บทที่ 250 ปิดปากมันเสีย
ขั้นกำเนิดแก่นใน! นัยน์ตาหวังเป่าเล่อเบิกโพลง
แม้จะรับรู้ได้ว่าต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นไม่ใช่ต้นเดียวกับที่เขาเคยเจอในแอ่งแผ่นดิน เค่อหลุน ทั้งยังคนละต้นกับที่เข้าสิงร่างหวงซาน แต่เขายังรู้สึกได้ว่าพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน!
ความรู้สึกถาโถมเข้ามาในอกของหวังเป่าเล่อ ยิ่งได้เห็นผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในกำลังคุยกับมันอยู่ และรู้ว่าเขามีระดับการฝึกตนขั้นใด หวังเป่าเล่อก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา
ชายหนุ่มรู้ดีตั้งแต่ก่อนเข้ามาแล้วว่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในมิติเวทแห่งนี้ แต่ตรงหน้าเขากลับมีผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจากตระกูล นภาห้าสมัยอยู่ในเขตจันทราเวทเสียได้!
ที่นี่คือด้านมืดของดวงจันทร์ หวังเป่าเล่อบอกพิกัดชัดเจนไม่ได้ เพราะไม่เห็นจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ จะระบุว่าอยู่ตรงส่วนใดกันแน่นับว่ายากนัก ยิ่งเขตจันทราเวทโดนปิดผนึกอยู่อย่างนี้ ระบบติดตามในแผ่นหยกก็โดนแทรกแซงไปด้วย กระนั้น ชายหนุ่มก็โดนเคลื่อนย้ายหลายครั้ง จนพอบอกได้ว่าเขาไม่ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของด้านมืดของดวงจันทร์
ถึงจะไม่ได้เข้ามาในส่วนลึก แต่ก็น่าจะอยู่ไม่ห่างนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่จึงไม่ค่อยมีคนอยู่ ถ้าเขาไม่โดนเคลื่อนย้ายมา เขาก็คงไม่มีวันเดินทางมาเหยียบ อาณาบริเวณนี้ด้วยตัวเองเป็นอันขาด
ถ้าตรงนี้มีเพียงคนของตระกูลนภาห้าสมัยรวมตัวกันโดยไม่มีต้นไม้ยักษ์ หวังเป่าเล่อคงคิดว่าตระกูลนภาห้าสมัยกำลังช่วยกันโกงการทดสอบ แต่ในเมื่อมีต้นไม้ต้นนั้นอยู่ ด้วยแล้ว ทุกอย่างก็กระจ่างชัด
ตระกูลนภาห้าสมัยกำลังรวมหัวกับต้นไม้ยักษ์ วางแผนไม่ชอบมาพากลใน เขตจันทราเวท! หวังเป่าเล่ออดเสียใจไม่ได้ที่ไปล้อเล่นกับหมอกเวทเคลื่อนย้ายแบบนี้ เขารู้ว่าปราณวิญญาณของเขาดึงดูดความสนใจมากโข ถึงเมล็ดดูดกลืนจะช่วย ผ่อนพลังของมันได้บ้าง ก็ถือว่าไม่ฉลาดเอาเสียเลย หวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจที่จะไป จากตรงนี้โดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าถ้ามีใครจับได้ ความตายจะต้องมาเยือนเป็นแน่แท้
กระนั้นแม้หวังเป่าเล่อจะพยายามถอยไปอย่างระมัดระวังเพียงใดก็ยังสายเกินไปอยู่ดี ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้อาจไม่รู้สึกถึงแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณจาก หวังเป่าเล่อ แต่ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในผู้นั้นและต้นไม้ยักษ์ข้างกายรู้สึกได้ ทั้งสองหันหน้ามองมาทางที่หวังเป่าเล่ออยู่ในทันใด
โดยเฉพาะต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น ดวงตาของมันเปล่งแสงวาบเมื่อมองตรงมาที่หวังเป่าเล่อ
จิตใจหวังเป่าเล่อแตกตื่นทันทีที่ต้นไม้ยักษ์มองมา เหมือนมีสติสัมปชัญญะโผล่มาจากที่ใดไม่รู้ เข้ามายึดครองสมองของเขา ผู้คนเหล่านั้นต่างแสยะยิ้มให้เขา ราวกับจะทำลายสติเพื่อพรากตัวเขาไป
เหตุการณ์ตั้งแต่หวังเป่าเล่อเจอคนเหล่านี้และคนเหล่านี้เจอตัวเขา ล้วนเกิดขึ้นในพริบตาเดียว
อันตรายคืบคลานเข้ามา หวังเป่าเล่อตัดสินใจใช้พลังจากเมล็ดดูดกลืนในตัว ขับไล่สติสัมปชัญญะนั้นที่พุ่งเข้ามาในหัวออกไป ปากเขากระอักเลือด ใบหน้าซีดเซียว ชายหนุ่มดึงตัวเองถอยห่างออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
แหล่งกำเนิดปราณวิญญาณที่เขาซ่อนไว้อยู่ แผ่กระจายตัวออกมาทันทีที่ หวังเป่าเล่อเปลี่ยนไปใช้เมล็ดดูดกลืน เพื่อหลีกหนีสติสัมปชัญญะที่รุกล้ำเข้ามา ร่างของเขาเปรียบได้ดั่งเปลวไฟในความมืดมิด แลดูเตะตายิ่งนัก!
“ก็แค่แมลงตัวเล็กๆ โจวเฟย พาลูกน้องสักสองสามคนไปกำจัดมันเสีย!” ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในจากตระกูลนภาห้าสมัยประเมินสถานการณ์อย่างเยือกเย็น ไม่ได้แยแสอะไรมากมายนัก เขามีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องทำ หลังจากชายชราเอ่ยปากแก้ปัญหาอย่างใจเย็นแล้ว กลุ่มคนจากตระกูลนภาห้าสมัยกว่ายี่สิบคนก็พุ่งตัวไล่ตามหวังเป่าเล่อออกไปทันที!
หนึ่งในคนกลุ่มนั้นคือโจวเฟย ชายวัยกลางคนที่ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในขานนาม ระดับการฝึกตนของเขาสูงกว่าผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ เข้าขั้นรากฐานตั้งมั่นแล้ว เขาค้อมศีรษะให้ผู้อาวุโสก่อนจะตามคนอื่นๆ หายเข้าไปในป่า
หวังเป่าเล่อที่อยู่กลางป่าพรั่งพรูไปด้วยความรู้สึกมากมาย ชายหนุ่มพุ่งไปข้างหน้าพลางตบกระเป๋าคลังเวท ก่อนหยิบหุ่นเชิดทั้งห้าที่ตั้งใจเก็บไว้หลอมเพิ่มออกมา
หน้าตาของหุ่นเชิดทั้งห้าเหมือนหวังเป่าเล่อทุกกระเบียดนิ้วไปยันเสื้อผ้า เมื่อหุ่นเชิดพวกนั้นออกมา ก็ซ้อนร่างกับหวังเป่าเล่อทันที ร่างทั้งหกรวมถึงหวังเป่าเล่อตัวจริงสร้างความสับสน ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง
เพื่อความสมจริง หวังเป่าเล่อไม่มัวเสียดายความเพียรพยายามก่อนหน้านี้ แล้วแบ่งเศษชิ้นส่วนสำหรับหลอมรากฐานตั้งมั่นที่หามาได้ให้หุ่นเชิดแต่ละตัว เป็นการอุดช่องโหว่ไม่ให้คนพวกนั้นจับพิรุธได้
หวังเป่าเล่ออีกห้าคนพุ่งเข้าไปในป่าพร้อมกับเศษชิ้นส่วน จนยากจะแยกได้ว่า ร่างใดคือหวังเป่าเล่อตัวจริง
แผนการนี้ได้ผลดีเยี่ยมภายในป่า เมื่อโจวเฟยและบรรดาผู้ฝึกตนของตระกูล นภาห้าสมัยอีกราวยี่สิบคนไล่ตามมาทัน พวกเขาก็ถึงกับสับสนพอเห็นร่างทั้งหกวิ่งกันไปคนละทิศละทาง
หัวหมอนัก โจวเฟยหรี่ตา เขายกมือขวาขึ้นแล้วคำราม ทันใดนั้นก็ปรากฏอีก สามร่างโผล่มาด้านหลังเขา!
ร่างทั้งสามเป็นภพชาติก่อนหน้าของเขา แต่ละร่างแผ่มวลพลังเหนือกว่าผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ทั้งสิ้น แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่ก็นับว่าใกล้เคียง พวกเขาพุ่งตัวแยกกันออกไปเป็นสามทิศทาง
ส่วนโจวเฟยวิ่งไปยังทิศทางที่สี่ ก่อนผละไปเขาก็ประกาศออกไปโดยรอบ
“แยกย้ายกันตามไป! ถ้าได้ตัวมันแล้วให้ส่งสัญญาณมา!”
ผู้ฝึกตนคนอื่นรีบแบ่งกลุ่มกันทันที ต่างวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังอีกสองทิศทางที่เหลือ
หวังเป่าเล่อยิ่งตื่นตระหนกพอเป็นว่าตนโดนไล่ตามมาจนได้
อย่างไรเสีย โลกเหนือจินตนาการอย่างผืนป่าด้านมืดของดวงจันทร์นั้นสวยจับใจ แต่มีอันตรายไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะสำหรับหวังเป่าเล่อ ทั้งสภาพแวดล้อม ทั้งภัยคุกคามจากการตามล่าของตระกูลนภาห้าสมัย ภายในหัวของชายหนุ่มปั่นป่วนไม่จบสิ้น
ข้าต้องหาหมอกเวทเคลื่อนย้ายให้เจอโดยเร็วที่สุด! หวังเป่าเล่อสันหลังเย็นวาบเมื่อนึกภาพว่ามีผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในจากตระกูลนภาห้าสมัยหลุดเข้ามาใน มิติเวทนี้ได้ ทั้งยังวางแผนสมรู้ร่วมคิดบางอย่างกับต้นไม้ยักษ์อีกด้วย เขาไม่มั่นใจว่าสมาพันธ์จะมาช่วยเขาได้เมื่อไร แต่ต่อให้ทางนั้นมาถึงแล้ว พวกเขาอาจจะยังไม่ ตรงเข้ามาทางนี้เลยทันที เพราะพวกเขาหารู้ไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะทางใด โอกาสเดียวที่เขาจะเอาชีวิตรอดได้คือหมอกเวทเคลื่อนย้ายเท่านั้น!
โชคยังดีที่หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับการหาทางหนีทีไล่ภายในป่า แม้ว่าบริเวณนี้ จะแปลกพิลึก แต่หวังเป่าเล่อเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไวยิ่งนัก แค่เขาสะบัดมือ ยุงสิบตัวก็โผล่ออกมาบินรอบเขา เก้าในสิบตัวนั้นเป็นยุงธรรมดา ส่วนยุงตัวสุดท้ายเป็นตัวสีเทา!
เมื่อยุงทั้งสิบปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็กระจายตัวกันไปในระยะสามสิบเมตรโดยรอบ เพื่อให้หวังเป่าเล่อได้เห็นภาพแทนสายตาของพวกมัน ช่วยให้ชายหนุ่มรู้ว่า มีอะไรอยู่ในอาณาเขตโดยรอบบ้าง ผนวกกับประสบการณ์หนีเอาตัวรอดจากป่า ครั้งก่อนหน้านี้ เขาจึงยิ่งพุ่งร่างหนีได้เร็วยิ่งขึ้น
ทว่าทางตระกูลนภาห้าสมัยเองดูจะเตรียมตัวมาพร้อมสรรพ ทั้งโจวเฟยและ ร่างของตัวเขาในภพก่อน รวมถึงยอดผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้อีกสิบถึง สิบสองคน พวกเขาไม่สนว่าตนกำลังไล่ตามหวังเป่าเล่อถูกตัวหรือไม่ ต่างหยิบเอา ก้านธูปออกมาจุดไฟจนเกิดหมอกหนาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ทุกคนไม่แยแสต่อ ภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่า ต่างเคลื่อนไหวตามมาอย่างว่องไว ไม่นานคนที่เร็วที่สุด ก็อยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อไปเพียงประมาณสามร้อยเมตร
เมื่อเห็นว่ามีคนใกล้มาถึงระยะมองเห็นของยุงตัวหนึ่ง นัยน์ตาหวังเป่าเล่อก็หรี่ลงทันที เขารู้สึกได้ถึงไอสังหารที่ทำให้เขาหมายจะสังหารอีกฝ่ายกลับเช่นกัน เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะโจมตีตอบโต้ เพราะจะเป็นการเปิดเผยตัวเองและทำให้คนอื่นรู้ว่าเขาคือ หวังเป่าเล่อตัวจริง
กระนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าเขาไม่โจมตีกลับบ้าง พวกหุ่นเชิดก็คงถ่วงเวลา ฝ่ายนั้นนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว สุดท้ายพวกเขาก็จะรู้อยู่ดีว่าเขาคือตัวจริง
แต่ถ้าข้าถ่วงเวลาออกไปได้นานกว่านี้ คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือข้า! หวังเป่าเล่อกลั้นใจไม่โจมตี แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าต่อ แต่ไม่ทันไรเขาก็ต้องตกใจเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าสัญญาณจากหุ่นเชิดที่ตนปล่อยออกไปเริ่มหายไปทีละตัว จนเหลือหุ่นเชิดเพียง ตัวเดียวจากห้าตัวภายในเวลาเพียงไม่นาน
ข้ารอต่อไปไม่ได้แล้ว! แววดุร้ายในตาหวังเป่าเล่อฉายชัดขึ้น เขาเลิกลังเลแล้วหันกลับไปพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ยุงทั้งสิบรอบตัวทะยานออกไป ถลาตรงเข้าใส่คนที่ไล่ตามเขามา
ชายหนุ่มที่ตามเขามาถึงกับผงะ ระหว่างที่พุ่งตัวมาข้างหน้านั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ ข้างหูแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะคิดว่าเป็นเสียงของสิ่งมีชีวิตในป่า เขาเชื่อว่าหมอกรอบด้านจะทำให้พวกมันกระจายตัวหายไปเอง
ทว่าตอนที่เขากำลังคิดเช่นนั้นอยู่ เสียงหึ่งๆ ของยุงก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม ส่วนต่างๆ ทั่วสรรพางค์กายพลันเจ็บปวดขึ้นมาพร้อมกันก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ ดวงตาของเขาเบิกโพลง ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ขณะที่กำลังจะอ้าปากกรีดร้องนั้นเอง ยุงสีเทา ก็บินเข้าไปในปากเขาเสียก่อน
เขาส่งเสียงไม่ออก ทั้งตกใจและหวาดกลัวปนเปกันไป ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นถึงขีดสุด เขาอยากจะขัดขืน แต่ตอนนั้นเองร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า เจ้ายุงสีเทาบินออกมาบินทะลุแสกกลางหน้าผากของเขาออกมา!
เขาจบสิ้นแล้ว!
ขณะเดียวกันนั้นเอง กระบี่เหาะเหินเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเขาจากภายในป่าด้วยความรวดเร็ว แล้วเสียบทะลุคอหอยของเขาในทันใด
ครั้นร่างไร้ลมของเขาล้มคว่ำลงไป ร่างของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้น เขาตะลึงกับความดุร้ายของยุงสีเทา แต่ไม่มีเวลาจะเข้าไปสำรวจใกล้ๆ ได้แต่หันหลังกลับแล้ว พุ่งตัวต่อไปไม่หยุดพักด้วยแววตาเยือกเย็น ยุงทั้งสิบดูจะยิ่งกระตือรือร้นพอร่างกาย ได้อาบเลือดบ้าง พวกมันกระจายตัวกันตามหลังหวังเป่าเล่อไป!