บทที่ 964 ก็ยังเป็นดาวเคราะห์
คำพูดประโยคนี้ หากกล่าวว่าเป็นการพูดกับดาวเคราะห์เต๋า ก็ไม่สู้บอกว่า เป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อกล่าวกับตนเอง การตีกลองสู่สวรรค์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกคนล้วนแต่รู้สึกว่านี่คงจะเป็นเสียงตีครั้งสุดท้ายแล้ว
แต่หวังเป่าเล่อไม่คิดเช่นนั้น เพราะว่าเขายังมีของอีกมากมายที่ยังไม่ทันได้ใช้ ตามที่เขาคิดเอาไว้นั้น ขอเพียงยืนหยัดช่วงชิงให้ได้มากที่สุด พึ่งพิงความสามารถของตนเองในการตีครั้งหลังๆ เช่นนี้ถึงจะสามารถชิงเอาดาวเคราะห์เต๋ามาได้
แต่ว่าในยามนี้ หวังเป่าเล่อเริ่มหมดความอดทนกับความหยิ่งของดาวเคราะห์เต๋าเสียแล้ว
“เจ้าหยิ่งนักใช่ไหม ข้าหยิ่งมากกว่าเจ้าอีก!” หวังเป่าเล่อในใจพกความหงุดหงิด จังหวะที่ดาวเคราะห์เต๋าทอแสงเลือกแม่สาวกระพรวนนั้นเอง มือขวาของเขาก็หนีบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
เมื่อมองเห็นกระดาษแผ่นนี้ กระดาษรูปมนุษย์ตรงลานทั้งหมด ล้วนแต่ร่างกายสะท้าน พวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกมืดมนที่กระดาษแผ่นนี้ส่งออกมาได้ กระดาษแผ่นนี้มีความเกี่ยวข้องแนบแน่นกับพวกเขา!
กระดาษแผ่นนี้ ก็คือกระดาษแผ่นที่จักรพรรดิดาวตกมอบให้ เมื่อจุดไฟเผา ก็จะสามารถได้รับโชคมงคลของจักรวรรดิดาวตกมาเป็นแรงเสริม อาศัยสิ่งนี้ในการน้อมนำแสงดาวเคราะห์พิเศษให้มาหาได้ หลังจากที่หยิบมันออกมา หวังเป่าเล่อก็พลันโบกมือ กระดาษแผ่นนี้ลุกไหม้ เพลิงขุมนี้ส่งผลให้เหล่าประชากรกระดาษ รูปมนุษย์ในจักรวรรดิดาวตกล้วนสะท้านกายเบาๆ เหมือนมีพลังงานที่มองไม่เห็นกระแสหนึ่งหลุดออกจากร่างของพวกเขา และเหมือนหลุดออกจากทุกสถานที่ รวมถึงราชวังดาวตกเองด้วย
ราวกับว่าการเผากระดาษแผ่นนี้เป็นคำบัญชาประการหนึ่ง ในพริบตานั้นเอง คลื่นพลังรอบด้านทั้งแปดทิศต่างหมุนคว้าง กระทั่งตัวจักรพรรดิดาวตกเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กระแสปราณที่มาจากทั้งสี่ทิศแปดทางนี้ หลังออกมาแล้วก็หลอมรวมกัน พลันมีเสียงกู่คำรามดังลอดมาจากช่องว่างฟ้าดิน เสียงกู่คำรามนี้สะท้อนไปทั่ว กระทบไปยังท้องฟ้า ทำให้บนท้องฟ้าที่มีดาวแขวนเพียงดวงเดียวนี้บังเกิดคลื่นเป็นริ้วๆ เหมือนเกล็ดปลา
ริ้วคลื่นนี้เหมือนยิ่งทวีจำนวน สุดท้ายท่ามกลางเสียงกู่ร้องนี้ พลันปรากฎ ร่างมายาของกระดาษรูปกิเลน มันโห่คำรามไปยังฟากฟ้า ภายใต้สายตาของผู้คนนับหมื่น ภายใต้ดวงตาเหม่อลอยของชายหนุ่มชุดดำและชายหนุ่มผู้สง่างาม รวมถึงสีหน้าผันเปลี่ยนเสียประกายของแม่สาวกระพรวน กระทั่งตัวของดาวเคราะห์เต๋าเองนั้นก็ยังสะท้านไหวครู่หนึ่ง เสียงหวีดหวิวจากนอกราชวังเสียงนี้ พุ่งตรงมายัง…หวังเป่าเล่อซึ่งยืนอยู่ข้างกลองสู่สวรรค์
พริบตาที่มาถึง กระดาษรูปกิเลนพลันซ้อนร่างเข้ากับร่างของหวังเป่าเล่อ หลอมรวมเป็นหนึ่ง ส่งผลให้ร่างกายหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้น พลังอำนาจอันมหาศาลพลันระเบิดออก พาให้วิญญาณและพลังแฝงก่อนหน้าที่เหือดแห้งไปสิ้นแล้ว ในพริบตานี้ได้กลับมาสำแดงฤทธิ์ใหม่อีกครั้ง รอบด้านคงเหลือคลื่นพลังจำนวนมากที่ไม่อาจเข้าสู่ร่างกายของเขาได้บางส่วน…ทำได้เพียง…ระเบิดพร่าง!
“ครั้งที่สิบเอ็ด!” จังหวะนี้หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเร่งเข้า ดวงตาทอประกายปลาบ ท่ามกลางสายตาของคนนับหมื่น เขาแหงนหน้าคำรามลั่นทะยานไปเบื้องหน้า มือที่ถือไม้กลองนั้นทอประกายสุกสว่างพุ่งไปยังกลองสู่สวรรค์ ในพริบตาที่มาถึง กลองสู่สวรรค์ก็บังเกิดเสียงสะท้อนลั่น เสียงที่ได้ยินออกมานั้น…ก็คือ…การตีกลอง ครั้งที่สิบเอ็ด ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิดาวตก!
ตึง!!
เสียงนี้สนั่นก้องนภากว้าง ยิ่งใหญ่จนผู้คนขวัญผวา ทำให้ดาวเคราะห์เต๋าบนฟ้านั้นสั่นคลอนเล็กน้อย บนผืนดินกลับสะเทือนหนักหน่วง ราวกับว่ามีคลื่นปราณ ขนาดใหญ่แผ่ซ่านออกจากกลองสู่สวรรค์ใบนี้ มันกวาดผ่านทั้งสี่ทิศ ในเวลาเดียวกัน ก็เหมือนว่าจะแยกฟ้าดินออกได้ และสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจมากสุด กลับเป็น ดาวเคราะห์เต๋าดวงนั้น ราวกับว่าเมื่อเสียงกลองนี้ดังขึ้น ก็บังเกิดพลังขุมหนึ่งซึ่งบังคับลากมันออกมา ซึ่งมันไม่อาจปฏิเสธได้ ตัวมันเองชะงัก ก่อนที่ภาพเลือนลางของ ดาวเคราะห์จะผันเปลี่ยน กลายเป็นของจริง!
ตอนแรก เพราะคำสาบานของแม่สาวกระพรวน มันก็ยอมเผยร่าง แต่นั่นคือ การโน้มน้อมโดยใจสมัคร มาตอนนี้…ตัวมันกลับถูกพลังอันกล้าแข็งกว่าชี้นำเสียแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ดาวเคราะห์เต๋าที่เห็นๆ กันอยู่ว่ามีจิตวิญญาณ ความคิด และอารมณ์ บังเกิดความโมโหขึ้นมา มันพยายามดิ้นหลุดจากการชี้นำนี้ แต่ว่าขณะที่มันดิ้นรนอยู่นั้นเอง…ดวงตาของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏความยโส อาศัยคลื่นพลัง ภายในร่าง ทำการเคาะลงไปยังกลองสู่สวรรค์อีกครั้ง!
“ครั้งที่สิบสอง!”
ในพริบตาที่เสียงกลองทำฟ้าตื่นแผ่นดินไหว กลบเสียงทั้งหมดในผืนดินนี้ เสียงดังกล่าวกระหน่ำระรัวราวกับสามารถจับต้องได้ จากนั้นกลายสภาพเป็นพายุคลั่งกระหน่ำสี่ทิศ ทำให้ดาวเคราะห์เต๋าที่อยู่ตรงนั้นถูกเหนี่ยวนำรุนแรงกว่าเก่า และทำให้ทุกชีวิตในจักรวรรดิดาวตกแห่งนี้ บังเกิดเสียงคลื่นในสมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนสูญสิ้นความสามารถในการนึกคิดไป
และโดยไม่รอให้พวกเขาตั้งตัวได้ หวังเป่าเล่อหอบหายใจกระชั้น เขาคำรามเสียงดังอีกครั้ง จากนั้นใช้ร่างที่ได้รับโชคเสริมของจักรวรรดิดาวตกนี้ ลงมือเคาะกลอง…ครั้งที่สิบสาม!
เมื่อการตีกลองครั้งที่สิบสามเริ่มปรากฏเป็นครั้งแรก ฟ้าดินก็สะท้านก้อง เส้นเงาที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อนนั้นบังเกิดขึ้นบนฟากฟ้า ตวัดรัดไปทางดาวเคราะห์เต๋า เส้นเงานี้ราวกับเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ ซึ่งหมายดึงร่างมายาของดาวเคราะห์เต๋า
ฉากนี้ นับว่าเป็นการไม่เคารพต่อดาวเคราะห์เต๋าแล้ว ทำให้ดาวเคราะห์เต๋าซึ่งมีความคิดและอารมณ์ดวงนี้ เกิดอารมณ์โกรธหนักกว่าเก่า มันพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
หลังจากดิ้นรน มันก็ระเบิดพลังส่องหล้า ทำให้ผืนราตรีในยามนี้ส่องสว่างราวกับกลางวัน และทำให้เหล่ากระดาษรูปมนุษย์ทั้งหมดรวมถึงทุกสถานที่ในจักรวรรดิ ดาวตกนี้ เริ่มฟื้นสติขึ้นมาจากความตกใจก่อนหน้า พวกเขาส่งเสียงฮือฮากับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
“ครั้งที่สิบสาม ไม่เคยปรากฏมาก่อน!”
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมเหมือนข้าไปช่วยเขาน้อมดาราเลยเล่า!”
“นี่คือยอดมหาศิษย์แห่งเต๋าที่แท้จริง! ข้าสัมผัสได้ว่าดาวเคราะห์เต๋านั้นโกรธนัก สวรรค์ นี่ไม่ใช่ได้รับการยอมรับจากดาวเคราะห์เต๋าแล้ว นี่มันคือ…การล่า ดาวเคราะห์เต๋า!!”
เสียงฮือฮาของคนนั้นครอบคลุมไปทั่วสารทิศ กระทั่งจักรพรรดิดาวตกในยามนี้ดวงตายังทอแสงประหลาด สีหน้าแสดงออกชัดว่านี่ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ แต่เมื่อลองตรึกตรองละเอียด นี่ก็คล้ายกับที่เขาเข้าใจตัวเซี่ยต้าลู่ผู้นี้อีก เดาจาก ภูมิหลังของอีกฝ่ายก็พอเดาได้ว่าน่าจะลงมือเช่นนี้ ก็นับว่ายังอยู่ในความคาดหมาย
กระทั่งตัวจักรพรรดิยังเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องไปพูดถึงชายหนุ่มผู้งามสง่าและ ชายหนุ่มชุดดำอีก ทั้งสองคนในยามนี้เหมือนสมองพลิกกลับ พวกเขามองดู หวังเป่าเล่อด้วยดวงตาเหมือนเห็นผีไม่ปาน จะพูดว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองมองว่า หวังเป่าเล่อเป็นเทพ ก็ไม่เป็นการบรรยายที่เกินไปนัก
ส่วนแม่นางกระพรวนเพียงหนึ่งเดียวตรงนั้น ร่างกายนางสั่นสะท้านรุนแรง ดวงตาฉายประกายเกลียดชังคลั่งแค้น ใจคิดอยากพุ่งไปหยุดยั้งเรื่องราว แต่ตัวนางกลับไม่เหลือแรงใดๆ สิ่งที่นางทำได้มีเพียงเบิกตามองดูหวังเป่าเล่อเคาะกลอง และมองดูดาวเคราะห์เต๋าดวงนั้นเดือดดาล
“มีอะไร นี่มันต่างจากการไล่จับผู้หญิงที่ไหนกัน หลักการเดียวกัน หากว่าเจ้าจะไม่แยแสข้าล่ะก็ สู้ให้เจ้าโกรธข้าดีกว่า!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ในเวลานี้เขาเองยอมทุ่มตัวไปแล้ว ย่อมไม่สนฐานะดาวเคราะห์เต๋าของอีกฝ่าย คิดแล้วตาข่ายน้อมดาราในการตีสิบสามครั้งเกรงว่าจะไม่พอ เพราะยามที่ดาวเคราะห์เต๋าดื้อรั้นโมโหนี้ ตาข่ายเหล่านี้ ก็ค่อยๆ ปริออกทีละเส้น
“ยังไม่จบหรอก” หวังเป่าเล่อดวงตาทอประกาย กำลังจะปลดวิญญาณจุติในตำนานซึ่งสะกดอยู่ในร่างของตนตั้งแต่ต้นออกมา อาศัยพรสวรรค์แห่งพลังนี้ ทดลอง ตีลงไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ใช้พลังวิญญาณจุติของเขา ทันใดนั้น…
ผนึกในเริ่มแรกของเขาฟื้นคืนเป็นปกติ กระแสความปรารถนาดีที่ตนได้รับตั้งแต่จากทะเลกระดาษสีดำมา ในเวลานี้นั้น กลับเข้าเสริมพลังให้เขาน้อมดาราลงมา อย่างสมบูรณ์!
จังหวะนี้เอง กระแสสมุทรแห่งความอาทรซึ่งแผ่ซ่านมาจากผืนดินของจักรวรรดิดาวตกนี้ แผ่ซ่านมาจากผืนฟ้า แผ่ซ่านมาจากทุกกระดาษรูปภูเขาแลศิลา แผ่ซ่านจากแม่น้ำ ต้นไม้ และไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้สรรพสิ่งนับหมื่นในจักรวรรดิดาวตก ล้วนแต่แผ่กระแสแห่งความปรารถนาดีอันเห็นได้ชัดออกมา!
ความปรารถนาดีเหล่านี้เมื่อหลอมรวมกัน ก็กลายเป็นเจตจำนงสายหนึ่ง คือเจตจำนงแห่งหมื่นสรรพสิ่ง และ…คือความเมตตาแห่งจักรวรรดิดาวตก พลังนี้อาบทอรอบดินแดน พูดไปแล้วราวกับว่าพลังทั้งหมดของโลกใบนี้ มุ่งรวมมายังตัว… หวังเป่าเล่อ!
นี่คือกระแสเมตตาแห่งดาวเคราะห์ และคือความรู้สึกขอบคุณของโลกใบนี้!
ในพริบตานี้เอง หากใช้คำว่าบุตรรักแห่งสวรรค์ ไม่ก็ศิษย์แห่งความโชคดีมาเรียกตัวหวังเป่าเล่อ เกรงว่าอาจจะยังไม่เหมาะสมด้วยซ้ำ อีกทั้งภายใต้การหลอมรวมของพลังทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้กระทั่งตัวหวังเป่าเล่อเองยังตะลึง ร่างของเขาลอยขึ้นไปด้านบน เจตจำนงมากมายไหลหลั่ง ความมึนงงเข้าครอบคลุมวูบหนึ่ง เขารู้สึก คล้ายกับว่าในชั่วพริบตานั้น ตนเองกลายเป็นท้องฟ้า กลายเป็นหมื่นสรรพสิ่ง กลายเป็นฝูงชน และกลายเป็น…โลกใบนี้!
หวังเป่าเล่อแหงนหน้ามองท้องฟ้า เขาพบดาวเคราะห์เต๋ากลางหมู่ดาวดวงเดิมนั้นซึ่งยังรางเลือนเหมือนเก่า แต่เขาเห็นมันสั่นเทา ราวกับว่าดาวเคราะห์เต๋าดวงนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ที่มันเหยียดหยามคนนี้ กลับสามารถหลอมรวมพลังปราณแห่งโชคได้!
นอกจากดาวเคราะห์เต๋าแล้ว หวังเป่าเล่อยังมีโชคระดับจิตวิญญาณอีกด้วย ภายในร่างของเขานั้นพลังวิญญาณจุติพลันหมุนเคลื่อน การหมุนเคลื่อนนี้ ทำให้สมองของเขามีเสียงก้องในพริบตา ราวกับภาพเบื้องหน้าแปรเปลี่ยน เขาพลันมองเห็น ดาวเคราะห์ที่แอบซ่อนตัวอยู่มากมายบนท้องฟ้า ในความหมายนี้คือ…ดวงดาวทั้งหมด ไม่หายไปแม้แต่ดวงเดียว ในจำนวนนั้นยังรวมถึงดาวเคราะห์พิเศษ อย่างเช่น ดาวเคราะห์ลำดับหนึ่งทั้งสามสิบเจ็ดดวงเหล่านั้นด้วย
แล้วก็ยังมี…ดาวเคราะห์ที่แผ่แสงเก่าแก่ซ้อนทับ ให้ความรู้สึกถึงคืนวัน อันยาวนาน ระดับแสงของมันนั้นเหนือกว่าดาวดวงใด แต่ก็ยังเป็นรอง ดาวเคราะห์เต๋า!
หวังเป่าเล่อทราบดี ดาวเคราะห์เหล่านี้ก็คือ…ดาวบรรพกาลที่จักรพรรดิดาวตกบอก!
เขากำลังมองพวกมัน และพวกมันเองก็…กำลังมองเขา!
ที่ประหลาดก็คือ หวังเป่าเล่ออยู่ข้างล่างชัดๆ กลับให้ความรู้สึกเหมือนมองจากเบื้องบนลงไป แต่สำหรับดาวบรรพกาลทั้งเก้านั้นแม้อยู่บนฟ้าชัดๆ แต่เมื่อมอง หวังเป่าเล่อ พวกมันรู้สึกเหมือนต้องแหงนหน้ามอง!