ้า… เจ้า…”

ร่างกายและจิตใจของผู้เฒ่าซู่สั่นสะท้านภายใต้กลิ่นอายที่แผ่ซ่าน ร่างกายราวกับถูกกดทับ ยากที่จะขยับเคลื่อนไหว กลิ่นอายจิตวิญญาณนั้น เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้ที่เขาเคยเจอมาทุกคนมีเพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่า ไม่ด้อยกว่า

ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายแข็งแกร่ง ราวกับว่าสามารถยืนเคียงข้างฟ้าดิน ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะท้านเล็กๆ สีหน้าบนใบหน้าของผู้เฒ่าซู่แปรเปลี่ยนจากตื่นตะลึงเป็นกระวนกระวาย จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นความยินดีและคาดไม่ถึง

สุดท้ายแล้ว

ผู้เฒ่าซู่จึงมองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสายตาลึกล้ำ ในสายตาคู่นั้นปรากฏความตื่นตะลึงและหวาดกลัวปะปนอยู่ “ไม่คิดว่าขอบเขตจิตวิญญาณของเจ้าจะอยู่ในระดับนั้น ตาแก่ผู้นี้นับว่าประเมินความแข็งแกร่งของเจ้าห่างไกลจากความจริงไปโดยแท้”

ทว่าผู้เฒ่าซู่ก็ยังคงเอ่ยถามขึ้น

“ดวงวิญญาณ รวมทั้งขอบเขตจิตวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งเพียงนั้น การทะลวงเช้าสู่ชั้นนายเหนือแท้ย่อมง่ายดาย นอกจากนั้น ความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียวยังยากที่จะสั่นคลอนสัตว์ประหลาดยักษ์เช่นพันธมิตรมังกรโลหะได้”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้ม ทว่าไม่ได้เอ่ยตอบ

หากไม่ใช่เพราะการวิวัฒนาการของดวงตาซ้าย บัดนี้เขาคงบรรลุสู่ชั้นนายเหนือแท้ไปแล้ว

ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏลูกประคำเรียบลื่นขึ้น เด็กหนุ่มปาดนิ้วลงบนมัน

ในเสี้ยวพริบตา

ร่างมืดหม่นสองร่างก็ปรากฏขึ้นพร้อมด้วยเสียงคำรามต่ำ ส่งกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงออกมา ยืนอยู่ข้างกายของจ้าวเฟิง

ในม่านหมอกมืดหม่นนั้น

หุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสองราวกับองครักษ์แห่งความตาย ป้องกันจ้าวเฟิงอยู่

“ชั้นนายเหนือแท้ เป็นไปได้อย่างไร… ในแคว้นเมฆา กระทั่งแคว้นใหญ่และอาณาจักรยังยากที่จะฝึกฝนหุ่นเชิดศพชั้นนายเหนือแท้ขึ้นมาได้”

ผู้เฒ่าซู่สมองว่างโล่ง ในใจปรากฏลางร้ายขึ้นมา

จ้าวเฟิงมองหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสองอย่างพึงพอใจ การฝึกฝนใน ‘ประคำหมื่นวิญญาณ’ ในเวลาเดือนสองเดือนที่ผ่านมาทำให้พลังฝึกตนของหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสองเช้าใกล้ชั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ

ประคำหมื่นวิญญาณนี้คือหนึ่งในสิ่งที่เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงมอบให้เป็นของขวัญของจ้าวเฟิง เมื่อก่อนมันคือสมบัติในศาสตร์แห่งภูตผีของจักรพรรดิหมื่นพราย ในอดีต จักรพรรดิหมื่นพรายได้ฝึกฝนกองทัพภูตผีนับหมื่นในลูกประคำนี้ อาละวาดไปทั่วทุกทิศ ใช้เพียงมือข้างเดียวทำลายสำนักระดับสองดาวไปจำนวนมาก

หุ่นเชิดศพชั้นนายเหนือแท้ทั้งสองถูกเก็บไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของผู้เฒ่าซู่ยังคงกระตุกสั่น ชัดเจนว่าพลังอำนาจที่จ้าวเฟิงได้แสดงออกมา ทำลายประสบการณ์ชีวิตกว่า 100-200 ปีของเขาไปแล้ว

“นี่เป็นเพียงแค่ของเรียกน้ำย่อย… ยามที่สายเลือดดวงตาของข้าฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!