Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 257

Lord of the Mysteries 257

ตอนที่ 257 : ‘2-081’

… เหตุผลเชี่ยไรเนี่ย…หลังจากได้ยินคำอธิบายของนักปรุงยา ไคลน์ไม่สามารถบังคับสีหน้าให้เยือกเย็นอยู่ได้ แม้จะมีพลังของตัวตลกคอยค้ำจุนก็ตาม โชคยังดีว่า มันกำลังสวมหน้ากากเหล็กปกปิดสีหน้าอารมณ์ไว้

นักปรุงยาไม่แยแสท่าทีตอบสนองของทั้งเนตรแห่งปัญญาและไคลน์ มันยังคงเล่าต่อไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“นั่นคือสาเหตุว่าทำไมฉันถึงชอบเบ็คลันด์มาก เมืองแห่งนี้มีโสเภณีเต็มไปหมด เกลื่อนท้องถนนจนเลือกได้ตามใจชอบ พวกหล่อนชอบแฝงตัวใกล้กับโรงแสดงดนตรี โรงละคร หรือตามตรอกลึกลับบนถนน มีทั้งทำเป็นอาชีพหลักและงานเสริม ส่วนมากมีพื้นเพมาจากสาวใช้และกรรมกร แต่ละคนมีรสชาติแตกต่างกันไป และกล่าวกันว่า ภายในเขตตะวันตกของเบ็คลันด์ นานๆ ครั้งจะมีสตรีชนชั้นสูงตกอับมารับงานอย่างว่าด้วย ฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้ลิ้มลองสักครั้ง”

“…” ไคลน์รีบขยับหน้ากากแก้เขินพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วอาจารย์ของคุณไม่คัดค้านการตัดสินใจบ้างหรือ?”

นักปรุงยาส่ายศีรษะแผ่วเบา

“ไม่เลย เขาถีบฉันกระเด็นออกจากประตูทันทีเมื่อสอนวิชาสมุนไพรจบ และบอกให้ฉันออกไปท่องโลกตามลำพังเพื่อเรียนรู้ชีวิต…บัดซบ! ไม่ยอมบอกแม้กระทั่งวิธีรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถถัดไป!”

เล่ามาถึงจุดนี้ นักปรุงยาหันมาทางไคลน์และอธิบายเสริม

“ถ้านายพบผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์เมื่อไร รบกวนช่วยบอกฉันทันที รับรองว่าจะจ่ายเงินให้อย่างงาม แน่นอน ถ้านายมีเงินพอ ให้รีบซื้อมาเก็บไว้ก่อน แล้วนำมาขายฉันในราคาแพงกว่าปรกติ ใครไปจะรู้ คนดวงดีแบบนายอาจพบมันก่อนฉันก็ได้”

“ตกลง” ไคลน์ตอบอย่างเป็นมิตร ก่อนจะซักถามหลังจากเว้นวรรคครุ่นคิด “ถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง ผมสามารถนำมาแลกกับสูตรโอสถนักปรุงยาของคุณได้ไหม?”

ในมุมมองไคลน์ เส้นทางนักปรุงยาคือสุดยอดผู้วิเศษสายสนับสนุน หากสบโอกาส มันต้องหาลูกน้องในเส้นทางนี้ให้ได้

นักปรุงยาร่างท่วม ยังไม่อ้วนมาก รีบส่ายศีรษะและกล่าวโดยไม่ลังเล

“ไม่ได้! ฉันสอนได้เฉพาะศิษย์ตัวเองเท่านั้น”

คงเป็นกฎเหล็กของโรงเรียนแห่งชีวิตกระมัง…บางทีอาจถึงขั้นต้องสาบานต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทรงพลัง…ไคลน์ไม่ประหลาดใจ

ทันใดนั้น นักปรุงยาแสยะยิ้ม

“แต่ฉันสามารถบอกได้ว่า นายจะหาสูตรโอสถนักปรุงยาได้จากไหน แน่นอน พิกัดดังกล่าวอยู่ภายในกรุงเบ็คลันด์”

“เยี่ยมเลย” ไคลน์ผงกศีรษะรับ

เมื่อตระหนักว่าเนตรแห่งปัญญากำลังจะส่งตนออกจากบ้าน ชายหนุ่มรีบซักถาม

“มิสเตอร์นักปรุงยา คุณมียาสำหรับรักษาอาการทางจิตไหม? หรือตัวยาใกล้เคียงก็ได้”

ไคลน์แสร้งถามเพื่อขจัดความเคลือบแคลงของมิสบอดี้การ์ด ทำทีว่าตนถูกผลกระทบจากพระผู้สร้างแท้จริงเล่นงาน จนมีเค้าลางของอาการป่วยทางจิตอ่อนๆ และจำเป็นต้องหายารักษาโดยเร็ว

“มีแน่นอน เป็นยาระงับประสาท ราคาขวดละ สิบซูล ฉันจะพกติดตัวมาสี่ขวดในการชุมนุมคราวหน้า เชื่อเถอะว่า สรรพคุณของมันยอดเยี่ยมกว่ายาตามโรงพยาบาลมาก เพราะแต่ละขวดบรรจุพลังวิญญาณอันเข้มข้นของฉันไว้” นักปรุงยามอบคำตอบโดยไม่ลังเล

แพงฉิบ…สำหรับยาระงับประสาทในตลาดมืดของเมืองทิงเก็น หากเป็นชนิดลักลอบจากโรงพยาบาลจะมีมูลค่า หนึ่ง ถึง สองซูลต่อขวด ถ้าเป็นชนิดลักลอบจากเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกล จะมีมูลค่าราว สี่ ถึง ห้าซูล…ขณะกำลังใช้ความคิด ไคลน์รีบหันไปมองทางเนตรแห่งปัญญา

“มิสเตอร์ ผมขอเข้าร่วมการชุมนุมครั้งถัดไปด้วยได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหา สองครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นแล้วว่าคุณปราศจากเจตนาร้าย พ่อหนุ่ม คอยติดตามหนังสือพิมพ์เบ็คลันด์เดลีฉบับเช้าให้ดี พลิกไปยังหน้าห้า และมองหาโฆษณาประกาศซื้อสินค้าของบริษัทเอินส์ หากวันใดอ่านเจอ หมายความว่า วันถัดไปจะมีการชุมนุมภายในบ้านหลังนี้เวลาสองทุ่มตรง จังหวะการเคาะประตูให้เทียบจากราคา ตัวเลขหลักหน้าสุดหมายถึงจำนวนการเคาะดัง ตัวถัดไปหมายถึงจำนวนการเคาะเบา ตัวถัดไปหมายถึงจำนวนการเว้นวรรคยาว และตัวถัดไปหมายถึงจำนวนการเว้นวรรคสั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องสนใจ” มิสเตอร์เนตรแห่งปัญหาสูงวัยอธิบายพลางพยักหน้ารับ

เมื่อเล่าจบ มันถอนหายใจเล็กน้อย

“ชีวิตของผู้วิเศษนอกกฎหมายอย่างเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ยิ่งไม่มีองค์กรคอยสนับสนุนเบื้องหลังด้วยแล้ว ทางหนึ่งก็ต้องคอยรักษาความลับ พยายามหลบเลี่ยงหน่วยพิเศษของทางการ และต้องคอยระวังตัวตลอดเวลา อีกทางหนึ่งก็ต้องต่อสู้กับเสียงกระซิบในหัว ต่อสู้กับภาวะเสียสติและคลุ้มคลั่ง มีกลุ่มคนอย่างพวกเราจำนวนมากต้องเสียชีวิตด้วยสองปัจจัยดังกล่าว หรือต่อให้หลบคนของทางการได้มิดชิด และรับมือเสียงกระซิบในหัวได้ชะงักงัน แต่ก็ยังต้องประสบปัญหาขาดแคลนสูตรโอสถ วัตถุดิบหลัก และความรู้เกี่ยวกับผู้วิเศษอยู่ดี ฉะนั้น ชุมนุมลับอย่างเราจึงมีขึ้นเพื่อยื่นมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มผู้วิเศษนอกกฎหมาย โชคไม่ดีนัก ยุคสมัยปัจจุบันกำลังขาดแคลนสัตว์วิเศษอย่างหนัก ส่งผลให้วัตถุดิบหลักของโอสถมีจำนวนเพียงหยิบมือ”

นั่นสินะ…แต่เรายังมีแฮงแมน ผู้สามารถล่องเรือไปยังเกาะโบราณ รวมถึงเดอะซัน เด็กหนุ่มจากเมืองเงินพิสุทธิ์ ผู้เดินทางออกไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในเงามืดบ่อยครั้ง…อย่างน้อยก็มีช่องทางให้รวบรวมวัตถุดิบจากสัตว์วิเศษโดยตรง… ไคลน์ลุกยืนพร้อมกับก้มศีรษะคำนับเนตรแห่งปัญญาอย่างนอบน้อม

“จิตใจของท่านช่างน่ายกย่อง”

หลังจากนั่งลงอีกครั้ง ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน จึงซักถามออกไปหลังจากเรียบเรียงคำพูด

“สุภาพบุรุษทั้งสอง ไม่ทราบว่าพวกท่านมีสมบัติวิเศษติดตัวกันบ้างหรือไม่? คล้ายกับของอสรพิษดำ แต่ผลข้างเคียงไม่รุนแรงเท่า ผมยังต้องการสิ่งของไว้ปกป้องตัวเองสักชิ้นสองชิ้น”

เผื่อจะมีบางสิ่งเข้าตา จะได้ทราบราคาเบื้องต้นไว้ก่อน ถ้าอีกฝ่ายยอมขายให้ก็ยิ่งดี

แม้ตัวเราจะไม่มีเงินในตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีตลอดไป…แค่ต้องการสอบถามราคา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกระมัง…ไคลน์รำพันกับตัวเอง

นักปรุงยาแบะท่า เป็นสัญลักษณ์ว่าตนไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ถึงหากมี มันก็ไม่คิดขายให้ใครแน่นอน ทางด้านเนตรแห่งปัญญาหัวเราะในลำคอก่อนจะกล่าว

“ก็พอมีอยู่บ้าง แต่คุณต้องการซื้อของแบบไหนหรือ? ลองกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นสักหน่อยได้ไหม”

พอมีอยู่บ้าง…เขาคงเป็นผู้วิเศษเส้นทางนักปราชญ์ ขึ้นชื่อด้านการใช้งานสมบัติวิเศษได้อย่างชำนาญ…ไคลน์ไม่เก็บซ่อนสีหน้าชื่นชม มันมอบคำตอบอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง

“บางสิ่งทรงพลัง แต่ไม่ใช่การเสริมพลังให้ผู้ใช้แข็งแกร่งขึ้น ควรมีพลังพิเศษในตัวเอง”

ไคลน์พยายามอธิบายอย่างคลุมเครือ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของมือใหม่

เนตรแห่งปัญญาอมยิ้ม

“ผมมีสมบัติบางชิ้นตรงตามคำอธิบายคุณ รหัสเก่าของมันคือ 2-081”

“2-081?” ไคลน์ถามด้วยน้ำเสียงฉงน

ภายนอกแสร้งทำเป็นตกตะลึงพองาม แต่ภายในกำลังประหลาดใจสุดขีด!

เป็นสมบัติวิเศษจากประตูยานิสของโบสถ์รัตติกาลหรอกหรือ? ไคลน์ไม่อยากเชื่อ ว่าตนจะได้ยินรหัสอันคุ้นเคยจากปากอีกฝ่าย

เนตรแห่งปัญญาใจดีช่วยอธิบาย

“สมบัติวิเศษหลายชิ้นมีผลข้างเคียงอันตรายมาก ส่งผลให้ เจ็ดโบสถ์หลักพยายามรวบรวมเพื่อนำไปปิดผนึก สิ่งเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า ‘สมบัติวิเศษปิดผนึก’ ทางโบสถ์จะจำแนกและเรียกชื่อตามรหัส หลังจากผ่านการถกเถียงและแลกเปลี่ยนข้อมูลนานหลายปี ทั้ง เจ็ดโบสถ์หลักตัดสินใจใช้รหัสในรูปแบบเดียวกัน แบ่งตามความอันตรายออกเป็น สี่ ระดับ ศูนย์ หนึ่ง สอง สาม เรียงจากอันตรายมากไปหาน้อย ระดับ ศูนย์ อันตรายมากกว่าใคร บางชิ้นมีอำนาจทำลายเมืองใหญ่ให้หายไปเพียงชั่วข้ามคืน ทาง เจ็ดโบสถ์หลักมีนโยบายแลกเปลี่ยนข้อมูลของสมบัติวิเศษปิดผนึกระดับ ศูนย์ และ หนึ่ง ต่างฝ่ายต่างเปิดเผยว่าโบสถ์ของตนครอบครองชิ้นใดไว้บ้าง รหัสของระดับ ศูนย์ และ หนึ่ง จึงไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละโบถส์ แต่สำหรับระดับ สอง และ สาม ภายในโบสถ์จะเรียงตัวเลขกันเอง ส่งผลให้สมบัติวิเศษระดับ สอง และ สม หลายชิ้น มีรหัสซ้ำกันเมื่อมาจากต่างโบสถ์”

ไคลน์ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับเหยี่ยวราตรี แต่มันไม่เคยทราบมาก่อนในบางประเด็น

“ทุกโบสถ์จะแลกเปลี่ยนข้อมูลของสมบัติปิดผนึกระดับ ศูนย์ และ หนึ่ง ระหว่างกัน?”

แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยความลับของตัวเองหรอกหรือ? ทุกโบสถ์ก็จะทราบทันทีว่าฝ่ายอื่นมีไพ่ตายในมือเป็นอะไรบ้าง!

บางที เรื่องนี้อาจเป็นกลยุทธ์เพื่อยับยั้งสงครามระหว่างเจ็ดโบสถ์ เพราะยิ่งมีข้อมูลศัตรูมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่กล้าลงมืออย่างบุ่มบ่ามเท่านั้น…ไคลน์พยายามคาดเดาเหตุผล

“ถูกต้อง ถึงแม้ผมจะไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ตำนานระบุไว้ว่า หลังจากสิ้นสุดยุคสมัยสี่ หรืออาจเป็นช่วงเริ่มต้นยุคสมัยห้า ทางเจ็ดโบสถ์หลักมีมติร่วมกันว่า ถึงเวลาดำเนินการเรื่องนี้สักที” เนตรแห่งปัญญาเล่าด้วยน้ำเสียงไม่รีบเร่ง “สำหรับ 2-081 ของผม สมบัติชิ้นนี้มาจากโบสถ์ปัญญาความรู้ ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจธรรมชาติของหลายสิ่งหลายอย่างได้รวดเร็ว รวมไปถึงพลังพิเศษของศัตรูด้วย ช่วยให้ผมทราบว่า ศัตรูมีจุดอ่อนและจุดแข็งด้านใดบ้าง และยังมีโอกาสต่ำในการลอกเลียนแบบพลังศัตรู แน่นอน โอกาสสำเร็จจะยิ่งต่ำเมื่อศัตรูยิ่งแข็งแกร่ง หรือต่อให้ลอกเลียนสำเร็จ แต่พลังพิเศษก็อาจด้อยกว่าต้นตำรับพอสมควร”

ฟังดูมีประโยชน์มาก…หรือนี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าปัญญาคือพลัง? ความปราดเปรื่องจะเอาชนะความทรงพลังได้จริงหรือ? หืม…คงต้องขอถอนคำพูดก่อนหน้า เนตรแห่งปัญญาไม่ใช่ผู้วิเศษเส้นทาง ‘นักตรวจสอบ’ แต่สามารถพิสูจน์ความ ‘แท้’ ของสูตรโอสถได้จาก 2-081 นี่เอง…ไคลน์ส่ายศีรษะพลางซักถามอย่างสนใจ

“ผมต้องจ่ายเท่าไร? แล้วจุดอ่อนของมันอยู่ตรงไหน?”

“ผลข้างเคียงก็คือ มันจะทำให้สมองของคุณทำงานอย่างหนัก หากใช้เกินระยะเวลาจำกัด คุณจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนทันที” เนตรแห่งปัญญาตอบพลางอมยิ้ม แต่ไม่ได้ลงลึกรายละเอียดกว่านี้

ทันใดนั้น นักปรุงยาด้านข้างพึมพำ

“บางที สมองคุณอาจจะเสื่อมไปแล้วก็ได้ เพราะผมได้ยินคุณเอาแต่อวดโอ่ของสะสม อีกไม่ช้าก็เร็วคงได้ถูกโจรฆ่าทิ้งเพื่อปล้นสมบัติ!”

มิสเตอร์ ผมเข้าใจว่าคุณปรารถนาดี แต่วิธีการพูดมันออกจะ…ไคลน์ส่ายศีรษะ

เนตรแห่งปัญญาหัวเราะ

“แล้วคุณรู้ได้อย่างไร ว่าผมไม่ได้จงใจอวดโอ่เพื่อหลอกหล่อให้พวกโจรลงมือ? ใช่แล้ว เหมือนกับการขุดหลุมดักเหยื่อ…จักรพรรดิโรซายล์เคยอธิบายไว้บ่อยครั้ง ฮะฮะ”

หลังจากเสียงหัวเราะจบลง มันใช้มือตบจุดพักแขนเก้าอี้นวมแผ่วเบา ก่อนจะถอนหายใจยาว “ในฐานะคนชอบสะสม ผมคงเจ็บปวดไม่น้อย ถ้าไม่ได้ป่าวประกาศให้ทุกคนรับทราบว่ามีทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใด”

จากนั้นก็มองมาทางไคลน์

“คงต้องขอโทษด้วย แต่ผมไม่มีเจตนาขาย 2-081 แต่อย่างใด มันคืออันดับหนึ่งจากบรรดาของสะสมทั้งหมด ย้อนกลับไปสมัยนั้น ผมซื้อมาในราคา หกพันแปดร้อยปอนด์ สมบัติวิเศษประเภทนี้จะมีราคาตั้งแต่ สี่พัน ถึง สองหมื่นปอนด์ ขึ้นอยู่กับพลังและผลข้างเคียง แต่เชื่อผมเถอะ ในแทบทุกกรณี เจ้าของจะไม่ยินยอมขายแน่นอน มีเงินเท่าไรก็หาซื้อได้ยาก”

แล้วจะเอามาอวดเพื่อ…มุมปากไคลน์กำลังสั่นระริกอย่างหยุดไม่อยู่

ราวกับสัมผัสถึงท่าทีตอบสนองของอีกฝ่าย เนตรแห่งปัญญาอมยิ้มเล็กน้อย

“แต่ผมมีสมบัติมานำเสนอสองชิ้น อย่างแรกคือเข็มกลัด มันจะช่วยคุณขจัดวิญญาณให้พ้นตัว สามารถปัดเป่าได้ รวมถึงใช้พลังในขอบเขตสุริยันได้บางชนิด ผลข้างเคียงก็คือ ขณะกำลังสวม คุณจะรู้สึกร้อนเหมือนกับยืนตากแดดของทวีปใต้ตลอดเวลา ไม่มีทางทำให้เย็นขึ้นได้ด้วยประการทั้งปวง ส่วนอีกหนึ่งอย่างคือ หมวกเปลี่ยนรูปร่าง หากสวมมันไว้ คุณสามารถเคลื่อนไหวใต้น้ำได้อย่างอิสระราวครึ่งชั่วโมง และใช้เวทมนตร์ในขอบเขตของวายุสลาตันได้บางส่วน ผลข้างเคียงคือ คุณจะปรารถนาการเล่นน้ำตลอดเวลา ร่างกายจะอ่อนแอลงเมื่ออยู่บนบก สมบัติประเภทนี้จะมีราคาเริ่มตั้งแต่ หนึ่งพันห้าร้อย ถึง สามพันห้าร้อยปอนด์ อย่างไรก็ตามในบางกรณี ถึงคุณจะพร้อมจ่ายแพงกว่านี้สักเจ็ดแปดเท่า แต่เจ้าของอาจไม่ยอมขาย เนื่องจากหาได้ค่อนข้างยากตามท้องตลาด”

ไคลน์พยักหน้ารับอย่างอ่อนโยน

“จะลองเก็บไปคิดดูครับ แล้วผมจะมอบคำตอบในการชุมนุมครั้งถัดไป”

มันฝืนยิ้มแห้ง

“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ผมยังมีเงินไม่พอ”

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!