บทที่ 496 แมวขโมยตัวน้อย VS แมวขี้เกียจตัวใหญ่
การปรากฏตัวขึ้นของแมวขี้เกียจสีเทาดำได้ดึงดูดความสนใจของผู้คน ณ ที่นั้นไปในทันที
เมื่อมองจากท่าทีของฉินหวางเฟยแล้ว แมวขี้เกียจที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาสามัญตัวนี้นั้นคงเกี่ยวข้องกับแมวที่มักจะอยู่ข้างกายของปราชญ์ลิ่วอูตลอด
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านนักปราชญ์ออกมาแล้ว?”
เหล่าผู้มาเยือนเบื้องหน้าบันไดทางขึ้นหอคอยดวงตาสว่างโรจน์ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวังและความกระตือรือร้น
มีคำเล่าขานว่าข้างกายของปราชญ์ลิ่วอูมักจะมีแมวตัวหนึ่งอยู่เสมอ
ทว่าบัดนี้ แมวแปลกประหลาดตัวนี้ได้กระโจนลงมาจากหอคอยลิ่วอู นั่นหมายความว่านักปราชญ์ออกมาแล้วมิใช่หรือ?
“แมวนี่…”
จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กๆ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาสั่นระริก
สัตว์วิเศษประเภทแมว เขามีหนึ่ง และนี่เป็นตัวที่สองที่เคยพบ ที่สำคัญไปกว่านั้น ท่าทีเกียจคร้านของแมวตัวนี้กลับให้ความรู้สึกเจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวอย่างอธิบายไม่ได้ ยากที่สัตว์วิเศษทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้
นี่คือสิ่งที่แมวขโมยตัวน้อยและแมวขี้เกียจตัวนี้เหมือนกันและสถานการณ์ของแมวขี้เกียจสีเทาดำนี้ยังพิเศษนัก
ยามที่จ้าวเฟิงและฉินหวางเฟยเริ่มปะทะวาจากัน บรรยากาศก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น แมวขี้เกียจตัวนี้กลับไม่รับรู้ถึงอันตรายใดๆ เลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
ควรรู้ว่าเมื่อครู่เขากำลังคิดที่จะยั่วโมโหฉินหวางเฟยให้อีกฝ่ายลงมือ กระทั่งคิดจะลงมือด้วยตนเอง จับตัวฉินหวางเฟยไว้
“แมวขี้เกียจ เมื่อใดกันที่ท่านอาจารย์จะออกมา?”
ท่าทีของฉินหวางเฟยอ่อนโยนเป็นพิเศษ ลูบขนสีเทาดำของมัน กระทั่งมอบยาวิเศษหลายเม็ดให้แก่มัน
ในยามนี้ ในใจของนางเองก็ลอบโล่งอก
การปะทะกับจ้าวเฟิงเมื่อครู่ ฉินหวางเฟยรับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างรุนแรง แรงกดดันที่ไม่อาจมองเห็นจากร่างของอีกฝ่ายได้ครอบคลุมร่างกายและจิตใจของนางเอาไว้ โชคดีที่แมวขี้เกียจสีเทาดำนี้ได้ปรากฏตัวขึ้น ทำลายบรรยากาศหนักหน่วงระหว่างจ้าวเฟิงและฉินหวางเฟย
เมี้ยว
แมวขี้เกียจตัวใหญ่อ้าปาก กินยาวิเศษเข้าไปอย่างพึงพอใจ
ติง แมวขี้เกียจตัวใหญ่ที่ยืนอยู่บนไหล่ของฉินหวางเฟยโยนเหรียญทองแดงโบราณจนเกิดเสียง
นี่ได้ทำให้นัยน์ตาดำของจ้าวเฟิงหดเล็กลง
จากนั้น แมวขี้เกียจตัวใหญ่จึงวาดกรงเล็บแมวของมัน แสดงท่าทีออกมาหลายครั้ง “เจ้าบอกว่าท่านอาจารย์กำลังทำนายดวงชะตา ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งจึงจะสามารถรับแขกได้อีก?”
ฉินหวางเฟยเผยสีหน้าสงสัยออกมา
แมวขี้เกียจตัวใหญ่ผงกศีรษะอย่างเฉยชา วาดกรงเล็บแสดงท่าทาง
“ท่านอาจารย์เรียกข้าไปเพราะมีเรื่องจะพูดด้วยหรือ?”
ฉินหวางเฟยเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเผยสีหน้ายินดีขึ้นในทันที เดินตรงไปทางหอคอยลิ่วอูพร้อมกับแมวขี้เกียจตัวใหญ่
เมี้ยว
เมื่อมีแมวขี้เกียจตัวใหญ่นำอยู่ด้านหน้า ยอดฝีมือของหอคอยลิ่วอูจึงไม่ขัดขวาง
ทว่าเหล่าผู้มาเยือนคนอื่นๆ ที่อยู่หน้าบันไดทางขึ้นหอคอยได้ถูกหยุดเอาไว้
จ้าวเฟิงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ท่านนักบวช ในเมื่อท่านนักปราชญ์สามารถพบกับฉินหวางเฟยได้แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะผ่อนปรนให้พวกเราเข้าไปเช่นกัน”
ผู้มาเยือนเหล่านี้ย่อมไม่พอใจอย่างมาก
“ไม่ได้หรอก ผู้ที่ได้รับคำเชิญมีเพียงหวางเฟย มีเพียงแค่รอให้ท่านผู้นั้นอนุญาตเท่านั้น”
ยอดฝีมือที่ป้องกันทางขึ้นหอคอยยังคงไม่หวั่นไหว
“ท่านแมวขี้เกียจ โปรดให้พวกเราไปด้วยเถอะ”
“คารวะท่านแมวขี้เกียจ นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มอบให้ท่านเพื่อแสดงไมตรี…” ผู้มาเยือนเหล่านี้ฉลาดยิ่งนัก ลงมือด้วยหลายวิธีการ มองหาคำอนุญาตจากปากของแมวขี้เกียจตัวใหญ่
ในหอคอยลิ่วอู
แมวขี้เกียจตัวใหญ่นี้กับนักปราชญ์มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันยิ่งนัก อาจกล่าวได้ว่ามันคือผู้แทนของปราชญ์ลิ่วอู
หากต้องการจะพบนักปราชญ์ โอกาสที่มีมากที่สุดคือคำอนุญาตไม่กี่คำของแมวขี้เกียจตัวใหญ่นี้
เมี้ยว
แมวขี้เกียจตัวใหญ่เอียงคอ มองไปยังผู้คนคราหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังหอคอยอย่างเย่อหยิ่ง
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร”
ผู้มาเยือนบางคนพลันรู้สึกหมดความอดทน
รวมทั้งโม่เทียนอี้ที่มีความกระวนกระวายอยู่บนสีหน้า บางคนที่จำต้องเข้าพบนักปราชญ์มีเรื่องสำคัญอย่างมาก ไม่อาจที่จะเฝ้ารอยืดเยื้อได้
คิ้วของจ้าวเฟิงมุ่นเข้าหากันเล็กๆ ความเป็นตายของหลิวฉินซินเป็นปมในใจ ส่งผลต่อหัวใจและจิตวิญญาณของเขา
เมี้ยว เมี้ยว
เสียงแหลมสูงที่คุ้นเคยดังก้องในใบหูของจ้าวเฟิง ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความยั่วยุ
เมี้ยว?
ร่างใหญ่ของ ‘แมวขี้เกียจ’ ที่กำลังจะเข้าไปในหอคอยพลันหมุนศีรษะของมันกลับมา มองกลับมาเบื้องหลังอย่างประหลาดใจ บนไหล่ของจ้าวเฟิงปรากฏแมวขโมยสีเทาเงินขึ้น ตัวของมันใหญ่เพียงครึ่งหนึ่งของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ นัยน์ตากลมโตราวอัญมณีปรากฏประกายความเจ้าเล่ห์อยู่
ติง แมวขโมยตัวน้อยโยนเหรียญทองแดงโบราณออกมาหลายเหรียญ บนใบหน้าปรากฏความผ่อนคลาย บิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มมองไปยังแมวขี้เกียจตัวใหญ่
“แมวขโมยตัวน้อย มิใช่ว่าแมวขี้เกียจตัวนี้เป็นพันธุ์เดียวกับเจ้าหรือ?”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
จะอย่างไร แมวขี้เกียจและแมวขโมยตัวน้อยก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง
หากแมวขโมยตัวน้อยสามารถต่อรองกับแมวขี้เกียจตัวใหญ่ได้เป็นอย่างดี บางทีจ้าวเฟิงอาจจะได้รับการยกเว้น เข้าไปในหอคอยลิ่วอูและพบกับนักปราชญ์ได้
เมี้ยว เมี้ยว
ใบหน้าของแมวขโมยตัวน้อยเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แสดงท่าทาง ‘ข้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า’ ออกมา ในระหว่างนั้นมันยังมองไปยังแมวขี้เกียจตัวใหญ่อย่างล้อเลียนยั่วยุครั้งหนึ่งด้วย
เมี้ยว
แมวขี้เกียจตัวใหญ่ราวกับเกิดโมโหอยู่ในใจ นัยน์ตาส่องประกายเย็นเยียบ ท่าทีราวกับกำลังเอ่ยเตือน จากนั้นมันจึงแยกเขี้ยว กรงเล็บทั้งสองวาดไปมา แสดงท่าทีว่ามันคือผู้ที่เหนือกว่า
ผู้คนไม่ยากที่จะเข้าใจในคำพูดของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ ถิ่นข้า ข้าครอง
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยเก็บเหรียญทองแดงโบราณ หมุนตัวหันก้นไปทางแมวขี้เกียจตัวใหญ่ แมวขี้เกียจตัวใหญ่เพียงชะงักไป กำลังงุนงง จากนั้นจึงเห็นขาของแมวขโมยตัวน้อยยกขึ้น สร้างสายน้ำเรียวบางสายหนึ่งขึ้น
“ฮ่าฮ่า แมวขโมยนี้กล้ามิน้อย กล้าที่จะปัสสาวะเบื้องหน้าหอคอยลิ่วอูเสียด้วย”
ผู้คน ณ ที่นั้นนิ่งอึ้ง บางคนหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
ใบหน้าของฉินหวางเฟยราวกับมีน้ำแข็งเกาะ แมวขโมยตัวน้อยนี้ได้สร้างความทรงจำที่ฝังลึกให้แก่นาง
ก่อนหน้า ในเมืองหลวงอาณาจักรนภา แมวขโมยตัวนี้ได้ร่วมมือกับจ้าวเฟิงจับฉินหวางเฟยเป็นตัวประกัน
เมี้ยว
แมวขี้เกียจตัวใหญ่เดือดดาล ท้องฟ้าราวกับมืดมิดลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเย็นเยียบไร้ที่มาท่วมท้นหัวใจของผู้คน กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้หลายคนยังจิตใจสั่นสะท้าน
ชัดเจนว่าการกระทำของแมวขโมยตัวน้อยได้ยั่วยุมันอย่างมาก
เหมือนเช่นสุภาษิตที่ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ที่นี่คืออาณาเขตของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ แมวตัวอื่นกล้าที่จะปัสสาวะต่อหน้ามันในสายตาของทุกคน มีหรือที่มันจะทนได้?
ในอากาศได้ปรากฏประกายแสงสีดำอ่อนทะลวงผ่านวาบ ร่างกายที่ดูอ้วนท้วมอย่างมากของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ทะยานวูบราวสายฟ้า มุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าแมวขโมยตัวน้อย
เร็ว
ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงบางคนรู้สึกตื่นตะลึง
ด้านความเร็ว แมวขี้เกียจตัวใหญ่เหนือกว่าคนที่อยู่ในที่นั้นส่วนมากแล้ว เพียงพอที่จะทำให้คนต้องรู้สึกละอาย
ชั่วขณะต่อมา แมวขี้เกียจตัวใหญ่สร้างแรงกดดันมหาศาล กรงเล็บแมวตะปบลงไปยังร่างของแมวขโมยตัวน้อย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือพลัง แมวขี้เกียจตัวใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เหนือกว่าแมวขโมยตัวน้อยอย่างชัดเจน
ฟุ่บ
ร่างของแมวขโมยตัวน้อยแตกสลาย ที่เดิมหลงเหลือเพียงภาพติดตา
เมี้ยว
แมวขี้เกียจตัวใหญ่รู้สึกคาดไม่ถึง พลันรับรู้ได้ถึงสายลมเย็นเยียบดุดันที่เบื้องหลัง
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยราวกับเงาภูตพราย ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ อุ้งเท้าตวัดไปยังศีรษะของแมวขี้เกียจตัวใหญ่
ฮึ่ม
แมวขี้เกียจตัวใหญ่ลงเสียงฮึ่มฮัม หมุนตัวตวัดกรงเล็บรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ป้องกันการโจมตีของแมวขโมยตัวน้อยอย่างมั่นคง พลักฝ่ายหลังให้กระเด็นไปหลายฟุต
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยทะยานขึ้นสูงกลางอากาศ ร่างของมันจางหายไปไร้ซึ่งร่องรอย
ชัดเจนว่าในด้านของพลัง แมวขโมยตัวน้อยไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย แมวขี้เกียจตัวใหญ่แสยะยิ้มเหยียดหยาม ร่างทะยานวูบไล่ล่าเส้นทางที่แมวขโมยตัวน้อยใช้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในผู้คน ณ ที่นั้น มีเพียงดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงที่สามารถมองเห็นเส้นทางการหลบซ่อนของแมวขโมยตัวน้อยได้ ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้คนอื่นๆ หากใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณอย่างละเอียดจึงจะสามารถค้นพบร่องรอยบางอย่างได้
“แมวขี้เกียจตัวใหญ่นี่ดูไม่ธรรมดานัก มันสามารถรับรู้ได้ร่องรอยการหลบซ่อนของแมวขโมยตัวน้อยได้ในระดับหนึ่ง”
จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้าในซากปรักหักพังสือเฉิง ลู่เทียนอี้และเย่หยานหยูตกที่นั่งลำบาก ไม่อาจค้นพบร่องรอยของแมวขโมยตัวน้อยได้ ทำให้ต้องพ่ายแพ้ไป
ฟึ่บ
เบื้องหน้าหอคอยลิ่วอู แมวสองตัว หนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่ เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
เหล่าผู้มาเยือนมองอย่างนิ่งอึ้ง ทว่าคนส่วนมากกลับไม่อาจมองเห็นการต่อสู้นี้ได้อย่างชัดเจนแม้แต่น้อย
“สมแล้วที่จ้าวเฟิงเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ วาสนาไม่ธรรมดานัก กระทั่งแมวที่อยู่ข้างกายยังสามารถรับมือกับสัตว์เลี้ยงขอปราชญ์ลิ่วอูได้ขนาดนี้”
“แมวสองตัวนั่น แม้ตัวจะเล็ก ทว่าพลังความสามารถไม่ธรรมดายิ่งนัก มากเกินกว่าที่สัตว์ปีศาจทั่วๆ ไปจะสามารถเทียบเคียงได้”
ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้หลายคนแม้มีประสบการณ์คิดวิเคราะห์มามาก ทว่ากลับไม่อาจมองเห็นต้นกำเนิดความเป็นมาของแมวทั้งสองได้
“จ้าวเฟิงผู้นี้กระทั่งมีสัตว์เลี้ยงเช่นนี้ กระทั่งสามารถปะทะกับท่านอาจารย์แมวได้เพียงนี้”
นัยน์ตาของฉินหวางเฟยยังคงปรากฏความเกลียดชัง ทว่ามันได้ปรากฏความริษยาขึ้นหลายส่วน ความสามารถของแมวขี้เกียจตัวใหญ่ นางยังยอมรับอยู่บ้าง หากมีแมวประเภทนี้ พลังกลยุทธ์วิธีย่อมราวกับได้รับพรจากสวรรค์ มีความหวังที่จะสามารถควบคุมดวงชะตาของอาณาจักรนภาได้
ทว่า
ทว่าแมวที่ไม่ด้อยไปกว่าแมวขี้เกียจตัวใหญ่กลับอยู่ในมือของศัตรูคนรุ่นหลัง
เปรี้ยง ฟึ่บ
แมวทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ พุ่งทะยานวูบวาบโจมตี ความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
พลังกายของแมวขี้เกียจตัวใหญ่เหนือกว่า มักจะเข้าปะทะซึ่งๆ หน้าจนแมวขโมยตัวน้อยกระเด็นลอย ทว่าแมวขโมยตัวน้อยคล่องแคล่วกว่า การโจมตีด้วยกรงเล็บของมันได้ทำให้แมวขี้เกียจตัวใหญ่มึนงงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชัดเจนว่าแมวขี้เกียจตัวใหญ่ได้เปรียบ กระทั่งเข้าป้องกันกรงเล็บแมวของแมวขโมยตัวน้อย ลดผลมึนงงจากมันจนต่ำสุด นอกจากนั้น แมวตัวนี้ยังใช้กลยุทธ์วิธี ตราบเท่าที่ศีรษะของมันไม่ถูกแมวขโมยตัวน้อยตบ มันก็จะไม่ได้รับผลมึนงง
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยพลันคำรามขึ้น อุ้งเท้าแมวทั้งสองร่ายรำอย่างรวดเร็ว ทุกกรงเล็บที่ตะปบออกจะสร้างคลื่นกรงเล็บแหลมคมแทรกผ่านอากาศไป
ภาพนี้ได้ทำให้แมวขี้เกียจตัวใหญ่เผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมา รู้สึกตามไม่ทั แม้ว่าร่างของมันจะหนาและคล่องแคล่ว ทว่ามันก็ยังคงถูกเงากรงเล็บเฉี่ยว สร้างรอยเลือดทิ้งไว้บนร่างของมัน
“หืม ดูเหมือนว่าจะเป็นเสวียนอ้าวของกริชลึกลับนั่น?”
ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องประกายเจิดจ้า
ครั้งนี้ แมวขโมยตัวน้อยไม่ได้เรียกใช้กริชลึกลับนั้นตรงๆ ทว่าใช้กลิ่นอายพลังเสวียนอ้าวของมันบางส่วนแทน
ไม่ยากที่จะคิดเลย จ้าวเฟิงสามารถทำความเข้าใจและฝึกฝนแก่นแท้เสวียนอ้าวของ ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ ได้ แมวขโมยตัวน้อยเองก็ย่อมสามารถทำความเข้าใจได้เช่นกัน
ทำความเข้าใจมรดกใหญ่? แมวตัวนี้ ‘เกิด’ มากี่ปีกันจึงสามารถทำได้สำเร็จ?
จ้าวเฟิงยิ่งสงสัยในต้นกำเนิดของแมวขโมยตัวน้อยยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนแรก แมวขโมยตัวน้อยฟักออกมาจากไข่ มันก็นับว่ามีบางสิ่งผิดปกติแล้ว เพราะโดยทั่วไป แมวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถือกำเนิดออกจากไข่ได้
เมี้ยว เมี้ยว
จิตต่อสู้ของแมวขโมยตัวน้อยเข้มข้นขึ้น ใช้เสวียนอ้าวและกลิ่นอายพลังของมรดกอาวุธวิเศษเข้าปะทะได้เปรียบแมวขี้เกียจตัวใหญ่ ถลาเข้าไปในหอคอยลิ่วอูในครั้งเดียว
“ท่านอาจารย์ แมวสองตัวได้เข้าไปในหอคอยแล้ว”
นักบวชหลายคนเอ่ยขึ้นกับชายชราเคราขาวที่ได้พยายามทำนายดวงชะตาจนกระอักเลือดก่อนหน้า
แมวขี้เกียจตัวใหญ่คือตัวแทนของนักปราชญ์ บัดนี้แมวที่เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในเผ่าพันธุ์เดียวกันได้เข้ามาในหอคอยลิ่วอู คนรู้สึกจนใจอยู่บ้าง
“เราคือสำนักที่ฝึกฝนในศาสตร์แห่งดวงชะตา ไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ โชคชะตาและแหล่งที่มาของแมวขโมยตัวนั้นคล้ายคลึงกับแมวขี้เกียจตัวใหญ่ ลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง ราวกับว่าโชคชะตาของมันเกี่ยวข้องกับความลับของสรวงสวรรค์ บางทีพวกมันอาจจะกำลังทำให้กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนอยู่ก็เป็นได้”