ตอนที่ 216 : ชุมนุมเดิมๆ
ไคลน์เริ่มต้นเช้าวันแรกของเบ็คลันด์ด้วยสภาพอากาศหนาวเย็น เจือความชื้นเล็กน้อย รวมถึงหมอกจางช่วยให้ทัศนวิสัยกว้างไกล
สำหรับอาหารเช้า มันมีชาด้อยคุณภาพมูลค่าเพนนีละลิตร ขนมปังสองแผ่น และเนยด้อยคุณภาพวางคั่นกลาง
ไคลน์วางแผนไว้มากมายในช่วงเช้า เริ่มด้วยการเดินทางไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์ ‘เบ็คลันด์โพส’ ประจำเขตเชอร์วู้ด เพื่อลงโฆษณากรอบเล็ก ค่าเช่าโฆษณาหนึ่งเดือนมีราคาแพงถึงสามสิบปอนด์
ตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไปนักอ่านเบ็คลันด์โพสจะได้พบกับกรอบโฆษณาขนาดเล็กแปะตรงขอบระหว่างหน้า 7 และ 8 ใจความดังนี้ :
เชอร์ล็อก·โมเรียตี้
เชี่ยวชาญการสืบสวนในทางลับหลายประเภท
ราคาเหมาะสม ยึดมั่นในการรักษาความลับ
ติดต่อ : หมายเลขสิบห้า ถนนมินส์ เขตเชอร์วู้ด
สาเหตุที่ไคลน์ไม่ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายใหญ่อย่างเบ็คลันด์เดลีหรือทัสซอค แม้ฉบับเหล่านี้จะมีผู้อ่านจำนวนมากจากทั่วอาณาจักรโลเอ็น เพราะขอบเขตการทำงานของตนค่อนข้างแคบ เจาะจงเฉพาะในเบ็คลันด์เท่านั้น และไม่ต้องการให้ชื่อเสียงโด่งดังจนเกินไป
ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นประจำเมืองกลายเป็นตัวเลือกน่าสนใจกว่า เพราะนอกจากราคาถูก ยังมีชาวเมืองเบ็คลันด์ซื้ออ่านในปริมาณพอสมควร
หลังจากเสร็จธุระกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ ไคลน์หยิบแผนผังเมืองออกมาตรวจสอบ มันเดินซื้อผงสมุนไพรและแผ่นเงินจากหลายร้านค้ารวมกัน ทั้งร้านสมุนไพร ร้านดอกไม้ ร้านอัญมณี และร้านเครื่องประดับ
วัตถุดิบเหล่านี้จำเป็นสำหรับพิธีกรรม และในเมื่อไม่ใช่วัตถุวิญญาณ ส่วนใหญ่จึงหาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไปโดยไม่ผิดกฎหมาย แต่จุดลำบากคือ ไม่มีร้านใดขายแบบครบครัน ต้องตระเวนซื้อรอบเมือง ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จรวมทั้งหมดห้าปอนด์
เงินก้อนโตจำนวนสองร้อยปอนด์ หลังจากมันถอนจากบัญชีลับได้ไม่กี่วัน ปัจจุบันถูกใช้ไปเกินกว่าหนึ่งร้อยปอนด์แล้ว เหลือเพียงเก้าสิบสองปอนด์เท่านั้น
“ใช้เงินยังกับเทน้ำทิ้ง…”
ไคลน์พบร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ไม่ห่าง จึงเดินเข้าไปนั่งและสั่งสเต็กพริกไทยดำราคาแปดเพนนีมารับประทาน
……
มันกลับถึงถนนมินส์ในช่วงบ่าย โดยไม่มีการรีรอ ไคลน์นำบุปผาหลับใหล หญ้าโลหิตมังกร ไม้จันทร์สีแดงเข้ม และผงมินต์ สร้างเป็นผงรัตติกาลศักดิ์สิทธิ์สำหรับก่อกำแพงวิญญาณ คงต้องใช้วิธีนี้ไปอีกสักพัก จนกว่าจะมีพลังวิญญาณมากพอ สำหรับการสร้างกำแพงวิญญาณด้วยมีดเงินเพียงเล่มเดียว
ไคลน์สันนิษฐานว่า ตนต้องมีลำดับไม่ต่ำกว่า 7 จึงจะบรรลุความต้องการดังกล่าวได้
ฟู่ว!
จัสติส แฮงแมน และเดอะซัน ยังไม่มีใครสวดภาวนาเพื่อแจ้งลาหยุดชุมนุมไพ่ทาโรต์
‘หมายความว่าต้องเริ่มตรงเวลา ชักอยากรู้แล้ว มิสเตอร์แฮงแมนจะเตรียมรางวัลแบบใดตอบแทนเรา? และจะมีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทั้งหมดกี่แผ่น? ’
ไคลน์ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม สมองกำลังครุ่นคิดหลายเรื่องพร้อมกัน สำหรับมัน อาชีพนักสืบเอกชนต้องมีการคำนวณค่าจ้างให้เหมาะสมกับเนื้องาน เป็นอาชีพช่วยให้พบปะกับคนแปลกหน้า สิ่งนี้คือใบเบิกทางเริ่มแรกสำหรับเข้าร่วมชุมนุมผู้วิเศษท้องถิ่นของเบ็คลันด์ จากนั้นจะเป็นการรวบรวมข้อมูลของลัทธิเร้นลับ
แน่นอน หากโชคดี ตนสามารถพบชื่อและสูตรผลิตโอสถลำดับถัดจากตัวตลกได้ในการชุมนุมท้องถิ่น
ส่วนตำแหน่งของอินซ์·แซงวิลล์ มันยังไม่มีแผนริเริ่มค้นหาอีกฝ่ายก่อน ต้องรอให้ถึงเวลาเหมาะสมในภายหลัง การเผชิญหน้าในตอนนี้ไม่เกิดผลดีแม้แต่นิดเดียว หากบังเอิญเดินสวนกันตามท้องถนน มันจะไม่กระโตกกระตาก แต่จะส่งจดหมายรายงานข้อมูลกับโบสถ์รัตติกาล
สำหรับรายได้นักสืบ หากมีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ค่าครองชีพของชนชั้นกลางจะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด และถ้าต้องการเงินก้อนใหญ่แบบเร่งด่วน มิสจัสติสอาจให้ความช่วยเหลือได้ รวมถึงการนำเงินหนึ่งร้อยปอนด์ในบัญชีลับไปลงทุนให้งอกเงย ส่วนเงินจำนวนเก้าสิบสองปอนด์ในตัว ตนไม่ควรใช้จ่ายพร่ำเพรื่อไปมากกว่านี้แล้ว
‘เราอาจไม่มีรายรับไปอีกสักพัก’
ขณะใช้ความคิดหลายเรื่องไคลน์พยุงตัวเองลุกนั่งตรงขอบเตียง จากนั้นก็เดินลงมายังชั้นล่างและเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พวกมันถูกซื้อเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อหาข่าว
หนังสือพิมพ์เหล่านี้จะมีข้อมูลของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์จำเป็นในชีวิตประจำวันแต่ยังขาดแคลน นอกจากนั้นยังมีข้อมูลสำหรับผู้ต้องการลงทุนในสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่
ไคลน์วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของโลกปัจจุบันและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ค่อนข้างน่าเสียดาย วันนี้ยังไม่มีสิ่งใดดึงดูดความสนใจของตนได้
14 : 45 ไคลน์เดินกลับขึ้นห้องนอนและลงกลอนมิดชิด ขึงผ้าม่านปิดสนิท ตามด้วยการใช้ผงรัตติกาลศักดิ์สิทธิ์โปรยสร้างกำแพงวิญญาณล้อมรอบ มันเดินทวนเข็มสี่ก้าว ส่งตัวเองขึ้นไปบนห้วงมิติสายหมอกสีเทาจาง
……
ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้พนักสูง ตำแหน่งประจำของมิสเตอร์ฟูลแห่งชุมนุมไพ่ทาโรต์ จากนั้นก็ทำการแผ่พลังวิญญาณเข้าไปในดาวแดงเดอะซัน ลักษณะเหมือนกับการ ‘ตอบ’ คำสวดภาวนา แต่เป็นการแจ้งให้เด็กหนุ่มทราบว่า อีกหนึ่งพันหัวใจเต้นจะมีการเริ่มชุมนุม
‘เหลือกิจวัตรเก่าๆ แค่ไม่กี่อย่างแล้วสินะ’
ไคลน์ถอนหายใจหดหู่
……
ณ เขตรอบนอกเมืองเงินพิสุทธิ์
ภายในหอคอยสีเทาเข้ม เกินกว่าครึ่งเป็นซากปรักหักพัง
สมาชิกหน่วยลาดตระเวนเก้าคน กำลังรวมตัวกันรอบกองไฟลุกโชน บทสนทนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ของแต่ละคนในช่วงสองสามวันผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังมีสมาชิกทีมอีกเล็กน้อยต้องเข้าเวรยาม คอยเฝ้าระวังอันตรายจากรอบนอกค่ายพัก สัตว์ประหลาดจากความมืดมิดอาจโจมตีได้ทุกเมื่อ
หน่วยลาดตระเวนของเมืองเงินพิสุทธิ์จะมีคำสอนสำคัญข้อหนึ่ง เรียนรู้มาจากการหลั่งเลือดของบรรพชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า :
“ไม่ว่าจะยามใด ห้ามลดการป้องกันลงอย่างเด็ดขาด! สัตว์ประหลาดในความมืดอาจกำลังคืบคลานเข้าหาจากด้านหลัง!”
ในช่วงกลางคืน ความถี่ของสายฟ้าจะต่ำกว่ากลางวันมาก แสงสว่างจึงต้องมาจากปัจจัยภายนอกอย่างกองเพลิง
หลักสำคัญของเมืองเงินพิสุทธิ์คือ ห้ามปล่อยให้ความมืดมิดปกคลุมสภาพแวดล้อมโดยสมบูรณ์เด็ดขาด มิฉะนั้น หน่วยลาดตระเวนทั้งหมดอาจหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครในยุคปัจจุบันตอบได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากสภาพแวดล้อมรอบตัวมืดสนิทเป็นเวลานาน ไม่มีใครกล้านำชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง เหตุการณ์เหนือจินตนาการหนแล้วหนเล่าคอยย้ำเตือนทุกคนว่า ห้ามล้อเล่นกับความมืดโดยเด็ดขาด
เดอร์ริค·เบเกอร์ยังคงสงวนท่าทีเงียบงัน ตั้งใจฟังประสบการณ์ของเพื่อนร่วมทีม ผู้ต่อสู้กับสัตวประหลาดอย่างห้าวหาญ
คราวนี้เป็นคิวของสัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์ แต่มีดวงตาปกคลุมทั่วร่างอย่างน่าสยดสยอง กว่าจะฆ่ามันได้ หน่วยลาดตระเวนได้รับบาดเจ็บถึงห้าคน โดยสองคนมีอาการบาดเจ็บรุนแรง
ทันใดนั้น วิวทิวทัศน์รอบตัวเดอร์ริคเกิดการพร่ามัวชั่วขณะ เป็นความรู้สึกคล้ายกับร่างกายถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาหนาทึบ ห่างไกลออกไป ในส่วนลึกสุดของห้วงมิติสายหมอก มันมองเห็นบุคคลผู้หนึ่ง นั่งบนเก้าอี้พนักสูงทรงโบราณ รอบตัวมีม่านหมอกเทาบดบัง สายตาจ้องมองมาทางตน
“เตรียมตัวเข้าร่วมชุมนุม”
สุ้มเสียงมิสเตอร์ฟูลดังกังวานในหัวเดอร์ริค แต่กลับไม่มีเพื่อนร่วมทีมคนใดได้ยินเลย
หลังจากกวาดสายตาสำรวจรอบตัวราวสิบวินาที เดอร์ริคเดินเลียบกองไฟไปทางกำแพงซากปรักหักพัง ตามด้วยการใช้หลังเอนพิงและหลับตาลง แสร้งว่ากำลังงีบชั่วคราว
หลังจากเดอร์ริคทราบว่า แม้แต่หนึ่งในหกสภาอาวุโสอย่างโลเฟียร์ ก็ยังมิอาจตระหนักถึงตัวตนเดอะฟูลได้ มันจึงมั่นใจ หากตนไม่โง่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวออกไปเอง หรือทำตัวเป็นจุดสนใจ ความลับของชุมนุมไพ่ทาโรต์จะไม่มีวันถูกแพร่งพราย ตัวมันสามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ทุกเมื่อโดยใช้การนอนหลับบังหน้า
……
กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี
อาศัยข้ออ้างร่างกายอ่อนเพลีย ออเดรย์รีบกลับมายังห้องของตัวเอง เด็กสาวพยายามระงับอารมณ์ตื่นเต้น บรรจงทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างเงียบงัน รอคอยให้มิสเตอร์ฟูลอัญเชิญด้วยใจจดจ่อ
‘ท่านพ่อกำลังสนทนากับสมาชิกรัฐสภาคนอื่นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติล่าสุด และผู้วิเศษคอยคุ้มกันเราก็ไม่ได้ติดตามทุกฝีก้าว ขอบคุณท่านเทพธิดา! ชีวิตอันสงบสุขของเรากลับคืนมาอีกครั้ง! ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ หวังว่าแฮงแมนจะเตรียมต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้งเรียบร้อย เรากำลังจะกลายเป็นลำดับ 8!’
ออเดรย์นอนคิดด้วยดวงตาส่องประกาย สำหรับเด็กสาว การเลื่อนลำดับผู้วิเศษ น่าตื่นเต้นและยิ่งใหญ่กว่าเงินรางวัล สามหมื่นปอนด์ รวมถึงไร่สวนขนาดใหญ่มูลค่าแปดพันปอนด์เสียอีก
จนกระทั่ง แสงสีแดงเลือดนกส่องสว่างท่วมท้นการมองเห็น ออเดรย์รอคอยเวลานี้มาแสนนาน
……
ณ เรือใบทรงโบราณ
อัลเจอร์·วิลสันปิดประตูห้องกัปตันมิดชิด มันนั่งบนเก้าอี้ติดกับอุปกรณ์นำทางและบันทึกการเดินเรือ สมองกำลังพยายามจดจำเนื้อความบนแผ่นกระดาษปึกหนาข้างลำตัว
หลังจากถูกตรวจสอบอย่างละเอียดจากคณะกรรมการของโบสถ์ อัลเจอร์รอดพ้นความน่าสงสัยทุกกรณี แถมยังได้รับรางวัลตอบแทนจากสภาอาวุโสก้อนโต จึงถือโอกาสกลับมาท่องมหาสมุทรอีกครั้ง พร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ของจักรพรรดิโรซายล์
‘หลังจากย่อยโอสถนักเดินเรือเสร็จสมบูรณ์ เราสามารถเลื่อนเป็นลำดับถัดไปได้ทันที คะแนนคุณงามความดีของเรามากพอสำหรับใช้แลกสูตรผลิตและวัตถุดิบแล้ว แต่ถ้ายื่นคำร้องทันที ทางโบสถ์จะทราบว่าเราตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาท คงต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือ’
ขณะอัลเจอร์ส่ายศีรษะ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวอย่างไม่ปกติ เป็นสิ่งใดไปไม่ได้นอกจากพลังอัญเชิญจากมิสเตอร์ฟูล
ทันใดนั้น จิตได้สำนึกของอัลเจอร์ได้ย้อนฉายภาพซากศพสยดสยองของพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์ เนื้อหนังของมันผุกร่อน ผิวหน้าถูกลอกล่อนเป็นแผ่นบาง มันรีบก้มศีรษะรับการอัญเชิญอย่างนอบน้อม ปล่อยให้แสงสีแดงเข้มไหลผ่านร่างกายทุกส่วนโดยไม่ขัดขืน
…….
ณ ห้วงมิติสายหมอกสีเทา สถาปัตยกรรมภายในดูคล้ายพระราชวังของคนยักษ์
หลังจากเปิดเนตรวิญญาณล่วงหน้า ไคลน์สำรวจร่างกายจัสติส แฮงแมน และเดอะซัน เพื่อยืนยันสภาพปัจจุบันของคนทั้งสาม
ออเดรย์กล่าวทักทายทุกคนอย่างร่าเริงตามนิสัยปกติ หลังจากเสร็จสรรพ มุมสายตาเด็กสาวเหลือบเห็นแฮงแมนกำลังแสดงภาษากายบางอย่าง ตามด้วยการชิงพูดตัดหน้า
“มิสเตอร์ฟูลขอรับ ในคราวนี้ผมได้รับไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทั้งหมดสิบเก้าแผ่น ถือเป็นสิ่งตอบแทนความช่วยเหลือจากผู้รับใช้ของท่าน ในการกำจัดคีลิงเกอร์ให้สิ้นซาก”
‘สิบเก้าหน้า? ไม่เลว…!’
ไคลน์ไม่กล่าวถึงผู้รับใช้ของตนมากนัก เพียงยกมุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าแลกเปลี่ยนได้เท่าเทียมแล้ว”
เมื่อได้ยินออเดรย์รีบครุ่นคิดอย่างตกตะลึง
‘สมกับเป็นมิสเตอร์ฟูล! ขนาดพลเรือโจรสลัดถือครองสมบัติวิเศษ ยังถูกกำจัดอย่างง่ายดายประหนึ่งกระดิกนิ้ว แถมยังเรียกร้องสิ่งตอบแทนเพียงน้อยนิด ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก! หากประเมินจากสถานการณ์ เราคงไม่ต้องอธิบายเรื่องเงินค่าหัวของคีลิงเกอร์ให้ท่านฟัง ชักสงสัยแล้วว่า ’ ท่าน ‘ มีกองทัพผู้วิเศษครึ่งเทพในบัญชามากแค่ไหนกัน? ’
เด็กสาวออเดรย์เริ่มเรียกมิสเตอร์ฟูลว่า ‘ท่าน’ โดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินคำตอบจากเดอะฟูล อัลเจอร์รีบกล่าวด้วยท่าทีถ่อมตน
“แต่กระผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ขีดจำกัดความทรงจำในปัจจุบันคือหกแผ่น จำเป็นต้องทยอยมอบให้ท่านในโอกาสถัดไป”
“ไม่มีปัญหา”
ไคลน์ ผู้ร่างกายห่อหุ้มด้วยม่านหมอกสีเทาหนาทึบ ผงกศีรษะแผ่วเบา
ขณะเดียวกัน เดอะซัน เดอร์ริค·เบเกอร์ กำลังชำเลืองมองแผ่นกระดาษตรงหน้าแฮงแมนอย่างใคร่รู้ มันต้องการทราบว่า ไดอารีเป้าหมายของเดอะฟูลมีเนื้อหาเป็นเช่นไร
จากประสบการณ์ของมัน ความสนใจของมิสเตอร์ฟูลต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มหันไปมองจัสติสช่างซักถาม แต่เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทีสำรวม มันจึงรักษาบรรยากาศเงียบสงบไว้เช่นเดิม
เพียงไม่นาน เนื้อความบนกระดาษหกแผ่นได้เสร็จสมบูรณ์และปรากฏตรงหน้าไคลน์
ทั้งสามรอคอยอย่างเงียบเชียบ พวกมันคุ้นเคยบรรยากาศเช่นนี้เป็นอย่างดี
ไคลน์ก้มศีรษะอ่านแผ่นแรก :
“16 ธันวาคม เราพยายามพูดคุยกับสหายผู้น่าสมเพช เขาติดอยู่ในพายุและความมืดมิดมานานแล้ว”
‘เจอไดอารีหน้าต่อจากของเก่าสักที!’
ไคลน์เริ่มตื่นเต้น มันตั้งใจอ่านมากขึ้น
“เขาเรียกตัวเองว่า ‘มิสเตอร์ประตู’ และพยายามสอนพิธีกรรมซับซ้อนยุ่งยากให้เรา จุดประสงค์คือ ต้องการให้เราช่วยพาเขากลับสู่โลกแห่งความจริง โดยสัญญาว่าจะตอบแทนคำขอร้องสามข้อ เขาคิดว่าเราโง่มากนักหรือ? รวมสองชีวิตจากโลกเก่าและใหม่ เราใช้ชีวิตมานานกว่า 60 ปีด้วยซ้ำ! คิดว่าจะมองไม่ออกหรือไง? พฤติกรรมของเขาไม่ต่างอะไรกับการล่อลวงจากเทพนอกรีตหรือปีศาจเลยสักนิด! แต่หมอนั่นเล่าประวัติศาสตร์ของยุคสมัย 4 ไว้น่าสนใจมากทีเดียว”
……………