ตอนที่ 1368
เหตุการณ์พลิกผัน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้นยังภาพอันน่าตกใจนี้ และแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา “ไม่มมมม…!!”
เวลาเดียวกันนั้น ลำแสงที่ห้าก็พุ่งตรงไปยังดวงจันทร์ แน่นอนว่าดวงจันทร์ถูกกำหนดให้ต่อต้านการบุกรุก ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะสั่นสะเทือน และผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคนจะกระอักโลหิตออกมาและแห้งเหี่ยวลงไปอย่างน่ากลัว แต่พวกมันก็ยังไม่ตายไป
เสียงแตกร้าวดังก้องออกมา เมื่อเกิดเป็นรอยแตกกระจายออกไปทั่วทั้งดวงจันทร์ จนแทบจะพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง
ต่อมาห้าลำแสงที่เหลืออยู่ก็กระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง พวกมันไม่ได้ทำการโจมตีไป แต่…ผนึกไว้!
เสียงกระหึ่มอันทรงพลังดังก้องขึ้น ฟ้าสะท้านดินสะเทือน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมืดสลัวลงไป ไห่เมิ่งและคนอื่นๆ รู้สึกว่าสีหน้าของตนเองสลดลงไป
ขณะที่ห้าลำแสงปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเล…แยกมันออกไปจากดวงตะวันและจันทราโดยสิ้นเชิง!
ในตอนนี้ดวงตะวันและจันทราอยู่ตรงด้านนอกของอาณาจักรขุนเขาทะเล เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเมิ่งฮ่าวและคนทั้งหมดต้องหัวเราะขึ้นมาด้วยความขมขื่น เมื่อตระหนักว่า…สงครามเป็นเช่นนี้นี่เอง!
ชีวิตเป็นสิ่งที่อ่อนแอมากที่สุดในสิ่งทั้งปวงขณะที่เกิดสงครามขึ้น และอาจจะตกตายไปจากการโจมตีมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น…จากผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่ประจำการอยู่บนดวงตะวัน ครึ่งหนึ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างสูงลิ่วเพื่อช่วยถ่วงเวลาให้เมิ่งฮ่าวในการต่อสู้กับเสวียนฟางก่อนหน้านี้ พวกมันและเมิ่งฮ่าว…เป็นสหายร่วมรบกัน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องในตอนนี้ เมื่อห้าลำแสงก่อตัวเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นผนึกขนาดใหญ่ เมิ่งฮ่าวก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ทันใดนั้นมันก็ทำการเคลื่อนย้ายทางไกล พุ่งออกมาจากภายในผนึก ปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว!
เวลาเดียวกันนั้นกลุ่มคนนอกคอกนับล้านก็หลั่งไหลเข้ามาจากสวรรค์ชั้นเจ็ดจนถึงชั้นที่สิบหก ตามมาด้วยรถศึกที่ดูน่ากลัวนับไม่ถ้วน
สวรรค์ชั้นเจ็ดจนถึงชั้นที่สิบหกคล้ายกับเป็นเจดีย์ที่คว่ำลง กองกำลังที่มารวมตัวกัน ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันกดทับลงมายังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมด
แทบจะราวกับว่ามีหัตถ์ยักษ์ที่มองไม่เห็น กำลังบดขยี้ลงมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล ทำให้ภูเขา ทะเล และต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน
ห้าลำแสงที่พุ่งออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งสิบคล้ายกับเป็นกรงขังขนาดใหญ่ กักขังทุกสรรพสิ่งจากขุนเขาที่สองจนถึงขุนเขาที่เก้าไว้ภายใน แบ่งแยกพวกมันออกไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้พวกมันถูกแยกออกไป ไม่อาจจะได้รับการช่วยเหลือใดๆ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลต้องสลดลง มองเห็นอารมณ์อันซับซ้อนอยู่บนใบหน้าของไห่เมิ่ง ขณะที่นางพยายามจะทำลายเกราะป้องกันนั้นอย่างไร้ประโยชน์
ในตอนนี้ความพยายามของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต่างก็ล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลจะได้รับการป้องกันชั่วคราวจากการโจมตีใดๆ
แต่เมิ่งฮ่าวและตี้จ้างในตอนนี้ก็ถูกแยกออกไป จนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายโดยสิ้นเชิง
ดวงตะวันและจันทรามีส่วนช่วยในสงครามครั้งนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ และสามสิบสามสวรรค์ก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวนั้น ตอนนี้พวกมันลงมาด้วยความพยายามจะทำลายทั้งดวงตะวันและจันทรา ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเท่าใดก็ตาม
เมิ่งฮ่าวถอยหลังเข้าไปในค่ายกลเวทดวงตะวัน เขาถูกโดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง แม้แต่ซากศพก็ไม่เหลือทิ้งไว้ สิ่งเดียวที่ยังคงมีอยู่ก็คือกลิ่นอายแห่งความตายที่แพร่กระจายออกไปทั่ว และวิญญาณที่ไม่ยอมกระจัดกระจายหายไป เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น
ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้างบนดวงตะวัน มองออกไปยังคลื่นกลุ่มคนนอกคอกนับล้านที่อยู่ห่างไกลออกไป ซึ่งกำลังออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งสิบ
ขณะที่พวกมันเริ่มปกคลุมอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เสวียนฟางและหลีหลงกำลังล่าถอยเข้าไปในกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกเหล่านั้น
เสวียนฟางมีสภาพที่ดีกว่าเล็กน้อย ขณะที่ร่างกายหลีหลงเต็มไปด้วยบาดแผลและโลหิต เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง และแทบไม่อาจจะยืนหยัดต่อไปได้ เมื่อมันกลืนกินเม็ดยาลงไป ราชันจักรพรรดิหลายคนก็ช่วยให้กลับเข้าไปในดินแดนอันกว้างใหญ่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
มันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจนแทบจะหมดสติไป หลังจากที่บรรลุถึงดินแดนอันกว้างใหญ่ชั้นที่สิบหก ก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อเข้าฌาน ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คุ้มกันนอกคอก
ไม่ใช่ว่ามันไม่สังเกตเห็นสายตาอาฆาตของเมิ่งฮ่าวที่มองออกมาจากดวงตะวัน แต่มันไม่ยอมจะถ่อมตัวลงมาเหลือบแล ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้มันต้องระมัดระวังตัวได้ แต่สถานการณ์เช่นในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวต้องครุ่นคิดถึงความอยู่รอดของตัวเอง ทำให้หลีหลงจื้อจุนไม่ให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย
เสวียนฟางจื้อจุนแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา ภายในใจมันรู้สึกยินดีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดินแดนอันกว้างใหญ่สิบแห่งปรากฏขึ้น และกลุ่มคนนอกคอกนับล้านก็มาถึง รวมทั้งราชันจักรพรรดิอีกสิบคน ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ แต่เท่าที่เสวียนฟางคิด…กองกำลังในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
“เพียงพอสำหรับเหล่าฟูที่จะกำจัดดวงตะวันและจันทราแล้ว จากนั้นก็เป็นอาณาจักรขุนเขาทะเลที่เหลืออย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง และเพียงพอสำหรับเหล่าฟูเช่นกันที่จะต่อสู้ไปจนกว่าสวรรค์ชั้นที่สิบเจ็ดและชั้นอื่นๆ จะมาถึง”
พร้อมกับแววตาที่สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เสวียนฟางยกมือขึ้นชี้ตรงไปยังดวงจันทร์
“ราชันจักรพรรดิ ทำลายดวงจันทร์นั่น และผู้ฝึกตนทั้งหมดบนนั้น!” เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปากมัน ราชันจักรพรรดิที่มาใหม่ก็พุ่งตรงไปยังดวงจันทร์ด้วยพลังที่ระเบิดออกไป และกลิ่นอายอันน่ากลัว พวกมันไปรวมตัวกับกองกำลังของกลุ่มคนนอกคอกนับล้าน ทั้งหมดนั้นต่างก็พุ่งตรงไปยังดวงจันทร์!
สีหน้าของตี้จ้างที่อยู่บนดวงจันทร์กลับมาเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย และเริ่มหัวเราะหึๆ ออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะที่แหบแห้งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจก็ตาม แต่เปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในดวงตาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปแม้แต่น้อย
ท่านสูดหายใจเข้าลึกๆ และหลับตาลง สำหรับผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ถึงแม้ว่าจะมีร่างกายที่เหี่ยวแห้ง มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายราวกับเป็นเปลวเทียนที่ส่ายไหวไปมาในสายลม แต่ก็ไม่มีใครพูดจาใดๆ ออกมา พวกมันมองลงไปยังทิศทางของอาณาจักรขุนเขาทะเล เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะตกตายไป แต่เวลาเดียวกันนั้นก็ส่งความปรารถนาดีของพวกมันลงไปด้วย…
จากนั้นผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนก็หลับตาลง เพื่อส่งมอบพลังชีวิตส่วนสุดท้ายออกไป ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล เมื่อพวกมันเติมเต็มพลังการป้องกันของดวงตะวัน เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา และลำแสงนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ดวงจันทร์ ขณะที่เป็นเช่นนั้น ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของราชันจักรพรรดินอกคอก รวมทั้งวิชาเวทของกลุ่มคนนอกคอกนับล้าน ก็กดทับลงมา และดูเหมือนว่าแทบจะปกคลุมดวงจันทร์ไปโดยสิ้นเชิง
โลหิตไหลซึมออกมาจากดวงตา หู จมูกและปากของผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคน และกระดูกของพวกมันก็เริ่มแตกกระจายไป ตี้จ้างยังคงหัวเราะหึๆ ด้วยความขมขื่น แต่แววตาอันบ้าคลั่งเริ่มสาดประกายมากขึ้น
อีกด้านของสนามรบ เสวียนฟางกำลังมองไปยังดวงตะวันด้วยความต้องการสังหาร มันต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเป็นการต่อสู้ที่น่าขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง
การต่อสู้ครั้งที่สองใช้เวลานานมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ขมขื่นเท่าใดนัก แต่เนื่องจากเมิ่งฮ่าว ทำให้มันไม่อาจจะไปช่วยเหลือหลีหลง ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันร้ายแรงได้
“การต่อสู้ครั้งที่สามนี้ ไม่เจ้าตายก็เป็นข้าสิ้น!” เสวียนฟางโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ส่งคำสั่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังกลุ่มคนนอกคอกนับล้านที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ให้พุ่งตรงไปยังดวงตะวัน กระจายเป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาอย่างเข้มข้น
เสวียนฟางจื้อจุนติดตามไปอยู่ด้านหลังพวกมัน ขยับสองมือร่ายเวท ทำให้วิชาเวทที่แปลกประหลาดบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่เริ่มต่อสู้ก่อน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบุคลิกส่วนตัวของตนเอง ดวงตาแวบประกายขึ้น และส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด
ซึ่งมันก็ลุกขึ้นมายืนในทันที ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เดินตรงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พุ่งตรงไปยังเสวียนฟาง แต่จากนั้นก็ผ่านร่างมันไปอย่างคาดไม่ถึง และมุ่งหน้าตรงไปยังกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่ด้านหลัง
และจากนั้นก็พุ่งต่อไปยังทิศทางของ…สวรรค์ชั้นที่สิบหก เป้าหมายของมัน เป้าหมายของเมิ่งฮ่าวคือหลีหลงจื้อจุนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
เจ้ามาสังหารข้า? ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็จะไปสังหารผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้า!
ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในค่ายกลเวท ก็มองไปยังเสวียนฟางด้วยแววตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง กล่าวขึ้นว่า “เจ้าจะไปช่วยมันหรือไม่?”
เวลาเดียวกันนั้นเสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาจากภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล เมื่อพลังอันแข็งแกร่งพุ่งขึ้นมา พุ่งตรงขึ้นไปยังผนึกที่ปกคลุมอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ เมื่อพลังนั้นกระแทกเข้าไปยังผนึก ผนึกนั้นก็บิดเบี้ยวไปมา เกิดเป็นแสงอันเจิดจ้าพุ่งกระจายออกไป
เวลาเดียวกันนั้นไห่เมิ่งจื้อจุนและสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต่างก็โจมตีออกไป แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเลมีวิหารอยู่สามหลังตรงด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เป็นวิหารที่ไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ ภายในวิหารแต่ละหลังมีชายชราและบุรุษหนุ่มอยู่ผู้หนึ่ง
ตอนนี้ชายชราเหล่านั้นกำลังลืมตาขึ้นมา แทบจะราวกับว่าพวกมันถูกร้องเรียก เหมือนกับมีคำสั่งส่งต่อมาถึงพวกมัน
“นำของวิเศษของเหล่าฟู ไปช่วยทำลายผนึกให้เปิดออก!” คำพูดเช่นเดียวกันนี้ดังออกมาจากปากของชายชราทั้งสาม และขณะที่เสียงนั้นดังก้องเข้าไปในวิหาร บุรุษหนุ่มก็มองขึ้นไป ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้
พวกมันเฝ้ารอคอยสงครามครั้งนี้มานานแล้ว
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อบุรุษหนุ่มในวิหารแรกมองขึ้นไป และชุดเกราะนักรบสีน้ำเงินก็กระจายออกไปตลอดทั้งร่าง ปกคลุมไปทั่วแม้แต่ใบหน้าของมัน หอกยาวสีน้ำเงินเล่มหนึ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นที่เบื้องหน้า และมันก็คว้าจับไว้ ขณะที่ทำเช่นนั้น พลังอันแข็งแกร่งก็ปะทุออกมาจากร่าง
จนบรรลุถึงระดับหกแก่นแท้อย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็สูงมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าพลังนั้นไม่ได้ออกมาจากตัวของบุรุษหนุ่มเอง แต่มาจากชุดเกราะนักรบและหอกเล่มนั้น
มันก้าวเดินตรงไป ทันใดนั้นก็ไปปรากฏกายขึ้นตรงด้านนอกของวิหาร จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีน้ำเงินพุ่งตรงขึ้นไปยังผนึก
เวลาเดียวกันนั้นในอีกสองวิหาร ลำแสงอีกสองสายก็ปรากฏขึ้น หนึ่งเป็นสีแดงเข้ม และภายในเป็นเงาร่างในชุดเกราะสีโลหิต พร้อมกับกระบี่สีโลหิตและกลิ่นอายสังหาร
อีกทิศทางเป็นลำแสงสีเหลืองเจิดจ้า ภายในนั้นเป็นเงาร่างที่สวมใส่ชุดเกราะสีเหลือง ในมือของมัน…เป็นม้วนตำราไม้ไผ่ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันน่าตกใจหมุนวนอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่บินขึ้นไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมื่อเงาร่างทั้งสามเหล่านั้นกระแทกเข้าไปในผนึก อย่างน่าประหลาดใจยิ่งสามเงาร่างเหล่านี้กำลังกระจายเป็นกลิ่นอายที่แตกต่างกันสามชนิดออกมา ซึ่งก็คือ…คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ, คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ และ…คัมภีร์ตัดสวรรค์!
สามคัมภีร์อันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ต่างก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว!
ผนึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกมา ราวกับว่าผนึกแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ
ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเลมีอีกเงาร่างหนึ่ง ที่กำลังใช้ศีรษะโขกลงไปยังผนึกอย่างรุนแรง ซึ่งก็คือปรมาจารย์เอกะเทวะ ย้อนกลับไปในตอนที่อาณาจักรขุนเขาทะเลเปลี่ยนสถานะเป็นการปิดล้อม ปรมาจารย์เอกะเทวะได้หายตัวไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และขณะที่มันบดขยี้ลงไปยังผนึก ก็พึมพำขึ้นมาว่า “เจ้าสารเลวน้อยนั่นยังไม่ตายไป มิเช่นนั้นเหลาจู่ก็คงจะเป็นอิสระแล้ว แต่…คิดว่ามันมีชีวิตรอดน่าจะดีกว่า” พร้อมกับเสียงถอนหายใจ มันกระแทกเข้าไปในผนึกอีกครั้ง