บทที่ 926 สายฟ้าเต๋าพลังเทพ
ทันทีที่เหาะขึ้นไป หวังเป่าเล่อก็เข้าใจทันทีว่าทำไมมหาศิษย์แห่งเต๋ากลุ่มแรก ที่เหาะขึ้นไปในอากาศถึงตัวสั่นเทา แล้วยังเกือบตกลงไปในทะเลกระดาษสีดำอย่าง ไม่ทันตั้งตัวอีก
เพราะบนท้องฟ้ามีแรงกดดันรุนแรง แรงกดดันนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับ มีภูเขามากดทับร่างกายของเขาอย่างกะทันหัน คนแข็งแกร่งเช่นเขายังตัวสั่น ถึงแม้จะไม่จมลงไป แต่ระดับการฝึกฝนของเขาก็ปั่นป่วนเพราะเหตุนี้
“ไม่ใช่แค่เพิ่มน้ำหนัก แต่ยังส่งผลต่อการฝึกฝนด้วย!” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง แต่เขายังทำได้ดี เขายังรับมือกับอิทธิพลและน้ำหนักพวกนี้ได้อยู่ พอความเร็วลดลง ก็ทำให้พลังการฝึกฝนค่อยๆ ราบรื่นขึ้น ผลกระทบจากอิทธิพลนี้ทุเลาอย่างช้าๆ
แต่เห็นได้ชัดว่า…การทดสอบนี้ต้องไม่ง่ายเช่นนี้เป็นแน่ ทันทีที่หวังเป่าเล่อคิด เขาก็เห็นว่าผู้ฝึกตนกลุ่มแรกที่บินไปได้ไกลกว่าร้อยจั้งนั้นเริ่มร่างกายบิดเบี้ยว มีอยู่สามถึงสี่คนที่เกือบตกลงไปในทะเล ต่อมาถึงจะกลับมายืนอย่างมั่นคงได้ แต่ก็ตัวสั่นสะท้าน พวกเขามีสีหน้าตกตะลึงก่อนจะตกลงไปอีกครั้ง
ในจำนวนสี่คนที่ตกลงไปครั้งนี้ ถึงแม้สุดท้ายจะมีสามคนที่กลับขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แต่ก็มีคนหนึ่งที่โชคไม่ดี ตอนแรกเขากลับขึ้นมาและก้าวต่อไปได้แล้ว ทว่าวินาทีที่ร่วงลงไปกลับมีคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวขึ้นมาพอดี มันม้วนตัวคลุมร่างของเขา แม้เขาจะดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งก็ไม่อาจหยุดยั้งปลายขาทั้งสองข้างที่กำลังกลายเป็นกระดาษสีดำได้!
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันน่าสลด ร่างของเขาสูญเสียการควบคุมและจมลงไป ใต้ทะเลอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของเขากลายเป็นกระดาษสีดำภายในไม่กี่อึดใจและ จมหายไปในคลื่น
ภาพนั้นทำให้ทุกคนสะเทือนใจ หวังเป่าเล่อเองก็หน้าเปลี่ยนสี ส่วนอีกสามคนที่ เกือบร่วงลงไปก็หน้าซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว และไม่กล้า เดินหน้าต่อ อีกทั้งยังถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว
และเมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มคน 70-80 แรกที่เหาะออกไปก็แบ่งเป็นระดับได้ทันที แน่นอนว่าระดับแรกก็คือกลุ่มของหญิงสวมหน้ากากสี่คน ตอนนี้พวกเขาเหาะไปได้เกือบหนึ่งพันจั้งแล้ว ระดับที่สองนั้นตามหลังพวกเขามากกว่าห้าสิบคน แม้ความเร็วจะช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยความระมัดระวังจึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ระยะหนึ่ง
ส่วนคนอื่นๆ…หลังจากที่เห็นว่ามีคนตายก็ไม่กล้า สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะเดียวกัน มหาศิษย์แห่งเต๋ากลุ่มที่สองและสามต่างก็เหาะออกไปทีละคน พวกเขาต่างก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่หากพวกเขาไม่ออกจากเรือ สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ก็คือความล้มเหลว ไม่สู้ลองไปต่อดีกว่า!
ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตัว ในตอนที่กำลังจะเพิ่มความเร็วกลางอากาศ จู่ๆ กลุ่มของหญิงสวมหน้ากากที่เหาะไปไกลกว่าหนึ่งพันจั้งด้วยความเร็ว ก็หยุดชะงัก ไปครู่หนึ่ง ถึงแม้ความเร็วจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า แต่สายตาของหวังเป่าเล่อ ก็เหลือบไปเห็นเข้า
โดยเฉพาะเมื่อได้สังเกตคนอื่นดูแล้ว หวังเป่าเล่อก็ได้ข้อสรุปทันที พลังกดต้านนี้…จะพุ่งขึ้นสูงตามระยะทางและความเร็วที่เพิ่มขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่าการรักษาความเร็วให้เป็นปกติจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ!
“มิน่าล่ะ ถึงให้เวลาห้าวัน!”
“หากคิดจะรักษาความเร็วให้ไปถึงฝั่งได้ภายในห้าวัน พลังกดต้านที่ต้องเผชิญในตอนสุดท้ายจะขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัว…” หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้จะมีความยากลำบากรออยู่ แต่เขายังคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ ณ ตอนนี้ร่างกายของเขา สั่นเทิ้ม ก่อนจะระเบิดความเร็วออกมา แม้แรงกดต้านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลกระทบต่อการฝึกฝนก็เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ ทำให้เขาบินออกไปไกลกว่าห้าร้อยจั้งในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
ฉากนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็ตกตะลึง แม้แต่กลุ่มของหญิง สวมหน้ากากทั้งสี่คนก็ยังหันมามองทางหวังเป่าเล่อเล็กน้อย
ในความเป็นจริง หากระเบิดพลังเช่นนี้ ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าไม่นานหวังเป่าเล่อ ก็จะไล่ตามพวกเขาทั้งสี่ทัน ถึงแม้พวกเขาจะมั่นใจว่าตนเองไม่ด้อยไปกว่าใคร แต่หากหวังเป่าเล่อไล่ตามมาทันแล้ว พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ระดับเดียวกับพวกเขา
“คนผู้นี้คือใคร!”
“ความเร็วนี้รุนแรงเกินไปแล้ว!”
ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นในใจของทุกคน แต่…เรื่องราวกลับตาลปัตรไม่เป็นอย่างที่จินตนาการไว้ ทางด้านหวังเป่าเล่อนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและกำลังจะไล่ตาม กลุ่มของหญิงสวมหน้ากากทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้าได้แล้ว ทว่า…ทันใดนั้นเขาก็เกิดขนลุกขึ้นมา ฉับพลันสายฟ้าสีแดงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ปรากฏขึ้นจากชั้นอากาศตรงหน้าหวังเป่าเล่อและพุ่งเข้าใส่เขา!
“แย่แล้ว! !” หวังเป่าเล่อกรีดร้องและนึกขึ้นได้ทันทีว่าสายฟ้านี้เป็นผลข้างเคียงของขวดปรารถนา ร่างของเขาถอยกลับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังสายเกินไป เขาถูกสายฟ้าฟาดใส่ในชั่วพริบตา
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง หวังเป่าเล่อเกือบถูกฟาดลงทะเลสีดำ หลังจากแบกรับมันอย่างยากลำบาก ร่างของเขาก็สั่นสะท้าน ดวงตาเริ่มฉายแววบ้าคลั่ง ความโกรธ ในดวงตาพุ่งทะลุจุดสูงสุดไปแล้ว
“บัดซบเอ๊ย! ! !” หวังเป่าเล่อคำราม เขาเดาได้ว่าสายฟ้านี้แอบซ่อนอยู่ที่นี่มานาน มันไม่โจมตีหวังเป่าเล่อทันทีที่เขาออกจากเรือ ตอนที่เหาะกลางอากาศก็ไม่โจมตี แต่พอวินาทีที่หวังเป่าเล่อระเบิดความเร็วมันก็ปรากฏตัวทันที
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าสายฟ้าที่ฟาดลงมาสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ขณะเดียวกันความระแวดระวังภัยของเขาก็ยกระดับขึ้นในทันที ทว่าวินาทีที่ความโกรธของเขากำลังจะระเบิดออก สายฟ้าสีแดงฉานหลายสิบสาย ก็ปรากฏบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ด้านหลังพวกมันก็ยังมีสายฟ้าอีกหลายร้อยกำลัง ก่อตัว และหากมองไกลออกไปอีกก็จะเห็นอีกหลายหมื่นหรือมากกว่านั้นกำลัง เคลื่อนตัวอยู่
ฉากนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเบิกตาค้าง ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคร่ำครวญทันที เขาหันหลังกลับและและใช้แรงเต็มกำลังพุ่งไปไกลกว่าห้าร้อยจั้ง และเรือดาวตกลำที่เขาโดยสารมาก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านหลัง สายฟ้าสีแดงหลายสิบกำลังไล่โจมตีเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉากนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นอึ้งไปชั่วขณะ แม้แต่คนกลุ่มแรกที่อยู่ไกลๆ ก็ยังดูตกใจ
“หรือว่าการทดสอบเบื้องต้นนี้ นอกจากพลังกดต้านกับการฝึกตนที่ปั่นป่วนแล้ว ก็ยังมีสายฟ้าฟาดด้วย!!”
“นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงโจมตีแค่คนนั้นคนเดียว”
“สายฟ้านั่น…ดูคุ้นๆ นะ…”
ท่ามกลางความสับสนของฝูงชน มหาศิษย์แห่งเต๋าบางคนที่โดยสารเรือลำเดียวกัน กับหวังเป่าเล่อได้เห็นฉากนี้เข้าก็นึกออกทันที หลี่หลินจื่อก็เช่นกัน ดวงตาของเขา ฉายแววโกรธเกรี้ยวในฉับพลัน ก่อนจะคำรามเสียงดัง
“เซี่ยต้าลู่ ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่นำสายฟ้าพวกนี้มา!!!”
คนอื่นๆ ที่อยู่ในเรือลำเดียวกับหวังเป่าเล่อต่างจ้องเขม็ง แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่อ ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับพวกเขา เขาพุ่งกลับไปที่เรือโดยมีสายฟ้านับสิบไล่หลัง
ที่เรือเหลือผู้ฝึกตนอยู่ไม่มาก เพียงเจ็ดถึงแปดคนเท่านั้น พวกเขาแต่ละคน ดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากหนี แต่พวกเขาต่างคิดว่าด้วยระดับการฝึกฝนของตัวเอง หลังจากออกไปแล้วจะให้ไปถึงฝั่งได้อย่างราบรื่น ก็ยากไม่น้อย
การทดสอบเบื้องต้นนี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ในความเป็นจริงเกรงว่าผู้ฝึกตนระดับขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นมหาวัฏจักรทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นร้อยละเก้าสิบ ก็ไม่อาจผ่านได้!
ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงไม่สนใจการกลับมาของหวังเป่าเล่อมากนัก และยังไปรวมตัวกันเพื่อแผ่พลังการฝึกตนราวกับจะใช้ความพยายามของทุกคนหยุดยั้ง ปราณมืดเพื่อให้เรือกลายเป็นกระดาษช้าที่สุด
อันที่จริงไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ เรือลำอื่นก็มีผู้ฝึกตนจำนวนหนึ่งเลือกวิธีนี้ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้น่าพอใจนัก ตอนนี้เรือที่หวังเป่าเล่อโดยสารมากลายเป็นกระดาษสีดำไปเกินครึ่งลำแล้ว ดูแล้วคงจะทนอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ในตอนนั้นเอง ร่างของหวังเป่าเล่อก็ร่วงลงบนเรืออย่างแรง และวินาทีที่เขาร่วงมา สายฟ้าสีแดง นับสิบที่ไล่ตามมาก็กระแทกเข้ากับเรืออย่างจัง
เรือทั้งลำสั่นสะเทือนเล็กน้อยเช่นเดิมราวกับสามารถต้านทานพลังสายฟ้าได้ ทว่า…พลังปราณมืดที่โอบล้อมเรือกลับเหมือนหนูเห็นแมว มันถอยออกไปในทันที บางจุดที่หลบสายฟ้าไม่พ้นก็ถูกสายฟ้าฟาดใส่จนคล้ายได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมา พลังปราณมืดแตกกระจายออกไป เผยให้เห็นลำเรือและยังเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า มันกลับคืนสภาพเดิม คลายจากการเป็นกระดาษอีกด้วย!
คนอื่นๆ ที่เห็นต่างตกตะลึงอ้าปากค้างในทันที แม้แต่มหาศิษย์แห่งเต๋าที่ลอยอยู่บนอากาศก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
แม้แต่ตัวหวังเป่าเล่อก็อึ้งไปชั่วครู่ ฉับพลันดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคนในอากาศก่อนจะตะโกนขึ้น หลี่หลินจื้อที่กำลังตกตะลึงอยู่ก็พ่นลมหายใจอย่างดูถูก
“เจ้าโง่ นี่คือคาถาเวทสำหรับชำระล้างทะเลดำแห่งนี้และคืนจักรวาลที่สดใส ให้กลับมา!” ขณะที่พูดเขาก็แสร้งทำท่าร่ายคาถาและพูดเบาๆ
“สายฟ้าเต๋าพลังเทพ จงมา!”