Skip to content

King of Gods 453

King Of Gods

บทที่ 453 ฆ่าคนคนหนึ่ง

ในห้องลับ

หลังจากที่ผู้เฒ่าซู่ผ่านพ้นช่วงเวลาตื่นตะลึงนิ่งอึ้งไปแล้ว สีหน้าก็กลับมาสงบนิ่งอย่างเดิมด้วยความยากลำบาก ปรากฏความหงุดหงิดและหดหู่ออกมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในอดีต เขาคือหนึ่งในสุดยอดฝีมือของแคว้นเมฆา ครั้งหนึ่งเคยมีพลังอำนาจแข็งแกร่งถึงชั้นนายเหนือแท้ ควบคุมแคว้นใหญ่ เหนือกว่าผู้คนทั่วไป ส่งผลต่อโชคชะตาของแคว้นเมฆาได้ แคว้นเล็กเมฆาคล้อยที่จ้าวเฟิงอยู่ ในสายตาของผู้เฒ่าซู่เป็นเพียงซอกหลืบเล็กๆ เหล่าคนในสำนักจันทร์สลายในสายตาของเขานั้นไม่กระทั่งมีชื่อเสียง

ภาพลักษณ์ในอดีตของผู้เฒ่าซู่ไม่ยากที่จะจินตนาการ ในช่วงเยาว์วัย เขาย่อมเป็นยอดอัจฉริยะของแคว้นเมฆา มีสติปัญญาของเทพเซียน ในยามนี้ หลังจากที่ตื่นตะลึงไปชั่วครู่ สีหน้าของผู้เฒ่าซู่ก็แปรเปลี่ยนไปประหลาดใจ หงุดหงิด และอื่นๆ

เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเบื้องหน้า ใบหน้าของผู้เฒ่าซู่ก็ปรากฏความหวาดกลัวและชื่นชมขึ้นอีกหลายส่วน

โลกใบนี้คือสถานที่ที่ยอดฝีมือคือผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่

ความสำเร็จในงานชุมนุมเซียนมังกรของจ้าวเฟิง ทั้งพลังอำนาจในยามนี้ได้ทำให้ผู้เฒ่าซู่ หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเมฆาต้องแหงนศีรษะมอง เมื่อคิดว่าไม่นานก่อนหน้าเขาเพิ่งจะ ‘ชี้แนะ’ จ้าวเฟิงไป ชายชราก็อดที่จะกระอักกระอวลอับอายจนใบหน้าแดงซ่านไม่ได้

นี่เป็นเพราะจ้าวเฟิงเปิดเผยพลังที่เทียบเคียงกับชั้นนายเหนือแท้ได้เป็นอย่างน้อยกับหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬออกมา

ผู้เฒ่าซู่ไม่กล้าที่จะสงสัยว่าจ้าวเฟิงจะสามารถควบคุมหุ่นเชิดศพชั้นนายเหนือแท้ได้หรือไม่ ตัวเขาเองยังไม่มีกระทั่งพลังชั้นนายเหนือแท้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าการบรรลุสู่ชั้นนายเหนือแท้สำหรับเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นไร้ซึ่งความยากเย็นใดๆ ตั้งแต่เริ่ม

“ผู้เฒ่าซู่ หลังจากที่ข้าหลับใหลไปอีกครั้ง ข้าจะกลับไปยังสิบสามแคว้น”

เปลือกตาของจ้าวเฟิงเริ่มหนักขึ้น

เขาคาดเดาว่ายังสามารถทนได้อีกราว 2 ชั่วยามจึงจะกลับไปหลับใหลอีกครั้ง

“กลับไปยังสิบสามแคว้น? ที่เจ้าทำเช่นนั้นมีอันใดเป็นพิเศษหรือ?”

ผู้เฒ่าซู่อดที่จะเอ่ยถามขึ้นไม่ได้

สิบสามสำนักในยามนี้เป็นเบี้ยล่างของพันธมิตรมังกรโลหะ ผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆ ในสำนักจันทร์สลายเองก็ได้ทำพันธะสัญญาโลหิตไปแล้ว หากจ้าวเฟิงกลับไปยังสำนักจันทร์สลายก็มีเพียงแค่จะทำให้ผู้อาวุโสหนึ่งตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เช้าคายไม่ออกเท่านั้น

“ข้าต้องกลับไปยังสำนักจันทร์สลาย… เพื่อฆ่าคนคนหนึ่ง”

นัยน์ตาราบเรียบของจ้าวเฟิงพลันปรากฏจิตสังหารเย็นเยียบขึ้น เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไม่ว่าคนใดต้องหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน

การผันแปรระหว่างสายน้ำและน้ำแข็งสมบูรณ์แบบ

“หากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออันใด ตาแก่ผู้นี้ รวมทั้งพันธมิตรสังหารมังกรพร้อมที่จะยื่นมือเช้าไป”

ผู้เฒ่าซู่ถอนหายใจแผ่วเบา รู้ว่าตนเองไม่อาจหยุดยั้งจ้าวเฟิงได้

จ้าวเฟิงคือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพวกเขาทะลวงฝ่าออกมาจากสถานการณ์ย่ำแย่ นับว่าผู้เฒ่าซู่ติดค้างเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวอยู่

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้นสองอย่าง

“อย่างแรก หวังว่าผู้เฒ่าซู่จะช่วยข้าหาตำแหน่งของฐานทัพหลัก และฐานย่อยต่างๆ พันธมิตรมังกรโลหะได้ รวมทั้งตำแหน่งที่อยู่ของลัทธิมารจันทราชาดด้วย”

“อย่างที่สอง ระหว่างที่ข้ากำลังรับมือกับพันธมิตรมังกรโลหะ หวังว่าพันธมิตรสังหารมังกรจะช่วยเก็บกวาด ทำให้แคว้นเมฆานี้เปลี่ยนแปลงได้อีกครั้ง”

สำหรับเรื่องแรก ผู้เฒ่าซู่ไม่ประหลาดใจ

ทว่าอย่างที่สอง มันได้ทำให้จิตใจของผู้เฒ่าซู่สั่นสะท้านเล็กๆ

สายตาของจ้าวเฟิงกว้างไกลยิ่งนัก แม้จะยังไม่โจมตีพันธมิตรมังกรโลหะ ทว่ากลับนึกถึงการควบคุมความเสียหายไว้ก่อนแล้ว

โดยเฉพาะคำว่าระหว่าง ‘เปลี่ยนแปลง’ ที่ออกมาจากปากของจ้าวเฟิงที่ทรงพลังยิ่งนัก ทำให้หัวใจของผู้เฒ่าซู่เต้นรัว ยากที่จะคาดประเมินเบื้องลึกเบื้องหลังของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

จ้าวเฟิงสามารถขอแรงสนับสนุนจาก ‘อาณาจักรนภา’ ได้ ทว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ทำเช่นนั้น

จะอย่างไร แคว้นเมฆาก็คือบ้านเกิดของเขา เขาตัดสินใจที่จะจัดการมันใหม่ด้วยตนเองโดยไม่ใช่กองกำลังจากภายนอก

“น่าเสียดายนักที่ตาแก่ผู้นี้เท้าอยู่ห่างจากโลงเพียงหนึ่งก้าว ทั้งแหล่งกำเนิดพลังและอาการบาดเจ็บทำให้ข้าทำได้เพียงให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”

ผู้เฒ่าซู่ปรากฏความละอายขึ้นเล็กๆ รู้สึกถึงความไร้กำลังจะทำในสิ่งที่ตนอยากทำ นอกจากนั้น จะอย่างไรจ้าวเฟิงก็มีเพียงตัวคนเดียว แม้พลังจะแข็งแกร่งจนทำให้เขาตกใจ ทว่าชายชราก็มักจะมีความรู้สึกผิดพลาดอยู่ในใจเสมอ จะอย่างไร พันธมิตรมังกรโลหะก็คือยักษ์ใหญ่ที่ปกครองแคว้นเมฆาอยู่

หากเผชิญหน้ากับกลยุทธ์เอาพวกมากเช้าว่า ยอดฝีมือในขอบเขตก่อกำเนิดปราณและขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจำนวนมากกลุ้มรุมโอบล้อมโจมตี ด้วยพลังของจ้าวเฟิงเพียงคนเดียว มิใช่ว่ามันจะเล็กน้อยไปหน่อยหรือ?

แน่นอนว่าผู้เฒ่าซู่ไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงมีปัจจัยที่ทำให้สามารถ ‘เมินเฉย’ ต่อกลยุทธ์เอาพวกมากเช้าว่าได้ตั้งแต่แรก

“อืม ผู้เฒ่าซู่ ในเมื่อท่านมีความคิดที่จะใช้ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ คอยช่วยเหลือข้าโดยไม่ลังเล คนแซ่จ้าวผู้นี้ก็มีมิตรภาพจะมอบให้”

จ้าวเฟิงลูบแหวนเหล็กโบราณเบาๆ

ของเหลวลึกลับสีเขียวส่องประกายหยดหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ ส่งกลิ่นอายชีวิตเข้มข้นออกมา ให้ความรู้สึกราวกับบิดามารดาที่คอยปกป้องบุตรของตนเอง

“นี่มัน… วารีแห่งชีวิต?”

จิตใจของผู้เฒ่าซู่สั่นสะท้าน เผยสีหน้าตื่นเต้นและยินดีออกมา

วารีแห่งชีวิตนั้นมีเงื่อนไขในการถือกำเนิดขึ้นที่ยากเย็นยิ่งนัก แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏขึ้นในทวีปบุปผาคราม ทว่าวารีแห่งชีวิตของจ้าวเฟิงนั้นคือสิ่งที่แลกเปลี่ยนกับเย่หยานหยูมาใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’

วารีแห่งชีวิตคือผลผลิตจาก ‘หญ้าคืนชีวิต’

จ้าวเฟิงแลกเปลี่ยน ‘วารีแห่งชีวิต’ มาจากเย่หยานหยูสองหยด จากนั้นด้วยการทรยศของแมวขโมยตัวน้อยก็ทำให้ได้รับ ‘หญ้าคืนชีวิต’ อีกครึ่งหนึ่งจากหญิงสาว

หญ้าคืนชีวิตส่วนนั้นได้มอบให้หอคอยพฤกษาปีศาจกินเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจาก ‘พลังเซียน’

ทว่า ในยามนั้น จ้าวเฟิงยังคงมีความคิดบางอย่างอยู่ ‘วารีแห่งชีวิต’ อีกสองหยดจากหญ้าคืนชีวิตจึงถูกเก็บไว้โดยเขา

ดังนั้นแล้ว

จำนวนของวารีแห่งชีวิตในมือของจ้าวเฟิงยามนี้ ความจริงแล้วมีถึงสี่หยดและหนึ่งหยดเขาได้ ‘เก็บไว้’ ให้ชายชราผมแดงลึกลับแห่งลัทธิโลหะเลือดเพื่อตอบแทนบุญคุณ

สำหรับสามหยดที่เหลือ จ้าวเฟิงวางแผนจะมอบหนึ่งหยดให้กับผู้เฒ่าซู่

จะอย่างไร ผู้เฒ่าซู่ก็คือผู้นำของ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ หากสามารถกลับไปมีสภาพสมบูรณ์พร้อมอีกครั้งย่อมเป็นกำลังช่วยเหลือหลักให้จ้าวเฟิงได้

“วารีแห่งชีวิต… ดูเหมือนว่าเจ้าจะเพิ่งกลับมาจากมรดกต่างแดน”

ผู้เฒ่าซู่เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงที่สุด

‘วารีแห่งชีวิต’ น้ำศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่มีความสามารถในการเติมเต็มพลังชีวิตนี้ได้จางหายไปจากทวีปบุปผาครามแล้ว สามารถหาได้จากมรดกต่างแดนเท่านั้น

จ้าวเฟิงทำเพียงแย้มยิ้มไม่เอ่ยคำใด ส่งสัญญาณให้ผู้เฒ่าซู่กลืนวารีแห่งชีวิตลงไป

อาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าซู่ จ้าวเฟิงสามารถเช้าใจได้อย่างชัดเจนผ่านดวงตาเทพเจ้า อาการบาดเจ็บของชายชรานั้นหยั่งลึกลงไปถึงแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่าย อาการบาดเจ็บนี้ยากที่จะฟื้นฟูนัก ไม่อาจกระตุ้นโคจรปราณจิตวิญญาณอย่างรวดเร็วได้ มิเช่นนั้นอาการบาดเจ็บจะรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้พลังฝึกตนถดถอยลงเรื่อยๆ

ทว่าจ้าวเฟิงมั่นใจถึงประสิทธิภาพของวารีแห่งชีวิต

ตามทฤษฏี มันกล่าวไว้ว่าแม้แต่ผู้สูงศักดิ์ที่บาดเจ็บสาหัส เมื่อใช้ ‘วารีแห่งชีวิต’ แล้วก็ยังได้ผลดี

ทั่วทั้งใบหน้าของผู้เฒ่าซู่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง พลันกินวารีแห่งชีวิตเช้าไป นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

หลังจากครึ่งชั่วน้ำชาเดือด

การสั่นสะเทือนของปราณจิตวิญญาณบนร่างของชายชราพลันเข้มข้นขึ้น

จ้าวเฟิงมีสีหน้ายินดี เช้าใจอย่างชัดเจนว่าแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในร่างของผู้เฒ่าซู่ถูกรักษา วิกฤตของแหล่งกำเนิดพลังของอีกฝ่ายได้พ้นขีดอันตรายแล้วในยามนี้

เขาเชื่อว่าไม่เกินสี่ราตรี ผู้เฒ่าซู่จะกลับไปมีสภาพสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง

จ้าวเฟิงไม่รั้งอยู่อีกต่อไป เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องลับ กลับไปยังที่พักของตนเอง

หลังจากครึ่งชั่วยาม

“หลังจากได้สติคราวหน้าต้องกลับไปยังสิบสามแคว้น”

จ้าวเฟิงรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า

องค์หญิงจิงได้ดูแลเด็กหนุ่มเป็นอย่างดีตามคำสั่งของผู้เฒ่าซู่

ด้วยสถานะอันสูงศักดิ์อย่างองค์หญิงแห่งแคว้นใหญ่สมบัตินภา ทั้งยังได้เช้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกร การมาดูแลเด็กหนุ่มผู้หนึ่งไม่เพียงแค่เป็นการกระทำที่เกินเลย ทว่ายังนับว่าเสียมารยาทไปบ้างแล้วเสียด้วยซ้ำ

ทว่าดวงตาขององค์หญิงจิงกลับส่องประกาย เผยความยินดีซาบซึ้งออกมา ใบหน้าแดงซ่านครั้งแล้วครั้งเล่า มีท่าทีปรารถนาและเฝ้าฝัน

ในเรื่องนี้

สมาชิกของพันธมิตรสังหารมังกรทั้งหลาย รวมทั้งผู้เฒ่าเจียงและองค์ชายสามต่างก็รู้สึกงุนงงสงสัย แน่นอนว่าพวกเขาล้วนไม่รู้ถึงก้นบึ้งที่แท้จริงของจ้าวเฟิง

ในเสี้ยวพริบตา

เวลาครึ่งเดือนผ่านพ้นไป

ฐานทัพใหม่ของพันธมิตรสังหารมังกรอยู่ใกล้กับหุบเขาลึก

บางครั้ง

ใกล้กับหุบเขาลึกนี้จะปรากฏพลังของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่แข็งแกร่งขึ้น ไอสวรรค์ในระยะหลายสิบลี้รอบด้านสั่นสะท้าน สร้างการตอบสนองที่แปลกประหลาดขึ้น

ท้องฟ้าเหนือศีรษะได้ปรากฏคลื่นแสงสีแดงอมเขียว ชั้นเมฆสั่นสะท้าน

แรงกดดันและบรรยากาศของฟ้าดินได้ทำให้สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรรู้สึกหวาดกลัว คนหลายคนรู้สึกอึดอัดทรมาน

“พลังของชั้นนายเหนือแท้”

“พลังอำนาจของชั้นนายเหนือแท้นี้… คือผู้เฒ่าซู่”

“ใช่ อย่าได้บอกข้าเชียวว่าอาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าซู่หายดีแล้ว?”

สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรในหุบเขาลึกเต็มไปด้วยความยินดี เริ่มเฉลิมฉลองกัน มีเพียงองค์หญิงจิงที่รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง อาการบาดเจ็บของผู้เป็นอาจารย์นางเช้าใจดีที่สุด โดยปกติแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษา

เหตุใดในระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน อาจารย์จึงสามารถกลับไปมีกลิ่นอายของผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้ได้อย่างรวดเร็วกัน?

“อย่าได้บอกข้าเชียวว่าทั้งหมดนี่…”

นัยน์ตาหงส์ขององค์หญิงจิงเบนมองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่นอนอยู่ในห้องอย่างเงียบสงบ

คนผู้เดียวที่นางสามารถนึกถึงได้คือเด็กหนุ่มผู้น่าอัศจรรย์ผู้นี้

บางทีอาจเป็นเพราะไอสวรรค์เคลื่อนไหวสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มผมน้ำเงินในสายตาของนางจึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ผู้เฒ่าซู่ ยินดีด้วยที่หายดีจากอาการบาดเจ็บ”

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของจ้าวเฟิงดังขึ้นจากในหุบเขาลึกอย่างกะทันหัน

ร่างของจ้าวเฟิงในสายตาขององค์หญิงจิงจางหายไปไร้ซึ่งร่อยรอย

ชั่วขณะที่ต่อมา

ลานชุมนุมในหุบเขาลึก

เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่าทีนิ่งเฉยยืนเคียงข้างกับชายชราคิ้วขาวในชุดสีเขียว พูดคุยกัน

องค์หญิงจิงมองไปยังภาพบนลานชุมนุม รู้สึกตื่นตะลึงจนสิ้นเสียง

นางพลันตระหนักได้ว่าตนเองยังคงประเมินระดับของจ้าวเฟิงต่ำไปอยู่ดี

“จ้าวเฟิงในงานชุมนุมเซียนมังกรมีพลังอยู่ในชั้นผู้วิเศษแท้ หลังจากออกมากจากมรดกต่างแดน เขาได้เช้าสู่ระดับใดกัน?”

องค์หญิงจิงยากที่จะระงับใจให้สงบได้

เด็กหนุ่มที่นางมักจะมองเขานอนนิ่งราวกับปรากฏอยู่ในชั้นเมฆที่นางไม่มีวันเอื้อมถึง ร่างของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

“ยินดีด้วยที่ผู้เฒ่าซู่หายดี”

ใกล้หุบเขาลึก สมาชิกของพันธมิตรสังหารมังกรคารวะพร้อมเอ่ยแสดงความยินดีไปยังทิศทางของลานชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกัน

“ฮี่ฮี่ โชคดีทั้งหลายล้วนเป็นฝีมือของจ้าวเฟิง เขาได้นำพาความหวังมาสู่พันธมิตรสังหารมังกรแล้ว ข้าเชื่อว่าด้วยปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ของเขา เขาจะสามารถแย่งชิงแคว้นเมฆากลับมาได้อีกครั้ง”

ทั่วทั้งใบหน้าของผู้เฒ่าซู่แดงซ่าน ยกมือขึ้นเชื่องช้า สีหน้าที่มีต่อเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเบื้องหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง กระทั่งปรากฏความเคารพนับถือขึ้น

สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรจำนวนมากตื่นตะลึง รวมทั้งผู้เฒ่าเจียง องค์ชายสาม และคนอื่นๆ ที่รู้จักจ้าวเฟิงมาก่อน

ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปหลายสิบลี้

อากาศด้านบนปรากฏเสียงหวีดหวิวของสายลม

เรือสีแดงอมดำลำใหญ่ สูงหนึ่งร้อยสิบฟุตลอยอยู่กลางอากาศ โอมล้อมไปด้วยสายลมที่ส่องประกายสีเลือดจางๆ ให้ความรู้สึกหดหู่แปลกประหลาดประการหนึ่ง

“ไม่คิดว่าผู้เฒ่าซู่ คนประหลาดผู้นี้จะฟื้นพลังกลับสู่ชั้นนายเหนือแท้ได้แล้ว”

น้ำเสียงแหบกระด้างมืดหม่นดังขึ้นจากหัวเรือ

เจ้าของเสียงคือศากศพน่าเกลียดน่ากลัวคล้ายมนุษย์ ทั่วทั้งร่างส่องประกายสีโลหิต บนร่างมีลวดลายสีเงินอมดำครอบคลุม

ผู้คุ้มครองศพโลหิต

“ท่านจ้าวตำหนัก พลังโดยรวมของเราเหนือกว่าหลายเท่า นอกจากนั้น ผู้เฒ่าซู่ที่แปลกประหลาดนั่นยังเพิ่งจะฟื้นตัว ย่อมไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้”

ใกล้หัวเรือได้ปรากฏร่างของยอดฝีมือในชั้นผู้วิเศษแท้ 2-3 คน ส่วนยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมีมากกว่าสิบคน

นัยน์ตาของจ้าวตำหนักศพโลหิตส่องประกายสีเลือดหม่นหมอง เพ่งมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินข้างกายผู้เฒ่าซู่อย่างใกล้ชิด สีหน้ามืดหม่นขึ้น “เป็นเขาจริงๆ…”

“ท่านจ้าวตำหนัก จ้าวเฟิงผู้นี้… ให้ข้ารับมือเอง”

ชายหนุ่มในชุดสีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำลึกอย่างระมัดระวัง เบื้องหน้าเขาคือจ้าวตำหนักศพโลหิตและสามยอดฝีมือชั้นผู้วิเศษแท้

ดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มชุดดำผู้นี้ลึกล้ำ ราวกับนรกอันใดก้นบึ้ง เป็นหุบเหวที่ไร้ทางออก เขามองไปยังจ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ห่างออกไป ใบหน้าปรากฏจิตต่อสู้ขึ้นอย่างไม่อาจปิดกั้น

“หลินทง? หากข้าจดจำไม่ผิด สองปีก่อนในงานสิบสามสำนักพันธมิตร ‘เนตรลบสวรรค์’ ของเจ้าได้พ่ายแพ้ให้แก่เด็กนั่น”

ผู้ฝึกตนชั้นผู้วิเศษแท้ผู้หนึ่งเอ่ยหยอกล้อ

“อืม หลินทง เจ้าเพิ่งกลับมาจาก ‘มรดกจันทราชาด’ ได้ไม่นาน จ้าวตำหนักผู้นี้สนใจในพลังของเจ้านัก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!