Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1013

ตอนที่ 1013

วางแผนหลบหนีการแต่งงาน

“ข้าเฝ้ารอคอยวันที่มันจะกลายเป็นบุคคลที่ควบคุมมือข้างนั้น!” ต้นอ่อนส่ายไหวไปมา และเสียงหัวเราะอย่างเลือนรางก็ได้ยินดังก้องออกไปในความมืดมิดของความว่างเปล่า

การตัดสินใจที่จะกลายเป็นต้นไม้หรือมือ ดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือก แต่ความจริงแล้วมันเป็นคำถามที่มีเงื่อนงำ ถึงแม้ว่าจะมีสองคำตอบให้เลือก แต่จริงๆ แล้วทั้งสองคำตอบนั้นก็เหมือนกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่จิตใจของคนผู้หนึ่งกำลังหมุนคว้าง หลังจากที่พบเจอกับภาพอันน่าตกใจนี้ ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะจางหายไป เมื่อคนผู้นั้นไม่มีโอกาสที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ และจิตใจยังคงไม่มั่นคง การตัดสินใจใดๆ จึงมักจะเปิดเผยให้เห็นถึงธรรมชาติแห่งเต๋าของคนผู้นั้น และแสดงออกได้อย่างชัดเจนถึงจิตใจของมัน

มันไม่ใช่เวลาที่จะมากล่าวคำพูดด้วยความสะเพร่าเลินเล่อ ถ้าคนผู้หนึ่งทำการโต้ตอบด้วยวิธีการที่ไม่สมเหตุสมผล มันก็ไม่อาจจะสอดคล้องกับจิตใจของตนเอง คล้ายกับเป็นการทรยศต่อตัวเอง และผลลัพธ์ที่ได้ก็จะทำให้เจตจำนงเต๋าของมันต้องพังทลายลงไป

ดังนั้นสำหรับคนที่รอดพ้นจากกับดัก และตอบว่าต้องการจะกลายเป็นบุคคลที่ควบคุมมือ ก็เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากที่สุด ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปในชั้นที่เก้าของศาลาโอสถ ได้เผชิญหน้ากับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของบุรุษวัยกลางคน และมีพื้นฐานฝึกตนที่ต่ำกว่า ก็ไม่อาจจะพูดจาโกหกได้ สิ่งเดียวที่สามารถจะทำได้ก็คือการพูดความจริงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเท่านั้น เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะผ่านชั้นเก้านี้ไปได้!

มันไม่ได้ต้องการความเชื่อมั่นอย่างสูงสุดเท่านั้น แต่ยังต้องมีความชัดเจนต่อตนเองมากที่สุดด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้ต้องการบุคคลที่ตอบคำถามด้วยความเชื่อในเต๋าของตนเองอย่างที่ไม่อาจจะสั่นคลอนได้!

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นไม่เคยพบเห็นคนในตระกูลฟางเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นมันจึงต้องการที่จะมอบความรู้แจ้งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแก่นแท้แห่งเต๋าให้!

“แก่นแท้ก็คือเต๋า!” เมิ่งฮ่าวคิด จิตใจสั่นสะท้านขณะที่ก้าวเดินออกไปจากประตู ในชั่วพริบตาก็ไปอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ ถูกห้อมล้อมโดยกลุ่มคนในตระกูลนับหมื่น พวกมันทั้งหมดกำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ได้ยินเสียงระฆังดังก้องขึ้นมา เต็มอยู่ในจิตใจของกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมด

ด้านหลังเมิ่งฮ่าว แสงอันเจิดจ้าได้พุ่งขึ้นมาจากศาลาโอสถ สาดส่องไปทั่วทุกสรรพสิ่ง นักปรุงยาทั้งหมดบนดาวตงเซิ่ง ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว ท้องฟ้าเริ่มมืดลงไป

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนผ่านศาลาโอสถไปทุกชั้นด้วยความสมบูรณ์แบบ มันจะต้องกลายเป็นตำนานในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาไปอย่างแน่นอน เป็นส่วนหนึ่งของความลึกลับเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง

นามเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ถูกจารึกอยู่ที่ตำแหน่งแรกของทุกชั้นบนแท่นศิลาตัวอักษร ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ!

อย่างไรก็ตาม เสียงแห่งความยินดีทั้งหมดนั้น แทบจะดังอย่างเลือนลางในหูของเขา แต่คำพูดที่เขาเพิ่งจะได้ยินมาได้เต็มอยู่ในสองหู และยังได้กระแทกเข้าไปในจิตใจราวกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง

“แก่นแท้…ก็คือเต๋า…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

“ถ้าเข้าใจในแก่นแท้ได้ ก็จะสามารถก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋า!” ราวกับว่าจิตใจเมิ่งฮ่าวได้ถูกเปิดออกมามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ความเข้าใจในการฝึกตนของเขามีความชัดเจนมากขี้นกว่าก่อนหน้านี้

“ใช้ผลเนี่ยผานผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ ใช้แก่นแท้เพื่อก่อตัวเป็นอาณาจักรเต๋าขึ้นมา!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่เสียงเก่าแก่โบราณค่อยๆ ดังก้องอยู่ในความเงียบอย่างช้าๆ ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ เสียงร้องตะโกนของกลุ่มคนในตระกูล ค่อยๆ เริ่มดังขึ้นมาอยู่ในหูของเมิ่งฮ่าว

“ยินดีด้วยนายน้อย ที่ผ่านศาลาโอสถไปได้ทุกชั้น!”

“ขอแสดงความยินดีด้วย นายน้อย!”

ขณะที่เสียงตะโกนเหล่านั้นดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ ฟื้นสติกลับคืนมา ในที่สุดเขาก็จ้องมองไปยังรอบๆ บริเวณนั้นด้วยความตกตะลึง เป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนว่า…จะแปลกๆ ไป ดูเหมือนว่ามีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้นไม่มากนัก มีเพียงแค่ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น…

จากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวจดจำได้ เมื่อเขาผ่านเข้าไปในศาลาโอสถ ได้มีผู้คนอยู่นับแสนหรืออาจจะมากกว่านั้น กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เมิ่งฮ่าวยิ้มให้กับกลุ่มฝูงชนด้วยความสงสัย ประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็มองไปยังฟางซีด้วยสายตาที่มีความนัย และพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ฟางซีติดตามไปด้วยความกระวนกระวายใจ คนทั้งสองบินผ่านแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาไป และก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้สอบถามมัน ฟางซีก็ถอนหายใจออกมา

“เกอ, ท่านไม่รู้ว่าหลังจากที่เข้าไปในศาลาโอสถแล้ว จู่ๆ ทางตระกูลก็ได้ประกาศภารกิจที่สำคัญออกมา ทำให้กลุ่มคนส่วนใหญ่ทั้งหมดที่มาเฝ้ามองดู ต้องกลับไปยังตระกูลในทันที…” ฟางซีฝืนยิ้มออกมา หยิบเอาถุงสมบัติส่งให้กับเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวคว้าจับถุงสมบัตินั้นไว้ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยจะได้และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านมันไป มีหินลมปราณอยู่ไม่น้อยที่ด้านใน แต่ก็น้อยกว่าที่เขาได้คาดการณ์ไว้มากนัก โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากนัก เขาก็สรุปได้ว่านี่ต้องเป็นการโจมตีมาจากจิ้งจอกเฒ่าฟางโส่วเต้าอย่างแน่นอน

เขาหันหน้าไปจ้องมองยังคฤหาสน์โบราณด้วยโทสะ “เจ้าบัดซบชรา!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องออกมาพร้อมกับกัดฟันแน่น “เจ้าจิ้งจอกเฒ่า!!”

เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ได้พบว่ากำลังถูกเมิ่งฮ่าวหลอกลวง มันจึงได้คิดหาวิธีการโจมตีมาได้อย่างแยบยลเช่นนี้

“ไม่เป็นไร” เมิ่งฮ่าวพูดขึ้น ฝืนยิ้มออกมาขณะที่คว้าจับไปที่ไหล่ของฟางซี “ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อน ข้าต้องคิดหาวิธีการอื่น”

ฟางซีพยักหน้า หลังจากที่โค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว ก็กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งจนหายลับตาไป

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ดวงตาสาดประกายขึ้น กัดฟันแน่น

“จิ้งจอกเฒ่า เมื่อเจ้าบังคับข้าเช่นนี้ ก็อย่าได้มาตำหนิว่าเสี่ยวเหยีย (ท่านปู่น้อย) พลิกกระดานหมากก็แล้วกัน!” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดไปถึงวิธีการที่ปรมาจารย์รุ่นแรกได้จ้องมองไปยังจี้เทียน เขากลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังคฤหาสน์โบราณ

ย้อนกลับไปในที่พักของเขา เมิ่งฮ่าวนั่งลงขัดสมาธิ

หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่กี่วัน ในช่วงยามราตรี เมิ่งฮ่าวได้แวบหายตัวไปจากภายในที่พัก และไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกของคฤหาสน์โบราณ จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างไร้สุ้มเสียง

เมื่อดูเหมือนว่าเขากำลังจะพุ่งออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้แล้ว พลังอันแข็งแกร่งก็ได้กดทับลงมาบนร่าง คล้ายกับเป็นพลังผนึก ซึ่งได้กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง บังคับให้เขาต้องหยุดชะงักลง สิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมดในตอนนี้ก็คือมองออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าได้ป้องกันไม่ให้ข้าหลบหนีไปก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ เท่าที่เห็นจิ้งจอกเฒ่าจงใจที่จะให้สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่รอคอยอีกสามเดือนก่อนที่จะมารับตัวข้าไป มันได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว!”

เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่นขณะที่ทำการเชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน เขาไม่พอใจที่จะต้องถูกฟางโส่วเต้าหลอกลวงมาหลายต่อหลายครั้ง เป็นความรู้สึกที่กำลังพ่ายแพ้ให้กับผู้อื่นในส่วนที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุด

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ดวงตาสาดประกายขึ้น ลึกลงไปในจิตใจ เขากำลังหัวเราะอยู่ ขณะที่หันหลังและมุ่งหน้ากลับลงไปยังตระกูล ไปนั่งลงอยู่ในคฤหาสน์โบราณ ไม่พยายามจะหลบหนีการแต่งงานอีก และไม่ได้ไปทำการปรุงเม็ดยาด้วยเช่นกัน แต่เขากลับใช้เวลาทั้งหมดไปอ่านบันทึกโบราณของตระกูล เพื่อศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของมันทั้งหมด

ฟางโส่วเต้างุนงงต่อพฤติกรรมนี้ของเขา ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มันได้เฝ้าสังเกตดูเมิ่งฮ่าวด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง มันยังได้เห็นเขาพยายามจะหลบหนีจากไปอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นี้ทำให้มันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้มันกลับไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังคิดจะทำอะไรอยู่

“ข้าต้องไม่ประมาทต่อเจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ ถ้าข้ามองข้ามสิ่งใดๆ ไปแม้แต่น้อยนิด ก็คงต้องตกลงไปในหลุมพรางของมันอย่างแน่นอน” ฟางโส่วเต้าครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง มันพยายามศึกษาบันทึกโบราณเดียวกันกับที่เมิ่งฮ่าวอ่านอยู่ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทำให้มันต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม

ตลอดทั้งหนึ่งเดือนได้ผ่านไปในลักษณะนี้ ฟางโส่วเต้าเริ่มรู้สึกว่ามีอารมณ์ที่ไม่ดีมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่อาจจะคิดอะไรออกมาได้มากนัก มันไม่อาจจะขบคิดได้ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ คืออะไร

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้นั่งขัดสมาธิอยู่ในที่พัก จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา ซึ่งได้กลายเป็นสีแดงก่ำไปทั้งสองข้าง ผิวหน้าเขาได้ซีดขาวไปด้วยเช่นกัน แต่ภายในใจเขากำลังหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา

“เรียบร้อยแล้ว, ในที่สุดข้าก็ค้นพบคำตอบแล้ว!” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตนเอง

“ในช่วงของการหล่อเลี้ยงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ดาวตงเซิ่งทั้งหมดจะถูกปกคลุมด้วยระลอกคลื่นที่ปิดกั้นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเต๋าไว้เป็นเวลาหนึ่งอึดใจ และมันคือช่วงเวลาที่เวทหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว…สามารถจะใช้ทำการเคลื่อนย้ายทางไกลดวงดาวได้!”

“ดังนั้น ตอนนี้ก็คือเวลาที่…จะทำการปรุงเม็ดยาบางอย่างขึ้นมา!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนที่จะปิดดวงตาทั้งคู่ลงอีกครั้ง ในยามรุ่งอรุณของเช้าวันต่อมา เขาได้ลุกขึ้นมายืนและจากนั้นก็พุ่งเป็นลำแสง ตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา

ตลอดทั้งช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฟางโส่วเต้าตกอยู่ในมุมอับไปโดยสิ้นเชิง มันรู้ว่ากำลังมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ดังนั้นในทันทีที่ได้เห็นเขาบินออกมาจากที่พัก มันก็เพ่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปที่ร่างเขา เมื่อมันเห็นเขากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา มันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาในทันที

“ฮึ่ม สิ่งที่ข้าหวาดกลัวไม่ใช่การขยับตัวเคลื่อนไหวของเจ้าจิ้งจอกน้อย สิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกกังวลใจก็คือตอนเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย ทำให้ยากที่จะล่วงรู้ร่องรอยใดๆ ของเจ้าได้ เจ้ายังอ่อนหัดนัก” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางโส่วเต้า เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก

“กลายเป็นว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปยังศาลาเม็ดยา” ฟางโส่วเต้าพึมพำกับตัวเอง ดวงตาแวบประกายขึ้น มันรู้สึกหวาดกลัวต่อเต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าวอย่างแท้จริง แต่ฟางเหยียนซวีก็เคยบอกกับมันว่า นอกจากปรมาจารย์รุ่นแรกแล้ว ก็ไม่มีใครจะสามารถปรุงเม็ดยาอันดับหนึ่งออกมาได้ ดังนั้น มันจึงไม่ได้กังวลใจมากนัก

“จากที่ฟางเหยียนซวีกล่าวมา เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่อาจจะปรุงเม็ดยาอันดับสองได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องขึ้นอยู่กับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน

เป็นความรู้แจ้งที่ไม่มีใครในอาณาจักรเซียนจะทำได้สำเร็จ มีแต่คนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าเท่านั้นถึงจะทำได้!”

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางปรุงเม็ดยาอันดับสองออกมาได้” ฟางโส่วเต้าไอแบบแห้งๆ ออกมา ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องการแต่งงานระหว่าง

เมิ่งฮ่าวและหลี่หลิงเอ๋อร์ ได้ทำให้มันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างแท้จริงเมื่อเร็วๆ นี้

“ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกแล้ว ข้าคือปู่ของปู่มัน และข้าก็รักมันมากกว่าผู้ใดในตระกูล ถ้าข้าไม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของมัน แล้วจะเป็นใคร, ใช่หรือไม่?”

ฟางโส่วเต้าถอนหายใจให้กับตัวเอง จากนั้นก็กระพริบตาเพื่อส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรงไปยังเมิ่งฮ่าวเพิ่มมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวบินตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ก็ถึงเวลาที่เขาจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง กลุ่มคนต่างๆ ของตระกูลได้มองเห็นเขา พวกมันเริ่มคาดเดาในสิ่งที่เขากำลังจะทำ จากนั้นกลุ่มคนก็เริ่มตระหนักว่าเขาได้มุ่งหน้าตรงไปยังศาลาเม็ดยา และเริ่มมีความตื่นเต้นกันขึ้นมา

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลังจากที่ผ่านการทดสอบของศาลาโอสถได้ทั้งหมดแล้ว นายน้อยกำลังจะไปทดสอบที่ศาลาเม็ดยาอยู่ในตอนนี้?”

“นายน้อยสามารถจะปรุงหนึ่งในสามเม็ดยาอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คือเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…มันกำลังพยายามที่จะปรุงเม็ดยาอีกสองชนิดขึ้นมา?!”

ขณะที่พวกมันทำการคาดเดา ก็ได้บินขึ้นไปในอากาศเพื่อติดตามเมิ่งฮ่าวไป ไม่นานนักก่อนที่ทั่วทั้งแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาจะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย สำหรับเมิ่งฮ่าวเขาได้พุ่งฝ่าอากาศไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ไม่ได้พยายามจะปกปิดการกระทำใดๆ ของตนเอง ขณะที่แหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็กตรงไปยังศาลาเม็ดยา

ในที่สุดเขาก็ไปยืนอยู่ที่ด้านหน้าของศาลา ถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่อยากรู้อยากเห็นของตระกูล

สิ่งที่พวกมันเห็นก็คือว่าเมิ่งฮ่าวไม่ลังเลที่จะเข้าไปใกล้กับกลองใบที่สองแม้แต่น้อย ยกหมัดขึ้นมา และต่อยลงไปบนผิวหน้าของกลอง

เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ตลอดทั้งแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาสั่นสะท้าน แม้แต่คฤหาสน์โบราณก็ยังต้องสั่นไปมาด้วยเสียงนั้น

“นายน้อยกำลังพยายามจะปรุงหนึ่งในสามเม็ดยาในตำนานเหล่านั้นจริงๆ!!”

“มันได้ปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังจะปรุงเม็ดยาแยกทะเลต่อต้านสวรรค์!!”

เสียงกลองได้ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้กลุ่มคนในตระกูลได้เข้ามามากขึ้น สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับศาลาโอสถ ซึ่งผู้คนไม่อาจจะมองเห็นด้านในได้ ใครก็ตามสามารถจะมองเห็นด้วยสองตาของตนเอง ต่อการปรุงเม็ดยาในตำนานขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านนอกของศาลาเม็ดยา มือยังคงกำเป็นหมัดอยู่ ในตอนนี้เองที่รายการของรางวัลสำหรับการปรุงเม็ดยา ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา

“เม็ดยาแยกทะเลต่อต้านสวรรค์! ใครก็ตามที่ปรุงยานี้ได้ จะได้รับรางวัลเป็นหินลมปราณหนึ่งพันล้านก้อน, หยกเซียนหนึ่งล้านชิ้น, คะแนนความดียี่สิบล้านแต้ม, ต้นสมุนไพรตามที่เจ้าต้องการจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาหนึ่งแสนชนิด, เวทแห่งเต๋าของตระกูลหกเวท และของวิเศษโบราณหนึ่งชิ้น ระฆังเต๋าจะดังออกมาสิบแปดครั้ง! ส่วนผสมต้นสมุนไพรมีค่าเท่ากับคะแนนความดีสิบล้านแต้ม”

 

ในชั่วพริบตา คะแนนความดีของเมิ่งฮ่าวก็ลดลงไปสิบล้านแต้ม!

แผ่นหยกได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ในเวลาเดียวกันนั้น ต้นสมุนไพรจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน ลอยไปมาอยู่รอบๆ ตัวเขาในอากาศ มีทั้งหมดเก้าสิบเก้าชนิดที่แตกต่างกัน

เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นไปหยิบเอาแผ่นหยกมาถือไว้ หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเข้าไป เขาก็มองเห็นวิธีการปรุงยาซึ่งเป็นหนึ่งในสามเม็ดยาอันยิ่งใหญ่ของตระกูลฟาง เป็นเม็ดยาอันดับสอง…เม็ดยาแยกทะเลต่อต้านสวรรค์!

หลังจากที่มองไปยังสูตรยา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็หดเล็กลง และเริ่มเข้าใจว่าทำไมมันถึงปรุงได้ยากเย็นนัก และทำไมถึงไม่มีใครจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา จะเคยทำได้สำเร็จมาก่อนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“ความยากในการปรุงยาเม็ดนี้มาจากขั้นตอนการทาบกิ่งที่ต้องใช้ มันไม่บอกวิธีการทาบกิ่ง มีแต่สูตรยาอย่างคร่าวๆ เท่านั้น นอกจากนี้สูตรยาก็ไม่ได้บอกรายชื่อของต้นสมุนไพรที่ต้องใช้อีกด้วย ทั้งหมดนั้นขึ้นกับระดับคุณสมบัติที่ต้องใช้ของต้นสมุนไพรต่างๆ”

“จำเป็นต้องใช้ต้นสมุนไพรเก้าสิบเก้าชนิด นำมาทาบกิ่งให้ได้เป็นต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันหนึ่งแสนชนิด ซึ่งแต่ละชนิดต้องสอดคล้องซึ่งกันและกัน นั่นคือก้าวแรก การแยกทะเล”

“สำหรับส่วนที่ต่อต้านสวรรค์ของเม็ดยา ดูเหมือนว่ามันจะมีความลึกล้ำยิ่ง แล้วจะทำการปรุงส่วนผสมเช่นนั้นขึ้นมาได้อย่างไรกัน?” หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า และคิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่บุรุษวัยกลางคนได้เคยกล่าวไว้บนชั้นที่เก้าของศาลาโอสถ

“แก่นแท้ก็คือเต๋า ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์!”

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ยาเม็ดนี้ปรุงได้ยากเย็นยิ่งก็เนื่องมาจาก…มันต้องใช้แก่นแท้! จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้เฒ่าโอสถถึงไม่อาจจะปรุงมันขึ้นมาได้ แต่…ฟางเหยียนซวีจากสำนักเย่าเซียนกลับสามารถทำได้!” เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังถูกฟาดลงมาด้วยสายฟ้า จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้น

“แก่นแท้…ข้าก็มีเช่นกัน!”

ในตอนนี้เองที่ชีพจรเซียนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์อันน่ากลัว ได้ส่งเสียงดังกระหึ่มมีชีวิตขึ้นมาอยู่ภายในร่างของเมิ่งฮ่าว พื้นฐานฝึกตนของเขาพุ่งขึ้นไป และแรงกดดันอันมหาศาลก็ม้วนตัวออกมา กลุ่มคนในตระกูลที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึง เมื่อพบว่าระลอกคลื่นแก่นแท้กำลังไหลออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว!

ระลอกคลื่นเหล่านั้นอาจจะบางเบา และถูกแยกออกมาจากพลังของอาณาจักรเต๋าและปฐพีแห่งสวรรค์ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นพลังของแก่นแท้อย่างแน่นอน!

มันไม่ใช่พลังที่จะทำให้เมิ่งฮ่าวบรรลุถึงอาณาจักรเต๋าได้อย่างเพียงพอ แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่ในตอนนี้คือการปรุงเม็ดยา…

“แค่นี้ก็พอแล้ว!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเมิ่งฮ่าว ขณะที่โบกสะบัดมือขวาขึ้นไป ทำให้ต้นสมุนไพรทั้งเก้าสิบเก้าต้นลอยตรงมา จากนั้นพวกมันก็ดูเลือนรางไป เมื่อเขาเริ่มทำการทาบกิ่งพวกมันเข้าด้วยกันด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!