บทที่ 359 ปราการนิรันดร์ผงาด!
ทันทีที่หวังเป่าเล่อออกคำสั่ง คนดูทั่วหย่อมหญ้าต่างผงะด้วยความตกใจ นั่นเพราะในตอนนั้นเอง ปราการทรงกล่องสี่เหลี่ยมสูงของหวังเป่าเล่อได้เปลี่ยนรูปร่างจนไม่เหลือเค้าเดิม
ปราการเหมือนถูกตัดตามแนวขวางออกเป็นหลายๆ ชั้น แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้ว ปราการนิรันดร์ของหวังเป่าเล่อน่าจะถูกสร้างมาเป็นชั้นๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครได้สังเกตให้ดี จึงทำให้ทุกคนคิดว่าปราการนี้เป็นเพียงกล่องสี่เหลี่ยมหนาธรรมดา
เมื่อปราการเริ่มแสดงชั้นต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชั้นแรกถูกเปิดออกไปด้านหลัง เมื่อมองจากระยะไกล ปราการนี้มีหน้าตาเหมือนหนังสือ และชั้นแรกที่ถูกเปิดออกนั้นคือหน้าปก
นี่คือหัวใจหลักในการออกแบบของหวังเป่าเล่อ และเป็นจุดเด่นที่ยากหาสิ่งใดเทียบเทียมของปราการนิรันดร์!
สิ่งที่เขาสร้างขึ้นนั้น คือหนังสือจริงแท้แน่นอน!
เมื่อหน้าปกของหนังสือยักษ์นี้เปิดออก ก็เผยให้เห็นหน้าแรก ผู้ชมทางทั่วทั้งสหพันธรัฐต่างตกตะลึงและประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าหน้าแรกนั้นไม่ได้มีตัวอักษรใดบันทึกอยู่ หากแต่เป็นปืนใหญ่หวังเป่าเล่อที่ตั้งเรียงแถวนับไม่ถ้วน!
มองปราดเดียวก็คะเนได้ว่าหน้าแรกของปราการที่หน้าตาเหมือนหนังสือยักษ์นั้น อัดแน่นไปด้วยปืนใหญ่หวังเป่าเล่อเป็นพันกระบอก เมื่อปืนใหญ่ทั้งพันกระบอก เริ่มทำงาน เสียงระเบิดที่ดังออกมาก็สนั่นไปทั่วจนทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ!
เมื่อเสียงปืนใหญ่ก้องกังวานในอากาศ ลำแสงทรงพลังมากมายก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหวังเป่าเล่อ ราวกับกำลังบดบังท้องฟ้า และพุ่งเข้าใส่กองทัพอสูรที่กำลังส่งเสียงคำรามในทันที
เสียงระเบิดจากปืนใหญ่ที่ยิงออกมาพร้อมกันทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินต้องสั่นสะเทือน พื้นดินแทบจะแยกออกจากกันเป็นสองส่วน เสียงร้องคำรามของอสูรร้ายถูกกลบไปจนมิด ขณะที่ร่างของพวกมันฉีกออกเป็นชิ้นๆ เลือดและเนื้อกระเด็นไป ทุกทิศทาง ราวกับมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นพุ่งลงมาจากบนฟ้า ขยี้กองทัพอสูรนี้จน ราบคาบเป็นหน้ากลอง!
เสียงดังลั่นนี้ทำให้ตัวแทนคนอื่นต่างตกใจ ความกลัวพุ่งเข้าใส่จิตของพวกเขา ขณะที่ต่อสู้เอาชีวิตรอดจากเหตุอสูรหลั่งไหล ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง หวังเป่าเล่อ
แต่ก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน กองทัพปืนใหญ่เป่าเล่อก็ยิงอีกเป็นครั้งที่สองและสาม!
เสียงนั้นดังยิ่งกว่าเดิม พลังทำลายล้างรุนแรงกว่าเดิม และอัตราการเสียชีวิตของอสูรก็พุ่งสูงขึ้นอย่างเทียบไม่ติด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้ชมทางบ้านล้วนกลั้นหายใจ เพราะพลังทำลายล้างของปราการหวังเป่าเล่อนั้นเกินจินตนาการของพวกเขาไปมาก
แต่คนในกองทัพและผู้ที่คุ้นเคยกับปืนใหญ่เป่าเล่อรู้ดีว่าแม้มันจะทรงพลานุภาพมาก และทนแรงกระแทกได้นานกว่าปืนใหญ่สวรรค์ แต่ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
ทรัพยากรที่ใช้ซ่อมแซมนั้นเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทุกครั้งที่ปืนใหญ่เป่าเล่อถูกยิงออกไป ตัวกระบอกปืนจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นนอกจากต้องจัดหาปืนใหญ่มาเพิ่มแล้ว ยังต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงไว้ด้วย
แม้ทุกคนจะเห็นหุ่นเชิดก่อสร้างนับพันตัวของหวังเป่าเล่อ แต่ก็ยังเห็นพ้องต้องกันว่าการจะรักษาเสถียรภาพของปราการเอาไว้ได้ยังยากลำบากนัก หลี่อี้และ กงเต๋าใจเย็นลงเมื่อสรุปได้ดังนั้น
เจ้าทำเป็นแน่ได้ไม่นานหรอก! หลี่อี้ยิ้มเยาะ หลังจากเห็นว่าเมื่อยิงออกไปเป็นครั้งที่หก ปืนใหญ่เป่าเล่อก็เริ่มเรืองแสงสีแดง นางหัวเราะและจับจ้องหวังเป่าเล่อด้วยหวังว่าชายหนุ่มจะหน้าแตก แต่ในตอนนั้นเอง…
หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ข้างปราการของตนดวงตาเป็นประกาย เขารู้ดีว่าชื่อ ปราการนิรันดร์จะเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับสิ่งประดิษฐ์ของเขาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจต่อจากนี้ของเขา และขึ้นอยู่กับว่ากระบวนการก่อสร้างและทำให้มันสมบูรณ์แบบจะประสบความสำเร็จหรือไม่!
ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์หลายครั้งแล้วว่าเป็นไปได้…คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่ามันจะใช้ได้จริงหรือเปล่า!
หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก เขายกผนึกฝ่ามือขวาขึ้นชี้ไปยังปราการ ให้พลังของมันเดินหน้าเต็มสูบ!
“เปลี่ยนหน้า!”
ผนึกฝ่ามือทำงานทันทีที่สิ้นสุดคำสั่ง ปราการที่หน้าตาเหมือนหนังสือสั่นไหว ก่อนที่หน้าแรกซึ่งเต็มไปด้วยกองทัพปืนใหญ่เป่าเล่อนับพันกระบอกจะถูกยกขึ้นราวกับเป็นหน้าหนังสือจริงๆ หลังจากที่เปลี่ยนหน้าเรียบร้อย หน้าที่สองของปราการ ก็ปรากฏออกมา!
บนหน้าที่สองของหนังสือยักษ์ก็ยังมีปืนใหญ่เป่าเล่อตั้งอยู่อีกหนึ่งพันกระบอก ปืนใหญ่เหล่าเริ่มยิงพร้อมกันอีกครั้ง สร้างเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวที่ทำให้แผ่นดินและท้องฟ้าต้องสั่นสะเทือน ไม่นานนักหน้าที่สองก็ถูกพลิกไปเป็นหน้าที่สาม สี่ และห้า…
ทุกหน้าจนถึงหน้าที่สิบเอ็ดเต็มไปด้วยปืนใหญ่เป่าเล่อหนึ่งพันกระบอก ทุกครั้งที่ ปืนใหญ่ปรากฏ มันจะระดมยิงพร้อมกัน ส่งพลังทำลายล้างออกไปเป็นวงกว้าง!
ไม่นานนักทุกคนก็เห็นถึงความแตกต่างระหว่างอาณาเขตของหวังเป่าเล่อและตัวแทนคนอื่นๆ แม้คนอื่นจะยิงปืนใหญ่ออกไปพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ต้องหยุดเพื่อบำรุงรักษา ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ หวังเป่าเล่อยิงปืนใหญ่ไปแล้วกว่าเจ็ดสิบครั้ง และไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่าหวังเป่าเล่อจะสามารถยิงปืนใหญ่เช่นนี้ไปได้เรื่อยๆ!
กองทัพอสูรเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อดูใกล้ถูกกำราบเต็มแก่ เหล่าอสูรร้ายต่างกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้วิถีกระสุนของเขา จึงทำได้เพียงพุ่งไปยังอาณาเขตอื่นเท่านั้น ทำให้ตัวแทนคนอื่นต้องรับมือมากขึ้นอีกทั้งๆ ที่แทบจะต้านไม่ไหวอยู่แล้ว ไม่ต่างอะไรจากการเอาเกลือทาบาดแผลสด
เสียงระเบิดรุนแรงจากการยิงปืนใหญ่พร้อมกันทำให้ทุกคนในสหพันธรัฐตกตะลึง ผู้ชมทางบ้านต่างหายใจสะดุดด้วยความตกใจ แม้แต่กองทัพยังมีสภาพไม่ต่างกัน เจ้านครดาวอังคารเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ทุกหน้าเต็มไปด้วยปืนใหญ่เป่าเล่อหนึ่งพันกระบอก นี่ก็หน้าที่สิบเอ็ดเข้าไปแล้ว หวังเป่าเล่อมีปืนใหญ่เป่าเล่อมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน…รวมแล้วมากกว่า หมื่นกระบอกอีกนะนั่น!” แม้หวังเป่าเล่อจะเป็นผู้คิดค้นปืนใหญ่นี้ แต่ก็ต้องใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาลในการสร้างปืนใหญ่ถึงหนึ่งหมื่นกระบอก…เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ฝึกตนระดับรากฐานตั้งมั่นจะมีทรัพยากรมากมายเช่นนี้!
“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล…ดูสิ ปืนใหญ่หวังเป่าเล่อที่อยู่หน้าหลังๆ ดูเหมือนใช้งานมาก่อนแล้ว…ข้าจำได้ว่ามีอยู่กระบอกหนึ่งที่ภายนอกมีรอยร้าว และมันโผล่มาอีกรอบที่หน้าสาม!”
“ข้าเข้าใจแล้ว…หวังเป่าเล่อไม่ได้มีปืนใหญ่หนึ่งหมื่นกระบอก แต่มีเพียงสองพันกระบอกเท่านั้น ทั้งสองพันกระบอกสร้างมาจากวัสดุที่หวังเป่าเล่อเก็บตกมาได้จากตัวแทนคนอื่น! ปริศนาจริงๆ อยู่ที่ปราการนั่นต่างหากเล่า!”
“ทุกครั้งที่พลิกเปลี่ยนหน้า ปืนใหญ่ที่อยู่ในหน้าก่อนจะได้รับการบำรุงซ่อมแซม ปราการของหวังเป่าเล่อคงทำงานเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่เอาไว้ซ่อมปืนใหญ่เป็นแน่ ปราการนั้นซ่อมปืนได้ในพริบตา จนทำให้ปืนใหญ่เป่าเล่อปรากฏขึ้นทันการทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนหน้า และกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง…”
เมื่อหลายคนเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลัง พวกเขาก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก งานออกแบบปราการของหวังเป่าเล่อทำเอาทุกคนตื่นเต้นเป็นที่สุด
พวกเขาเข้าใจแล้วว่าหัวใจหลักของปราการคือ การซ่อมแซมปรับปรุงปืนใหญ่อย่างรวดเร็วทันตา เช่นนี้จึงทำให้ปราการยิงปืนได้พร้อมกันพันกระบอกอย่างไม่รู้สิ้น ตราบใดที่ยังมีทรัพยากรเหลืออยู่!
ต้นไม้ยักษ์ยังคงเงียบอยู่เมื่อปราการพลิกไปที่หน้าสิบห้า และดูเหมือนจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่รู้จบ เขาถอนหายใจเมื่อมองปราการที่ระดมยิงลูกกระสุนออกมาอย่างพร้อมเพรียง และหวังเป่าเล่อที่มีสีหน้าพอใจในผลงาน
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้แม้แต่น้อย แม้ว่าต้นไม้ยักษ์จะเห็นพิมพ์เขียวของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ส่วนเจ้านครดาวอังคารที่อยู่ข้างกายเขามีสีหน้าประหลาด นางพึมพำกับตนเองด้วยเสียงแผ่วเบา
ดูเหมือนว่า…ปราการนิรันดร์นี้…จะเป็นนิรันดร์สมชื่อจริงเสียด้วย! แต่ข้ายังอยากรู้นักว่าจะมีลูกไม้อื่นซ่อนอยู่อีกหรือไม่! หลังจากที่คิดได้ดังนั้น เจ้านครดาวอังคาร ก็ปลุกผนึกฝ่ามือของตนและอภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคารขึ้น
เมื่อเห็นว่าตนเองต้านทานอสูรหลั่งไหลในครั้งนี้ได้สำเร็จ หวังเป่าเล่อก็ดีใจเป็นล้นพ้น เขาเริ่มมองไปยังตัวแทนคนอื่นๆ รอจังหวะที่พวกเขาเหล่านั้นจะเพลี่ยงพล้ำเพื่อเข้าปล้นชิงทรัพยากรในทันที
ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นในหัว แต่ยังไม่ทันที่ความดีใจจะกระจายไปทั่วร่าง เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวก็ดังมาจากสุสานอาวุธเทพใต้ดินอีกครั้ง เหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่เจ็ดได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยพลังอำนาจที่เหี้ยมโหดอำมหิตกว่าเก่า และอสูรที่มากจำนวนขึ้นกว่าเดิม นี่ทำให้ตัวแทนคนหนึ่งซึ่งตกที่นั่งลำบากอยู่แล้วต้านทานเอาไว้ ไม่ไหวอีกต่อไป เขาตัวสั่นงันงกท่ามกลางแรงกดดันถึงขีดสุด และเลือกที่จะยอมแพ้
ตัวแทนคนนั้นเป็นตัวแทนจากสิบเจ็ดเสนาบดี แม้เขาจะหัวเสียที่ตนเองปราชัยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ การจากไปของเขาทำให้เหลือผู้เข้าแข่งขันอยู่เพียงสามคนเท่านั้น
คือหวังเป่าเล่อ กงเต๋า และหลี่อี้!
ในที่สุดวินาทีตัดสินแพ้ชนะก็เดินทางมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้างทันที
กะทันหันเหลือเกิน!
เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญกันนะ หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นว่าเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่เจ็ดนี้มียักษ์สูงหกสิบเมตรอยู่ ในนั้นด้วย ยักษ์ตนนั้นมองมาที่ปืนใหญ่เป่าเล่อซึ่งตั้งเรียงรายอย่างไม่ยี่หระ ร่างของมันราวกับเป็นเกราะป้องกันที่ต้านทานได้แม้กระสุนปืนใหญ่นับพันที่ระดมยิง ยักษ์ปักหลั่นตนนั้นนำทัพปีศาจร้ายพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มเจ้าของปราการตัวสั่นและหายใจหอบถี่ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“ปราการนิรันดร์จงแปลงร่างครั้งที่สอง!” หวังเป่าเล่อคำรามก้องเมื่อเห็นหายนะที่กำลังเข้ามาใกล้ เขาปลุกพลังบนผนึกฝ่ามือของตนอีกครั้ง!