Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 258

Lord of the Mysteries 258

ตอนที่ 258 : คดีฆาตกรรม

ถนนคอนกรีตเริ่มสกปรกจากภาวะฝนตกหนักเป็นเวลานาน เสาตะเกียงแก๊สสูงเท่าชายโตเต็มวัยตั้งเด่นตระหง่านสองข้างฝั่ง แสงสลัวส่องเข้ามาภายในห้องโดยสารรถม้าอย่างพร่ามัวเนื่องจากกระจกถูกฝ้าและเม็ดฝนปกคลุม

รถม้าเช่าขับผ่านท้องฟ้ายามราตรี สองข้างทางมีผู้คนสัญจรขวักไขว่ บ้างสวมหมวกป้องกันฝน บ้างใช้ร่มคันใหญ่บดบัง

ไคลน์นำแผ่นหลังเอนพิงเบาะติดผนัง สายตากำลังทัศนาวิวทิวทัศน์ยามค่ำของเมืองหลวงด้วยอากัปกิริยาผ่อนคลาย

ทันใดนั้น อุณหภูมิภายในห้องโดยสารรถม้าพลันลดลงกะทันหัน สายลมเย็นหม่นหมองหมุนวนอย่างอ่อนโยน

ไคลน์รีบหันหน้ามองตามสัญชาตญาณ และได้พบมิสบอดี้การ์ดในชุดหรูหราสีดำกำลังนั่งบนเบาะฝั่งตรงข้ามโดยไม่ให้สุ้มเสียง

สาวสวยกล่าวด้วยท่องทำนองล่องลอยและมายา

“เนตรแห่งปัญญาสัมผัสถึงฉันได้”

กะแล้วเชียว…ไคลน์ผงกศีรษะรับอย่างไม่ประหลาดใจนัก “เขามีสมบัติวิเศษจำนวนมาก อาจมีสักชิ้นช่วยในการตรวจจับ และบางทีคงมีองค์กรคอยสนับสนุนเบื้องหลัง”

หากไม่แล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย กับการรวบรวมสมบัติวิเศษค่อนข้างทรงพลังหลายชิ้นด้วยระยะเวลาเพียงสามสิบปี เมื่อนำไปเทียบกับกรณีก่อนหน้า ระดับบุคคลอย่างพลเรือโทวายุคีลิงเกอร์ ก็ยังถือครองสมบัติวิเศษแค่ ‘ยุบพองหิวโหย’ เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แม้มันจะมีตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดพลเรือโจรสลัดอันยิ่งใหญ่ ผู้ปล้นชิงเรือบรรทุกสินค้าบนน่านน้ำจำนวนมาก…แต่เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ พลเรือโทคีลิงเกอร์อาจมีมาตรฐานสูง ไม่คิดชายตามองสมบัติวิเศษลำดับต่ำ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ลำพังยุบพองหิวโหยก็ทรงพลังโดยแทบไม่มีจุดอ่อนอยู่แล้ว

แน่นอน อีกหนึ่งสมมติฐานคือ เนตรแห่งปัญญาต้องร่ำรวยมหาศาล ในฐานะผู้จัดการชุมนุมลับอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีสมบัติวิเศษน่าสนใจปรากฏตัว เขาคงไม่ลังเลจะซื้อเก็บเข้าคลังของสะสมส่วนตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีสมบัติติดตัวอยู่พอสมควร…เฮ่อ เขาเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่หรือไง? ไคลน์รำพัน

มันไม่กล้าเดาออกไปว่า เนตรแห่งปัญญาอาจมาจากโบสถ์จักรกลไอน้ำหรือโบสถ์ปัญญาความรู้ เพราะไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ ‘มือใหม่’ ในสายตามิสบอดี้การ์ด

คนคุ้มกันสาวสวยผงกศีรษะรับ เป็นสัญญาณว่าเห็นด้วยกับสมมติฐานไคลน์

ทันใดนั้น เธอขมวดคิ้วกะทันหันและรีบมองออกไปนอกหน้าต่างฝั่งตรงข้าม

“กลิ่นเลือดเข้มข้นมาก”

กลิ่นเลือดเข้มข้น? ไคลน์รีบหันมองตาม

ท่ามกลางสายฝน บริเวณดังกล่าวคือทางเข้าตรอกเล็กสักแห่ง

ใกล้ปากทางเข้า หญิงสาวสวมเดรสสีแดงหรูหรากำลังนอนแผ่บนพื้น

ชาวเมืองคนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้เพื่อสำรวจอาการด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่มันกลับกรีดร้องออกมากะทันหัน

เสียงโหยหวนดังจนม้าเริ่มมีอาการสั่นกลัว ส่งผลให้คนขับต้องกุมบังเหียนแน่นและลดความเร็วลงอย่างมิอาจเลี่ยง

ภายใต้แสงสลัวจากเสาตะเกียง ไคลน์มองเห็นใบหน้าอันซีดเซียวของสตรีคนดังกล่าว เธอกำลังนอนหมดสติใกล้ทางเข้าตรอกแคบ บริเวณช่องท้องมีแผลฉกรรจ์พร้อมเลือดสดไหลซึม เมื่อสังเกตให้ละเอียดกว่าเดิม คล้ายกับอวัยวะภายในถูกนำออกไปจนหมดเกลี้ยง

เลือดสีแดงฉานหลั่งไหลออกจากร่างหญิงสาวทีละนิดในลักษณะเชื่องช้า สีของมันเข้มข้นจนน่าสยดสยอง

นี่มัน…ในฐานะอดีตเหยี่ยวราตรีผู้เคยมีรายรับสิบปอนด์ต่อสัปดาห์ ไคลน์ย้อนนึกถึงรายละเอียดของคดีเหนือธรรมชาติจำนวนมากในความทรงจำ เคยมีเหยื่อหลายคดีต้องประสบชะตากรรมในลักษณะคล้ายคลึงกัน

ส่วนมากเกี่ยวกับการบูชายัญปีศาจ!

และเมื่อเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบูชายัญปีศาจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ต้องเป็นองค์กรลับชั่วร้ายอย่าง ‘นิกายบูชาโลหิต’ จากยุคสมัยสี่ พวกมันถูกระบุว่าเป็นนิกายของปีศาจ!

จากเอกสารลับของเหยี่ยวราตรี นิกายบูชาโลหิตเกิดจากการสายสัมพันธ์อย่างหลวมๆ ของกลุ่มคนบูชาปีศาจ ประกอบด้วยตระกูลเสมือนปีศาจเช่น นอร์ธ อันเดราธ และบีเลียล พวกมันทุกตระกูลล้วนไม่มีใครยอมอยู่ใต้ใคร

พวกมันเปลี่ยนไปนับถือปีศาจแทน และก่อคดีสะเทือนขวัญขึ้นมากมายในอดีต ย้อนกลับไปสมัยไคลน์ยังอยู่กับเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น มาดามโอเรียนน่า พนักงานบัญชีและการเงิน ก็เคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของพวกบูชาปีศาจมาก่อน แต่ถูกเหยี่ยวราตรีช่วยไว้ได้ทัน

แน่นอน ไม่ใช่ว่าทุกกรณีจะเป็นฝีมือของนิกายบูชาโลหิตเสมอไป มีหลายคดีเป็นแค่พฤติกรรมลอกเลียนแบบของคนธรรมดา

“ดูเหมือนจะเป็นฝีมือนิกายบูชาโลหิต” คนคุ้มกันสาวสวยส่งเสียงกระซิบ ร่างของเธอเริ่มเลือนรางและหายไป ไม่แยแสว่าไคลน์จะเข้าใจประโยคเมื่อครู่หรือไม่

ขณะเดียวกัน รถม้าของคนทั้งสองเคลื่อนตัวผ่านจุดเกิดเหตุมาแล้ว ไคลน์เห็นตำรวจท้องถิ่นกำลังเข้าไปดูเหตุการณ์ มันจึงสลัดความคิดจะลงไปตรวจสอบ เลือกทำตัวเป็นพลเมืองธรรมดา เดินทางผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ใช่แล้ว เราคือมิสเตอร์โมเรียตี้…

นิกายบูชาโลหิตถือครองเส้นทาง ‘อาชญากร’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือเส้นทางปีศาจ กล่าวกันว่า หลังจากลำดับเจ็ดเป็นต้นไป ผู้วิเศษจะเริ่มกลายเป็นปีศาจทีละนิด แต่จะไม่เปิดเผยร่างจริงภายใต้สถานการณ์ปรกติ…

ลำดับเก้า อาชญากร มีร่างกายแข็งแรง ประสาทสัมผัสเฉียบคม มาพร้อมทักษะของอาชญากรหลายด้าน แต่ยังคงมีศีลธรรมเหมือนมนุษย์ปรกติ… ชลำดับแปด ชื่อโบราณคือ ‘สัตว์เลือดเย็น’ แต่ปัจจุบันใช้ชื่อว่า ‘เทวทูตปีกหัก’ สื่อความนัยหมายถึง มนุษย์จะเริ่มสูญเสียศีลธรรมในจิตใจทีละนิด และก้าวเข้าสู่เส้นทางของปีศาจด้วยร่างกายอันห่างไกลจากความเป็นคน ขณะเดียวกันก็ได้รับพลังเวทมนตร์เข้มข้นของปีศาจมาครอบครอง…ลำดับเจ็ด ฆาตกรต่อเนื่อง จะถูกเสริมความรู้ด้านพิธีกรรมปีศาจ พวกมันมักเอาอกเอาใจเทพปีศาจด้วยการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง…

เราไม่มีข้อมูลลำดับสูงกว่านี้…

ขณะสมองไคลน์กำลังเต็มไปด้วยนิกายบูชาโลหิตและเส้นทางปีศาจ สายฝนด้านนอกเริ่มทวีความรุนแรงทุกขณะ เม็ดฝนกระทบแผ่นกระจกห้องโดยสารและไหลรินลงด้านล่างตามธรรมชาติของแรงโน้มถ่วง โลกภายนอกรถม้ากำลังเงียบสงบและพร่ามัว

เราคิดมากไปทำไมกัน? คดีแบบนี้คงถูกจัดการได้ง่ายดายโดยฝีมือของหน่วยผู้วิเศษประจำเมืองหลวงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เหยี่ยวราตรีก็คงเป็นทูตพิพากษา ไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลเลยสักนิด…ไคลน์ส่ายศีรษะรำพัน

เมื่อกลับถึงบ้าน 15 ถนนมินส์ มันลืมคดีฆาตกรรมบนท้องถนนโดยสมบูรณ์ เพียงเดินไปดึงกริ่งบ้านตระกูลซาเมอร์หลังติดกัน เพื่อแจ้งให้มาดามสตาร์ลิ่งทราบว่า ตนรวบรวมหลักฐานสำคัญในคดีมาดามแมรีเสร็จแล้ว ให้อีกฝ่ายแวะเข้ามาหาวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายได้เลย ถัดจากนั้น ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาและเดินกลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องนั่งเล่น คอยติดตามสถานการณ์ของกรุงเบ็คลันด์ทุกฝีก้าว

วันต่อมา เช้าวันอาทิตย์ หลังจากลิ้มรสอาหารเช้าจนอิ่มหนำ ไคลน์เดินทางออกไปรับรูปถ่ายกลับมาคัดสรร มีอยู่หนึ่งภาพตรงใจเป็นพิเศษ เพราะเห็นใบหน้าของทั้งเอริก้าและโดรัคอย่างชัดเจน รวมถึงแววตาอันเร่าร้อนขณะทำกิจกรรมบนเตียง

หลังจากเก็บภาพอื่นเข้าลิ้นชัก ไคลน์เดินทางไปยังสถานีตำรวจไรซ์เพื่อทวงค่าประกันตัวสิบปอนด์คืน รีบจัดการให้เสร็จก่อนมาดามแมรีจะแวะมาหาในช่วงบ่าย

ระหว่างอยู่ในสถานี มันบังเอิญได้พบจ่าฟาซินตัวจริง ส่งผลให้เกิดความกระอักกระอ่วนและมองหน้ากันไม่ติด

ถัดมาเป็นการเดินทางไปธนาคารเพื่อถอนเงิน ห้าร้อยปอนด์สุดท้ายออกจากบัญชีลับ และช่วงเช้าอันวุ่นวายของไคลน์ก็จบลงเท่านี้

ก่อนถึงเวลาอาหารเที่ยง มันนำเงินสด หกร้อยปอนด์จ่ายมิสบอดี้การ์ดรวดเดียวจนครบ ส่งผลให้ตัวเองเหลือเงินติดกระเป๋า หนึ่งร้อนสี่สิบหกปอนด์ แปดซูล ห้าเพนนี ถือเป็นก้อนสุดท้ายแล้วสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน

เราไม่ติดค้างใครอีกแล้วนอกจากจัสติส…ไคลน์ครุ่นคิดพลางปรุงสเต๊กทีโบน ตามด้วยการราดด้วยซอสพริกไทยดำของโปรด

แต่ขณะกำลังจะลิ้มรสเนื้อคุณภาพสูงในระดับความสุก ‘มีเดียม-เวล’ เสียงกริ่งบ้านพลันดังขัดจังหวะ

“มาดามแมรี? ไม่เร็วไปหน่อยหรือ?” ชายหนุ่มรีบวางมีดส้อมและเดินไปทางประตูบ้านด้วยสีหน้าประหลาดใจ

มันยืนค้างหน้าประตูเล็กน้อยเพื่อให้ภาพของผู้มาเยือนปรากฏในนิมิต

อีกฝ่ายสวมโค้ทตัวใหญ่สีเทาอ่อน ดวงตาสีฟ้าเรียวยาว หมวกผ้าไหมทรงสูง และไม้ค้ำสีดำเลี่ยมทองรูปทรงโบราณของสุภาพบุรุษ จอนสองข้างมีสีขาวแซม ผิวหน้าปรากฏรอยย่นร่องลึก ใบหน้าโดยรวมค่อนไปทางชรา

“ให้ผมช่วยอะไรหรือ?” ไคลน์ซักถามหลังจากเปิดประตู

สุภาพบุรุษสูงสัยกล่าวด้วยสำเนียงของแคว้นเลียบทะเลอันเข้มข้น

“ใช่นักสืบเอกชนเชอร์ล็อกหรือไม่?”

“ใช่ครับ มีงานให้ผมทำหรือ?” ไคลน์ผงกศีรษะรับและหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะนำทางไปยังห้องรับแขก

มันลังเลราวสองวินาที

“จะรับชาดำหรือกาแฟดีครับ”

“น้ำร้อนหนึ่งแก้วก็พอ” สุภาพบุรุษสูงวัยถอดหมวกขณะนั่งลงบนเก้าอี้นวม

ดีมาก สั่งของไม่ยาก…บางที เราควรจ้างผู้ช่วยสักคนเพื่อบริการเครื่องดื่มให้แขกและทำความสะอาดบ้าน…ไคลน์เดินเข้าไปในครัวเพื่อล้างแก้วพลางใช้ความคิด

หลังจากยกน้ำร้อนวางด้านหน้าสุภาพบุรุษสูงวัย ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สองมือวางประสานกันตรงหน้า

“ให้ผมเรียกคุณว่าอย่างไร”

“มิลเลอร์·คาเตอร์” สุภาพบุรุษสูงวัยกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“มิสเตอร์คาเตอร์ คุณต้องการให้ผมทำงานแบบไหนหรือ?” ไคลน์ถามเข้าประเด็นทันทีโดยไม่มัวเสียเวลากับบทสนทนาจิปาถะ

ขณะซักถาม มันแอบเปิดเนตรวิญญาณเพื่อสำรวจคาเตอร์

สุภาพบุรุษสูงวัยคนนี้มีสุขภาพค่อนข้างดี อาจมีปัญหาเล็กน้อยบริเวณข้อต่อหัวเข่าซ้าย คงเกี่ยวกับโรคไขข้อกระมัง…ออร่าอารมณ์มีสีฟ้าคราม แสดงถึงความเยือกเย็น ปราศจากอาการประหม่า…เพียงชำเลืองมอง ไคลน์ได้รับข้อมูลเบื้องต้นของอีกฝ่าย

มิลเลอร์·คาเตอร์ใช้มือข้างหนึ่งยกถ้วยลายคราม ส่วนอีกข้างลูบไล้ผิวแก้วอย่างอ่อนโยน

“เรื่องของเรื่องคือ…ผมเพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่แถวถนนวิลเลียมส์…เอ่อ ผมย้ายมาจากแคว้นเลียบทะเลด้วยเหตุผลทางธรุกิจ หลังจากนี้คงได้อาศัยในเบ็คลันด์เป็นการถาวร”

ถนนวิลเลียมส์…อยู่แถวไหนกันนะ…นักสืบเอกชนเชอร์ล็อก ผู้เพิ่งยายมาพักอาศัยในกรุงเบ็คลันด์ได้ไม่ถึงเดือน มันพยายามนึกเค้นพิกัดของถนนจากความทรงจำ แทนการหยิบแผนผังเมืองหลวงออกมากางอ่าน เนื่องจากพฤติกรรมอย่างหลังจะทำให้ลูกค้าเสื่อมศรัทธา

มิลเลอร์·คาเตอร์ชำเลืองครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายเรื่องราวฝั่งตัวเองต่อ

“จากข่าวลือของชาวเมืองในละแวกดังกล่าว บ้านหลังปัจจุบันของผมเคยเป็นทรัพย์สินของไวเคาต์ตกอับ นั่นคือเรื่องราวในอดีตสมัยยี่สิบสามสิบปีก่อน หลังจากเกิดการเปลี่ยนมือหลายครั้ง ปัจจุบันได้กลายมาเป็นของผม ทางผมมีแผนปรับปรุงโครงสร้างบ้านใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่หลังจากสำรวจตัวอาคารอย่างละเอียด กลับพบประตูลับนำพาไปสู่อาคารใต้ดินลักษณะค่อนข้างกว้าง เมื่อประเมินแล้วว่าไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราวและกำชับไม่ให้บริวารคนใดสำรวจลึกเข้าไปข้างใน สรุปก็คือ ผมหวังให้คุณช่วยยืนยันว่า สถานการณ์ภายในอาคารใต้ดินปลอดภัยหรือไม่”

อาคารใต้ดิน…โบราณสถาน? หรือจะเป็นคลังสมบัติลับ…ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดนานหลายวินาที ก่อนตัดสินใจซักถาม

“แล้วทำไมคุณถึงไม่แจ้งตำรวจ ตำรวจมีเครื่องมือและกำลังคนพร้อมกว่านักสืบเอกชาอย่างผมมาก พวกเขาสามารถดำเนินการสำรวจได้ลึกและมีประสิทธิภาพ”

มิลเลอร์·คาเตอร์ลูบดั้งจมูก

“ผมไม่อยากให้มีใครทราบเรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะรัฐบาล ถ้าหากยืนยันได้ว่าอาคารใต้ดินดังกล่าวปราศจากอันตรายจริง ผมมีแผนจะใช้มันเป็นส่วนหนึ่งของบ้านโดยไม่ให้ใครทราบ ผมรู้ดีว่างานนี้เสี่ยงอันตราย จึงยินดีจ่ายให้มากถึง ห้าสิบปอนด์ แต่ขอกำชับล่วงหน้า คุณพาผู้ช่วยไปได้แค่สามคนเท่านั้น ไม่ต้องห่วงว่าจะได้รับอันตรายเพิ่มเติม ผมยินดีจ่ายชดเชยเป็นเงินก้อนโต”

ห้าสิบปอนด์…เยอะเอาเรื่อง…หากเราเป็นนักสืบเอกชนทั่วไป กว่าจะได้เงินจำนวนเท่านี้ ก็ต้องทำงานไม่ต่ำกว่าสามเดือนเลยทีเดียว…อีกฝ่ายเพิ่งมาถึงเบ็คลันด์และไม่รู้จักนักสืบเอกชนคนใด จึงมองหาจากหนังสือพิมพ์และพบเราเข้าโดยบังเอิญ…ไคลน์แสดงท่าทีลังเลหลายวินาที

“ขอเวลาสักครู่”

มันชี้ไปทางด้านหลังพร้อมกับเผยรอยยิ้มเคอะเขิน “ผมต้องการเข้าห้องน้ำ”

มิลเลอร์·คาเตอร์พยักหน้ารับพลางจิบน้ำร้อนในถ้วยลายคราม

หลังจากเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูไม้มิดชิด ไคลน์มองกระจกเงาพร้อมกับล้วงเหรียญ ½ เพนนีออกมา

ขณะมิสบอดี้การ์ดยังวนเวียนอยู่รอบตัว มันไม่สามารถใช้พลังทำนายจากห้วงมิติเหนือหมอกเทาได้เลย ต้องพึ่งพาพลังตัวเองเท่านั้น

“เราควรรับงานนี้”

ไคลน์พึมพำเจ็ดครั้งพลางดีดเหรียญทองแดงขึ้นไปบนอากาศ

ตุ้บ!

เหรียญ ½ เพนนีหล่นลงใจกลางฝ่ามือ เผยให้เห็นใบหน้าของกษัตริย์แห่งโลเอ็นชัดเจน สิ่งนี้หมายถึงคำตอบ ‘ใช่’

ไคลน์ผงกศีรษะรับ ก่อนจะส่งเสียงกระซิบกับความว่างเปล่า

“สัญชาตญาณคุณบอกอะไรบ้างไหม”

ภาพของมิสบอดี้การ์ดพลันปรากฏบนกระจกเงา ตามด้วยเสียงล่องลอย

“มีอันตราย แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต”

เยี่ยมเลย…ไคลน์เก็บเหรียญทองแดงพร้อมกับรีบล้างมือ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำและตรงกลับไปทางห้องรับแขก

มันยืนมองมิลเลอร์·คาเตอร์พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส

“ผมรับงานนี้”

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!