Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 277

Lord of the Mysteries 277

ตอนที่ 277 : สรุปแผนการ

“อนาคตของราฟเตอร์·พาวน์”

ไคลน์กำเส้นผมบาโรเน็ตพาวน์ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลง และสะกดจิตตัวเองให้หลับด้วยการเข้าฌาน

ท่ามกลางโลกสีเทาหม่นหมอง มันมองเห็นปากถ้ำพิสดารและคับแคบ ราฟเตอร์·พาวน์ผู้มีดวงตาปูดโปน จอนสองข้างขาวหงอก กำลังพยายามทรงตัวด้วยศอก พลางคลานไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าประหนึ่งสัตว์เลื้อยคลานบางประเภท หวังนำพาตัวเองออกจากปากถ้ำให้สำเร็จ

ฉากตัดไปกะทันหัน และปรากฏภาพราฟเตอร์กำลังสวมเข็มกลัดเหล็กสีดำไว้บนหน้าอก ซึ่งไคลน์ไม่ทราบมันได้รับมาตอนไหน

ผิวเข็มกลัดสลักรูปคทา รวมถึงฝ่ามือข้างหนึ่งซึ่งกำด้ามไว้คทาไว้อย่างหลวมๆ !

“ทูดอร์!” ไคลน์โพล่งขึ้นอย่างลนลานพร้อมกับตื่นจากความฝัน

จากคำอธิบายของมิสบอดี้การ์ด เข็มกลัดสีดำดังกล่าวคือตราของราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยสี่!

สัญลักษณ์บนเข็มกลัด เหมือนกับสัญลักษณ์บนเก้าอี้ในอาคารใต้ดินทุกประการ

เกรงว่าราฟเตอร์·พาวน์จะไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว…ไคลน์บีบนวดหน้าผากพลางพึมพำกับตัวเอง

ในฐานะนักทำนาย มันย่อมทราบหลักในการแปลนิมิตฝัน ความฝันเมื่อครู่ได้มอบคำตอบสองขอให้ไคลน์ เรื่องแรกคือ ชะตากรรมในอนาคตของราฟเตอร์·พาวน์ และอีกหนึ่งเรื่องคือ ราฟเตอร์·พาวน์มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับตระกูลทูดอร์!

จากการทดสอบสามครั้งของเรา ประกอบด้วยการถามตรงๆ ตอนยังมีสติ สำรวจนิมิตความฝัน และสื่อวิญญาณ ราฟเตอร์·พาวน์มีท่าทีตอบสนองเหมือนคนธรรมดา ไม่เปิดเผยความผิดปรกติใดแม้แต่น้อย…หากเราไม่ได้ทดสอบด้วยมิติสายหมอก คงถูกชายคนนั้นหลอกเข้าเต็มเปา…ไม่สิ ราฟเตอร์ในปัจจุบันอาจไร้เดียงสาจริง และท่าทางในวันนี้ก็ไม่ใช่การเสแสร้ง เพียงแต่ว่า โชคชะตาในภายหลังบังเอิญเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ทูดอร์…

อย่างไรก็ตาม โอกาสซึ่งราฟเตอร์·พาวน์จะทราบความจริงอยู่แล้วมีมากกว่า อาจเป็นข้อมูลจากปากไวเคาต์เฒ่าในวาระสุดท้ายก่อนเสียชีวิต แต่เป็นเพราะราฟเตอร์ไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง จึงตัดสินใจแกล้งเป็นบ้าและไร้เดียงสา…ส่วนการหนีรอดจากพิธีกรรมสื่อวิญญาณและยันต์บุกรุกความฝัน คงเป็นผลมาจากพลังพิเศษสักชนิดแน่ หืม…พฤติกรรมในความฝันของมันคงเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่อย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญอย่างเราต้องพบความผิดปรกติแม้เพียงเล็กน้อย…

เป็นพลังของโอสถหรือ? ชายคนนั้นอยู่บนเส้นทางใดกัน?

และลำดับเท่าไร?

หรือเป็นประเภทเกิดมาพร้อมพลังพิเศษ?

หลังจากไคลน์พยายามรวบรวมข้อมูล มันพบว่าตัวเองมาถึงทางตัน จึงดึงสติกลับมาพร้อมกับเปลี่ยนมุมมองความคิดใหม่ทั้งหมด

ราฟเตอร์·พาวน์มีสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับตระกูลทูดอร์โดยตรง…

หรือเราควรตั้งสมมติฐานว่า ชายคนนั้นคือทายาทตัวจริงของตระกูลทูดอร์?

ยิ่งถ้ามีสายเลือดของไวเคาต์พาวน์จริง เรื่องราวจะยิ่งซับซ้อนและน่าสนใจอย่างมาก

เพราะนั่นจะหมายความว่า ตระกูลพาวน์คือหนึ่งในวงศาคณาญาติของตระกูลทูดอร์ แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเพราะความอยู่รอด

พวกมันซ่องสุมกำลังและพยายามสร้างคุณงามความดีแก่อาณาจักร จนกระทั่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ในศึกตระบัดสัตย์ กลายมาเป็นศูนย์กลางของพลังอำนาจอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมรากเหง้า พยายามค้นหาความลับของตระกูลทูดอร์ภายในเบ็คลันด์

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน พวกมันเริ่มค้นพบเบาะแสน่าสนใจ จึงทำการซื้อบ้านหลังปัจจุบันของมิลเลอร์·คาเตอร์ และสร้างห้องใต้ดินขนาดมหึมา เพื่อเป็นฐานในการสำรวจบริเวณโดยรอบ

ราว สามสิบ ถึง สี่สิบ ปีถัดมา พวกมันบังเอิญพบอาคารโบราณเข้า จึงสร้างประตูลับปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด

ทว่า ดันเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างลงมือสำรวจ วิญญาณมารภายในห้องลึกสุดของอาคาร ไม่สามารถจดจำเหล่าผู้เรียกตัวเองว่าทายาทของทูดอร์คนใดได้เลย เป็นเหตุให้ลูกหลานสองคนของไวเคาต์เฒ่าเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน แม้แต่ตะกอนพลังก็มิอาจเก็บกู้ออกมาได้

แม้ว่าไวเคาต์เฒ่าจะหาซื้อตะกอนพลังเส้นทางเดียวกัน มาหลอกราชวงศ์ออกัสตัสว่าทายาททั้งสองคนเสียชีวิตตามปรกติ แต่ความตายอย่างกะทันหันและผิดธรรมชาติ ส่งผลให้ทั้งเชื้อพระวงศ์และโบสถ์ต่างไม่คลายความสงสัยในดีดังกล่าว… และด้วยเหตุนี้ หลังจากไวเคาต์เฒ่าจากไป ราฟเตอร์·พาวน์จึงจงใจแสดงละครแกล้งบ้า รวมถึงบิดเบือนข้อมูลการสำรวจอาคารใต้ดินของตระกูลพาวน์ในอดีตทั้งหมด อาจถึงขั้นยอมสะกดจิตตัวเองให้มีอาการทางจิตจริง และใช้ชีวิตอย่างเสเพลไปวันๆ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาคนรอบข้าง

สมมติฐานนี้ช่วยอธิบายข้อสงสัยก่อนหน้าของเราได้ ว่าทำไมทายาทตระกูลไวเคาต์ถึงถูกกลุ่มบุคคลลึกลับชักจูง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากราชวงศ์หรือโบสถ์หลักแม้แต่น้อย…แถมคนร้ายยังลงมืออุกอาจมาก ว่ากันตามตรง พวกมันสามารถทำให้แนบเนียนกว่านี้ได้หลายวิธี เช่นการใช้ลำดับหก ของเส้นทางนักทำนาย ‘ผู้ไร้หน้า’

แม้แต่เด็กสิบขวบยังสัมผัสถึงความผิดปรกติได้…แล้วราชวงศ์กับสามโบสถ์หลักจะไม่ทราบเชียวหรือ?

คำอธิบายเดียวก็คือ ฝ่ายราชวงศ์ หรือไม่ก็โบสถ์หลัก เป็นผู้ส่ง ‘กลุ่มคนลึกลับ’ คอยจับตามองรอบตัวราฟเตอร์·พาวน์เสียเอง

ใช่แล้ว ย้อนกลับไปขณะสำรวจอาคารโบราณใต้ดิน เราสรุปว่า ตระกูลทูดอร์และทรันซอสต์ถือครองเส้นทางจักรพรรดิมืด โดยเทคนิคสวมบทบาทของเส้นทางดังกล่าวคือ ต้องก่อตั้งราชวงศ์ ก่อตั้งจักรวรรดิ และสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ… สรุปโดยสั้น พวกมันจำเป็นต้อง ‘เลียนแบบ’ พฤติกรรมทั้งหมดของตระกูลโซโลมอน เพื่อให้เข้าถึงเทคนิคสวมบทบาทได้เต็มประสิทธิภาพ…ในครั้งนั้น มิสบอดี้การ์ดเห็นด้วยกับทฤษฎีของเราทางอ้อม

โอสถลำดับเก้า เส้นทางจักรพรรดิมืดคือ ‘นักกฎหมาย’ ถือเป็น ‘อาชีพ’ สำหรับออกคำสั่งกับผู้คนจำนวนมากเป็นทุนเดิม…จริงด้วย! ราฟเตอร์·พาวน์คงตบตายันต์บุกรุกความฝันและพิธีกรรมสื่อวิญญาณของเรา ด้วยหนึ่งในพลังของโอสถเส้นทางนักกฎหมาย…หรืออาจซับซ้อนกว่านั้น? ราฟเตอร์·พาวน์จงใจเล่นละครตามน้ำ แสร้งทำเป็นสะลึมสะลือ แต่ความจริงแล้ว แอบชักนำให้เราเดินไปในทิศทางต้องการ…

ไม่สิ…การโกหกในพิธีกรรมสื่อวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย ราฟเตอร์·พาวน์อาจไม่ได้โกหก เพียงแต่เลือกพูดความจริง ‘บางส่วน’ …เพราะวลี ‘รักษาตระกูล’ และ ‘จดจำความรุ่งเรืองของตระกูล’ ไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงตระกูลพาวน์หรือตระกูลทูดอร์…

ห้วงความคิดไคลน์เริ่มแจ่มชัดขึ้นทีละนิด มันพอจะเห็นเค้าลางของความจริงในอดีต

จากพฤติกรรมของราฟเตอร์·พาวน์ หากไม่มีความช่วยเหลือจากภายนอก วิญญาณมารใต้ดินคงหลุดจากผนึกเองไม่ได้แน่…ไม่อย่างนั้น มันคงรีบแผ่นหนีไปให้ไกลจากเมืองเบ็คลันด์ ไม่เลือกเช่าบ้านแถวซิลวารัสยาร์ดในย่านใกล้เคียงแน่…ไม่เกี่ยวว่าวิญญาณมารจะตามรังควาน ราฟเตอร์·พาวน์หรือไม่ ขอแค่วิญญาณมารออกอาละวาดทำลายเมือง อาคารโบราณใต้ดินก็จะถูกพบทันที และความฉิบหายก็จะตกอยู่กับทายาทคนสุดท้ายของตระกูลพาวน์อย่างราฟเตอร์…ถ้าจำไม่ผิด มิสบอดี้การ์ดเคยบอกว่า ห้องฝั่งตรงข้ามห้องประตูอาบเลือด ถูกทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ถึงอย่างนั้น ผนึกของวิญญาณมารก็ยังคงแน่นหนา…เราจึงอนุมานได้ว่า ถ้าห้องประตูอาบเลือดไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ผนึกวิญญาณมารก็ไม่มีวันถูกทำลายเช่นกัน มันจะติดอยู่ในนั้นถาวร…

หืม…ถ้าอย่างนั้น แผนการของเราถัดจากนี้ก็ชัดเจนแล้ว ติดต่อคาสปาสเพื่อซื้อระเบิด จากนั้นก็ถล่มปากทางจนไม่มีใครสามารถย่างกรายเข้าไปสำรวจได้ ปล่อยให้วิญญาณมารบัดซบนั่นถูกขังตลอดกาล…ฮะฮะ! หลังจากเราแข็งแกร่งมากพอ ค่อยเดินทางกลับมาจัดการให้สิ้นซาก ได้ทั้งช่วยขจัดอันตรายให้ชาวเมืองเบ็คลันด์ และสมบัติมีค่าติดไม้ติดมือกลับไป…

ว่าแต่ เราจะพังทางเข้าอย่างไรให้ตัวเองไม่ได้รับอันตราย? ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อน…บางที คาสปาสอาจรู้จักนักวางระเบิดมืออาชีพกระมัง? มันเป็นถึงพ่อค้าอาวุธเถื่อน

เมื่อตัดสินใจหนักแน่น ไคลน์เตรียมเดินทางไปหาคาสปาสในช่วงเย็นวันถัดไป มันหวังสะสางเรื่องของอาคารโบราณใต้ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้

ส่วนเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลพาวน์และทูดอร์ รวมถึงความผิดปรกติของราฟเตอร์·พาวน์ ไคลน์ไม่ต้องการสืบลึกไปมากกว่าเดิม

“ไม่ใช่กงการของเราสักหน่อย!” ชายหนุ่มพึมพำพลางส่งตัวเองออกจากมิติสายหมอก

วันศุกร์ตอนเช้า ไคลน์รีบออกจากบ้านเช่นเคย ทำตัวประหนึ่งว่ามีงานยุ่งเสียเต็มประดา

แต่ความเป็นจริงคือ มันเดินทางไปยังสโมสรครักซ์เพื่อซ้อมยิงปืน อ่านหนังสือพิมพ์ และมีความสุขไปกับชีวิตแสนสบาย

เมื่อถึงช่วงเวลาดื่มชายามบ่าย หลังจากหมกตัวอยู่ในสโมสรทั้งวัน ไคลน์เตรียมเดินทางกลับ แต่มันพลันประหลาดใจเมื่อได้เห็นแมรี·เกเลอร์ อดีตนายจ้าง เข้ามาในสโมสรพร้อมกับทาลิม·ดูมงต์ ครูสอนขี่ม้า

ทั้งสองรายถูกล้อมด้วยสุภาพบุรุษเสื้อคลุมกระดุมสองแถวหลายคน รวมถึงหญิงสาวใบหน้าเลอโฉมโบกเครื่องสำอางหนาจำนวนพอประมาณ หนึ่งในนั้นคือนักข่าวประจำหนังสือพิมพ์เกาะติดสถานการณ์รายวัน อดีตนายจ้างไคลน์เช่นกัน ไมค์·โยเซฟ

“โฮ่! ยอดนักสืบโมเรียตี้! ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!” ไมค์ ผู้มีดวงตาทรงเสน่ห์ แต่ผิวหนังค่อนข้างหยาบกร้าน เป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักทายไคลน์ก่อน

ชายหนุ่มอมยิ้มและตอบ

“มิสเตอร์นักข่าว สืบคดีไปถึงไหนแล้ว?”

“เสร็จเรียบร้อยแล้ว! คุณช่วยได้มากเลย! ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ได้โปรดให้ผมแนะนำตัวบุคคลผู้นี้ด้วย เขาคือยอดนักสืบ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ เป็นมิตรสหายของทาลิม” ไมค์โบกไม้โบกมือขณะกล่าว

หลังจากต่างฝ่ายต่างทักทายตามมารยาท ไมค์หันมาอธิบายต่อ

“ผมพอจะทราบแล้วว่าคาพินคือใคร ไว้ค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟังวันหลัง สรุปความคืบหน้าคดีก็คือ การตายของ ‘ซีเบล’ อาจเกิดจากคดีฆาตกรรมเลียนแบบ คนร้ายไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง ฮะฮะ! คุณรออ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ในบทความของผม บนหน้าหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้”

“ผมเองก็คิดคล้ายกัน” ไคลน์ยิ้ม

ทันใดนั้น คล้ายกับไมค์ฉุกคิดบางสิ่งได้ มันรีบหันหลังไปมองแมรี·เกเลอร์

“แมรี! เอาอย่างนี้เป็นไง ผมจะคุณสัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์มลพิษในอากาศของกรุงเบ็คลันด์ รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหา ทว่า คุณต้องช่วยคุยกับหัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการของผม ให้เขาจองวันเวลาสำหรับลงบทความไว้ล่วงหน้า”

แววตาแมรีพลันส่องประกาย

“ตกลง!”

“ขอบคุณมาก! ไมค์ ทำไมฉันถึงคิดวิธีดีๆ แบบนี้ไม่ออกตั้งแต่แรก”

เป็นกลยุทธ์สำหรับประชาสัมพันธ์คณะกรรมการมลพิษในอากาศแห่งชาติ? ดูเหมือนตาไมค์จะเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษ…แม้หนังสือพิมพ์เกาะกระแสรายวัน จะไม่ใช้อันดับหนึ่งหรือสองของอาณาจักร แต่ฐานลูกค้าก็นับว่าไม่น้อยเช่นกัน…หรือว่า แมรีจงใจเข้าสโมสรวันนี้ เพราะสมาชิกสภาสามัญหลายคนแวะเข้าสโมสรวันนี้เหมือนกัน? นั่นสินะ ถ้าต้องถกประเด็นการเมืองอย่างลับๆ สโมสรครักซ์ถือเป็นตัวเลือกฉลาด…หลังจากไคลน์เริ่มเข้าใจบางสิ่ง มันโบกมืออำลาทุกคนและเดินออกจากตัวอาคาร

หากยังไม่เป็น ‘ผู้ไร้หน้า’ … เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองระดับประเทศเด็ดขาด!

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ภายในหอพักแห่งหนึ่งบนเขตตะวันออก

หลังจากผ่านพ้นวันยุ่งๆ อีกหนึ่งวัน วิลเลียมส์เปิดประตูเข้าหอพักซึ่งมันเช่าไว้ซุกหัวนอน จากนั้นก็หยิบเงิน เตรียมมุ่งหน้าไปยังผับเพื่อหาอะไรดื่ม และสะสางมื้อเย็นให้เสร็จภายในนั้น

ท่ามกลางบรรยากาศมืดมิด มันพลันชะงักร่างกายขณะกำลังสวมโค้ทตัวเก่ง

เนื่องจาก สายตาบังเอิญเหลือบเห็นเงาลางของใครบางคนตรงหน้าต่าง ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกบดบังมิดชิดภายใต้เสื้อคลุมหัว

“ใครสั่งให้แกตามหาลาเนวุส?” เงาดำซักถามเสียงทุ้มต่ำ

วิลเลียมส์รีบสวมเสื้อโค้ท ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“พ…เพื่อนคนหนึ่ง เป็นนักล่าค่าหัว”

นักล่าค่าหัวหมายถึง เหล่านักผจญภัยผู้ประทังชีวิตด้วยใบประกาศจับเป็นหลัก พบได้มากในเขตตะวันออกของเบ็คลันด์

“แล้วทำไมเพิ่งตามหาลาเนวุส? ประกาศจับของทางการมีมานานแล้วไม่ใช่หรือ?” บุคคลในเงามืด รูปร่างสูงใหญ่ผิดธรรมชาติ มันย่างกรายเข้าหาวิลเลียมส์อย่างเชื่องช้า

“ผ…ผมไม่ทราบ! บางที เธออาจเพิ่งเสร็จจากงานล่าค่าหัวคนอื่น!” วิลเลียมส์ผงะถอยหลังด้วยท่าทางสั่นเทา

เงาดำซักถามเสียงแหบพร่า

“หล่อนเป็นใคร?”

วิลเลียมส์พลันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที มันตัดสินใจเปิดปากเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ซ…ซิล! ซิล·เดียร์ชา! แต่ผมไม่รู้ว่าหลอนอาศัยอยู่แถวไหน”

“ยอดเยี่ยมมาก…ช่างซื่อสัตย์” เงาดำเดินเข้าหาวิลเลียมส์พลางตบบ่าอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็เดินไปทางประตูหน้าโดยไม่ลงมือทำสิ่งใดเพิ่ม

วิลเลียมส์พลันถอนหายใจโล่งอก มันนึกขอบคุณประสบการณ์ในโลกใต้ดินของตน

อย่าได้อวดเก่งในจังหวะไม่สมควร!

ทันใดนั้น บุคคลเงาดำดีดนิ้ว

เป๊าะ!

สมองวิลเลียมส์พลันขาวโพลน ร่างกายถูกแยกส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกะทันหัน หล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง โลหิตและเนื้อหนังเปรอะเปื้อนสยดสยอง

ถัดมา เงาปริศนาทำลายท่อจ่ายแก๊ส

ท่ามกลางเสียงแก๊สรั่วซึม มันหยิบเทียนไขจากโต๊ะอ่านหนังสือของวิลเลียมส์ ดึงไส้เทียนออกมาจนยาว และนำไปจ่อไว้กับจุดแก๊สรั่ว

บุคคลปริศนารีบลงจากหอพัก หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เทียนไขกลับลุกโชนขึ้นเองอย่างน่าประหลาด!

บึ้มมมม!

แรงระเบิดเก็บกวาดทุกสิ่งจนราบคาบ

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!