Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 203

Lord of the Mysteries 203

ตอนที่ 203 : มนุษย์กลายพันธุ์

ไคลน์เปิดอ่านจดหมาย ภายในใจรู้สึกคาดหวังและประหม่า มันก้มหน้าอ่านเนื้อความจากมิสเตอร์อะซิกอย่างตั้งใจ

“…จากเรื่องราวตามคำบอกเล่าของคุณ ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ราวสองถึงสามรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือสมมติฐานเกี่ยวกับแวมไพร์และมนุษย์กลายพันธุ์ แวมไพร์แท้เคยเกือบสูญพันธุ์เมื่อในอดีต โชคดีว่าเผ่ามังกรและคนยักษ์ถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์เสียก่อน ในภายหลังจึงมีคนพบแวมไพร์มากขึ้น แวมไพร์ในความหมายของผม รวมถึงแวมไพร์ในตำนาน แท้จริงแล้วเป็นผู้วิเศษเส้นทางหนึ่ง หากจำไม่ผิดจะใช้ชื่อว่าเส้นทาง ‘แวมไพร์’ มีการดื่มโอสถเหมือนมนุษย์ปกติ หากผู้บังคับบัญชาของคุณอยู่ในสภาพใกล้เสียสติ มีโอกาสสูงว่าเขาจะดื่มโอสถแวมไพร์เข้าไปโดยไม่ตั้งใจ การดื่มโอสถสองเส้นทางพร้อมกันจะก่อให้เกิดภาวะเสียสติ ผมจำได้ว่าเส้นทางรัตติกาล หรือตามความเข้าใจของคุณคือผู้ไร้หลับ สามารถสลับกับเส้นทางมรณาและเส้นทางคนยักษ์ได้ในลำดับ 4 แต่ไม่ใช่กับเส้นทางแวมไพร์แน่นอน ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ ผู้บังคับบัญชาของคุณอาจจงใจดื่มโอสถแวมไพร์เข้าไป เนื่องจากแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง รูปลักษณ์สง่างาม เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า เหตุใดผู้วิเศษบางคนถึงยอมตกอยู่ในภาวะกึ่งเสียสติ”

ไคลน์พลันผงะเมื่ออ่านถึงข้อความดังกล่าว มันไม่คิดว่ามิสเตอร์อะซิกจะยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญขนาดนี้

เส้นทางมรณามีอีกชื่อหนึ่งว่าเส้นทางผู้เก็บซากศพ สามารถเปลี่ยนกับเส้นทางผู้ไร้หลับได้หลังจากเข้าสู่ลำดับสูง นี่คือความรู้จากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์

‘แต่เราไม่เคยทราบว่าสามารถเปลี่ยนกับเส้นทางคนยักษ์ได้ด้วยเมื่อถึงลำดับ 4 เส้นทางคนยักษ์คือเส้นทางในความครอบครองของเมืองเงินพิสุทธิ์ ชื่อปัจจุบันคือเส้นทางเทพสงคราม เรากำลังสงสัยว่าราชาคนยักษ์ เออร์เมียร์ เคยเป็นเทพสงครามมาก่อน ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ยังระบุชัดเจนว่า โบสถ์รัตติกาลและโบสถ์เทพสงครามถือเป็นศัตรูคู่อาฆาต เพราะเส้นทางสามารถสลับกันได้ใช่ไหม? ถ้าใช้สมมติฐานนี้นำทาง ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสามโบสถ์เก่าแก่อย่างโบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์สุริยันเจิดจรัส และโบสถ์ปัญญาความรู้ถึงไม่ค่อยลงรอยกัน นั่นเพราะเส้นทางลูกเรือ นักขับขาน และนักอ่านสามารถสลับกันได้ในลำดับ 4! ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าในช่วงสิ้นสุดยุคสมัย 4 ยุคไร้ชีวิตชีวา เทพมรณาถูกสังหารเนื่องจากความแค้นของเทพธิดารัตติกาลและเทพสงคราม’

‘อย่างไรก็ตาม หัวหน้าทำตัวปกติมาตลอดยกเว้นเรื่องความจำเสื่อม ไม่ปรากฏสัญญาณของกึ่งเสียสติแต่อย่างใด จึงตัดประเด็นดื่มโอสถแวมไพร์ออกไปได้ มิสเตอร์อะซิกรื้อฟื้นความทรงจำได้มากขนาดนี้แล้วหรือ? เป็นผลมาจากยุบพองหิวโหยใช่ไหม?’

ไคลน์ผงกศีรษะพร้อมกับก้มหน้าอ่านเนื้อความในจดหมายต่อ

“มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่ประเภทสิ่งมีชีวิต พวกมันคือคำเรียกรวมของสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาติ ในสถานการณ์ปกติจะมีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่แรงปรารถนาในใจนั้นบิดเบี้ยวและเข้มข้นกว่ามาก ชนิดต้องคอยสยบเอาไว้ตลอดเวลา แรงปรารถนาของพวกมันจะถูกกระตุ้นก็ต่อเมื่อเข้าใกล้วัตถุหรือวิวทิวทัศน์เฉพาะเจาะจง ถ้ามีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น พวกมันจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดผู้ยอมจำนนต่อแรงปรารถนา และสังหารเหยื่อไม่เลือกหน้าในลักษณะโหดเหี้ยมทารุณ และกลับเป็นมนุษย์ปกติอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์รอบตัวเริ่มสงบลง อย่างไรก็ตาม การแปลงร่างในแต่ละหนจะทำลายมโนธรรมในใจทิ้งไปทีละนิด พวกมันจะยิ่งเย็นชาและไร้ความรู้สึกจนกระทั่งจิตใจกลายเป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์ ตัวอย่างชัดเจนคงหนีไม่พ้นมนุษย์หมาป่า ไม่มีใครจำแนกพวกมันขณะอยู่ในร่างมนุษย์ได้เลย ไม่ว่าจะมีพลังตรวจจับยอดเยี่ยมสักเพียงใด แต่หากมนุษย์หมาป่าเผชิญหน้ากับจันทร์เต็มดวง แรงปรารถนาในใจจะถูกกระตุ้นถึงขีดสุด ร่างกายเกิดปฏิกิริยารุนแรงจนมิอาจหลีกเลี่ยง ผมคิดว่าผู้บังคับบัญชาของคุณมีโอกาสเป็นมนุษย์กลายพันธุ์มากกว่า ความตายของเพื่อนร่วมทีมอาจไปกระตุ้นแรงปรารถนาในใจของเขา ทั้งหมดเป็นเพียงสมมติฐานจากความทรงจำส่วนตัว ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีสาเหตุอื่น คุณคงทราบดีว่าอดีตของผมยังถูกรื้อฟื้นไม่สมบูรณ์สักเท่าไร สมมติฐานของคุณอาจถูกต้องก็ได้ เขาคนนั้นอาจใกล้คลุ้มคลั่ง หากถามถึงทางแก้ไขผมคงต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้า เพราะไม่ว่าจะเป็นสมมติฐานแวมไพร์หรือมนุษย์กลายพันธุ์ ตัวผมไม่ทราบวิธีเยียวยาทั้งสองกรณี ยังมีอีกหนึ่งทฤษฎีเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์ หลายฝ่ายเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เคยเป็นมนุษย์ปกติมาก่อน แต่ถูกคำสาปพิสดารเล่นงาน หรือไม่ก็ถูกทำให้บิดเบี้ยวโดยเทพนอกรีต ส่งผลให้มีชะตาต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดภายใต้สถานการณ์เฉพาะ ในกรณีอีกฝ่ายใกล้คลุ้มคลั่ง ผมเกรงว่าลำพังตัวคุณคงรับมือไม่ไหว คำแนะนำเดียวคือรีบแจ้งไปยังเบื้องบนขององค์กรให้ส่งคนมาดูแลโดยด่วน อาจยังพอมีเวลาแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที”

ไคลน์วางกระดาษลงด้วยสีหน้าดำมืด สมองกำลังไตร่ตรองหลายเรื่องพร้อมกัน

มันยอมรับว่าสมมติฐานมนุษย์กลายพันธุ์มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ตัดทฤษฎีคลุ้มคลั่งทิ้งไป

‘เราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอให้มาดามดาลีย์ติดต่อกลับมา จดหมายถูกส่งไปเมื่อสองคืนก่อน ดังนั้นเธอควรได้รับเมื่อวานตอนเช้า และถ้าหากตอบกลับทันทีจดหมายก็ต้องถึงมือเราเมื่อคืนวานหรือไม่ก็เช้าวันนี้ แต่ตอนนี้เกือบบ่ายแล้ว หรือเป็นเพราะผู้ส่งสารไม่กล้าเข้าใกล้ประตูยานิส? ไม่สิ บางทีมาดามดาลีย์อาจติดธุระสำคัญสักเรื่องสองเรื่อง’

ไคลน์ส่ายศีรษะ เมื่อตระหนักว่าร่างตนเองยังอ่อนเพลียอยู่มาก ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าฌานเพื่อสะกดจิตให้หลับสนิท

………

ท่ามกลางโลกพร่ามัวจิตของมันสะดุ้งจนเกิดภาวะจดจ่อ สิ่งนี้คือสัญญาณการถูกแทรกแซงความฝัน

ดันน์·สมิทในชุดกันลมสีดำปรากฏตัว

ชายหนุ่มทักทายโดยลากเสียงยาวเพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศความฝัน

“…อรุณสวัสดิ์ครับ…หัวหน้า”

ดันน์ผงกศีรษะรับ

“เลียวนาร์ดพบเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของลาเนวุส เขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ผู้ส่องความลับซึ่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ส่งมาจะถึงสำนักงานเหยี่ยวราตรีในวันพรุ่งนี้เช้า เกิดเหตุขัดข้องเล็กน้อยกับขบวนรถไฟ”

“…ครับ”

ไคลน์ตอบด้วยเสียงล่องลอย

ดันน์เว้นวรรคเล็กน้อยก่อนเสริม

“คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถนนซุตแลน สามารถตรงไปยังบ้านหมายเลขหกสิบสอง ถนนฮาเวิสได้เลย เลียวนาร์ดกำลังรออยู่ พวกเราคงต้องรบกวนคุณมากหน่อย”

หลังจากดันน์พูดจบประโยค ภาพความฝันไคลน์แตกเป็นเศษกระจกทันที ชายหนุ่มรีบลืมตาตามสัญชาตญาณ

‘ถนนฮาเวิส?’

แถวนั้นมีสโมสรพยากรณ์ บ้านเวิร์ช รวมถึงบ้านของสมาชิกชุมนุมแสงเหนือ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนนถนนเส้นนี้

‘…เหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่าคล้ายกับกำลังสั่งสมอะไรสักอย่าง’

ขณะครุ่นคิดมันใช้มือพยุงตัวลุกยืนอย่างไม่รีบร้อน ไคลน์ล้างหน้าก่อนเปลี่ยนใส่ชุดทำงานซึ่งประกอบด้วยเชิ้ตขาว กั๊กน้ำตาล และเสื้อกันลมยาวสีดำ จากนั้นก็เดินลงไปหยิบหมวกในห้องนั่งเล่น

ปัจจุบันยังไม่สิบเอ็ดโมงเช้า

เบ็นสันและเมลิสซ่ายังไม่กลับบ้าน ไคลน์เดินไปบอกกับเบลล่าว่าตนจะออกไปข้างนอกและไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวัน

มันขึ้นรถม้าสาธารณะไปยังถนนฮาเวิสและได้พบกับนักกวีเที่ยงคืน เลียวนาร์ด·มิเชล ผู้มีผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ยังคงดูดี กำลังยืนรอหน้าบ้านหมายเลขหกสิบสอง

อีกฝ่ายสวมเชิ้ตขาวเหมือนทุกครั้ง แม้ปัจจุบันจะเป็นเดือนกันยายนซึ่งสภาพอากาศค่อนข้างเย็นก็ตาม ส่วนกางเกงสวมสีน้ำตาลอ่อน

เลียวนาร์ดหันมาพูดกับไคลน์

“ผมสงสัยว่าบ้านหลังนี้อาจเคยถูกลาเนวุสเช่าด้วยชื่อปลอม”

“คุณหาพบได้ยังไง?” ไคลน์ถามฉงน

เลียวนาร์ดชี้ขมับตัวเอง

“หลังจากคุณพบเบาะแสสำคัญว่า ยูเก็นและลาเนวุสอาจเกี่ยวข้องกับสมาชิกชุมนุมแสงเหนือคนหนึ่ง พ่อค้าผ้า ซีริส·อลูพิส ผมจึงเปลี่ยนแนวทางการสืบสวนแบบปกติซึ่งเคยคว้าน้ำเหลว และมุ่งเน้นไปกับการหาเบาะแสของชุมนุมแสงเหนือแทน ผมได้พบรายงานหลายฉบับยืนยันว่าซีริสพยายามสร้างความสนิทสนมกับผู้คนจำนวนมากในย่านถนนฮาเวิส จึงทำการสืบประวัติของบ้านทุกหลังและพบความผิดปกติกับบ้านหมายเลขหกสิบสอง”

“ผิดปกติยังไง?” ไคลน์ซักถาม

เลียวนาร์ดขมวดคิ้วก่อนเล่า

“ค่อนข้างชัดเจนว่าบ้านหลังนี้มีแขกมาเยี่ยมเยียนน้อยผิดปกติ แถมผู้เช่าบ้านคนก่อนยังอ้างว่ามีธุระสำคัญในทวีปใต้ต้องรีบไปสะสาง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการตายของเฮเนส·วินเซนต์พอดี และผู้เช่าก็ไม่ย้อนกลับมาอีกเลย อย่างไรก็ตาม หลักฐานปลอมของมันเหมือนจริงมาก ตำรวจจึงไม่ได้ดำเนินการใดกับเรื่องนี้”

“อาจแค่บังเอิญก็ได้ไม่ใช่หรือ?”

ไคลน์ยังคงเคลือบแคลง

“แน่นอนว่าอาจเป็นแค่ความบังเอิญ แต่เมื่อผมนำภาพวาดของลาเนวุสให้ผู้เช่าบ้านในละแวกนี้ดู ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคล้ายกับผู้เช่าบ้านหมายเลขหกสิบสอง อย่างมาก จุดแตกต่างเดียวคือแว่นตา”

เลียวนาร์ดล้วงภาพขาวดำออกจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ไคลน์

‘แล้วทำไมถึงไม่บอกแต่แรกฟะ’

ไคลน์รำพันโกรธเคือง

มันเดินเข้าไปในบ้านหมายเลขหกสิบสอง ถนนฮาเวิสพร้อมเลียวนาร์ด โดยนักกวีเที่ยงคืนได้ขอร้องให้ไคลน์ช่วยทำนายว่า ภายในบ้านหลังนี้มีช่องพิเศษหรือห้องลับซ่อนอยู่หรือไม่

และคำตอบคือ

มี!

“ช่องพิเศษหรือห้องลับในบ้านหลังนี้”

ไคลน์เขียนประโยคทำนายถัดไปพลางนั่งลงบนโซฟาและหลับตาลง ปากพึมพำข้อความบนกระดาษ

มันส่งตัวเองเข้าสู่ภาวะหลับลึกเมื่อท่องครบเจ็ดครั้ง ทันใดนั้นทัศนวิสัยรอบตัวเริ่มเลือนราง

ท่ามกลางนิมิตพร่ามัว ไคลน์มองเห็นชั้นหนังสือทำจากไม้ มองเห็นหนังสือวางเรียงรายจำนวนมาก และเห็นภาพหนังสือเล่มหนึ่งถูกหยิบออกจนเกิดช่องว่างสีดำด้านหลัง

นิมิตความฝันจบลงอย่างรวดเร็ว ไคลน์รีบลืมตาและบอกกับเลียวนาร์ด

“ห้องหนังสือ”

ชายหนุ่มนำโซ่เงินพันข้อมือซ้ายกลับคืนในตำแหน่งเดิม ระหว่างนั้นก็วิ่งตามเลียวนาร์ดเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ เพียงไม่นานก็พบชั้นหนังสือไม้แบบเดียวกับในนิมิตทุกประการ

“หยิบหนังสือเล่มนี้ออกมา ด้านหลังเป็นช่องว่างสีดำสนิท”

ไคลน์ชี้ไปยังหนังสือเล่มชิดมุม

“อยู่นี่เองหรือ…ผมเดินวนหาทั่วบ้านแต่กลับไม่พบอะไรเลย จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับถนนซุตแลนเพื่อขอความช่วยเหลือ”

เลียวนาร์ดตัดพ้อขณะเดินเข้าไปหยิบหนังสือตามคำแนะนำไคลน์

หลังจากทั้งสองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดก็พบกลไกสำหรับเปิดช่องลับ

ภายในมีจดหมายเพียงหนึ่งแผ่นวางอยู่

‘จดหมาย? ลาเนวุสซ่อนจดหมายอะไรไว้’

ไคลน์พบว่าสิ่งนี้ไม่ปกติอย่างมาก

หลังจากทำนายเบื้องต้นและได้รับคำตอบว่าซองจดหมายไม่มีอันตราย เลียวนาร์ดเดินเข้าไปหยิบและรีบแกะซอง จากนั้นก็ดึงแผ่นกระดาษออกและคลี่อ่านใจความ

ไคลน์เอนตัวเข้าไปใกล้เพื่ออ่านเนื้อความ

สายตารีบเหลือบมองย่อหน้าแรกสุด

“ฮ่าๆๆ! ขอแสดงความยินดีด้วย! พวกแกพบจดหมายฉบับนี้จนได้สินะ! สิ่งนี้หมายความว่า พวกแกไม่ใช่ไอ้งั่งเสียทีเดียว ยังพอมีคุณสมบัติเข้าร่วมเกมแห่งชีวิตของฉันซึ่งใช้ความตายเป็นเดิมพัน! แรงงานเด็กเสียชีวิตก่อนวัยอันควร พนักงานโรงงานไม่เคยมีชีวิตอยู่ได้นานเกินสิบปีหลังจากเข้าโรงงาน แรงงานเด็กสาวเสี่ยงชีวิตไปกับสารเคมีเพื่อแลกกับค่าแรงน้อยนิด โรงงานของเมืองเต็มไปด้วยประจุอารมณ์เคียดแค้นเหนือพรรณนา! บรรยากาศรอบเมืองเต็มไปด้วยความอึดอัดและดำมืด! ใช่แล้ว! ยุคสมัยปัจจุบันอาจเลวร้าย แต่ขณะเดียวกันก็ยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อ! สุดยอดเกมของฉันต้องเริ่มต้นโดยมีสภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงจะเหมาะสม จงเตรียมตัวให้ดีเจ้าพวกโง่! ฉันกำลังจะมอบคำบอกใบ้แสนสำคัญ!”

…………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!