ตอนที่ 876
สู้สี่ครั้ง ชนะสี่ครา!
เมื่อเมิ่งฮ่าวโจมตีออกไป หญิงสาวชุดขาวที่กำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ ที่ด้านนอกของต้นไม้เต๋า มองมาที่เขาอย่างเยือกเย็นอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น แม้แต่ตัวเมิ่งฮ่าวเอง
เซียวหลัวไปปรากฏกายขึ้นใหม่บนใบไม้อีกใบ ทั่วทั้งร่างของมันสั่นสะท้านไปมา ขณะที่มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ ก่อนจะต่อสู้กัน มันได้ตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันได้แต่ต้องตั้งรับ โดยที่ไม่อาจจะตอบโต้กลับไปได้แม้แต่น้อยนิด
มันยังได้เผาไหม้อายุขัยบางส่วนเพื่อใช้เวทเก้าซากศพแปลงอสูรออกมาอีกด้วย ช่วยเพิ่มพื้นฐานฝึกตนของซากศพเหล่านั้นให้เทียบเท่ากับเซียนเทียม แต่คู่ต่อสู้ของมันก็ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่มันไม่รู้จักออกมา…ทำให้ซากศพทั้งเก้าของมันต้องหยุดชะงักนิ่งในท่ามกลางการต่อสู้ และยังได้ตัดการเชื่อมของมันไปอีกด้วย
ขณะที่มันขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียวหลัวก็ต้องสูดหายใจเข้าไปลึกๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกหวาดกลัวต่อใครบางคนอย่างแท้จริง
“มันเป็นคนที่ข้าไม่อาจจะไปตอแยด้วยได้! ถ้าข้าพบเห็นมันอีกครั้ง ข้าต้องหลบหนีไปให้ไกล! วิชาเวทของมัน…สามารถสกัดกั้นเต๋าของข้าได้!” เซียวหลัวสูดหายใจเข้าไปลึกๆ อีกครั้ง ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงได้เต็มอยู่ในจิตใจ และมันก็รู้สึกยินดีที่บอกว่ายอมแพ้ มิเช่นนั้นมันก็คงจะกลายเป็นซากศพไปเองแล้วในตอนนี้
แทบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวเสร็จสิ้นการต่อสู้ จ้าวอีฝานก็ได้รับชัยชนะเช่นเดียวกัน หลังจากนั้น…การต่อสู้รอบที่สี่ก็เริ่มขึ้น
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนใบไม้ของตนเองเช่นเคย จากเริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนเลย ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นในท่ามกลางสี่คนแรกนี้ที่สามารถทำได้เหมือนกัน และนั่นก็คือจ้าวอีฝาน!
แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเซี่ยอีเซียนแห่งเซียงหั่วเต้า (เต๋าธูปเผาไหม้)
การต่อสู้นั้นค่อนข้างจะเป็นที่ความสนใจอยู่ไม่น้อย และทำให้เซี่ยอีเซียนมีชื่อเสียงขึ้นมาในทันที ในสายตาของกลุ่มคนที่เฝ้ามองดูมา
เฉียนตัวตัวที่แปลกประหลาดจบการต่อสู้ลงโดยพ่ายแพ้ให้กับหลี่หลิงเอ๋อร์ ซึ่งมีวิชาเวทที่ค่อนข้างจะมีผลกระทบต่อการตอบโต้ของชายชรา อย่างไรก็ตามในตอนท้ายสุด ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครชนะใครพ่ายแพ้ หลี่หลิงเอ๋อร์ที่เอาชนะมาได้ส่วนใหญ่แล้วก็เนื่องมาจากความโชคดีเท่านั้น
ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝานได้เข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว แต่สำหรับคนอื่นๆ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้
คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวในรอบที่สี่นี้เป็นผู้ถูกเลือกที่เอาชนะฝานตงเอ๋อร์มาได้ เซี่ยอีเซียนแห่งเซียงหั่วเต้า ทันทีที่มันโผล่ออกมาจากแสงระยิบระยับ มายืนอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ดวงตามันก็สาดประกายด้วยความเคร่งเครียดขึ้น
สำหรับคนทั้งหมดในแปดคนสุดท้ายนี้ มันรู้สึกหวาดกลัวอยู่สามคน หนึ่งคือจ้าวอีฝานที่น่าตื่นเต้น อีกคนเป็นเฉียนตัวตัวที่พูดมาก และคนสุดท้าย…ก็คือฟางมู่ผู้นี้
“ข้าคือเซี่ยอีเซียนแห่งเซียงหั่วเต้า สหายเต๋าฟาง ได้โปรดชี้แนะ!”
เมื่อพูดจบ จู่ๆ เซี่ยอีเซียนก็นั่งลงไปขัดสมาธิ และขยับมือร่ายเวทด้วยมือขวา ทันใดนั้นกระถางทองแดงก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามัน
ที่ปักอยู่ด้านบนสุดของกระถางทองแดงเป็นธูปดอกหนึ่ง
ขณะที่ธูปนั้นลุกไหม้ขึ้น กลุ่มควันก็ลอยพลิ้วขึ้นไปในอากาศ ม้วนตัวไปมาอยู่รอบๆ ร่างเซี่ยอีเซียน ปิดบังมันไว้อยู่บางเบา
“สหายเต๋าฟาง วิชาเวทของข้าแตกต่างไปจากสิ่งที่ท่านเคยเห็นมาก่อน ถ้าท่านสามารถยืนอยู่ได้เป็นเวลาชั่วธูปดอกนี้เผาไหม้หมด ข้าก็จะยอมแพ้”
เมิ่งฮ่าวยืนนิ่งอยู่กับที่ ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเช่นเคย เขาเคยให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับวิธีการต่อสู้ของเซี่ยอีเซียน ตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่ได้พูดอะไรออกมา ก้าวเท้าตรงไป จากนั้นจู่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา ในชั่วพริบตาสังเวียนการประลองก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยพื้นดินที่ยืดยาวออกไปอย่างไร้ขอบเขตอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
เมืองนับไม่ถ้วนมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ บนพื้นดิน ภายในของแต่ละเมืองเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่ารูปปั้นนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเซี่ยอีเซียนนั่นเอง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า
ในตอนนี้เอง เสียงที่โอ่อ่าเกรียงไกรก็ดังก้องออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้
“สวรรค์ยิ่งใหญ่ ปฐพีเกรียงไกร!” ทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกมา รูปปั้นของเซี่ยอีเซียนก็สั่นสะท้านและลืมตาขึ้นมา แทบจะราวกับว่าพวกมันเริ่มมีชีวิตขึ้นมา ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ มีทั้งหมดเก้าพันรูปปั้น จากนั้นก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว กระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา ในช่วงเวลาสั้นๆ รูปปั้นเหล่านั้นก็รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นหนึ่งเดียว
พวกมันกลายเป็น…เซี่ยอีเซียนที่มีชีวิต
มันลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ยิ้มน้อยๆ มายังเมิ่งฮ่าว
“สวรรค์นั้นยิ่งใหญ่ และปฐพีก็เกรียงไกร แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดก็คือ การเป็นเจ้าแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง!”
“สิ่งมีชีวิตมีความต้องการ ความต้องการกลายเป็นความคิด ความคิดกลายเป็นธูปที่เผาไหม้ กราบกรานต่อเทพ อธิษฐานขอพรจากพวกท่าน ตลอดการฝึกฝนของธูปที่เผาไหม้นี้ ถ้าพวกมันกราบกรานข้า ถ้าเช่นนั้นข้าก็คือเทพ! ถ้าพวกมันอธิษฐานต่อข้า ข้าก็คือเทพ!”
“สถานที่แห่งนี้คือโลกธูปเผาไหม้ของข้า ที่แห่งนี้…ข้าคือเทพ และในที่แห่งนี้ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้!”
“ถ้าข้าบอกว่าแค่หนึ่งลมหายใจก็จะอยู่ไปได้นานนับหมื่นปี ถ้าเช่นนั้นหนึ่งหมื่นปีก็จะเป็นลมหายใจสุดท้ายนั้น!”
“สหายเต๋าฟาง ท่านมีพื้นฐานฝึกตนที่ยิ่งใหญ่ และมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันน่าตกใจยิ่ง พลังแห่งเจตจำนงและความมุ่งมั่นของท่านเป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น ทำไมถึงไม่มาเป็นผู้ติดตามของข้าในที่แห่งนี้? กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธูปเผาไหม้ของข้า ฝึกฝนเต๋าแห่งธูปเผาไหม้ สักวันหนึ่งท่านก็จะกลายเป็นเทพด้วยเช่นกัน”
เซี่ยอีเซียนกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ แต่ก็ดูเหมือนจะประกอบไปด้วยพลังที่แปลกๆ ขณะที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องเข้าไปในหูของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีบางสิ่งในคำพูดเหล่านั้นทำให้ยากที่จะต่อต้านได้ บังคับให้เขาต้องโอนอ่อนผ่อนตาม
“ถ้าข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธูปเผาไหม้ แล้วท่านจะให้หินลมปราณข้ากี่ก้อนต่อเดือน?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงราบเรียบ
ทันทีที่คำพูดนี้ดังก้องขึ้น เซี่ยอีเซียนก็อ้าปากค้าง หลังจากนั้นชั่วขณะ มันก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา โบกสะบัดมือ เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินมา กลายเป็นทวีปหินลมปราณ ทั้งภูเขา, เมือง แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ได้กลายเป็นหินลมปราณไปทั้งหมด
ในชั่วพริบตา โลกแห่งนี้ทั้งหมดได้กลายเป็นหินลมปราณนับไม่ถ้วน อย่างไร้จุดสิ้นสุด
“ท่านอยากได้เท่าใดก็จะได้เท่านั้น”
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ จากนั้นก็ส่ายหน้า “ข้าไม่ต้องการเช่นนี้ ข้าต้องการหินลมปราณที่แท้จริงในโลกด้านนอก”
สีหน้าเซี่ยอีเซียนหมองคล้ำลง แค่นเสียงอย่างเย็นชา เสียงนั้นเริ่มต้นจากเบาบาง แต่จากนั้นก็กลายเป็นเสียงที่คล้ายกับเสียงฟ้าร้องอย่างรวดเร็ว ดังก้องออกไปด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ คล้ายกับว่าสวรรค์กำลังจะบดขยี้ลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว
“คุกเข่าลงให้กับข้า!” เซี่ยอีเซียนกล่าว ด้วยเสียงที่ดังก้องอย่างน่าตกใจ เต็มไปด้วยเจตจำนงที่ดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้าน
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย
“นั่นคือแรงกดดันทั้งหมดที่เจ้าสามารถกระจายออกมา?” เขาถาม ทันใดนั้นก็กลายเป็นคฤธรพุ่งตรงไปยังเซี่ยอีเซียน เสียงระเบิดดังก้องออกมาขณะที่ร่างของเซี่ยอีเซียนพังทลายลงไป ต่อมาไม่นานมันก็ไปปรากฏกายขึ้นอีกครั้งยังที่ห่างไกลออกไป
“พลังชีวิตของข้าในสถานที่แห่งนี้ไร้ขีดจำกัด ท่านไม่อาจจะสังหารข้าได้!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ยกมือขวาขึ้นมา เชื่อมต่อเข้ากับพลังของโลกแห่งนี้ ส่งพลังนั้นให้ไหลเข้าไปในฝ่ามือขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
พลังพุ่งขึ้นมา แรงกดดันอันไร้ขอบเขตกระจายออกไป
“ไม่อาจสังหารมันได้?” เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วครุ่นคิด “หรือเป็นเพราะว่านี่คือเวทแห่งภาพลวงตา? หรือเป็นเพราะว่าข้าไม่ได้รับผลกระทบจากแก่นแท้แห่งพลังชีวิตของมัน?” เขายื่นมือขวาออกไปทำท่าคว้าจับ เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตพุ่งขึ้นมาในทันที กระแสน้ำวนสีโลหิตขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระจายออกไปปกคลุมร่างเซี่ยอีเซียน ห่อหุ้มมันไว้โดยสิ้นเชิง
เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่ร่างกายมันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในเวลาเดียวกันนั้นภาพของมันก็ไปปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ด้านข้างห่างออกไป แต่ในครั้งนี้ใบหน้ามันซีดขาวและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นั่นคือวิชาเวทอะไรกัน!?!?”
“กลายเป็นว่าแก่นแท้แห่งพลังชีวิตของมันไม่มีผลใดๆ ต่อข้า” เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา จากนั้นจู่ๆ มือของเขาก็กลายเป็นสีแดงเจิดจ้า เขาบินออกไปในทันที เข้าไปใกล้เซี่ยอีเซียน ขณะที่มันจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง เมิ่งฮ่าวก็ฟาดฝ่ามือออกไป
เสียงปังได้ยินมา ขณะที่เซี่ยอีเซียนพังทลายกลายเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง พลังการต่อสู้ของมันไม่ได้สูงมากนักมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่น่าตกใจคือวิชาเวทของมันเท่านั้น แต่โชคร้ายที่วิชาเวทนี้ไม่อาจจะทำอะไรเมิ่งฮ่าวได้เลยแม้แต่น้อย
ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่มีใครบางคนมาสังหารมันในโลกแห่งนี้ มันก็จะกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง สามารถที่จะเกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้จุดสิ้นสุด ทำให้คู่ต่อสู้เกิดความท้อแท้หมดกำลังใจไปโดยสิ้นเชิง
แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่มันตายไป พลังชีวิตบางส่วนของมันได้หายไปอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับมันมาก่อน และในความตกตะลึงนี้ มันพยายามที่จะหลบเลี่ยงเมิ่งฮ่าว แต่มันก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับเขาได้แม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะวิชาเวทที่มันกำลังใช้อยู่นี้ เมิ่งฮ่าวก็คงจะสังหารมันไปหลายครั้งแล้วในชั่วพริบตา
เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ทุกครั้งที่เซี่ยอีเซียนตายไป หนึ่งในรูปปั้นของมันก็จะแตกกระจายออก ทุกครั้งที่เซี่ยอีเซียนปรากฏกายขึ้นใหม่ ใบหน้ามันก็จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และจะต้องหลบหนีไปในทันที
“พี่ฟาง, หยุด! ข้าจะให้ท่านออกไป ท่านสามารถจากไปได้…”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ข้าออกไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงเยือกเย็น “ข้าสามารถจากไปเองได้” ด้วยเช่นนั้นเขาก็กระทืบเท้าลงไปบนพื้นดิน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่ภาพแห่งธรรมได้ปรากฏขึ้น สูงขึ้นไปในอากาศหนึ่งร้อยจ้าง พลังของมันพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปมา
สีหน้าเซี่ยอีเซียนเปลี่ยนไป มันกำลังจะกล่าวอะไรออกมาอีก แต่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็กระทืบเท้าลงไปอีกครั้ง เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่ภาพแห่งธรรมของเขาเริ่มขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันมีความสูงถึงหนึ่งพันจ้าง!
พลังอันยิ่งใหญ่พุ่งขึ้นมา และพลังแห่งเซียนแท้ได้กระจายออกไป สีหน้าเซี่ยอีเซียนสลดลงในทันที ขณะที่เมิ่งฮ่าวกระทืบเท้าลงไปเป็นครั้งที่สาม
ตูม!
ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวใหญ่โตขึ้นอีกครั้ง ในชั่วพริบตามันก็มีความสูงสองพันจ้าง ดูเหมือนว่าจะใหญ่โตจนสามารถบดบังท้องฟ้าไปได้
“ฉีกกระชากสถานที่แห่งนี้ให้เปิดออก!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ขณะที่เขาพูด ได้ยกมือทั้งสองข้างสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็แยกสองมือออกจากกัน เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ภาพแห่งธรรมก็ยกสองมือขึ้นไปด้วยเช่นกัน คว้าจับไปที่อากาศ จากนั้นก็เริ่มฉีกกระชากมันออกไปที่ด้านข้าง
เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังก้องออกมา สีหน้าเซี่ยอีเซียนเปลี่ยนไป ขณะที่มันขยับมือร่ายเวท ทำให้โลกแห่งนี้เริ่มหมุนวนไปมาและมั่นคงขึ้น ถึงแม้มันพยายามจะทำเช่นนั้น แต่รอยแตกขนาดใหญ่ก็ยังได้ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
โลกแห่งนี้ถูกฉีกขาดออกไปจริงๆ!
“เป็นไปไม่ได้!” เซี่ยอีเซียนร้องตะโกนออกมา “นี่คือโลกธูปเผาไหม้ของข้า! ข้าคือเทพในที่แห่งนี้! เจ้าอาจจะสามารถทำร้ายพลังชีวิตของข้าได้ แต่ถ้าข้าบอกว่าไม่มีอะไรในที่แห่งนี้จะถูกทำลายไปได้ ก็จะไม่มีพลังใดๆ ที่จะทำได้เช่นนั้น!”
“ข้าเกรงว่าพื้นฐานฝึกตนของเจ้า…ยังไม่สูงส่งเพียงพอ” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ กระทืบเท้าลงไปบนพื้นเป็นครั้งที่สี่ และพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งขึ้นไปด้วยชีพจรเซียนแปดในสิบส่วน และพลังแห่งเซียนแท้แปดในสิบส่วน ภาพแห่งธรรมสูงใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้มันมีความสูงถึงสี่พันจ้าง ยกมือขึ้นไปจากนั้นก็ฉีกกระชากท้องฟ้าอย่างรุนแรง พื้นดินสั่นสะเทือนและสีสันอันเจิดจ้าก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องขึ้นมา
รอยแตกในท้องฟ้าเปิดกว้างมากขึ้น และเสียงกระหึ่มอย่างน่ากลัวก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวกำลังฉีกท้องฟ้าให้ขาดออกมาได้อย่างแท้จริง!
ขณะที่ท้องฟ้าฉีกเปิดออก ทั่วทั้งโลกแห่งนี้รวมทั้งเซี่ยอีเซียนจู่ๆ ก็แตกกระจายไป เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ตรงตำแหน่งเดิมในสังเวียนการประลอง เซี่ยอีเซียนก็อยู่ที่นั่นตรงเบื้องหน้าเขา ก้านธูปที่อยู่ตรงหน้ามันถูกเผาไหม้ไปจนเหลือเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น เสียงแตกร้าวดังก้องออกมา ขณะที่ก้านธูปจู่ๆ ก็พังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ กลุ่มควันก็กระจายหายไป เผยให้เห็นเซี่ยอีเซียนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มันลืมตาขึ้นมาและกระอักโลหิตออกมากองโต ใบหน้าซีดขาว มองมายังเมิ่งฮ่าวและยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
“พี่ฟาง ท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ…ข้ายอมแพ้!”
ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก มันก็กระอักโลหิตออกมาอีก ทันใดนั้นรอยแยกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมัน ดูเหมือนว่าบาดแผลนี้ยากที่จะรักษาให้หายได้ มันคือรอยแผลเต๋า!
สาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นรอยแผลนี้ก็คือการถูกฉีกออกในโลกธูปเผาไหม้ของมัน
การต่อสู้นี้ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง จากจุดเริ่มต้นจนกระทั่งจบลง อยู่ในช่วงเวลาแค่หนึ่งร้อยลมหายใจเข้าออกเท่านั้น และการต่อสู้ของคนอื่นทั้งหมดก็ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มผู้ชมในขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความปั่นป่วนขึ้นมาในทันที
“สู้สี่ครั้ง ชนะสี่ครา!!”
“การต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ดูเหมือนจะปกติธรรมดา แต่จริงๆ แล้ว ศิษย์จากเซียงหั่วเต้า (เต๋าธูปเผาไหม้) ได้ตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรง!”
“รอยฉีกขาดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเซี่ยอีเซียน! ข้าเคยได้ยินมาว่าถ้าเวทแห่งเซียงหั่วเต้าถูกทำลายไป ก็จะมีผลกระทบจนกลายเป็นรอยแผลเต๋า! ใช่หรือไม่ว่า…นั่นคือรอยแผลเต๋า!?”