บทที่ 1055 แยกส่วนและลอกเลียนแบบ
ยาชำระเลือดบริสุทธิ์ หลอมจากเลือดของเสืออัคคีปีกทองและน้ำในสระเท่านั้น ทรัพยากรเหล่านี้สำหรับจ้าวเฟิงแล้วมีมากเพียงพอ
อีกทั้งหลังจากที่จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตทวาเร้นลับแล้ว ประโยชน์ของทรัพยากรทั้งสองชนิดนี้ที่มีต่อจ้าวเฟิงอาจจะลดลงเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปรอที่มุมมืดทมิฬ!”
สายตาของราชาซียนโยวมู่มองประเมินจ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำ จากนั้นกายก็หลอมรวมไปในอากาศก่อนหายลับไป
มุมมืดทมิฬไม่บุ่มบ่ามลงมือกับขั้วอำนาจขนาดใหญ่ นอกจากนั้น ท่าทีของตำหนักราชัน ก็ทำให้ราชาซียนโยวมู่คาดหวังอยู่บ้าง
หากตำหนักราชันสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ภายใต้การกดดันจากวังเก้านิรย เช่นนั้นก็จะต้องกลายเป็นขั้วอำนาจขั้นสุดยอดของแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน
สำหรับขั้วอำนาจเช่นนี้ ในยามนี้หากเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีไว้ได้ ในอนาคตอาจจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล
ฟู่! หลังจากที่ราชาเซียนโยวมู่จากไปแล้ว จ้าวเฟิงก็ถอนหายใจออกมา
ต่อให้จ้าวเฟิงทะลวงขั้นเซียน เขาก็ไม่มั่นใจขนาดจะวัดพลังกับราชาเซียน
พรึ่บ! เกราะแขนในมือจ้าวเฟิงโบกขึ้น กายอยู่ในเงาซ้อนทับสีเงิน ก่อนจะจางลงแล้วเลือนหายไป หลังจากทะลวงขั้นเซียนแล้ว จ้าวเฟิงเชื่อว่าระยะที่เขาใช้มนตราอากาศส่งข้ามจะไกลยิ่งกว่าเดิม
ครั้งนี้จ้าวเฟิงส่งข้ามระยะสี่เมืองใหญ่
วู้ม พรึ่บ! เงาซ้อนทับสีเงินชั้นหนึ่ง ซ้อนทับอยู่ในอากาศ ร่างของจ้าวเฟิงค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากในนั้น
ทันใดนั้น แรงกดดันเซียนที่น่าหวาดหวั่น ทำให้ฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์ประหลาด
“เซียน!”
ราชันระดับสุดยอดคนหนึ่งที่อยู่ข้างจ้าวเฟิง พลันคุกเข่าล้มไปอยู่บนพื้น ปราณที่แท้จริงและสายเลือดถูกกดดันจนไม่อาจโคจรได้แม้เพียงนิดเดียว
“พลังยังไม่อาจควบคุมได้ทั้งหมด ยังไม่คุ้นเคย”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงเบา
“ยังสามารถเพิ่มระยะส่งข้ามได้อีก!”
จ้าวเฟิงไม่ได้ไปสนใจคนผู้นี้ เกราะแขนโบกขึ้นอีกครั้ง เงาของเขาก็หายไปพร้อมกับคลื่นมิติ
เสี้ยวขณะต่อมา จ้าวเฟิงก็กลับมาอยู่หน้าประตูภูเขาตำหนักราชัน
ครั้งนี้ จ้าวเฟิงส่งข้ามระยะหนึ่งมณฑล พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของเขาน้อยลงทันที
“ดูท่าแล้วจากนี้ ทุกครั้งสามารถส่งข้ามระยะหนึ่งมณฑได้!”
จ้าวเฟิงดีใจเล็กน้อย ทะลวงขั้นเทวาเร้นลับสามารถนำความสะดวกสบายมาให้เขาได้มากถึงเพียงนี้
อาวุธเทพนั้นไม่เหมือนกัน จ้าวเฟิงเท่ากับว่าพกค่ายกลส่งข้ามมณฑลติดตัวไว้
ยามนี้ ในตำหนักราชัน ขั้วอำนาจที่ได้รับการเชื้อเชิญจากปี้ชิงเยว่ให้มาช่วยเหลือตำหนักราชัน ยังคงอยู่ทีนี่
“ผู้อาวุโสสูงสุด!”
“จ้าวเฟิง!”
ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกัน มองมายังจ้าวเฟิง ในใจรู้สึกสั่นสะท้านเล็กน้อย
จ้าวเฟิงไล่สังหารเซียนโม๋ยวน เวลาก็ได้ผ่านไปสิบกว่าวันแล้ว ในใจของทุกคนมากน้อยล้วนเป็นกังวล
สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบเฉย เดินมาถึงด้านบน แล้วนั่งลงอย่างปลอดภัย
จ้าวเฟิงรู้ถึงสถานการณ์มาบ้างจากปี้ชิงเยว่ผ่านจากตราผนึกดวงใจทมิฬ
หนานเฟิงอ๋องมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว จะนำเรื่องราวพวกนี้รายงานกับตำหนักไท่หวง
จุดนี้ ปี้ชิงเยว่เป็นผู้ดำเนินการจัดการเอง จ้าวเฟิงพอใจเป็นอย่างมาก
ที่เขากล้าไล่สังหารเซียนโม๋ยวน อีกทั้งวางแผนจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ก็เพราะวางแผนหลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วก็จะนำเรื่องนี้ไปรายงานกับตำหนักไท่หวง
เชื่อว่าตำหนักไท่หวงก็ไม่หวังที่จะให้เกิดการสู้รบภายในราชวงศ์ขึ้น ในยามที่สองราชวงศ์ทำศึกใหญ่
วังเก้านิรยในฐานะที่เป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวขั้นสุดยอด ตำหนักราชันก็ถือว่าเป็นสามดาวครึ่ง ระหว่างทั้งสองฝ่ายแค่เพียงเปิดศึกขึ้น สำนักศักดิ์สิทธิ์น้อยใหญ่ไม่รู้ต่อเท่าไหร่ที่เกี่ยวข้องด้วย จะสร้างความสูญเสียอย่างมากให้กับราชวงศ์ต้าเฉียน
“ครั้งนี้ทุกท่านช่วยเหลือตำหนักราชัน ข้าแซ่จ้าวจดจำอย่างขึ้นใจ….”
จ้าวเฟิงในยามนี้ทะลวงขอบเขตเวาเร้นลับแล้ว ยิ่งเพิ่มพลังสยบ
“เรื่องนี้หลังจากที่รายงานตำหนักไท่หวงแล้ว วังเก้านิรยไม่มีทางที่จะทำอะไรตำหนักราชันชั่วคราว นี่ก็คือเวลาที่ตำหนักราชันจะพัฒนา…..”
ในยามนี้ ปี้ชิงเยว่ลุกออกมา พูดขึ้นช้าๆ ในขณะเดียวกันก็พูดชัดเจนถึงแผนพัฒนาในอนาคต
ที่นั่งอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นขั้วอำนาจสนับสนุนตำหนักราชัน และที่มีสายสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับตำหนักราชันทั้งนั้น
หลังจากที่ปี้ชิงเยว่พูดจบแล้ว จ้าวเฟิงและเซียนซิงหมัวก็จากไปตามลำพัง
“จ้าวเฟิง ครั้งนี้เจ้าช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”
เซียนซิงหมัวหยอกเย้าเอ่ยยิ้มขึ้น
จ้าวเฟิงไล่สังหารเซียนโม๋ยวนแห่งวังเก้านิรยเกือบสิบวัน ไล่ข้ามหนึ่งมณฑลใหญ่ การไล่ล่าสังหารครั้งนี้ สะพัดไปทั่วแผ่นดินใหญ่นานแล้ว และเพราะเหตุนี้ ชื่อเสียงของจ้าวเฟิงจึงเลื่องลือขึ้นอีกครั้ง ชื่อเสียงและบารมีของตำหนักราชัน ก็ยกขึ้นสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในยามนี้เป็นโอกาสดีงามที่ตำหนักราชันจะทำการพัฒนา!
“เซียนโม๋ยวน เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรยเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงส่ายหัว
ตำหนักราชันหากคิดจะงัดข้อกับวังเก้านิยที่มีพลังแฝงกว่าร้อยล้านปี ยังคงห่างชั้นอีกไกล ต้องรู้ว่า วังเก้านิรยในยามระดับสุดยอด กระทั่งเป็นถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์สี่ดาว
จ้าวเฟิงไม่ได้มั่นอกมั่นใจจากการไล่สังหารเซียนโม๋ยวนจนกร่างถึงขนาดนั้น
“ผู้อาวุโสซิงหมัว ครั้งนี้ข้าอยากจะแลกเปลี่ยนกับท่านถึง ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สอง!”
จ้าวเฟิงอธิบายถึงแผนที่จะใช้
‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สอง จ้าวเฟิงอนุมานเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่มั่นใจเท่าใดนัก ดังนั้นจึงคิดอยากให้เซียนซิงหมัวช่วยเขาอ่าน
หลังจากที่นำ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สองมอบให้กับเซียนซิงหมัวแล้ว จ้าวเฟิงก็กลับไปยังพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังตำหนักราชัน เซียนซิงหมัวก็ต้องหาเวลาอ่านประโยชน์ของ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สอง
หลังจากที่กลับมาถึงตำหนักแล้ว จ้าวเฟิงก็รีบเข้าไปในมิติตาซ้าย
ในยามทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ลูกกลมสีทองลึกลับในมิติตาซ้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ก็เพราะเหตุนี้ จึงสามารถช่วยจ้าวเฟิงเอาไว้ได้ในช่วงเวลาสำคัญ
“นี่มัน….”
จ้าวเฟิงหยุดความคิดลง จิตสำนึกจ้องเขม็งไปที่วัตถุที่อยู่บนลูกกลมสีทองลึกลับ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เดิมที ในมิติตาซ้าย นอกจากลูกกลมสีทองลึกลับกับกระโหลกครึ่งเทพแล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
แต่ในยามนี้ เหนือลูกกลมสีทองลึกลับ กลับมีกระโหลกครึ่งเทพลอยอยู่สองชิ้น โครงสร้างของกระโหลกครึ่งเทพทั้งสองชิ้น รูปร่างเหมือนกันทุกประการ กระทั่งพลังอัสนีเทวะบนนั้นก็เหมือนกัน
“เหตุใดจู่ๆจึงมีกระโหลกครึ่งเซียนที่แฝงด้วยพลังอัสนีเทวะปรากฏขึ้น?”
ในใจของจ้าวเฟิงตื่นตะลึงอย่างเป็นที่สุด
ถึงแม้จะบอกว่า มีกระโหลกอัสนีเทวะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง พลังอัสนีเทวะก็เพิ่มมากขึ้นอีกครึ่งส่วน นี่เป็นเรื่องที่ดี
แต่ทั้งหมดนี้ น่าประหลาดเกินไป
จ้าวเฟิงเริ่มย้อนคิดเหตุการณ์ที่ตาซ้ายเกิดการณ์เปลี่ยนแปลง
ก่อนอื่นคือในลูกกลมสีทองลึกลับ แผ่ซ่านลายคลื่นสีทองเป็นชั้นนับไม่ถ้วน ทะลุผ่านกระโหลกครึ่งเทพกลับไปกลับมานับครั้งไม่ถ้วน
แน่นอน โครงสร้างอณูของกระโหลกครึ่งเซียนรวมไปถึงพลังอัสนีเทวะ ก็ล้วนถูกวิเคราะห์ออกมา บันทึกเอาไว้ในลูกกลมสีทองลึกลับ
จากนั้นในลูกกลมสีทอง ก็ทะลักพลังดั้งเดิมบรรพกาลกลุ่มหนึงออกมา ค่อยๆกลายเป็นวัตถุสีดำบิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่ง จนสุดท้ายกลายเป็นกระโลกครึ่งเทพอีกชิ้น
“หรือว่าจะ….”
จ้าวเฟิงจู่ๆก็คิดอะไรได้ ใบหน้าตกใจ จิตสำนึกกลับเข้ามาในร่างกาย
ฟู่! จ้าวเฟิงหยิบอาวุธวิเศษชั้นพิภพทั่วไปชิ้นหนึ่งออกมาจากมนตรามิติ
ซ่า! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องที่อาวุธวิเศษชั้นพิภพชิ้นนี้ ดูดมันเข้าไปในมิติตาซ้าย
จากนั้น จิตสำนึกของจ้าวเฟิงก็เข้าไปในมิติตาซ้ายอีกครั้ง
จ้าวเฟิงนำกระโหลกอัสนีเทวะย้ายมาที่สุดขอบ นำอาวุธวิเศษชั้นพิภพชิ้นนี้มาวางไว้บนลูกทรงกลมสีทองลึกลับ
จ้าวเฟิงโคจรความคิด สัมผัสกับลูกกลมสีทองลึกลับอย่างระมัดระวัง
ฟิ้ว วู้ม!
ลูกกลมสีทองลึกลับ จู่ๆก็หมุนวนขึ้น คลื่นลายสีทองนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมาจากข้างใน ทะลุผ่านอาวุธวิเศษชั้นพิภพชิ้นนี้ไม่หยุดหย่อน ไม่นานเท่าใดนั้น ในลูกกลมสีทองลึกลับ ก็ค่อยๆ ทะลักกลิ่นอายดั้งเดิมบรรพกาลออก หลอมรวมเอาไว้กลางอากาศ
วู้ม ฟู่! วัตถุสีดำกลุ่มนี้ บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุด หลังจากนั้นหลายชั่วยาม อาวุธวิเศษชั้นพิภพที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง ก็ลอยอยู่เหนือลูกกลมสีทองลึกลับ!
“สามารถ ‘ลอกเลียนแบบ’ วัตถุได้จริงๆรึ?”
ในใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน
ปรากฏการณ์นี้ พิสูจน์การคาดเดาของเขาได้ทั้งสิ้น
จากนั้น ความคิดของจ้าวเฟิงก็กลับมาในร่างกาย
“เจตจำนงดวงตาและไอสวรรค์ มีการใช้ไป!”
จ้าวเฟิงได้รับข้อสรุปนี้
ดูท่าแล้วในตอนแรกที่ ‘ลอกเลียนแบบ’ กระโหลกครึ่งเทพ เป็นเพราะจ้าวเฟิงกำลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกต
เช่นนี้ก็อธิบายได้ว่า เหตุใดพลังของร่างแยกของเซียนโม๋ยวนหลังจากที่แยกส่วนแล้ว ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติตาซ้าย เพราะว่าในตอนนั้นกำลังลอกเลียนแบบกระโหลกครึ่งเซียน ต้องการพลังงาน
“การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยครั้งนี้ นำพลังนี้มาให้ข้า!”
จ้าวเฟิงยินดีจนแทบคลั่ง
กระทั่งกระโหลกครึ่งเทพ พลังอัสนีเทวะยังสามารถลอกเลียนแบบได้ แสดงให้เห็นว่า พลัง ‘ลอกเลียนแบบ’ พิศดารขนาดไหน
“ท่าทาง นี่จึงจะเป็นพลังดวงตาสีทองที่สมบูรณ์แบบ!”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
ดวงตาสีทองที่มีเพียงวิเคราะห์ ในฐานะที่เป็นพลังเสริมยังไม่นับว่าแข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่หากรวมกับพลัง ‘ลอกเลียนแบบ’ ในวันนี้ เช่นนั้นก็สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมากแล้ว แต่ว่า จ้าวเฟิงที่ค้นพบพลังใหม่ของดวงตาสีทอง ก็เริ่มวิเคราะห์ถึงข้อเสียของพลังนี้
ข้อหนึ่ง เสียเวลา ลอกเลียนแบบกระโหลกครึ่งเทพใช้เวลาเกือบสิบวัน ถึงแม้ว่าอาวุธวิเศษชั้นพิภพจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วยามก็ลอกเลียนแบบเสร็จสิ้น แต่จ้าวเฟิงในขั้นนี้ ล้วนใช้มรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรืออาวุธวิเศษชั้นพิภพในระดับต่ำที่สุด
ข้อที่สอง เผาผลาญค่อนข้างสูง ในยามที่ลอกเลียนแบบกระโหลกครึ่งเซียน จ้าวเฟิงกำลังทะลวงขอบเขต เพิ่มพลังฟ้าดินโดยไม่ขาดสาย อาจจะไม่ได้สังเกต แต่ในยามที่เลียนแบบอาวุธวิเศษชั้นพิภพ จ้าวเฟิงก็ได้รับข้อสรุป
ในยามนี้จ้าวเฟิงค้นพบว่า ลอกเลียนแบบวัตถุ ต้องใช้วิญญาณและพลังดวงตา ต่อมาคือไอสวรรค์ในกาย
สองสิ่งนี้สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว ค่อนข้างสำคัญ หากใช้จนสุดท้ายเสริมไม่ทัน อาจจะสร้างผลเสียที่แสนสาหัสได้
“แต่ว่ามีพลัง ‘ลอกเลียนแบบ’ ข้าเหมือนว่าจะสามารถผลิตทรัพยากรฝึกฝนได้เองแล้ว!”
ในใจของจ้าวเฟิงประหลาดใจ รู้สึกคาดไม่ถึง
แต่ว่าจ้าวเฟิงใช้วิญญาณ พลังดวงตาและไอสวรรค์ ลอกเลียนแบบทรัพยากรที่ตัวเองต้องการ อีกด้านหนึ่งจ้าวเฟิงก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูพลังดวงตาและไอสวรรค์ หรือดื่มกินทรัพยากรล้ำค่าอื่นๆ
ระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ เหมือนกับว่าจะมีจุดสมดุลอยู่
“วางพลังนี้ลงก่อนก็แล้วกัน!”
ในยามนี้คิดอะไรมากมาย ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ สู้ในอนาคตค่อยๆทดลองดีกว่า
ในตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือเสถียรเขตแดนเซียน!
จ้าวเฟิงพึ่งจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ
สำหรับการควบคุมพลังยังไม่ค่อยถูกวิธีเท่าใด แม้กระทั่งกลิ่นอายยังไม่อาจแอบซ่อนได้ นอกจากนั้น วายุอัสนีธาตุดิน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ก็ทะลวงถึงขั้นที่เก้าไปตามน้ำ แค่เพียงเริ่มฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดิน เช่นนั้นพลังของจ้าวเฟิง ก็จะยกขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ซ่า! ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏผลึกหินสีเหลืองหม่นสองก้อน นี่ก็คือทรัพยากรฝึกฝนธาตุดินี่จ้าวเฟิงแลกมาจากตำหนักรบมณฑลหลาน
จ้าวเฟิงรีบโคจร วิชาฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดินของ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ เริ่มดูดซับพลังธาตุดินในหินผลึกสีเหลืองหม่น
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงโคจร ‘หมื่นห้วงความคิดเซียน’ หนึ่งจิตใจใช้หลายอย่าง ทำความเข้าใจให้คุ้นเคยพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ และแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกายหลังจากทะลวงขั้นแล้ว
หลังจากที่ทะลวงขั้นเซียนแล้ว แก่นผลึกในกายแหลกละเอียด ผสานกับกฏเกรฑ์เสวียนอ้าวฟ้าดิน กลายเป็นแสงวนศักดิ์สิทธิ์
ในยามนี้ แสงวนศักดิ์สิทธิ์ในกายของจ้าวเฟิง มีสี่สี แบ่งเป็นจากสีฟ้าเป็นสีเขียว เป็นสีแดง จากนั้นโคจรเป็นสีเหลืองหม่น
ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ พลังทั้งหมดที่ตนควบคุม ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แน่นอน
ดังนั้น ขั้นตอนในการค่อยๆคุ้นเคยกับการควบคุม ยาวนานเป็นอย่างมาก แต่ตาซ้ายมอบพลังการคาดเดาและการสังเกตที่ไม่ธรรมดาให้กับจ้าวเฟิง ดังนั้น จ้าวเฟิงใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ก็คุ้นเคยกับพลังในยามนี้โดยสมบูรณ์
วันหนึ่ง จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองขึ้น
ในเสี้ยวขณะนั้น จ้าวเฟิงค้นพบว่าเจตจำนงของเขาสามารถหลอมรวมเข้าไปในฟ้าดินได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งควบคุมพลังเสวียนอ้าวเคลื่อนไหวได้อย่างตามอารมณ์ สามารถกระตุ้นพลังธรรมชาติฟ้าดิน
“นี่ก็คือพลังที่แท้จริงของขอบเขตเทวาเร้นลับ!”
ร่างกายของจ้าวเฟิง ส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ รอบด้านลายอัสนีสีเหลืองหม่นลอยขึ้นชั้นหนึ่ง ฟ้าดินพลันหลอมรวมทันที ปรากฏเป็นเกิดแรงกดอัดอันน่ากลัวที่ราวกับขาดอากาศหายใจ