Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 495

ตอนที่ 495

คัมภีร์ผนึกอสูรโบราณ

คำพูดอันมืดมัว ฟังดูน่ากลัวของบุรุษชุดดำดังก้องออกไป นำพาพลังแห่งปีศาจที่แปลกประหลาด ซึ่งดูเหมือนจะสามารถทำให้ทุกคนที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านอยู่ในจิตใจ ผู้ฝึกตนทั้งหมดในบริเวณนั้นมีสีหน้าว่างเปล่า ฉับพลันนั้นก็ดูเหมือนว่าจิตใจพวกมันเต็มไปด้วยกระแสน้ำวน ความทรงจำของพวกมันสับสนวุ่นวาย ราวกับว่าพวกมันได้ยินในสิ่งที่บุรุษชุดดำกล่าวออกมา แต่ก็ไม่อาจจะจดจำไว้ได้

ความรู้สึกขัดแย้งเต็มอยู่ในจิตใจพวกมัน ราวกับว่าความเพ้อฝันและความเป็นจริงกำลังผสมเข้าด้วยกัน ใบหน้าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็ซีดขาว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ เขารู้ว่านี่เป็นพลังที่เขาไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้ เขาถอยไปด้านหลัง พลังคำพูดของคู่ต่อสู้ไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาเท่าใดนัก แต่จิตใจก็ยังคงสั่นสะท้าน เหตุผลก็เพราะว่าเสียงของมันได้รับแรงหนุนจากปราณอสูร และกลายเป็นสัญลักษณ์เวทอันซับซ้อน กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

“วิธีที่ข้าจะใช้ปราณอสูรได้ ช่างซับซ้อนนัก…”เมิ่งฮ่าวคิด หอบหายใจ “ข้าไม่เคยคิดว่าจะสามารถใช้มันด้วยวิธีเช่นนั้นได้!” ดวงตาเริ่มเจิดจ้าขึ้น พุ่งถอยไปด้านหลัง ในขณะที่บุรุษชุดดำบินตรงมาที่เขาราวกับเป็นสายฟ้า

ทันใดนั้น บุรุษชุดดำก็ยกมือขึ้นมา และชี้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ฉับพลันนั้น ปราณอสูรที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็รวมตัวอยู่รอบๆ นิ้วของมัน เพียงชั่วพริบตา ก็กลายเป็นหอก แหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ที่พวกมันเห็นก็คือบุรุษชุดดำชี้นิ้วไปยังเมิ่งฮ่าว อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายอันรุนแรงก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่ขณะที่มันเกิดขึ้น เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังบุรุษชุดดำ และจู่ๆ ก็คิดไปถึงปรมาจารย์เอกะเทวะ

“อาวุธอสูรฮวงจ่ง กลั่นสกัดจากโลหิตโดยผู้ผนึกอสูรรุ่นสาม…ปรมาจารย์เอกะเทวะ, อสูรที่ถูกผนึกไว้โดยรุ่นก่อนหน้าข้า เพื่อให้กลายเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของข้า…ข้าคือผู้ผนึกอสูรรุ่นเก้า…”

“ถึงข้าจะสู้ปรมาจารย์เอกะเทวะไม่ได้ แต่มันก็ยังไม่กล้าสังหารข้า สิ่งที่มันสามารถทำได้ก็คือหลบหนีไป อาวุธอสูรนี้ถูกกลั่นสกัดโดยผู้ผนึกอสูรรุ่นสาม มันต้องการกลืนข้าลงไป เพื่อให้มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป สถานการณ์นี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากปรมาจารย์เอกะเทวะ แต่จริงๆ แล้ว ก็มีหลักการพื้นฐานเช่นเดียวกัน!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็เริ่มกล่าวขึ้น

“เต๋าโบราณ; ปรารถนาที่จะผนึกสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง; สร้างคุณความดีเพื่อขุนเขาทั้งหมด; ทัณฑ์แห่งเต๋าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเก้าขุนเขาทะเล; จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!” เขาเปล่งคำพูดในคัมภีร์ออกมา ด้วยท่วงทำนองของปีศาจอสูรที่แปลกๆ ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันแปลกประหลาดขึ้น ทุกคำพูดคล้ายกับเป็นสัญลักษณ์เวทผนึกที่แตกต่างกัน ซึ่งได้เชื่อมต่อกับสวรรค์และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!

ขณะที่เขาท่องคำพูดเหล่านี้ออกมา ท่าทางประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของบุรุษชุดดำ ร่างกายมันสั่นสะท้าน และกลุ่มหมอกสีดำจำนวนมากมายก็เริ่มไหลออกมาจากร่างมัน เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังออกมาจากปากของมัน

“คัมภีร์ผนึกอสูร!?” บุรุษชุดดำแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา “เป็นไปไม่ได้! มรดกของเจ้าไม่ใช่หายสาบสูญไปแล้ว?! เจ้าเรียนรู้คัมภีร์ผนึกอสูรอันบัดซบนี้ได้อย่างไร!!” มันตรงเข้าไปยังกระแสน้ำวนที่อยู่ในท้องฟ้า และทำท่าคว้าจับ ทันใดนั้น บนแท่นบูชาที่อยู่ในกระแสน้ำวนนั้น ใบหน้าก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมาและถูกผลักให้กลับลงไปในกลุ่มหมอก ด้วยเหตุผลบางอย่าง ร่างของบุรุษชุดดำไม่ได้บิดเบือนแวบไปมาอีกต่อไป แต่มั่นคงสงบนิ่ง

แม้จะเป็นเช่นนั้น กลิ่นอายของมันก็อ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้ ไปมากกว่าครึ่ง

“เจ้าต้องตาย!!” มันกล่าว จ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างอาฆาต ตระหนักดีว่าเวลาของมันใกล้จะหมดลงแล้ว ในตอนนี้มันได้แต่สะกดข่มพลังของคัมภีร์ผนึกอสูรไว้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น มือขวาของมันทันใดนั้นก็ยกขึ้นมา ชี้นิ้วตรงมายังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาสะกดข่มพลังของคัมภีร์ผนึกอสูรไว้ได้ เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา ก่อนหน้านี้ บุรุษชุดดำอยู่ในจุดสูงสุดของพลัง และสามารถทำให้สัตว์อสูรเทียมสวรรค์แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในตอนนั้น เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ตอนนี้ มันกำลังอ่อนแอลง เยาปิงฮวงจ่ง (อาวุธอสูรหลุมฝังศพโดดเดี่ยว)…ในตอนนี้เป็นคนที่เมิ่งฮ่าวสามารถต่อสู้ด้วยได้!

“ข้าคือผู้ผนึกอสูร” เมิ่งฮ่าวคิด “รับรู้ได้ถึงปราณอสูร และสามารถใช้มันได้ ข้าควรจะมีความสามารถเหนือกว่าสิ่งที่ถูกเรียกว่าเยาปิงฮวงจ่งนี้ ถ้ามันสามารถใช้ปราณอสูรด้วยวิธีการเช่นนั้นได้ ข้าก็ต้องทำได้เช่นกัน!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และยกมือขึ้น คิดย้อนกลับไปถึงภาพที่สัตว์อสูรเทียมสวรรค์ถูกทำให้พ่ายแพ้ และประตูอันยิ่งใหญ่จู่ๆ ก็เปิดออกอยู่ในจิตใจ ทันใดนั้น ปราณอสูรที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พุ่งตรงมาที่เขา และเริ่มรวมตัวกัน เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมาขณะที่ทันใดนั้น มันก็กระแทกเข้าไปที่หอกปราณอสูรซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาใกล้

ขณะที่เสียงระเบิดดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ลอยละลิ่วไปด้านหลัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก หลังจากที่หยุดลง เขาก็กระอักโลหิตออกมาอีกสามครั้ง ใบหน้าซีดขาวแต่เขาก็หัวเราะออกมาถึงแม้ความสามารถในการควบคุมปราณอสูรของเขา ยังไม่ละเอียดประณีตเท่าคู่ต่อสู้ แต่ตอนนี้เขาก็ได้บรรลุถึงความเข้าใจใหม่ๆ

“โจมตีมาอีก!” เขากล่าว ดวงตาสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ขณะที่เขาลอยอยู่ในกลางอากาศ ยกมือขวาขึ้น ทำให้ปราณอสูรพุ่งตรงมาที่เขามากกว่าเดิม หมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง กลายเป็นกระแสน้ำวนแห่งปราณอสูรขนาดใหญ่

ดวงตาของบุรุษชุดดำแวบขึ้น และภายในใจมันกำลังตกตะลึง ไม่เคยคาดคิดว่าคู่ต่อสู้ของมันจะสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้มาก่อน ความแตกต่างระหว่างความรู้ขั้นพื้นฐานของปราณอสูร และความสามารถในการใช้มันเหมือนเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่แค่เล็กน้อย แต่ราวกับเป็นช่องว่างอันกว้างใหญ่ระหว่างสวรรค์และปฐพี

“ด้วยพลังของการรู้แจ้งเช่นนั้น เจ้าสมควรที่จะถูกเรียกว่าผู้ผนึกอสูร แต่ถ้าเจ้าต้องการจะเรียนรู้วิธีการควบคุมปราณอสูรไปจากข้า…ก็แย่นัก! ข้าจะไม่เปิดโอกาสให้เจ้า! ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ปราณอสูรเพื่อสังหารเจ้า ข้าสามารถกำจัดเจ้าด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์แค่สามรูปแบบของข้าเท่านั้น!” บุรุษชุดดำทำท่าคว้าจับ และหอกยาวสีดำก็ปรากฎขึ้นอยู่ในมือมันอย่างน่ามหัศจรรย์

“รูปแบบแรก พิฆาตเซียน!” ขณะที่มันกล่าวคำพูดออกมา ทันใดนั้นก็มันก็สะบัดหอก ทำให้กลายเป็นมังกรสีดำขึ้นในทันที ส่งเสียงคำรามแยกเขี้ยวกางเล็บ ขณะที่บิดตัวไปมาในอากาศอย่างสง่างาม กระจายปราณอสูรออกมา เมื่อมันพุ่งฝ่าอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าว ร่างมันก็แวบขึ้นแยกออกเป็นมังกรเก้าตัว!

เก้ามังกรอันน่ากลัวทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวท้องฟ้ามืดสลัว กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมา ขณะที่มังกรสีดำทั้งเก้าส่งเสียงคำรามดังก้องไปทั่วในอากาศ ในกรงเล็บของพวกมันมองเห็นเป็นซากศพ ซึ่งกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานและเศร้าเสียใจออกมา

เสียงของมันเสียดแทงเข้าไปในจิตใจเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาคิดไปถึงการสังหารในสนามรบ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่ความรู้สึกงุนงงกวาดผ่านไป เขาโบกสะบัดมือขวา และทันใดนั้นกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาก็ลอยออกมา ก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ดอกบัว เสียงหึ่งๆ ได้ยินมาขณะที่มันหมุนวนเป็นวงกลม ระเบิดพลังแห่งกาลเวลาออกไป

เมิ่งฮ่าวได้ใช้ค่ายกลกระบี่กาลเวลานี้มาเป็นเวลานาน และคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ทันทีที่มันปรากฎขึ้น อากาศก็บิดเบี้ยวไปมา เวลาเปลี่ยนไป ขณะที่เก้ามังกรเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็ร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ จากนั้นก็ชี้ตรงไป

ค่ายกลกระบี่กาลเวลา เบ่งบานเป็นภาพของดอกบัว พุ่งตรงไปยังมังกรทั้งเก้า

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา!

“เวลาสังหาร!” เขาร้องตะโกน กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมา โบกสะบัดมือ ทำให้โลหิตนั้นกลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิต พุ่งตรงไปยังค่ายกลกระบี่ดอกบัว โลหิตจากหัวใจนี้ทำให้พลังแห่งกาลเวลาของค่ายกลกระบี่ระเบิดออกไปในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็สวมหน้ากากโลหิตลงบนใบหน้า ทำให้แสงสีแดงสาดประกายออกมา จากนั้นกระบี่ไม้สี่เล่มก็ลอยออกมา

กระบี่เหล่านี้ถูกจี้สือจิ่วเรียกว่า กระบี่สังหารเซียน!

กระบี่ไม้ทั้งสี่เล่มพุ่งตรงไป รวมเข้ากับค่ายกลกระบี่ดอกบัว ทันใดนั้นรังสีสังหารอันทรงพลังก็กระจายออกมา…มังกรเหล่านี้ต้องตาย!

เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มไปทั่วท้องฟ้า ร่างกายเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่เขาพุ่งถอยไปด้านหลัง ค่ายกลกระบี่ดอกบัวตกลงไป และกระบี่ไม้ทั้งสี่เล่มก็หมุนคว้างออกไป แต่มังกรทั้งเก้าก็ระเบิดออกเช่นกัน แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน

“รูปแบบที่สอง สังหารชาติภพ!” แสงลี้ลับปรากฎขึ้นในดวงตาของบุรุษชุดดำ ร่างมันพุ่งไปด้านหลังขณะที่โบกสะบัดมือขวา หอกยาวสีดำกลายเป็นลำแสงสีดำในทันที พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

เมื่อมันพุ่งเข้ามาใกล้ ราวกับว่าอากาศแต่ละชั้นกำลังแตกกระจายออกขณะที่มันทะลุผ่านไป หอกที่ใกล้เข้ามานั้นดูเหมือนจะสามารถทำให้ทุกสรรพสิ่งแตกกระจายสิ้น

ถ้านั่นเป็นสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ขณะที่หอกยาวเข้ามาใกล้มากขึ้น อากาศแต่ละชั้นที่แตกกระจายไป ก็เริ่มปรากฎเป็นภาพขึ้น แต่ละภาพดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาจากเวลาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ทุกภาพทั้งหมดนั้นมองเห็นเป็นเมิ่งฮ่าว! เป็นเมิ่งฮ่าวที่แตกต่างกันจากช่วงเวลาที่ต่างกัน ราวกับว่าภาพเหล่านี้ก็คือการเกิดใหม่ของเขาในแต่ละชาติภพ!ราวกับเป็นชาติภพแล้วชาติภพเล่าของเขา เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยากที่จะบอกได้ว่าภาพไหนจริงภาพไหนเท็จ แต่ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องจริงอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่มองไปยังการปรากฎขึ้นของชาติภพนับพัน ในเวลาเดียวกันนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าไม่ได้มองไปยังสิ่งใดๆ ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตอันร้ายแรงอย่างลึกล้ำพุ่งขึ้นมาในจิตใจ ราวกับว่าความสามารถในการหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีได้ถูกปิดผนึกไว้ ราวกับว่าหอกเล่มนี้กำลังจะทำลายชาติภพนับพันทั้งหมดของเขาไป!

เขามองไปยังหอกสีดำที่พุ่งเข้ามาใกล้ และแรงกดดันอันมหาศาลก็กดทับลงมาบนร่าง ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเขาอ่อนแอลงไป

ทันใดนั้น ตรงหน้าผากก็เริ่มเปล่งแสงออกมา รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ทั้งหมดบนร่างปะทุออก ทอง, ไม้, ไฟ, ดิน ทะเลแห่งเปลวไฟปรากฎขึ้น ตามมาด้วยต้นไม้ยักษ์, หยาดฝนทองคำ และดินยะเยียบโบราณ

ขณะที่หอกสังหารชาติภพพุ่งโจมตีใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวอ้าปากขึ้น ลำแสงเลือนลางสีฟ้าก็พุ่งออกมา กลายเป็นกระบี่เซียน แหวกฝ่าอากาศไป กระจายปราณกระบี่อันน่าตกใจออกมา นี่ไม่ใช่ปราณกระบี่เริงระบำ แต่เป็นกระบี่ที่ปรากฎขึ้นจากสำนึกกระบี่ของมันเอง

“แทนที่จะให้เจ้าตัดชาติภพของข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ข้าขอทำมันด้วยตัวเอง!” เขาโบกสะบัดมือ และแสงแห่งความมุ่งมั่นก็ปรากฎขึ้นในดวงตา

กระบี่ปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังของภาพศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ จากนั้นก็เริ่มกระจายแสงสีฟ้าอันน่าตกใจออกมา พุ่งตรงไปเพียงชั่วพริบตา ก็รวดเร็วกว่าหอกสีดำ กรีดเฉือนลงไปยังชาติภพทั้งหมด!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป จากการสังหารชาติภพ ทุกสรรพสิ่งสั่นสะท้าน

กระบี่เซียนสีฟ้าบินกลับมา กลายเป็นลำแสงสีฟ้ากลับเข้าไปในปากเมิ่งฮ่าว ร่างของเขาสั่นสะท้าน ลอยไปด้านหลัง กระอักโลหิตออกมากองโต เมื่อเขามองกลับไป สายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ขณะที่จ้องไปยังบุรุษชุดดำ

จิตใจบุรุษชุดดำสั่นสะท้านขณะที่มันจ้องมองกลับมายังเมิ่งฮ่าว มันถอยไปด้านหลังด้วยเช่นกัน หอกยาวสีดำในมือมันแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

“บัดซบ, ตอนแรกมันใช้คัมภีร์นั่นทำให้ข้าอ่อนแอลง จากนั้นการโจมตีด้วยปราณอสูรของข้า ซึ่งมีพลังสังหารอย่างน่ากลัวต่อทุกคน ก็ไร้ประโยชน์ไม่อาจจะทำอะไรมันได้ เพราะมันคือผู้ผนึกอสูร ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น การต่อสู้ก็คงไม่ยุ่งยากเช่นนี้!” ทันใดนั้นมันก็ยกมือกดลงไปบนหน้าผาก ร่างกายเริ่มเลือนลางลงจนเกือบจะกลายเป็นภาพลวงตา ในเวลาเดียวกันนั้น หอกสีดำอีกเล่มก็ปรากฎขึ้นอยู่ในมือมันอย่างน่ามหัศจรรย์

หอกเป็นสีดำเหมือนก่อนหน้านี้ และดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับกลุ่มหมอกที่ก่อตัวขึ้นเป็นร่างของมัน ราวกับว่าพวกมันเป็นสิ่งเดียวกัน

“รูปแบบที่สาม…” ก่อนที่บุรุษชุดดำจะทันได้พูดจบ รังสีสังหารที่อยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลุกโชนขึ้นมาในทันที

“รูปแบบที่สามอะไรกัน, เจ้าสารเลว!?” เมิ่งฮ่าวได้สังเกตเห็นว่าทั้งคำพูดและการกระทำของเขาได้รับอิทธิพลมาจากนกแก้วอย่างลึกล้ำ…ยกตัวอย่างเช่น คำพูดที่เขาเพิ่งจะกล่าวไป ได้เปล่งออกมาตามธรรมชาติอย่างแท้จริง

ขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา ก็เคลื่อนที่ตรงไป กดมือลงไปบนหน้ากากสีโลหิต จากนั้นก็ยืดแขนออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ ราวกับว่ามีธงผืนใหญ่กำลังปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน!

นี่ก็คืออาวุธเวทอันทรงพลังมากที่สุดของเมิ่งฮ่าว, ธวัชสามแฉก!

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!