Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1088

ตอนที่ 1088

คนแรกที่ถูกสังหารในอาณาจักรสายลม

ในตอนที่สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป ใบหน้าของฝานตงเอ๋อร์และผู้ฝึกตนในกลุ่มของนางก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับเป้ยอวี้และผู้ฝึกตนอสูรที่กำลังมีรังสีสังหารพลุ่งพล่านขึ้นมา

มีแต่สีหน้าของผู้ฝึกตนกายเนื้อร่างกำยำเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ราวกับว่ามันไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งใดๆ แต่กลับกันคนทั้งหมดต่างก็รับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาจากสิ่งที่อยู่ในถุงสมบัติของแต่ละคน

ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องหมายผนึกสีแดงที่กำลังส่องแสงเจิดจ้า ได้ปรากฏขึ้นบนมือของคนทั้งเก้า เป็นเครื่องหมายที่ดูเหมือนจะบ่งบอกว่าพวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติอย่างเพียงพอ

“บัดซบ!!” ใบหน้าฝานตงเอ๋อร์ดูน่าเกลียดขึ้นอย่างถึงที่สุด เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทั้งหมด สองผู้ฝึกตนอสูรไม่ได้คิดจะโจมตีไปยัง

เมิ่งฮ่าวอีกต่อไป พวกมันหยุดชะงักนิ่ง และใช้วิธีการที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือตนเองสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง

เห็นได้ชัดว่า…เมิ่งฮ่าวไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่นำคนอื่นๆ มากับเขาด้วยในอาณาจักรสายลมแห่งนี้!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น และถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในถุงสมบัติ และผนึกผู้ฝึกตนอสูรที่นกแก้วและผีโต้งทำการสอนร้องเพลงไว้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะถูกผนึกไว้แล้ว เมื่อเสียงฟ้าร้องเสียงที่สองดังก้องออกมา ผู้ฝึกตนอสูรก็กระอักโลหิตออกมามากยิ่งขึ้น

และร่างกายพวกมันก็แห้งเหี่ยวลงไป เห็นได้ชัดว่าผนึกนั้นยังไม่ดีพอ แต่โชคดีที่นกแก้วและผีโต้งไม่ได้รับผลกระทบนี้แม้แต่น้อย

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ขณะที่เสียงฟ้าร้องคำรามเสียงที่สามดังก้องออกมา ครั้งนี้เขาปลดปล่อยเวทผนึกเป็นตายออกไป!

ตูมมมมมมม!

ในชั่วพริบตาผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่ด้านในถุงสมบัติ ต่างก็ถูกปกป้องโดยเวทผนึก ถึงแม้ว่าใบหน้าพวกมันจะซีดขาว แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบอีก และไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนต้องถูกกำจัดไป

อย่างไรก็ตาม…ฉู่อวี้เยียนและซูเยียนไม่มีสถานที่ให้หลบหนีจากไป หญิงสาวทั้งสองกระอักโลหิตออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉู่อวี้เยียน ซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ ถึงแม้ว่านางจะฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้มากกว่าครึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้ก็แทบจะถูกกำจัดไปโดยเสียงฟ้าร้องคำราม อาการบาดเจ็บของนางกำเริบขึ้นมา และเวทผนึกเป็นตายก็ไม่อาจจะใช้กับนางหรือ

ซูเยียนได้ นอกจากนี้ถ้าเมิ่งฮ่าวใช้ออกไป และมันล้มเหลว…พวกนางก็จะถูกสังหารไป และเขาก็ไร้พลังที่จะทำสิ่งใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้!

ซูเยียนไม่ใช่การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ และเมิ่งฮ่าวก็ไม่ค่อยสนใจนางมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจจะให้ฉู่อวี้เยียนเสี่ยงกับเรื่องเช่นนี้ได้

คนทั้งหมดต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ใบหน้าฝานตงเอ๋อร์ซีดขาว ขณะที่ตบไปยังถุงสมบัติของนาง สองคนลอยออกมา ต่างก็เป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัย ที่มีสีหน้าประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน

สำหรับสามผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังฝานตงเอ๋อร์ พวกมันตบไปที่ถุงสมบัติของตนเองด้วยเช่นกัน พวกมันนำผู้คนมาด้วยทั้งหมดแปดคน ซึ่งเป็นศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าทั้งหมด!

เช่นเดียวกับเป้ยอวี้ ซึ่งมีหญิงชราสองคนลอยออกมาจากถุงสมบัติของนาง ทั้งคู่เป็นผู้ฝึกตนอสูร โดยมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในอาณาจักรโบราณ พร้อมกับตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วห้าดวง

สำหรับผู้ฝึกตนอสูรอีกสองคน มีอยู่ห้าคนโผล่ออกมายืนอยู่ข้างกายพวกมัน

เพียงมองไปแค่แวบเดียว ก็สามารถจะมองเห็นได้ว่ากลุ่มคนในตอนนี้มีจำนวนที่เกินไปกว่าข้อจำกัดเก้าคนมากนัก อย่างไรก็ตามมีอยู่แง่มุมหนึ่งที่เหมือนกันสำหรับผู้ปรากฏกายขึ้นมาใหม่ทั้งหมด พื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่มีใคร…เกินกว่าตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วห้าดวง!

บางทีพื้นฐานฝึกตนที่แท้จริงของพวกมันอาจจะสูงมากไปกว่านั้น แต่ในตอนนี้พวกมันได้สะกดตัวเองไว้ที่อาณาจักรโบราณพร้อมกับตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปห้าดวง แต่ก็ยังทำให้เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องคำรามขึ้นอย่างรุนแรง จนเพียงพอที่จะกำจัดพวกมันไป!

“เกิดอะไรขึ้น!? กฎธรรมชาติในที่แห่งนี้แตกต่างไปจากครั้งที่แล้วมากนัก! ก่อนหน้านี้ พวกเรามักจะนำผู้คนเกินมาได้ ตราบเท่าที่พวกมันมีตะเกียงวิญญาณที่ดับไปห้าดวงหรือน้อยกว่านั้น!!”

“ตราบเท่าที่พวกเราไม่นำมามากเกินไป อาณาจักรสายลมก็จะไม่เข้ามาขัดขวางใดๆ ทำไมครั้งนี้ถึงได้แตกต่างกันออกไป!?”

ขณะที่คนทั้งหมดร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น เขาไม่เคยคาดคิดว่าคนทั้งหมดจะพยายามนำผู้คนเข้ามาในอาณาจักรสายลมมากเกินกำหนด จิ่วผอและคนอื่นๆ ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย ทั้งไม่ได้กล่าวตักเตือนใดๆ อีกด้วย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าไม่อาจจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

“ข้าคือบุคคลภายนอกขออาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็สืบเนื่องมาจากการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน พวกมันจำเป็นต้องพึ่งพาศักดิ์ฐานะในลำดับขั้นของข้า และข้า…ก็ต้องใช้ศักดิ์ฐานะนั้นเพื่อให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น”

“เพื่อป้องกันไม่ให้ข้านำกลุ่มคนในตระกูลมายังที่แห่งนี้ พวกมันจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ ซึ่งข้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุติธรรมดี” ขณะที่เขาถอยไปทางด้านหลัง ก็ขมวดคิ้วพร้อมกันไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาสามารถจะไม่สนใจการกระทำของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า แต่ก็ยังต้องรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากอันเนื่องมาจากภยันตรายที่จะเกิดขึ้นกับฉู่อวี้เยียน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังเครื่องหมายที่อยู่บนหลังมือของตนเอง และทันใดนั้นก็เข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมด

“เก้าคือข้อจำกัด…ถ้าเช่นนั้น…ตราบเท่าที่พวกเราไม่มีคนเกินจำนวนที่ถูกจำกัดไว้ในชนเผ่าที่เก้า ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ”

ทันนั้นเสียงฟ้าร้องคำรามอีกเสียงก็ดังก้องออกมา และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของคนทั้งหมดที่ไม่มีเครื่องหมายบนหลังมือ ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็แวบผ่านแท่นบูชาตรงไปยังหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรที่มีเครื่องหมายบนหลังมือ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่แทบจะโจมตีมายังเขาก่อนหน้านี้

“เครื่องหมายนั่นคือจุดสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด! ถ้ามีเครื่องหมายนั่น ก็จะมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในที่แห่งนี้!” รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวพุ่งวนไปมา เขาพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า พร้อมกับโบกสะบัดมือออกไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในสวรรค์และปฐพี ห่วงโซ่ของภูเขาตกลงมา กวาดออกไปยังทุกสรรพสิ่ง

ผู้ฝึกตนนับหมื่นที่กำลังกราบสักการะอยู่รอบๆ แท่นบูชา ยังคงก้มศีรษะต่ำลงทั้งหมด ยกเว้นเจี้ยนเต้าจื่อและชายชราอื่นๆ คนทั้งหมดไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเคลื่อนไหว

เจี้ยนเต้าจื่อนั่งดูอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามลึกลงไปในดวงตาของมัน มองเห็นเป็นแสงแห่งความเยาะเย้ย สำหรับชายชราคนอื่นๆ พวกมันนั่งนิ่งอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดจาใดๆ ออกมา

ภาพเช่นเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นในอีกแปดชนเผ่า เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนจากอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดต่างก็นำผู้คนร่วมทางมาด้วย

อย่างไรก็ตาม กฎธรรมชาติแห่งอาณาจักรสายลมได้เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความตกตะลึงขึ้นเป็นวงกว้าง ไม่มีใครคิดว่าจะถูกเสียงฟ้าร้องคำรามโจมตีมาอย่างฉับพลัน เกิดเป็นแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น และผู้คนที่ถูกนำมาด้วยต่างก็รู้สึกได้ถึงอันตรายอันร้ายแรงที่ใกล้เข้ามา พวกมันรู้ว่าพลังนี้มีความตั้งใจที่จะกวาดล้างตนเองออกไป อย่างไม่มีการหยุดแต่อย่างใด

ในที่สุดความปั่นป่วนวุ่นวายของการต่อสู้ก็ปะทุขึ้นมา ขณะที่คนทั้งหมดตระหนักว่าทะเลแต่ละแห่งมีผู้คนอยู่ในอาณาจักรสายลมได้สูงสุดแค่เก้าคนเท่านั้น!

โดยที่ไม่มีข้อยกเว้นเป็นพิเศษใดๆ ข้อกำหนดนั้นไม่อาจจะมากเกินไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่ได้!

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทะเลที่สามมีข้อยกเว้น ไม่แน่ใจว่าเสวี่ยเอ๋อร์ใช้วิชาอะไรออกมา ทำให้นางได้รับอนุญาตให้อยู่ในที่แห่งนี้ได้

ถึงแม้ว่าพวกมันเพิ่งจะมาถึง แต่ผู้ฝึกตนของอาณาจักรขุนเขาทะเลก็เริ่มต่อสู้กันไปมา การต่อสู้อย่างขมขื่นได้ปะทุขึ้นมา และเสียงฟ้าร้องคำรามก็ยังคงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เมื่ออาณาจักรสายลมอันกระจ้อยร่อยต้องการจะกำจัดข้าไป ข้าก็จะจากไป!” ชายชราที่อยู่บนแท่นบูชาในทะเลทรายของชนเผ่าที่เก้าร้องออกมาด้วยโทสะ มันระเบิดพลังของตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วห้าดวงออกมา ขณะที่บินขึ้นไปในอากาศเพื่อออกไปจากแท่นบูชา

ขณะที่มันพุ่งขึ้นไปในอากาศ คนอื่นๆ บนแท่นบูชาก็บินขึ้นไปเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในทันทีที่ชายชราออกไปจากแท่นบูชา สายฟ้าขนาดใหญ่ก็ฟาดลงมาจากด้านบน

ถึงสายฟ้านั้นจะไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ยังประกอบไปด้วยกฎธรรมชาติและแก่นแท้ มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงได้ สายฟ้าฟาดลงไปบนร่างของชายชรา และเสียงระเบิดก็ดังก้องออกไป ก่อนที่ชายชราจะทันได้แผดร้องออกมา มันก็ถูกกำจัดไปทั้งร่างกายและวิญญาณ กลายเป็นเถ้าธุลีไป

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนทั้งหมดต้องอ้าปากค้าง และผู้ฝึกตนที่เพิ่งจะบินขึ้นไปในอากาศ ต่างก็หยุดชะงักนิ่งไปในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น และยิ้มน้อยๆ ออกมา

“ข้าชอบสถานที่แห่งนี้นัก”

เขากล่าวขึ้น ยื่นมือขวาออกไป ทำให้ห่วงโซ่ของภูเขาส่งเสียงดังกระหึ่ม ศีรษะอสูรโลหิตปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ขณะที่เริ่มทำการต่อสู้ เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป และเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีทอง พร้อมกับร่างที่แวบขึ้น เขากรีดเฉือนกรงเล็บลงไปบนศีรษะของผู้ฝึกตนอสูร หลังจากนั้นก็กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม และต่อยหมัดทำลายล้างชีวิตตรงไปยังหนึ่งในสองผู้ฝึกตนอสูรที่กำลังแผดร้องออกมา ขณะที่พุ่งทะยานมาโจมตีเขา

หมัดนั้นต่อยเข้าไปในอากาศ แต่โลหิตก็ยังพ่นกระจายออกมาจากปากของพวกมัน และเสียงระเบิดก็ดังก้องออกมา หนึ่งในพวกมันระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และอีกคนก็ลอยละลิ่วกลับไปยังแท่นบูชา หลังจากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาและกำจัดมันไปโดยสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสของปราณสีแดงก็พุ่งขึ้นมาจากผู้ฝึกตนอสูรที่ตายไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ยื่นมือออกไปคว้าจับมันไว้ จากนั้นก็ส่งเข้าไปในถุงสมบัติ ตรงไปยังหลังมือของฉู่อวี้เยียน กระแสปราณนั้นกลายเป็นเครื่องหมายผนึก ทำให้นางหลุดพ้นจากอันตรายไปในทันที ตอนนี้นางมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว เขารีบส่งเม็ดยาเป็นจำนวนมากไปช่วยให้นางฟื้นฟูร่างกายขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เมิ่งฮ่าว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?!?”

ฝานตงเอ๋อร์ร้องตะโกนถามขึ้น แท่นบูชาตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายในทันที การที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มต่อสู้อย่างดุร้ายขึ้น ทำให้ผู้ฝึกตนชราและผู้ฝึกตนอสูรเริ่มคาดเดาเกี่ยวกับกฎธรรมชาติของอาณาจักรสายลมได้บ้างแล้ว และพวกมันก็เริ่มโจมตีไปด้วยเช่นกัน

“เห็นหรือไม่?! มีเพียงเก้าคนเท่านั้นที่จะอยู่ในที่แห่งนี้ได้! ถ้าพวกเราไม่สังหารพวกมัน…พวกมันก็จะสังหารพวกเราไป! ไม่สำคัญว่าใครจะตายไป…ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่เก้าคน ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีเอง!”

“ถ้าเจ้าไม่โจมตีไป…คนเหล่านั้นก็จะเริ่มอ่อนแอลงไปจากสายฟ้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ! ดังนั้น…ทางเลือกของพวกมันก็มีแต่ต้องสังหารพวกเราเท่านั้น เพื่อที่จะมาแทนที่พวกเราไป!”

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้ชีพจรเซียนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปะทุเป็นพลังออกมา เปลวไฟม้วนตัวไปมา กลายเป็นการทำลายล้างขนาดใหญ่

เพื่อตอบรับคำพูดของเมิ่งฮ่าว สองบุรุษหนุ่มที่อยู่ด้านหลังฝานตงเอ๋อร์ โจมตีไปในทันที ไม่ใช่ฝานตงเอ๋อร์ แต่โจมตีไปยังสามผู้ฝึกตนที่มายังอาณาจักรสายลมด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา ฝานตงเอ๋อร์ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อหยุดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ ทั้งผู้ฝึกตนอสูรและผู้ฝึกตนธรรมดา ตกอยู่ในการต่อสู้ที่ปั่นป่วนวุ่นวายนี้มากขึ้น เป้ยอวี้มองไปยังสองหญิงชราด้วยความวิตกกังวล ขณะที่หญิงชราทั้งสองมองไปรอบๆ ด้วยโทสะ และเริ่มโจมตีไปอย่างดุร้ายในทั่วทุกทิศทาง

แน่นอนว่า…ผู้ที่ลักลอบผ่านเข้ามาเป็นผู้ที่รู้สึกวิตกกังวลมากที่สุด ขณะที่สายฟ้ายังคงส่งเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์ในตอนนี้ของพวกมันคล้ายกับมีกระบี่จ่ออยู่ที่ลำคอของพวกมัน!

พวกมันมองเห็นเครื่องหมายสีแดงอยู่บนหลังมือของเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ และรู้ว่าคนเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในที่แห่งนี้ ปลอดภัยจากสายฟ้าใดๆ ถ้าพวกมันไม่รีบทำให้ตนเองมีคุณสมบัติเช่นนั้น ก็จะต้องตายไปโดยไม่ต้องสงสัย!

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง และการต่อสู้อย่างดุร้ายก็พุ่งขึ้นไป ขณะที่ผู้คนตกตายไปมากขึ้น

โอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็จะมีมากยิ่งขึ้น ภายใต้แรงกดดันเกี่ยวกับความเป็นตายเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้ากำลังจะตายไป แต่เป็นเรื่องที่ข้ากำลังจะมีชีวิตรอดต่อไป!

“อย่าได้ตำหนิข้า! ข้าไม่ต้องการจะทำเช่นนี้ แต่…ข้าต้องมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป!” ผู้ฝึกตนอสูรที่แสดงความเห็นว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดในชนเผ่านี้ควรจะจบชีวิตของตนเองไป จบลงด้วยการตกตายไปด้วยเงื้อมมือของหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรคนอื่น ที่มันนำมาด้วย มันได้แต่มองไปอย่างหมดหนทาง ขณะที่ได้ยินคำพูดอันเย็นชาเช่นเดียวกันนี้กล่าวกับมัน และจากนั้นก็เห็นเครื่องหมายสีแดงจางหายไปจากหลังมือของตนเอง

“ตาย!!” ผู้ฝึกตนที่ฝานตงเอ๋อร์นำมา สังหารสหายร่วมสำนักด้วยเช่นกัน พวกมันตายไปพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความเสียใจ

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนของผู้คนที่อยู่บนแท่นบูชาค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงร้องคำรามของสายฟ้าก็ยิ่งดังมากขึ้นและมีความถี่มากขึ้นไปเรื่อยๆ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!