Skip to content

A World Worth Protecting 254

บทที่ 254 แหล่งกำเนิดปราณวิญญาณประหลาด

ภายในเขตจันทราเวท ณ ด้านมืดของดวงจันทร์ บริเวณรอบนอกของเส้นเขตแดน     ที่แบ่งด้านมืดและด้านสว่างของดวงจันทร์ มีเทือกเขาทอดตัวอยู่

หวังเป่าเล่อถูกเคลื่อนย้ายมาโผล่บนเทือกเขาแห่งนั้น ทันทีที่ร่างกายหลุดออกมาจากหมอกได้ ชายหนุ่มก็กระอักเลือดก้อนใหญ่ทันที ร่างของเขาล้มลงกับพื้นไม่อาจยืนได้ไหว เลือดไหลออกมาทางตาหูจมูกปาก ใบหน้าเขาซีดเซียว สภาพกระเซอะกระเซิงน่าผวา

เขาโผล่มาบนทางลาดพอดี ร่างจึงกลิ้งไปถึงก้นภูเขาก่อนกระแทกพื้นเสียงดัง หวังเป่าเล่อติดอยู่ในรอยเว้าเป็นแอ่งนั้น ยังไม่ทันจะเรียกหุ่นเชิดออกมายืนเฝ้า        เขาก็หมดสติไปเสียก่อน

บาดแผลที่ชายหนุ่มได้รับสาหัสเกินไป เขาไม่เพียงทรมานจากผลสะท้อนกลับจากการใช้อาวุธเวทระดับเจ็ดสองครั้ง แต่ยังเป็นผลพวงจากใช้เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราและเคล็ดเวทอัสนีขณะที่ร่างกายยังบาดเจ็บอยู่ด้วย มิหนำซ้ำยังได้รับผลกระทบจากการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นอย่างโจวเฟยอีกด้วย          อวัยวะภายในหวังเป่าเล่อจวนเจียนจะฉีกขาดจากอาการบาดเจ็บที่สั่งสมเข้ามา บาดแผลเขาเทียบเท่ากับตอนที่เขาต่อสู้ในป่าฝนบ่อเมฆเลยก็ว่าได้

หวังเป่าเล่อหมดสติไปทั้งวัน

ยังดีที่ถึงแม้บริเวณนี้จะอยู่ใกล้ด้านสว่างของดวงจันทร์ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในด้านมืด ผู้ฝึกตนน้อยคนนักจะล่วงล้ำเข้ามาในบริเวณนี้ จึงไม่มีใครมาพบเขาเข้า ตอนที่กำลังนอนไม่ได้สติตลอดวัน

ระหว่างนั้น ยุงทั้งเก้าตัวทำตามคำสั่งที่หวังเป่าเล่อบอกไว้ก่อนหมดสติอย่างเชื่อฟัง พวกมันนอนบังร่างหวังเป่าเล่อไว้ แล้วคอยสอดส่องว่ามีใครผ่านไปผ่านมาบ้าง        ถ้าพบใครสักคนเข้า พวกมันโฉบเข้าไปกัดร่างคนๆ นั้นทันที เพื่อไม่ให้ย่างกรายเข้ามาใกล้กว่านั้นได้

วันต่อมา หวังเป่าเล่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นในที่สุด ชายหนุ่มยังไม่เห็นภาพสิ่งรอบด้านชัดเจนนัก ความเจ็บปวดรวดร้าวจากทุกส่วนในร่างกายสำแดงอาการออกมา    กระชากให้เขามีสติและหลุดพ้นจากความสับสนงงงวยได้ในที่สุด เหงื่อกาฬไหลอาบหน้าผากชายหนุ่มจนเปียก

ผ่านไปครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง เขาหอบหายใจหนักอึ้งขณะมองรอบด้านแล้วประเมินสภาพร่างกายตัวเอง ก่อนแสยะยิ้มเยาะตัวเอง

บทเรียนจากการใช้หมอกเวทเคลื่อนย้ายเรื่อยเปื่อยสินะ หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วมุ่น เขามองอาวุธเวทที่ตนจับไว้แน่นระหว่างหมดสติ พลันเกิดความรู้สึกท่วมท้นออกมา

หากเขาไม่มีอาวุธเวทอยู่กับตัว คงหนีความตายไม่พ้นเป็นแน่

แม้จะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เขาก็หนีเอาชีวิตรอดมาได้ และไม่ใช่เพียงหนีมาสำเร็จ แต่ยังทำร้ายผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นและทำให้หมอนั่นโกรธจนคลุ้มคลั่งได้อีกด้วย หวังเป่าเล่อคิดแล้วก็พึงพอใจ

ไอ้ลูกชาย หากข้าบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นเมื่อใด ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้เลยคอยดู!    หวังเป่าเล่อลูบท้องตัวเองด้วยความเคยชิน ความเจ็บปวดพลันแล่นผ่านทั่วกาย       ตัวเขากระตุกเฮือกอย่างเจ็บปวด ความทรมานบรรเทาลงหลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง

ชายหนุ่มทำหน้าบูดบึ้งขณะพยายามลุกขึ้นยืนแล้วมองรอบตัว พอจะบอกได้ว่าตนเองยังอยู่ในด้านมืดของดวงจันทร์ แต่เขามองเห็นเสี้ยวมุมของโลกบ้างแล้ว ดังนั้นเขาย่อมอยู่ไม่ไกลนักจากด้านสว่างของดวงจันทร์

ถ้าเขาเดินทางต่อทั้งที่สภาพบาดเจ็บเช่นนี้ ถ้าเจออันตรายเข้าจะไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ใช้อาวุธเวทระดับเจ็ดขุดถ้ำขนาดเล็กในรอยเว้าตรงนั้นเป็นทางลึกเข้าไป ก่อนผนึกทางเข้าไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนให้หุ่นเชิดมายืนให้การอารักขา

เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ทรุดลงนั่งขัดสมาธิ เอาโอสถออกมาแล้วเริ่มเยียวยาตัวเอง

หวังเป่าเล่อเตรียมโอสถมาเพียงพอสำหรับการเดินทางสู่ดวงจันทร์ แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ถ้าใช้เพียงโอสถธรรมดา คงจะใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะ      ฟื้นตัวได้

หวังเป่าเล่อกระฟัดกระเฟียดดึงโอสถหายากที่มีคุณสมบัติเยียวยาชั้นดีออกมาจากกำไลคลังเวท มันคือโอสถที่เขาได้รับมาพร้อมกับเจ้าเยี่ยหมิงและจั่วอี้ฟาน      หลังหนีจากอันตรายในแอ่งแผ่นดินเค่อหลุนออกมาได้ ประมุขสำนักศึกษา             เต๋าศักดิ์สิทธิ์เข้ามาช่วยพวกเขาไว้และมอบโอสถนี้ให้กับพวกเขา ตอนนั้นหวังเป่าเล่อไม่ได้บาดเจ็บหนัก จึงยังไม่ได้ใช้โอสถทันที

เขาเห็นกับตาว่าพอกลืนโอสถเข้าไป จั่วอี้ฟานกับเจ้าเยี่ยหมิงก็ฟื้นตัวจากบาดแผลฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว พอคิดได้ว่าโอสถธรรมดาจะใช้เวลานานเกินไป เขาก็กลั้นใจกลืนโอสถหายากนี้ทันที

เมื่อโอสถแทรกซึมเข้าไปในร่างเขา มันก็เปลี่ยนเป็นมวลพลังร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าบาดแผลกำลังฟื้นตัวในระดับความเร็วอันน่าตกใจ

ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บ หรือกระดูกที่หัก ทุกอย่างล้วนฟื้นตัวต่อหน้าต่อตาเขา กระทั่งอวัยวะภายในที่บอบช้ำจากผลสะท้อนกลับของอาวุธเวทจนเริ่มหยุดทำงาน ก็เริ่มกลับมาหายดี

หวังเป่าเล่อยิ่งกว่าตื่นเต้น เขาตั้งสมาธิกำหนดกายและใจให้ดูดซับพลังเยียวยาของโอสถชนิดนั้น พลันบาดแผลของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัว กระบวนการเยียวยาใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม

หนึ่งวันให้หลังเมื่อหวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น ร่างของเขาก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงาน ราวกับว่ามีบ่อกำเนิดมวลพลังอันไม่มีที่สิ้นสุดผุดขึ้นภายในกายของเขา พลังการฝึกตนของเขาเองก็เหมือนจะรุดหน้าขึ้นด้วย

ฝึกตนด้วยวิธีนี้ก็ได้หรือ หวังเป่าเล่อปลื้มปิติ เขายืนขึ้นแล้วคลายข้อต่อ       เตรียมออกตามหาเศษชิ้นส่วนต่อไป

หลังจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ตอนนี้เขาเหลือเศษชิ้นส่วนพิเศษอยู่กับตัวเพียง     สองชิ้นเท่านั้น ยังอีกห่างไกลกว่าจะบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่น ดังนั้นเขาไม่มีเวลาให้    เสียแล้ว ทว่าพอหวังเป่าเล่อออกไปยังปากทางเข้าถ้ำ และผลักหินที่ใช้ผนึกทางเข้า   ฝั่งหนึ่งออก เขากลับต้องหยุดชะงักและระมัดระวังตัวมากขึ้น ชายหนุ่มหยุดหายใจไปหนึ่งวินาทีก่อนเคลื่อนไหวช้าลง หัวใจเขาเต้นรัวเมื่อความสิ้นหวังเริ่มเกาะกิน       ภายในใจ

เหตุใดตั้งแต่มาถึงดวงจันทร์ ข้าจึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนนัก แค่นั่งฟื้นฟูตัวเองอยู่ในถ้ำดีๆ กลับออกมาเจอกับเนตรผีเข้าเสียได้…

หวังเป่าเล่อสอดส่องสายตามองผ่านช่องหินออกไปด้านนอก ก่อนพบว่าบนทางลาดข้างแอ่งเว้าแห่งนั้น มีสัตว์ปีศาจจำนวนมากกว่าร้อยตัวออกันอยู่…พวกมันคือเนตรผี!

เนตรผีแต่ละตัวสูงกว่าสามสิบเมตร ร่างของพวกมันมองเผินๆ ดูเหมือนมนุษย์    แต่มีดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่ทั่วตัว ดวงตาเหล่านั้นมีอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นหินได้ มนตร์สะกดนั้นจะสำแดงฤทธิ์ทันทีที่เนตรผีใช้สายตา     พวกมันจับสิ่งมีชีวิตเอาไว้ได้

พลังการต่อสู้ของเนตรผีแต่ละตัวเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้สมบูรณ์ แต่หากมันเอาจริงขึ้นมา พลังของมันจะน่ากลัวยิ่งกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

มีเนตรผีจำนวนกว่าร้อยตัวอยู่บนทางลาดข้างนอกถ้ำ เพียงแค่คิดว่าต้องถูก    พวกมันเจอตัวเข้า หลังจากที่เพิ่งหายเจ็บใหม่ๆ และเสี่ยงจะต้องเจ็บตัวอีกครั้ง      หวังเป่าเล่อก็ปวดขมับหนึบขึ้นมาทันที

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรแบบนี้ หวังเป่าเล่อลอบถอนหายใจ เขาไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว ตั้งใจจะรอให้บรรดาเนตรผีเหล่านั้นจากไปก่อนค่อยออกไปข้างนอก

เขารออยู่พักใหญ่ แต่เนตรผีพวกนั้นกลับหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่เดิม หวังเป่าเล่อแอบมองผ่านช่องหินที่ตนซ่อนตัวอยู่ แล้วก็เห็นว่าไกลออกไป มีใครบางคนกำลังเหาะเข้ามาหาพวกมัน!

ความรู้สึกชาวาบทิ่มแทงเข้าไปในกะโหลกของหวังเป่าเล่อ เขาไพล่คิดไปก่อนโดยสัญชาตญาณแล้ว ว่าต้องเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอย่างแน่นอน แต่เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ เขาจึงเห็นได้ชัดขึ้นและรู้สึกได้ในทันที ว่าร่างนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน หากแต่เป็น…วิญญาณจันทรา!

วิญญาณจันทราเปรียบเสมือนผีสางที่ผู้คนกล่าวขานถึง ร่างของมันเสมือน      ภาพลวงตาและสามารถปลิดชีพคนได้ พลังของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับรากฐานตั้งมั่น บางตัวแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็มี หากผู้ฝึกตนระดับ       ลมหายใจเที่ยงแท้พบเจอวิญญาณจันทราเข้า จะไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับมาได้เลย

ระหว่างเดินทางมาดวงจันทร์ ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เตือนพวกเขาเอาไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าเจอเข้ากับวิญญาณจันทราเมื่อใด…พวกเขาไม่ควรลังเล           หักเหรียญหยกกู้ชีพในทันที

เหรียญหยกกู้ชีพไม่มีประโยชน์แล้วตอนนี้ จะให้ข้าทำลายมันไปเพื่ออะไร หวังเป่าเล่อกลั้นหายใจ เขาแตะกำไลคลังเวททันที อาวุธเวทระดับเจ็ดข้างในนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เขาฝากความหวังได้

ชายหนุ่มมองให้ถนัดขึ้น ก่อนพบว่าวิญญาณจันทราล่องลอยลงมาจากท้องฟ้า มันมีรูปร่างหน้าตาเป็นหญิงสาว เมื่อเข้ามาใกล้ อุณหภูมิรอบด้านพลันลดฮวบลง เรือนผมลวงตาลอยสยายอยู่ในอากาศขณะที่มันเคลื่อนกายลงมา ใบหน้านั้นพร่าเบลอไม่อาจเห็นได้ชัด

วิญญาณจันทราตนนั้นไม่ได้ประทับสู่พื้นดิน แต่กลับลอยอยู่บนอากาศเหนือฝูงเนตรผี ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันอย่างเงียบงัน

หวังเป่าเล่อตะลึงเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันอยู่ เขาพินิจต่อไปอย่างสงสัยใคร่รู้ ไม่นานนักวิญญาณจันทราก็หันหลังกลับ     ลอยขึ้นไปบนชั้นฟ้า แล้วหายลับไกลออกไป เนตรผีก้มหัวลงทีละตัวแล้วเริ่มออกเดินตามวิญญาณจันทราออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง

หวังเป่าเล่อมองพวกมันจากไป ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก ชายหนุ่มรออีกสักพักให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายแล้วจึงค่อยออกจากถ้ำ เขามองไปยังทางที่วิญญาณจันทราและเนตรผีมุ่งหน้าไป พวกมันหายลับไปยังส่วนลึกของด้านมืดของดวงจันทร์         หวังเป่าเล่อจึงฉวยโอกาสนั้นกลับหลังหันแล้วออกวิ่งไปยังทิศตรงข้ามทันที

ข้าต้องรีบออกจากด้านมืดของดวงจันทร์ให้เร็วที่สุด ที่นี่อันตรายเกินไป          การเดินทางมายังด้านมืดของดวงจันทร์เขย่าขวัญชายหนุ่มเหลือเกิน เขาวิ่งหนีไปพลางใช้พลังของเมล็ดดูดกลืนเพื่อหาเศษชิ้นส่วนสำหรับหลอมรากฐานตั้งมั่น        เพิ่มไปด้วย

ทันทีที่เมล็ดดูดกลืนเริ่มทำงาน หวังเป่าเล่อก็ถึงกับชะงักกึก ประกายความไม่อยากเชื่อพลันปรากฏบนใบหน้า จู่ๆ เขาก็หันหลังกลับ มองไปยังทิศทางที่เนตรผีกับวิญญาณจันทรามุ่งหน้าไป

เมล็ดดูดกลืนของเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากทิศทางนั้น…ไกลออกไปร้อยหกสิบกว่ากิโลเมตร ปราณวิญญาณเข้มข้นแข็งแกร่งและทรงพลังเหนือคำบรรยายกำลัง    สั่นไหวอย่างรุนแรง!

ความรุนแรงของปราณวิญญาณนั้นเข้มข้นกว่าทุกครั้งที่หวังเป่าเล่อเคยเจอมา แข็งแกร่งกว่าปราณวิญญาณที่เขาสัมผัสได้ขณะที่เผชิญหน้ากับจินตั้วหมิงเป็นสิบเท่า!

หวังเป่าเล่อทั้งประหลาดใจและกังขา ชายหนุ่มพลันหายใจรัวเร็วขึ้น

มีบางอย่าง…อยู่ตรงนั้นรึ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!