Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 989

ตอนที่ 989

ยังคงเป็นความรู้สึกนั้น!

“สะบั้นครั้งที่สาม ใครคือผู้ทรงเกียรติมากที่สุดในสวรรค์!?” จ้าวอีฝานร้องตะโกนขึ้น ชีพจรเซียนของมันกระจายแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อออกไปอีกครั้ง และในที่สุด พลังที่กระจายออกมานั้นก็เทียบเท่ากับชีพจรเซียนมากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบจุด!!

ในทันทีที่พลังนี้ปรากฏขึ้น สวรรค์มืดสลัวลง และสายลมอันรุนแรงก็พุ่งขึ้นมา ดวงดาวทั้งหมดในท้องฟ้าสั่นสะท้าน และในเวลาเดียวกันนั้น จ้าวอีฝานก็เริ่มสั่นไปมา การที่เพิ่มพลังในอาณาจักรเซียนของมันไปมากกว่าห้าในสิบส่วน ทำให้มันบรรลุถึงขีดจำกัด และอยู่ในขั้นที่สามารถจะคงอยู่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

“เมิ่งฮ่าว เตรียมตัวรับการโจมตีที่แข็งแกร่งมากที่สุดของข้าไป!” มันแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทำให้กระบี่นับหมื่นเล่มที่อยู่รอบๆ ตัวมันหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นวิญญาณเซียนสิบสี่ดวง!

วิญญาณเหล่านี้ก่อตัวขึ้นมาจากชีพจรเซียนภาพลวงตาแห่งเวทลับ ซึ่งไม่อาจจะเทียบได้กับวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก หนึ่งวิญญาณต่อหนึ่งจุดชีพจร หลังจากที่ยืนกรานเต๋าของตนเองและกลายเป็นเซียนไป

สำหรับผู้ถูกเลือกเซียนแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า ผู้ฝึกตนที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นเมิ่งฮ่าว เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะเทียบได้อย่างแท้จริง

กลิ่นอายของจ้าวอีฝานพุ่งขึ้นไป และกระบี่ของมันก็ตกลงมา ที่ด้านหลังเป็นวิญญาณเซียนสิบสี่ดวง ทำให้กระบี่ที่ตกลงมานั้นระเบิดพลังขึ้น กลายเป็นลำแสงที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว คนทั้งหมดตกตะลึงด้วยแสงอันเจิดจ้านี้

กระบี่อันทรงพลังมากที่สุดของจ้าวอีฝานโจมตีไป!

เสียงกระหึ่มดังก้องได้ยินออกมา ขณะที่กระบี่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ความต้องการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานสูงขึ้นไป ขณะที่ทำให้ชีพจรเซียนทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดโคจรหมุนวนอย่างเต็มกำลัง วิญญาณเซียนปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังเช่นนี้เมื่อทำการต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเซียนแท้

เมิ่งฮ่าวก้าวไปข้างหน้า กำมือเพื่อต่อยออกไปตามปกติ…หนึ่งหมัด!

คล้ายกับไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับใครก็ตามที เขาก็จะใช้เพียงแค่วิธีการโจมตีไปอย่างเรียบง่ายมากที่สุดนี้เท่านั้น หนึ่งหมัด!

ตูมมมมมมม!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในบริเวณนั้น ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝานทำการต่อสู้กัน หลุมขนาดใหญ่ฉีกขาดออกไปในความว่างเปล่า โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของจ้าวอีฝาน แสงที่ทำให้เกิดเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดของมันแวบขึ้น และจากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ ตกอยู่ในพายุที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย

ภายในพายุแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนั้น มองเห็นเป็นจ้าวอีฝานยิ้มอย่างขมขื่น กระอักโลหิตออกมาคำโต มันพ่ายแพ้แล้ว แต่จิตใจไม่ได้พ่ายแพ้ตามไปด้วย ตอนนี้มันรู้ว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะชักกระบี่ออกมาต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวแล้ว

เมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากภายในพายุที่ปั่นป่วนวุ่นวาย จากนั้นก็มองกลับไปยังจ้าวอีฝาน

ในตอนนี้เองที่ฝานตงเอ๋อร์ได้พุ่งทะยานขึ้น เช่นเดียวกับหลี่หลิงเอ๋อร์ คนทั้งสองโจมตีมาในเวลาเดียวกัน สำหรับฝานตงเอ๋อร์ ทะลที่เก้าได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวนาง สัญลักษณ์เวทกระพริบขึ้นมาบนหน้าผากของนางเป็นระยะ ในการกระพริบแต่ละครั้งนั้น ชีพจรเซียนของนางก็มีพลังเพิ่มขึ้นจากตอนแรกหนึ่งในสิบส่วน

หลังจากที่กระพริบติดต่อกันสี่ครั้ง นางก็มีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสี่ในสิบส่วน และวิญญาณเซียนของนางก็ปรากฏขึ้นที่รอบๆ ตัว

นางโบกสะบัดมือ ทำให้ทะเลที่เก้าซึ่งเต็มไปด้วยมังกรทะเลนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไป กลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นศีรษะขนาดใหญ่ มีเขาหนึ่งข้างงอกออกมาจากหน้าผาก มันคือยักษ์ทะเลที่พยายามจะโขกศีรษะไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที

พลังอันเจิดจ้าของมันพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง!

ในอีกด้านหนึ่ง หลี่หลิงเอ๋อร์ขยับมือร่ายเวท ทำให้ต้นไม้จำนวนมากปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว เสียงแตกร้าวได้ยินมาขณะที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวรอบๆ บริเวณนั้น กลายเป็นดินแดนขนาดใหญ่ ในชั่วพริบตา ต้นไม้มากกว่าเก้าสิบต้นได้ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่าง นางขยับมือร่ายเวทไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็แตะไปบนร่างกายหลายจุด เสียงกระหึ่มได้ยินขึ้นมาอีกครั้งขณะที่จำนวนของต้นไม้ได้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบต้น

หญิงสาวทั้งสองนี้ เพียงลำพังคนเดียวก็ไม่อาจจะเก่งเกินกว่าจ้าวอีฝานไปได้ แต่เมื่อรวมพลังการต่อสู้เข้าด้วยกัน แม้แต่ใบหน้าของจ้าวอีฝานก็ยังต้องเปลี่ยนเป็นซีดขาว ถ้ามันต้องไปต่อสู้ด้วย

คนทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกับเมิ่งฮ่าวอีก เพียงแค่โจมตีไป ในช่วงที่การต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝานได้ข้อสรุป

เมิ่งฮ่าวหันหน้าไป และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า แค่นเสียงอย่างเย็นชา และทำให้พลังของชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดระเบิดออกไป วิญญาณเซียนทั้งสามสิบสามดวงปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง กลายเป็นสวรรค์สามสิบสามชั้น กระจายแรงกดดันอันน่าประหลาดใจออกมา!

ความรู้สึกที่หยิ่งทรนงของผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเซียน กระจายออกไปในทันที

“ต้องการเอาชนะข้า? ข้าจะปราบพวกเจ้าเอง!” เมิ่งฮ่าวย่างเท้าตรงไปหนึ่งก้าว และยกมือขวาขึ้นมา ไม่ใช่หมัด แต่เป็นฝ่ามือ เขาฟาดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง สวรรค์ทั้งสามสิบสามชั้นที่ด้านหลังทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน ขณะที่พวกมันกลายเป็นหัตถ์ยักษ์ กระแทกเข้าไปในทะเลที่เก้า เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่น้ำทะเลระเบิดออก มังกรทะเลส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา และยักษ์ที่มีเขาเดียวก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ

ขณะที่ศีรษะของมันระเบิดออก สีหน้าของฝานตงเอ๋อร์ก็สลดลง และนางก็เริ่มล่าถอยไปทางด้านหลัง ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็เดินไปข้างหน้า ทำให้หัตถ์ยักษ์ส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งตรงไปยังนาง

ดวงตาฝานตงเอ๋อร์สาดประกายด้วยแสงสีแดงจ้า ขณะที่นางขยับมือร่ายเวท ทันใดนั้นซากศพที่อยู่ด้านหลังนางก็มองขึ้นไป และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็ระเบิดออกมา ปรากฏว่ามันกำลังจะโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวแล้ว

ในช่วงเวลาเดียวกับที่กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นกระจายออกมาจากซากศพ เมิ่งฮ่าวก็ร้องตะโกนออกไป ด้วยน้ำเสียงที่โอ่อ่าสง่างาม “เสี่ยวชิง หยุดมือ!”

ซากศพของหญิงสาวก้มศีรษะลงในทันที กลิ่นอายอันน่ากลัวหายสาบสูญไป และยังได้ถอยไปทางด้านหลังอีกสิบกว่าจ้างอีกด้วย

ฝานตงเอ๋อร์จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง หนังศีรษะนางเริ่มด้านชา ในตอนนี้การโจมตีของเมิ่งฮ่าวได้ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อเขากำลังจะกระแทกลงไปบนร่างนาง แต่ก็ได้ยินเสียงไอแห้งๆ ของใครบางคนอยู่ในหู

เสียงไอนั้นฟังดูเก่าแก่โบราณ และเห็นได้ชัดว่าดังออกมาจากลำคอของหญิงชรา เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ทำให้มือของเขาเลื่อนออกไป แทนที่จะกระแทกตรงไปที่ร่างนางเหมือนเดิม กลับฟาดลงไปที่ก้นของฝานตงเอ๋อร์

“เมิ่งฮ่าว เจ้ากล้า!?”

ขณะที่เสียงฟาดนั้นดังก้องออกไป ฝานตงเอ๋อร์ก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา และใบหน้าก็สลดลง ก้นของนางในตอนนี้มีขนาดไม่เท่ากัน และความเจ็บปวดอันรุนแรงก็ทำให้นางต้องสั่นไปทั้งร่าง อันที่จริงนี่เป็นความเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาในชั่วชีวิตนี้

ตอนนี้ฝานตงเอ๋อร์สั่นสะท้านจนสติแทบจะพังทลายลงไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ถอยโซเซไปทางด้านหลัง ความเกลียดชังในตัวเมิ่งฮ่าวของนางพุ่งขึ้นไปจนแทบจะใกล้บ้า

เมื่อหลี่หลิงเอ๋อร์มองเห็นเช่นนี้ สีหน้านางก็เปลี่ยนไป และทันใดนั้นนางก็หยุดชะงักนิ่ง สีหน้าซีดขาว ราวกับว่าจู่ๆ นางก็คิดไปถึงบางสิ่งที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อในอดีต จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวขณะที่นางเริ่มถอยไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ

“ไม่ค่อยดีเท่ากับเหนียงจื่อของข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าว หันหน้ามองไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์

หลี่หลิงเอ๋อร์กัดฟันแน่นและขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ ทันใดนั้นต้นไม้หนึ่งร้อยสามสิบต้นที่อยู่รอบๆ ร่างนางก็ระเบิดออก กลายเป็นกระแสน้ำวนอันน่ากลัวพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ในเวลาเดียวกับที่ต้นไม้ระเบิดออก หลี่หลิงเอ๋อร์ก็พ่นโลหิตออกมา และหลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว แต่ในตอนนี้เองที่เสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ได้ยินใกล้เข้ามา จากภายในการระเบิดนั้น

“กลับมานี่ เหนียงจื่อ!” เวลาเดียวกันนั้น พลังดึงดูดอันเข้มข้นก็ปกคลุมไปบนร่างหลี่หลิงเอ๋อร์ สีหน้านางเปลี่ยนไปขณะที่ถูกดึงกลับไปทางด้านหลัง ตรงเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น

ภายในกระแสน้ำวน วิญญาณเซียนสามสิบสามดวงหมุนวนไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว พวกมันกลายเป็นสวรรค์สามสิบสามชั้น กดทับลงไปยังกระแสน้ำวนและต้นไม้ที่ระเบิดออกมา เมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงไป พลังพุ่งขึ้นมาโดยมีลมพายุอันทรงพลังอยู่ที่ด้านหลัง

ในชั่วพริบตาหลี่หลิงเอ๋อร์ก็ถูกม้วนกวาดขึ้นไป และถูกดึงให้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว นางกัดฟันแน่นและหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ในเวลาเดียวกันนั้นก็ขยับสองมือร่ายเวท จากนั้นภาพของใบไม้อันน่าตกใจก็ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าผากของนาง

ใบไม้นั้นเป็นสีเขียวมรกต และทันทีที่มันปรากฏขึ้น พลังชีวิตอันแข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่างของหลี่หลิงเอ๋อร์ ขวดเวทเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาที่เบื้องหน้า และนางก็คว้าจับไว้โยนตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำเช่นนี้” เขากล่าวเสียงราบเรียบ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ วิญญาณเซียนสามสิบสามดวงที่ด้านหลังกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา และขวดเวทก็แตกสลายไปในทันที

โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของหลี่หลิงเอ๋อร์ ขณะที่นางสั่นสะท้านลอยไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นเอง เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงมา ย่นย่อระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ที่ด้านข้างหลี่หลิงเอ๋อร์ จากนั้นก็ยกมือขวาสูงขึ้นไปในอากาศ และขณะที่ม่านตาหลี่หลิงเอ๋อร์หดเล็กลงด้วยโทสะที่พุ่งขึ้นมาในดวงตา เสียงเพียะของฝ่ามือที่ฟาดลงไปบนก้นของนางก็ได้ยินมา

นี่คือ…ครั้งที่สาม!

หลี่หลิงเอ๋อร์ส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กออกมา ขณะที่ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง ใบหน้านางซีดขาวขึ้นอย่างน่ากลัว ร่างกายสั่นสะท้านหมุนคว้างไป มองกลับมายังเมิ่งฮ่าวด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น

“เมิ่งฮ่าว!!”

“ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยอะไรเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ไม่สนใจหลี่หลิงเอ๋อร์อีก แม้แต่ตอนที่ต่อสู้กับจ้าวอีฝานเขาก็ไม่ได้ใช้ออกมาอย่างเต็มกำลัง แต่กำลังสร้างความคุ้นเคยกับพลังการต่อสู้ในระดับต่างๆ ที่สามารถจะใช้ออกมาได้ สามารถกล่าวได้ว่าผู้ถูกเลือกเซียนแท้ที่มาต่อสู้กับเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับเมิ่งฮ่าว การต่อสู้อย่างต่อเนื่องนี้ช่วยให้เขาสามารถจะปรับตัวเข้ากับพลังการต่อสู้ใหม่นี้ ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตอนนี้เขาแทบจะปรับตัวได้เสร็จสิ้นแล้ว และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่มองออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ในตอนนี้ เหล่าผู้ชมทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวและพลังของเขา ภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนนี้อาจจะทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ในอาณาจักรเซียนต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่ในอาณาจักรโบราณก็อาจจะต้องจ้องมองไปด้วยความตื่นตระหนกก็เป็นได้

“มันคือ…อันดับหนึ่งในอาณาจักรเซียน!”

“มันเพิ่งจะต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเซียนแท้เพื่อที่จะขัดเกลาตนเอง! คล้ายกับเป็นกระบี่ที่เกิดขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจำเป็นต้องฝนให้คมกริบ หลังจากที่เอาออกมาจากเตาหลอม!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่สามารถจะต่อสู้กับมันได้ ไม่ใช่คนที่มาจากรุ่นเดียวกับมัน แต่…เป็นคนที่มาจากรุ่นอาวุโส!” เสียงพูดคุยดังก้องออกไปทั่วทุกแห่งหนของขุนเขาทะเลที่เก้า

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองไปรอบๆ ด้วยความเยือกเย็นขณะที่กล่าวว่า “ผู้ถูกเลือก! ยังมีใครอีกบ้างที่กล้าจะมาต่อสู้กับข้า! ถ้าไม่ ข้ามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปสะสางแล้ว” เขามองลงไปยังดาวตงเซิ่ง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา

ถ้ามองตามสายตาของเขาไป ก็จะเห็นว่า…เขากำลังมองไปยังฟางเว่ย ซึ่งลอยตัวอยู่ในกลางอากาศเหนือดาวตงเซิ่ง

ฟางเว่ยลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และเยือกเย็น

ทันใดนั้นคนทั้งสองก็มองดูซึ่งกันและกัน เสียงกระหึ่มของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลได้ยินมา ขณะที่ประตูอีกสามบานได้ปรากฏขึ้น

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าจะไม่สนใจพวกมัน และจะมุ่งหน้าตรงไปยังดาวตงเซิ่ง แต่ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงักนิ่ง และหันหน้าตรงไปยังหนึ่งในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้น จู่ๆ ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น และสีหน้าไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เจ้ายังไม่ตาย?”

บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มีรูปร่างสูงสมส่วน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดูสง่างามมากเท่าใดนัก แต่ใครก็ตามที่มองไปยังมันก็จะบอกได้ในทันทีว่า ร่างกายของมันมีพลังที่น่าหวาดกลัวนัก

“ข้ายังมีชีวิตอยู่” มันกล่าวตอบ

บางสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นดวงดาวได้หมุนวนอย่างช้าๆ บนหน้าผากของมัน อย่างไรก็ตามถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่ายังมีดาวอื่นๆ อีกอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนจะถูกผนึกไว้ ทำให้พวกมันส่องแสงออกมาคล้ายกับเป็นภาพลวงตาและของจริงในเวลาเดียวกัน

มันคือ…

หวังเถิงเฟย!!

แทบจะในทันทีที่หวังเถิงเฟยปรากฏกายขึ้น เงาร่างผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลบานที่สอง นางลอยออกมาพร้อมกับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มหมอกแห่งกรรมอันไร้ขอบเขต

ภายในกลุ่มหมอก ดวงตาอันเย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึกได้แทงทะลุตรงไปยังเมิ่งฮ่าว มีความเข้มข้นอย่างถึงที่สุด

นางคือ…จี้ยิน!

ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลบานสุดท้ายเปิดออก และบุรุษหนุ่มอีกคนก็ปรากฏขึ้น มีท่าทางคล้ายกับเป็นนักศึกษา และยังได้ถือม้วนไม้ไผ่อยู่ในมืออีกด้วย มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวและมีรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะจริงใจ แต่จริงๆ แล้วก็ประกอบไปด้วยความเย็นชาอย่างไร้ที่สุด ดูเหมือนจะมีร่องรอยของความอิจฉาฝังลึกอยู่ในรอยยิ้มนั้นอีกด้วย

“พี่เมิ่ง ข้าคือโจวสุ่ย แห่งเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ท่านอาจารย์สั่งให้ข้ามาที่นี่ ได้โปรดให้เกียรติมาต่อสู้กับข้าสักเล็กน้อย”

“ผลัดกันมาต่อสู้กับข้า? แล้วเมื่อไหร่มันจะจบกัน?! พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจะสังหารใครในขณะที่สำนักของพวกเจ้าทั้งหมดกำลังเฝ้ามองมา!?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชาอย่างลึกล้ำ แต่คำพูดของเขากลับเย็นเยียบยิ่งกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!