ตอนที่ 1106
สังหารเข้าไปในชนเผ่าที่สี่!
ในช่วงที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวไม่มั่นคง ทำให้เท้ายักษ์ที่บดขยี้ลงมาต้องหยุดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ศีรษะของหลินชงจึงมีโอกาสหลบหนีจากไป กระแสน้ำวนสีทองปกคลุมไปทั่วศีรษะของมัน จากนั้นก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดศีรษะของหลินชงก็หายไป
จากนั้นกระแสน้ำวนก็กลายเป็นจุดแสงของฝุ่นสีทองนับไม่ถ้วน หายสาบสูญไปเช่นเดียวกัน
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวหมองคล้ำลง ขณะที่มองไปยังตำแหน่งที่หลินชงเพิ่งจะหายตัวไป จิตใจยังคงขมขื่นด้วยคลื่นแห่งความประหลาดใจ ตำแหน่งของสวี่ชิงในจิตใจของเขา เป็นสิ่งที่เขาไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องสัมผัสได้ มันเป็นส่วนที่อ่อนแอมากที่สุดของเขา
สวี่ชิงคือภรรยาของเขา เป็นคนที่เขาสาบานไว้ต่อหน้าสวรรค์และปฐพี เขาเฝ้ามองดูความงดงามของนางจางหายไป ขณะที่โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน เฝ้ามองไปขณะที่วิญญาณของนางผ่านเข้าไปในแม่น้ำแห่งยมโลก พวกเขาได้สัญญากันไว้ว่า…จะพบกันอีกครั้งหลังจากที่นางถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
เมิ่งฮ่าวไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินนามของสวี่ชิงดังออกมาจากปากของหลินชงในสถานที่แห่งนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ดวงตาของเขาต้องเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความเย็นชาอย่างไร้ขอบเขตออกมา
นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับหลินชง และรู้ดีว่าเป็นครั้งแรกของหลินชงด้วยเช่นกันที่เคยพบเห็นเขา ดังนั้น…การที่มันเอ่ยนามของสวี่ชิงออกมา เป็นการบ่งบอกว่าหลินชง…เคยพบนางในช่วงของการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่!
จากนั้นเขาก็คิดไปเกี่ยวกับสถานที่ที่หลินชงจากมา และแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง
“นั่นหมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากถึงแปดในสิบส่วนที่สวี่ชิงจะอยู่ในขุนเขาที่สี่!”
“แต่หลินชงจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้าและสวี่ชิงได้อย่างไร?” จากนั้นเขาก็คิดไปเกี่ยวกับเวทผู้ยิ่งใหญ่ของหลินชง และกลิ่นอายที่คุ้นเคยซึ่งเขารู้สึกได้ ทำให้เข้าใจได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่หลินชงมองเห็นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มันสามารถจะใช้มาต่อต้านกับหมัดสังหารเทพได้ แต่มันมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง!
ไม่นานหลังจากนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่เขานึกไปถึงคำพูดของหลินชง
ถ้าข้าตกตาย สวี่ชิงก็ต้องตายไปด้วย!
“หลินชง เจ้าสมควรตาย!”
เมิ่งฮ่าวกล่าว แหงนหน้าขึ้น จากนั้นก็ก้าวเดินไป เขาไม่ได้กลับไปยังชนเผ่าที่เก้า แต่กลับมุ่งหน้าตรงไปยังชนเผ่าที่สี่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ ตราประทับและภูเขาป๋ายเฟิงไม่ได้สำคัญอีกต่อไป มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สำคัญ…คือร่องรอยเกี่ยวกับสวี่ชิง และ…สิ่งที่หลินชงเพิ่งจะกล่าวออกมา!
ถ้าไม่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้กระจ่างชัดขึ้นมา แล้วเขาจะกลับไปยังชนเผ่าที่เก้าได้อย่างไร? ถ้าเขาทำเช่นนั้น จิตใจก็จะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และเขาก็ไม่อาจจะทำให้มันสงบเยือกเย็นลงได้
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงกรีดผ่านอากาศไป พุ่งออกไปคล้ายกับเป็นสายฟ้า ฝุ่นละอองปลิวคละคลุ้งขณะที่เขาเร่งความเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ รังสีสังหารพุ่งสูงขึ้นไป
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เข้าไปใกล้กับเขตชายแดนของชนเผ่าที่แปด เขาไม่ผ่านเข้าไปในชนเผ่าที่เจ็ด แต่มุ่งหน้าตรงไปยังอาณาเขตของวิหารกลาง นอกจากนั้นนี่คือวิธีที่จะไปถึงชนเผ่าที่สี่ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด
เขาไม่รู้ว่าหลินชงจะใช้เส้นทางนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะหยุดชะงักนิ่ง และครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาพุ่งต่อไปในที่สุดก็ออกไปจากชนเผ่าที่แปด และผ่านเข้าไปในอาณาเขตของวิหารกลาง
เมื่อเขามองลงไป ก็ได้เห็นการต่อสู้กันอย่างดุร้ายโหดเหี้ยม นักรบนับไม่ถ้วนกำลังต่อสู้กันไปมา ทั่วทั้งบริเวณนั้นเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดง
เขามองไปแค่แวบเดียวขณะที่มุ่งหน้าต่อไป พุ่งฝ่าอากาศไปด้วยพลังอันน่าตกใจ ผู้ฝึกตนอื่นๆ จากอาณาจักรขุนเขาทะเลมองเห็นเขา และตกตะลึงขึ้นมาในทันที
“นั่นคือเมิ่งฮ่าว!”
“นั่นคือผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากชนเผ่าที่เก้า, เมิ่งฮ่าว!”
“ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?”
ถึงแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีใครได้เห็นการต่อสู้ของเขากับหลินชง เหมือนกับที่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นมองเห็น แต่พวกมันก็รู้ว่าเขาได้ทำลายสถิติจากก่อนหน้านี้ไปสองในสาม ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกรงขามขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในท่ามกลางพวกมันมีอยู่บางคนที่โลภมาก รู้สึกตัวขึ้นในทันทีที่มองเห็นเมิ่งฮ่าว จากสิ่งที่พวกมันเข้าใจ ถ้าสามารถสังหารใครบางคนที่อยู่ในลำดับขั้นได้ ก็จะได้เครื่องหมายลำดับขั้นมาไว้ในครอบครอง
ไม่นานนักหลังจากที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในเขตวิหารกลาง กระแสของลำแสงกระบี่จู่ๆ ก็พุ่งฝ่าอากาศตรงมาที่เขา ปราณกระบี่นี้ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยบรรยากาศอันดุร้ายน่ากลัว และเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยกฎธรรมชาติ ขณะที่มันแทงตรงมายังลำคอของเมิ่งฮ่าว
“เจ้าเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น ทำไมต้องรีบหนีจากไป?!”
ใครบางคนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เป็นการโจมตีมาจากผู้ฝึกตนวัยกลางคน แต่มันก็ไม่ใช่ผู้ที่รุกรานมาเพียงคนเดียว อีกสองผู้ฝึกตนพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวจากอีกสองข้าง
ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น เมิ่งฮ่าวอาจจะเต็มไปด้วยความต้องการที่จะไล่ล่าและสังหารพวกมันไป หรืออาจจะไม่สนใจพวกมัน
แต่ในยามที่กระวนกระวายใจเช่นนี้ มีโชคชะตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่รออยู่สำหรับใครก็ตามที่มาขัดขวางเส้นทางของเขา
ตกตายไปในทันที!
ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงจ้า ขณะที่ยื่นมือออกคว้าจับไปยังกระบี่ที่กำลังพุ่งตรงมา จากนั้นก็ส่งมันให้พุ่งกลับไปยังทิศทางที่จากมา
ความเร็วในตอนนี้ของมัน รวดเร็วเกินกว่าก่อนหน้านี้มากนัก พลังอันรุนแรงอย่างไร้ที่เปรียบขับเคลื่อนให้กระบี่พุ่งตรงไป ตัวกระบี่เองไม่อาจจะต่อต้านกับพลังที่ขับเคลื่อนนั้นได้ และเริ่มพังทลายลงไปจากส่วนปลาย ก่อนที่มันจะแตกกระจายออกไปครึ่งหนึ่ง ก็แทงเข้าไปที่หน้าผากของผู้ฝึกตนซึ่งซัดมันออกมาอย่างรุนแรง จนทะลุผ่านออกไป
เป็นความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของบุรุษวัยกลางคนจะไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงไปได้ ตกตายไปในทันที
ภาพที่เห็นนี้ทำให้อีกสองผู้ฝึกตนต้องอ้าปากค้างและถอยไปทางด้านหลัง ผู้ฝึกตนที่เหลืออื่นๆ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกล มองมาด้วยความตกใจ และไม่กล้าจะมาขวางทางเมิ่งฮ่าว
เมื่อไม่มีใครกล้ามาขัดขวางเขา เมิ่งฮ่าวก็พุ่งผ่านเขตวิหารกลางไป บรรลุถึงเขตชายแดนของชนเผ่าที่สี่อย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกตนมากมายที่อยู่ด้านหลังมองไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
“มันแค่ผ่านเขตวิหารกลางไปเท่านั้น?”
“เป็นไปได้อย่างไร? มีแรงกดดันอย่าน่าเหลือเชื่ออยู่ที่นั่น! ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปต้องเกิดความโชคร้ายขึ้น แม้แต่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปยังที่แห่งนั้น แต่…มันกล้า!?”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…เนื่องมาจากกระแสลมปราณสองในสิบส่วนของอาณาจักรสายลม?” คนทั้งหมดตกตะลึงขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งจากไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ศีรษะของหลินชงก็ไปปรากฏขึ้นบนภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่สี่ ศีรษะนั้นแห้งเหี่ยวลงไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้หลินชงต้องส่งเสียงกู่ร้องออกมา เส้นเลือดเขียวปะทุขึ้นมา และจากนั้นเส้นเลือดต่างๆ ก็เริ่มยืดยาวลงมาจากส่วนลำคอของมัน พวกมันเริ่มยืดยาวออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันมีใบหน้าที่ซีดขาว แต่กัดปลายลิ้นอีกครั้งและจากนั้นก็แผดร้องออกมา ต่อจากนั้นกระดูกก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในร่างนั้น
การฟื้นฟูเช่นนี้เป็นความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เป็นค่าตอบแทนอันน่าเหลือเชื่อที่มันต้องจ่ายออกไป…ซึ่งมันแทบไม่อาจจะจัดการได้ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นฐานฝึกตนของมันก็ต้องลดลงไป ทำให้ยากที่จะฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ก็ยังดีกว่าที่จะต้องตกตายไป
“เมิ่งฮ่าว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” มันแผดร้องออกมาด้วยสีหน้าที่ดุร้าย ขณะที่ร่างกายของมันก่อตัวขึ้นมาใหม่ ก็แหงนหน้าขึ้นไปและกู่ร้องออกมา เพลิงโทสะอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตา เหมือนกับที่เมิ่งฮ่าวได้สงสัยไว้ กะโหลกศักดิ์สิทธิ์เศร้าเสียใจช่วยให้มันมองเห็นได้แวบหนึ่ง
ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้มันรอดชีวิตมาจากหมัดที่โจมตีนั้น แต่เป็นการมองเห็นในอีกรูปแบบหนึ่ง
มันมองเห็นขุนเขาที่สี่ และเมิ่งฮ่าว ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลแห่งโลหิต และภูเขาแห่งซากศพ ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้เดินทางไปในท่ามกลางการสังหารที่ไม่รู้จักจบสิ้น
ในภาพนั้นมันมองเห็นสวี่ชิง นางและเมิ่งฮ่าวกำลังมองดูซึ่งกันและกัน ด้วยสายตาที่อ่อนโยนนุ่มนวล
ภาพนั้นไม่เพียงแต่ทำให้มันรู้สึกอิจฉาเท่านั้น แต่ยังให้โอกาสที่มันต้องการอีกด้วย
“เร็วขึ้น ข้าต้องเร็วขึ้นกว่านี้!”
“ข้าไม่รู้ว่าสวี่ชิงและเมิ่งฮ่าวมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่เมื่อได้เห็นท่าทางกระวนกระวายใจของมัน ก็เห็นได้ชัดว่านางคือจุดอ่อนของมัน ในทันทีที่ข้าพูดนามของนางขึ้นมา มันก็เกือบจะบ้าคลั่งไป มันต้องมายังที่แห่งนี้เพื่อสังหารข้าไปอย่างแน่นอน!”
“ข้าต้องฟื้นฟูร่างกายเพื่อให้สามารถหลบหนีจากไปได้!”
มันกัดฟันแน่นขณะที่ร่างกายกำลังฟื้นกลับคืนมาด้วยตัวเอง เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ตลอดช่วงเวลานั้นมันต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยราคาที่สูงลิ่ว สำหรับขั้นตอนการฟื้นฟูนี้อย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อร่างกายมันปรากฏขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็กระอักโลหิตออกมาอีกกองโต ร่างกายอ่อนแอลงอย่างน่าเหลือเชื่อ มันรู้ว่าในตอนนี้ตนเองมีพื้นฐานฝึกตนเพียงแค่หกในสิบส่วนจากดั้งเดิมเท่านั้น
นี่คือความอ่อนแออย่างมากที่สุด ตั้งแต่การเข้าร่วมลำดับขั้นเป็นต้นมา ใบหน้ามันซีดขาวราวขี้เถ้า ยื่นมือออกไปคว้าจับตราประทับจากรูปปั้น
จากนั้นก็บินออกไปจากภูเขากั๋วยิ่น ดวงตาสาดประกายขึ้นขณะที่ถูกห้อมล้อมด้วยสี่เงาร่าง ซึ่งเป็นผู้ติดตามของมัน เป็นผู้ที่มันนำมาด้วยในอาณาจักรสายลมแห่งนี้
หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ แววตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น กล่าวขึ้นว่า “กระตุ้นเวทยิ่งใหญ่เปลี่ยนแปลงดวงดาวขึ้นมา!”
ผู้ติดตามทั้งสี่ของมันไม่กล่าวตอบ แต่รูปร่างหน้าตาของพวกมันเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งดูเหมือนกับหลินชงทั้งหมด แม้แต่กลิ่นอายของพวกมันก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกมันก็พุ่งออกไปยังสี่ทิศทางที่แตกต่างกัน
สำหรับหลินชง มันเลือกทิศทางอื่นเพื่อหลบหนีจากไป
แทบจะในทันทีที่สี่ผู้ติดตามของหลินชงพุ่งตัวออกไป แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อฉับพลันนั้นก็กดทับลงมายังชนเผ่าที่สี่ พื้นดินสั่นสะเทือนและอากาศก็บิดเบี้ยวไปมา หลินชงและสี่ผู้ติดตามของมันสั่นสะท้านไปตามๆ กัน
“มันอยู่ที่นี่แล้ว! มันมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!? เป็นไปไม่ได้!!” หลินชงกล่าวขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่สลดลง
ปลดปล่อยเวทลับออกมาในทันที ทำให้กลิ่นอายของมันหายไป และหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไป ขณะที่ผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่สี่ เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปในทันที และในชั่วพริบตาก็รับรู้ได้ถึงห้ากลิ่นอาย เขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังกลิ่นอายที่อยู่ใกล้มากที่สุด
เสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่วทั้งชนเผ่าที่สี่ เพียงแค่สิบลมหายใจเท่านั้น เขาก็ไปถึงหนึ่งในกลิ่นอายของหลินชง และสิ่งที่พบก็คือผู้ฝึกตนที่ดูเหมือนกับหลินชงเป็นอย่างยิ่ง
ในทันทีที่ผู้ฝึกตนนั้นมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้าก็สลดลง และพุ่งถอยไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วออกไป ใช้เวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกมา ทำให้บุรุษผู้นั้นหยุดชะงักนิ่งไปในทันที
จากนั้นโลกทั้งหมดของมันก็พลิกกลับตาลปัตรด้วยฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้ตรึงแน่นอยู่บนศีรษะของมัน
“ควาญวิญญาณ!” เสียงของเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวกับเป็นสายลมในท่ามกลางฤดูหนาว เมื่อเสียงนั้นผ่านเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนนั้น ศีรษะของมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มันเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่างและจากนั้นก็แผดร้องออกมา