Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1053

ตอนที่ 1053

อสูรยั่วยุ!

ในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้น ศิษย์ในบริเวณนั้นต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย แม้แต่ศิษย์ที่เกลียดชังเมิ่งฮ่าวก็ยังรับรู้ได้ถึง ความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อของเขาอย่างช่วยไม่ได้ นามของเขาบนรายชื่อของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้า ได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกมัน

อันดับที่สอง!

จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ สี่อันดับแรกบนรายชื่อนั้นไม่เคยถูกเปลี่ยนมาก่อน แต่ในวันนี้เมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้นมาจากด้านล่างสุดของรายชื่อทั้งหมด จนกระทั่งไปอยู่ที่อันดับสอง!

ผู้คนมากมายคิดว่าช่องว่างระหว่างอันดับหนึ่งและอันดับสองต้องอยู่ห่างกันเป็นอย่างมาก มีแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่รู้ว่าช่องว่างนั้นห่างกันแค่ไหน บางทีหลังจากที่เขากลั่นสกัดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ได้ และจากนั้นก็ใช้มันหลอมรวมเข้าไปในผลเนี่ยผานได้โดยสมบูรณ์ จากนั้น…

เขาก็มีคุณสมบัติที่จะไปทดสอบยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้าอีกครั้ง และรับรู้ได้ถึง…พลังของหมัดที่อยู่ถัดมาจากหมัดทำลายล้างชีวิต และหมัดกลายเป็นปีศาจ…หมัดอันดับสาม!

หมัดที่สามนั้นจะต้องสามารถทำลายสวรรค์และปฐพีได้อย่างยิ่งใหญ่ ราวกับเป็นจุดสูงสุดของการฝึกฝนกายเนื้อ!

การกลั่นสกัดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ต้องใช้หยกเซียนและหินลมปราณเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เขาบรรลุถึงอันดับสองบนประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้า ก็น่าจะได้รับของรางวัลมาอย่างมากมาย!

เมิ่งฮ่าวมองไปยังแท่นศิลาตัวอักษร และคำอธิบายเกี่ยวกับของรางวัล หลังจากที่คิดคำนวนอยู่ชั่วขณะ ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

ไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่แสงสีทองค่อยๆ จางหายไป เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวไป แวบผ่านกลุ่มฝูงชนไปราวกับเป็นสายฟ้า ตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์ที่มีใบหน้าซีดขาว

“เจ้าคนหลอกลวง!” นางกล่าวขึ้นจ้องมาที่เขาพร้อมกับกัดฟันแน่น หยิบเอาถุงสมบัติออกมา และโยนตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

นางอาจจะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้สูญเสียความมั่นใจไป!

ในเวลาเดียวกันนั้น ความรังเกียจที่นางมีต่อเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม สีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด หันหลังและจากไป นางเกรงว่าถ้าไม่รีบจากไปอย่างรวดเร็ว ก็คงไม่อาจจะควบคุมตนเองไม่ให้ไปโจมตีเมิ่งฮ่าวได้ ทำให้กลายเป็นการต่อสู้อันใหญ่โตขึ้น เมื่อคิดไปถึงความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวของเขาในตอนนี้ นางก็รู้ว่าไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้เลย

เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่ถุงสมบัติ หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไป ก็ยิ้มออกมา ในความคิดของเขา ถึงแม้ว่าฝานตงเอ๋อร์จะอ่อนแออยู่มาก แต่นางก็ยังมีส่วนที่เข้มแข็งของนาง และเป็นสิ่งที่เขารู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ…นางไม่ได้ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา เขาไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าเขามีศัตรูและความแตกต่างของทั้งสองไม่อาจจะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย ในความคิดเห็นของเขาก็คือไม่จำเป็นต้องพยายามไปมากกว่านี้ และในความเป็นจริงก็คือ…เขาอาจจะทำให้เกิดเป็นความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก

เมิ่งฮ่าวมักจะเป็นคนเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงได้ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ตงเอ๋อร์ซือเม่ย ยังมีแท่นศิลาตัวอักษรอยู่อีกแปดแห่ง ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีนักที่เอาชนะเจ้ามาได้อย่างง่ายดายมากเกินไป พวกเรายังจะมาเดิมพันกันอีกหรือไม่?”

ฝานตงเอ๋อร์กัดฟันแน่น ไม่แม้แต่จะหมุนตัวหันกลับมามองเขา กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งห่างจนหายลับตาไป

เมิ่งฮ่าวรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เล็กน้อย จริงๆ แล้วเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการทดสอบของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย ถ้าฝานตงเอ๋อร์ยอมเดิมพันต่อ เขาคงถูกบังคับให้ต้องชะลอเรื่องนี้ไปก่อน

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าในบริเวณนั้นทั้งหมด ถอนหายใจออกมา

“ถ้าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จ ถ้าข้ามีใครบางคนมาคอยช่วยเหลือ ก็สามารถเรียกเก็บค่าดูจากกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ช่างสูญเสียโอกาสทำกำไรไปอีกครั้งแล้ว” เมิ่งฮ่าวรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อคิดไปถึงหินลมปราณ ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่เป็นของเขาจริงๆ ก็ตามที แต่การที่สูญเสียโอกาสไปเช่นนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน

“ช่างปวดศีรษะนัก คนอื่นๆ ต่างก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องการฝึกตน แต่ข้ามักจะกังวลเกี่ยวกับการหาเงิน” ด้วยความรู้สึกขมขื่นอยู่เล็กน้อย เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าไปมา และบินตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองแท่นอื่นอย่างรวดเร็ว

ถ้าเขาจะไปทดสอบมัน ก็จำเป็นต้องทำการศึกษาเป็นรายประตูไป ซึ่งจะทำให้เขามีโอกาสสูงที่จะได้กำไรอย่างงดงาม

เมื่อเมิ่งฮ่าวจากไป ศิษย์คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ติดตามเขาไปด้วย ในที่สุดกลุ่มคนทั้งหมดก็มาถึงประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่แปด

อย่างน่าตกใจยิ่ง แทบจะในทันทีที่พวกเขามาถึง เก้าลำแสงหลากสีก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศตรงมายังสถานที่แห่งเดียวกันนี้

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มที่คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องอย่างน่าตกใจดังขึ้น ตามมาด้วยระลอกคลื่นของอาณาจักรโบราณ

ในชั่วพริบตาลำแสงเหล่านั้นก็ใกล้เข้ามา ยังแท่นศิลาตัวอักษร จนเผยให้เห็นเป็นผู้ฝึกตนอสูรอยู่เก้าคน!

จากคนทั้งเก้าเหล่านั้น เจ็ดคนเป็นบุรุษและสองคนเป็นหญิงสาว ทั้งหมดดูงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ และดูแทบจะเหมือนกับผู้ฝึกตนไปทุกส่วน ยกเว้นว่ามีเครื่องหมายเกล็ดปลาอยู่บนหน้าผากของพวกมันทั้งหมด ที่น่าตกใจอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับพวกมันก็คือว่า แต่ละคนมีตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วสามถึงสี่ดวงด้วยกัน

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณขั้นต้นธรรมดาทั่วไป คนเหล่านี้คือผู้ถูกเลือกที่ใกล้จะไปอยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรโบราณแล้ว

“พวกมันนั่นเอง! เก้าอสูรอาณาจักรทะเล!! พวกมันกลับมาปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มฝูงชน! ช่างยากจะพบเห็นนัก!”

“จากศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ที่อ่อนแอมากที่สุดคือเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ฝานตงเอ๋อร์ แต่นางอยู่ในอันดับสูงสุดผู้หนึ่ง นอกจากนางแล้วก็ยังมีต้าเสินจื่อ (บุตรเทวะ) ทั้งเก้า พวกมันมีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำ และเคยเป็นผู้ถูกเลือกมาก่อน ตอนนี้พวกมันอยู่ในขั้นต้นของอาณาจักรโบราณแล้ว! กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกมันมีไหหนี่ว์ (ธิดาทะเล) ซึ่งคล้ายคลึงกับเสินหนี่ว์ นอกจากนี้ก็ยังมีไห่เจี้ยเยา (อสูรทะเล) ทั้งเก้า ที่เหมือนกับต้าเสินจื่ออีกด้วย!”

ทันใดนั้นผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดในบริเวณนั้น ต่างก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นเมื่อมองเห็นผู้ฝึกตนอสูรทั้งเก้า พวกมันมองกลับมาที่เขา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันโหดเหี้ยม

แต่ละคนในพวกมันสามารถกระจายเป็นแรงกดดันมาสะกดข่มเมิ่งฮ่าวไว้ได้ นอกจากนี้พวกมันทั้งหมด ต่างก็อยู่ในอาณาจักรโบราณอีกด้วย!

มีอยู่สองคนที่เมิ่งฮ่าวพบว่ามีพลังคุกคามมากที่สุด ทั้งคู่เป็นบุรุษ หนึ่งในนั้นมีเกล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่บนหน้าผาก และม่านตาก็เป็นรูปสามเหลี่ยมด้วยเช่นกัน ทำให้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

อีกคนดูแล้วน่าจะมีอายุน้อยที่สุดในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งเก้า มันมีหน้าตาที่น่าดูเป็นอย่างมาก และสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม หน้าผากของมันไม่มีเกล็ดปลาอยู่ แต่มีเครื่องหมายเป็นรูปของมังกรทะเล กระจายกลิ่นอายของผู้นำหรือราชันออกมาทั่วทุกทิศทาง

มันคือ…อสูรอันดับหนึ่งในท่ามกลางไห่เจี้ยเยาทั้งเก้านี้!

เมิ่งฮ่าวเบือนสายตาไปจากพวกมัน และมุ่งหน้าตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่แปด หลังจากที่เขาก้าวเข้าไปด้านใน ไห่เจี้ยเยาทั้งเก้าก็เดินเข้าไปด้วยเช่นกัน

สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จ้องนิ่งไปยังสถานการณ์ในตอนนี้ เรื่องที่ผู้ฝึกตนอสูรเกลียดชังเมิ่งฮ่าว ได้กระจายออกไปทั่วทั้งสำนักแล้วในตอนนี้ สำหรับการที่ไห่เจี้ยเยาทั้งเก้ามาปรากฏกายขึ้นในที่แห่งนี้ ทำให้คนทั้งหมดได้ข้อสรุปเดียวกันว่า กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรกำลังจะมาหาเรื่องเมิ่งฮ่าวแล้ว!

ไม่ได้โจมตีไปโดยตรง แต่เป็นการโจมตีไปที่ศักดิ์ศรีที่เขาจะได้รับ ด้วยการใช้การทดสอบที่เขากำลังดำเนินการอยู่

พวกมันกำลังจะใช้เรื่องนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้เห็นเป็นข้อเปรียบเทียบอันเด่นชัดขึ้นมา!

“ไม่รู้ว่าครั้งนี้เมิ่งฮ่าวจะอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่!?” กลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นกำลังส่งเสียงพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น แต่บางคนก็ยังคงไม่เชื่อในตัวเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าเขาจะพิสูจน์ให้เห็นถึงกายเนื้อที่แข็งแกร่งอยู่ในประตูสีทองที่เก้า แต่ก็ไม่ได้จะหมายความว่าเขาจะสามารถทำได้ดีในประตูอื่นๆ ทั้งหมดด้วย

ความจริงของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรกันแน่ หลังจากที่เวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป นามของเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏขึ้นบนประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง เปล่งแสงระยิบระยับขึ้นมา นามของเขาไปปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของหนึ่งร้อยรายชื่อแรก ก่อนที่ร่างเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอก

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอก นามของไห่เจี้ยเยาทั้งเก้าก็ไปอยู่ในยี่สิบอันดับแรกบนรายชื่ออย่างน่าตกใจ เคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่อยู่ในอันดับแรกๆ มากที่สุดในท่ามกลางเก้าคนนั้นมีนามว่าหลงเทียนไห่ ก่อนหน้านี้นามนั้นอยู่ในอันดับที่เจ็ด แต่ตอนนี้ไปอยู่ในอันดับที่สี่แล้ว!

“หลงเทียนไห่! มันคืออสูรอันดับหนึ่งในท่ามกลางไห่เจี้ยเยาทั้งเก้า ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันไปอยู่ในอันดับสี่แล้ว!”

“กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรพึงพอใจในทะเลที่เก้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของการฝึกตนและการรู้แจ้ง พวกมันจึงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!”

“นอกจากนั้น พวกมันต่างก็เติบโตขึ้นมาจากภายใต้แรงกดดันของทะเลแห่งนี้ เมื่อไหร่ที่พวกมันออกไปจากทะเลที่เก้า พื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็จะพุ่งทะยานสูงขึ้นไปในทันที!”

กลุ่มผู้ชมตกอยู่ในความปั่นป่วนขณะที่เก้าเงาร่างได้โผล่ออกมาจากแท่นศิลาตัวอักษร ซึ่งก็คือเก้าไห่เจี้ยเยานั่นเอง พวกมันทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ยอย่างชัดเจน

“นายน้อยแห่งตระกูลฟางมีความสามารถแค่นี้เอง? ข้าคิดว่าเจ้าจะเข้าไปอยู่ในหนึ่งร้อยรายชื่อแรกซะอีก”

“นี่คือศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่? มันช่างอ่อนแอจนไม่อาจจะรับการโจมตีไปแค่ครั้งเดียวจากคนใดคนหนึ่งในพวกเราได้! แม้แต่เข้าไปอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกมันก็ยังทำไม่ได้ แต่ยังมีหน้ามาอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอีก!?”

“เจ้าไม่อาจจะกล่าวเช่นนี้ บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ความผิดของมันที่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ถ้าเจ้าจะตำหนิ ก็คงจะเป็นว่ามันไม่ควรจะเย่อหยิ่งอวดดีเช่นนั้น!” ผู้ฝึกตนอสูรทั้งเก้าพูดจาเยาะเย้ยถากถางด้วยถ้อยคำที่ดูถูกกันอย่างเมามัน ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนนิ่งเงียบอยู่ที่นั่น

ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต่างก็ตกตะลึง มีอยู่หลายคนในพวกมันที่คิดว่าเมิ่งฮ่าวคงต้องอ่อนแอมากเป็นอย่างยิ่ง

“ฝานตงเอ๋อร์กล่าวหาว่ามันฉ้อโกงในการทดสอบของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้า เท่าที่เห็นคงจะเป็นเรื่องจริง! มิเช่นนั้นในตอนนี้ทำไมถึงได้มีระยะห่างอย่างมากมายเช่นนั้น!?”

ผลลัพธ์ที่ออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ฝึกตนอสูรทั้งเก้าเข้าไปในแท่นศิลาตัวอักษรในเวลาเดียวกับเมิ่งฮ่าว และทั้งหมดก็อยู่ในอันดับยี่สิบคนแรก ผู้ที่เก่งมากที่สุดในกลุ่มของพวกมันยังได้อันดับที่สี่อีกด้วย แต่กลับกันเมิ่งฮ่าวกลับอยู่ที่ด้านหลังของหนึ่งร้อยอันดับแรก

โดยปกติแล้วถ้าไม่มีการเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ การที่เขาไปอยู่ในอันดับเช่นนี้ในการลองพยายามครั้งแรกก็ถือว่าไม่เลวแล้ว นอกจากนี้เขาก็ยังไม่ได้ทุ่มออกมาจนสุดตัว เพียงแค่เข้าไปสังเกตุการณ์ดูเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลที่ออกมามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ทำให้ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าซึ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดเริ่มพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเมิ่งฮ่าวช่างมีความอ่อนแออย่างแท้จริง!

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเก้าผู้ฝึกตนอสูรอย่างเย็นชา พวกมันก็มองกลับมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ยั่วยุและเยาะเย้ย สำหรับหลงเทียนไห่ สีหน้ามันสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็สงบนิ่งด้วยความเย่อหยิ่ง ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวเป็นแค่มดแมลงที่มันไม่อยากจะให้ความสนใจ แค่คิดมันก็สามารถจะบดขยี้เขาอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้อย่างง่ายดาย

เมิ่งฮ่าวรักษาความเงียบไว้ ไม่พูดอะไรออกมาเพื่อตอบโต้ หันหลังและมุ่งหน้าตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เจ็ด ติดตามมาด้วยเก้าไห่เจี้ยเยา คนทั้งหมดไปถึงแท่นศิลาตัวอักษรที่เจ็ดในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปแล้ว เก้าไห่เจี้ยเยาก็ติดตามเข้าไป เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจที่จะฉีกหน้าเมิ่งฮ่าว

หลังจากเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้น ครั้งนี้เขาทำได้ดีกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย ไปจบลงที่อันดับเก้าสิบ แต่ไม่นานหลังจากนั้น แสงสีทองก็สาดประกายขึ้นมาจากรายชื่อของเก้าไห่เจี้ยเยา ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่มีความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อใดๆ แต่บางคนก็ไปอยู่ในยี่สิบรายชื่อแรก หลงเทียนไห่ไม่ได้อยู่ในอันดับที่ห้าแต่เป็นอันดับเจ็ด ไห่เจี้ยเยาอีกคนเข้าไปอยู่ในอันดับที่เก้า

เป็นความแตกต่างที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกแล้ว!

จากนั้นก็เป็นประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่หก ตามมาด้วยห้า, สี่, สาม และสอง… ผู้ฝึกตนอสูรทั้งเก้าติดตามเมิ่งฮ่าวไปอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นวิญญาณของเขาเอง ทุกการทดสอบที่เขาผ่านเข้าไป พวกมันก็จะเข้าไปด้วยเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เห็นได้ชัดว่าดีกว่าเขามากโดยสิ้นเชิง…เหมือนกับเป็นการตบไปที่ใบหน้าของเขาโดยตรง

หลังจากการทดสอบทุกครั้ง พวกมันก็จะกล่าวคำพูดดูถูกเยาะเย้ยออกมา ซึ่งมีแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันพูดจาอย่างชาญฉลาด และไม่ได้พยายามจะปกปิดการหาเรื่องหรือยั่วยุใดๆ ต่อเขา

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มเย็นชาราวน้ำแข็ง เขาไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ ในการทดสอบเหล่านี้ และด้วยเช่นนั้นจึงไม่ยอมที่จะปล่อยให้คำพูดของพวกมันมาทำให้ตนเองต้องขุ่นเคืองใจใดๆ เขารู้ว่าในตอนนี้ ระดับพลังของตนเองยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะพวกมันได้

สิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดก็คือ สังเกตดูการทดสอบและสร้างความคุ้นเคยกับพวกมัน ไม่สำคัญว่าเขาจะไปอยู่แค่ในอันดับหนึ่งร้อยคนแรกหรือไม่ ในตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะไปทดสอบอย่างแท้จริง

ในที่สุดเขาก็บินผ่านแท่นศิลาตัวอักษรที่เหลือ การทดสอบครั้งสุดท้าย ก็คือการทดสอบความสามารถที่จะต่อต้านแรงกดดันที่บดขยี้ลงมา หลังจากที่มองไปยังแท่นศิลาตัวอักษร เมิ่งฮ่าวก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปทดสอบมัน หันหลังและจากไป

ในตอนนี้เก้าผู้ฝึกตนอสูรเริ่มหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้น ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าบางคนก็พอจะบอกได้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น แต่เสียงพูดคุยที่เกิดขึ้นมา อันเนื่องมาจากความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ใจของเขา ในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้าได้หายไปจนหมดสิ้นแล้วในตอนนี้ แม้แต่บางคนยังแทบจะคิดว่า…เขาคือผู้หลอกลวง!

ถึงแม้ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวต้องการจะจากไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเก้าผู้ฝึกตนอสูรไม่ต้องการปล่อยให้เขาจากไป

“เมิ่งฮ่าว เจ้ากล้าที่จะพนันกับพวกเราบ้างหรือไม่?”

หนึ่งในเก้าผู้ฝึกตนอสูรพูดจาล้อเลียนขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยอย่างชัดเจน ในขณะที่เสียงของมันดังก้องออกไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!