Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1127

ตอนที่ 1127

เจ้าคือจ้งอู๋หยา

แทบจะในทันทีที่กระบี่สีโลหิตเริ่มพุ่งฝ่าอากาศไป โลหิตที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในหลุมทั้งเก้าสิบแปดแห่ง จู่ๆ ก็หดตัวลงไป เผยให้เห็นถึงผู้ฝึกตนเก้าสิบแปดคน

แต่ละคนเป็นชายชรา และพวกมันทั้งหมดก็กระจายแสงสีโลหิต จนดูเหมือนว่าจะระเบิดเป็นความชั่วร้ายออกมา ทันใดนั้นดวงตาพวกมันก็ลืมขึ้นมา และสิ่งที่มองเห็นได้ไม่ใช่ดวงตาที่แจ่มใสตามปกติ แต่เป็นแสงสีโลหิตที่มืดสลัว ราวกับว่าพวกมันไม่มีแม้แต่สติหรือรู้สึกตัว ราวกับว่าพวกมันได้กลายเป็นหุ่นเชิด ที่เพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือกระทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

หนึ่งในชายชราเหล่านั้นคือเจี้ยนเต้าจื่อ ซึ่งไม่ได้มีท่าทางเปรื่องปราดหรือฉลาดหลักแหลมเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป และดูไม่เหมือนกับเป็นชายชราที่ไร้เรี่ยวแรงเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน กลับดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยพละกำลังที่เต็มเปี่ยม

พวกมันทั้งหมดเริ่มสูดลมหายใจเข้าไป เมื่อพวกมันหายใจออกมา บรรยากาศแห่งมารร้ายปีศาจที่อยู่รอบๆ ตัวพวกมันก็ดูเหมือนว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น

“สังหารผู้บุกรุกเมิ่งฮ่าว!” บุรุษชุดดำกล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แหบแห้ง ทันใดนั้นผู้ฝึกตนสีโลหิตทั้งเก้าสิบแปดคนก็แผดร้องคำรามและบินขึ้นไปในอากาศ ตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่ได้อยู่ที่ขั้นค้นหากระถางอีกต่อไป พวกมันได้ทะลวงผ่านจากอาณาจักรวิญญาณเข้าไปในอาณาจักรเซียน!

ถึงแม้ว่าพวกมันเพิ่งจะทะลวงผ่านเข้าไป แต่กลิ่นอายปีศาจที่ปกคลุมอยู่รอบๆ พวกมันก็ดูเหมือนว่าจะน่าขนลุกอย่างถึงที่สุด ชายชราทั้งเก้าสิบแปดคนกลายเป็นลำแสงสีโลหิต พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังหลุมที่เมิ่งฮ่าวกำลังอยู่ในตอนนี้

“พวกเจ้าก็เข้าไปที่นั่นด้วยเช่นกัน!” ชายชุดดำที่เป็นผู้นำกล่าวกับบุรุษคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับมัน ร่างของคนเหล่านั้นเลือนรางหายลับตาไปทีละคน

ผู้นำชุดดำเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ยากที่จะมองเห็นสีหน้าของมัน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์อยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะโบกสะบัดมือ ทำให้แสงสีดำพุ่งกระจายออกไปปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ทำการผนึกอาณาเขตแถบนั้นไว้

เมื่อกระทำจนเสร็จสิ้น มันก็เริ่มเดินตรงไปยังหลุมที่เมิ่งฮ่าวอยู่ด้านในอย่างช้าๆ

“เมิ่งฮ่าวแห่งชนเผ่าที่เก้า, ขุนเขาที่เก้า, ทะเลที่เก้า…” มันพึมพำ แทบจะราวกับว่ามันกำลังหวนรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างจากเมื่อในอดีต จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

ภายในอุโมงค์ตรงด้านล่างของสุสาน เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ขณะที่ต่อยหมัดโจมตีไปพร้อมกันทั้งสองมือ สังหารสมาชิกคนสุดท้ายของผู้ฝึกตนชุดดำกลุ่มแรกไป

การต่อสู้นี้ดำเนินไปด้วยพื้นฐานฝึกตนเพียงแค่หกในสิบส่วนของเขาเท่านั้น การเอาชนะคู่ต่อสู้อาณาจักรโบราณไปทั้งสิบกว่าคนเช่นนี้ยากที่จะบอกว่าไร้ความหมายใดๆ ตอนนี้เขากำลังกระอักโลหิตออกมา และใบหน้าก็ซีดขาว ทันใดนั้นก็มองขึ้นไปยังปากอุโมงค์ เห็นแสงเจิดจ้าสีแดงอยู่ตรงนั้น ตรงจุดนั้นกระบี่บินสีแดงกำลังส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งตรงมาที่เขา ติดตามมาด้วยกลิ่นอายปีศาจที่ระเบิดออกมาจากผู้ฝึกตนสีโลหิตทั้งเก้าสิบแปดคน ในทันทีที่ดวงตาสีแดงเข้มของพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว พวกมันก็แผดร้องออกมาราวกับเป็นสัตว์ป่า และพุ่งตรงมาโจมตีในทันที

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น ขณะที่ตระหนักว่ากระบี่บินมีจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ทั้งกระบี่และผู้ฝึกตนเหล่านั้นดูเหมือนว่า จะมีต้นกำเนิดของพลังเช่นเดียวกันกับแท่งน้ำแข็งสีโลหิต ยกเว้นว่าจะมีระดับที่อ่อนแอกว่ามากนัก

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว จากนั้นก็แค่นเสียงเย็นชา ศิลาดวงดาวในดวงตาข้างซ้ายหลอมละลาย และกระจายออกไปปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง ทำให้เขากลายเป็นดวงดาว จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังกระบี่บินที่ใกล้เข้ามา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป

เมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปคล้ายกับเป็นดาวตก เข้าไปใกล้จุดศูนย์กลางของอุโมงค์ เมื่อเขากระแทกเข้าไปยังกระบี่บิน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกไป และพวกมันก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ตรงไปยังผู้ฝึกตนสีโลหิต ทั่วทั้งอุโมงค์ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ถึงแม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนสีโลหิตอยู่ค่อนข้างน้อย แต่เพราะว่าอุโมงค์แคบมาก ทำให้พวกมันไม่อาจจะกระจายออกไปหรือหลบเลี่ยงได้ และทันใดนั้นก็ตกอยู่ในความวุ่นวายด้วยพลังของหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาวของเมิ่งฮ่าว

เมื่อพลังนั้นกระแทกลงไปยังร่างของพวกมัน โลหิตก็กระจายออกมา และคนทั้งหมดก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ แต่ในตอนนี้เองที่บุรุษชุดดำสิบเจ็ดคนได้มาถึง ขยับมือร่ายเวทขึ้นมาในทันที พวกมันชี้นิ้วตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แผดร้องตะโกนขึ้น “เต๋าแห่งสายฟ้าสังหารดวงดาว!”

ในทันทีที่พวกมันพูดจบ เสียงกระหึ่มของสายฟ้าก็ได้ยินมา สายฟ้าสิบเจ็ดสายพุ่งออกมาจากร่างของบุรุษชุดดำ หลอมรวมเข้าด้วยกันในกลางอากาศ เพื่อก่อตัวเป็นสายฟ้าสีม่วงเพียงสายเดียว!

ในทันทีที่สายฟ้านั้นปรากฏขึ้น ก็กระจายพลังแห่งการขับไล่ออกมา จนดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะขับไล่สวรรค์ตะเพิดปฐพีให้ออกไปได้ ขับไล่ได้ทั้งกฎธรรมชาติและแก่นแท้! ในเวลาเดียวกันนั้น คำพูดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการขับไล่ไสส่งออกไปด้วยเช่นกัน! จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เมื่อมองไปยังสายฟ้าสีม่วง ก็รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่!

มันไม่สอดคล้องกับฟ้าดิน ไม่ประสานกับกฎธรรมชาติ และไม่กลมกลืนกับแก่นแท้ ในทันทีที่มันปรากฏขึ้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเต๋าจากโลกอื่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่มาจากอาณาจักรสายลม ไม่ได้มาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นสิ่งที่ใช้ทำลายล้างเพียงอย่างเดียว และเมื่อมันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

และกระแทกลงไปบนหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาวของเขา ดวงดาวแตกร้าวและระเบิดออก เมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ขณะที่ร่างลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

เวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนว่าเวลาจะไหลย้อนกลับ สำหรับผู้ฝึกตนสีโลหิตทั้งหมดที่เพิ่งจะระเบิดออกไป พวกมันก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกมันไม่มีทางจะถูกสังหารไปได้ตราบชั่วนิรันดร์ หลังจากนั้นพวกมันก็พุ่งตรงไปโจมตีในทันที ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละคนก็ถือกระบี่สีโลหิตไว้ในมือ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกตนกระบี่

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวบิดเบี้ยวขึ้นจนดูน่าเกลียด ด้านหลังของผู้ฝึกตนสีโลหิตทั้งเก้าสิบแปดคนเป็นบุรุษชุดดำสิบเจ็ดคนที่โจมตีมา เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอย่างถึงที่สุด และสาเหตุนั้นก็ไม่ใช่พื้นฐานฝึกตนของบุคคลเหล่านี้ แต่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทที่พวกมันใช้ออกมา

แทบจะในทันทีที่ผู้ฝึกตนสีโลหิตเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มก้าวเดินตรงไป ปลดปล่อยเจ็ดก้าวเทพออกมา พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังได้ขยายออกไปมากขึ้นอันเนื่องมาจากพื้นที่ที่จำกัดของอุโมงค์ เมื่อเขาเดินไปเป็นก้าวที่หกก็กำมือขวาเป็นหมัด และต่อยหมัดทำลายล้างชีวิตออกไป

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ การโจมตีนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และถูกเกื้อหนุนด้วยกายเนื้ออาณาจักรโบราณอย่างเต็มกำลัง ทำให้เกิดเป็นสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวายพุ่งขึ้นมา กรีดเฉือนผ่านอุโมงค์ และกระแทกเข้าไปบนร่างของผู้ฝึกตนสีโลหิตที่ไม่อาจจะสังหารไปได้ตราบชั่วนิรันดร์ พวกมันถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ จนกลายเป็นกลุ่มหมอกสีโลหิตไปในทันที และขณะที่พวกมันเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งผ่านพวกมันเพื่อเข้าไปใกล้ผู้ฝึกตนชุดดำทั้งสิบเจ็ดคนนั้น

ผู้ฝึกตนเหล่านั้นเริ่มขยับมือร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว ใครก็ตามในกลุ่มของพวกมัน เมื่อมาเผชิญหน้าต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวตามลำพัง ก็ไม่อาจจะสู้กับเขาได้ โดยไม่ต้องใช้เวทแห่งเต๋าที่พิเศษใดๆ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันรวมพลังกันโจมตีมา ก็เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ขณะที่พวกมันขยับมือร่ายเวท แสงสีม่วงก็หมุนวนไปรอบๆ ร่างพวกมัน และก่อตัวกันเป็นหอกยาวสีม่วง แทงตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที

หอกเล่มนั้นเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันเข้มข้นกระจายออกไป มีลักษณะเดียวกันกับพลังขับไล่ที่อยู่รอบๆ ตัวมัน และเป็นการขับไล่ในทำนองเดียวกัน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือขวาขึ้นไป ทำให้ฝักถั่วสีดำสิบกว่าฝักลอยออกไป เกิดเป็นเสียงปะทุดังขึ้นขณะที่พวกมันกลายเป็นภูติเกราะดำ ส่งเสียงกรีดร้องพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนชุดดำ ด้วยความตั้งใจที่จะครอบครองร่างกายของพวกมัน

บุรุษชุดดำมีเวทแห่งเต๋าที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร แต่พวกมันก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปที่มีจิตวิญญาณ และยังคงตกอยู่ในอันตรายของการถูกครอบครองร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังอยู่ในท่ามกลางการร่ายเวท และด้วยเช่นนั้นภูติเกราะดำจึงเจาะไชเข้าไปในร่างกายพวกมันได้อย่างง่ายดาย

โอกาสที่ภูติเกราะดำจะครอบครองร่างกายพวกมันได้สำเร็จมีน้อยมาก แต่จริงๆ แล้วเมิ่งฮ่าวไม่ต้องการให้พวกมันทำได้สำเร็จ เมื่อพวกมันล้มเหลว พวกมันก็จะถูกขับไล่ออกมา และทำการโจมตีไปด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์

ผู้ฝึกตนชุดดำเริ่มสั่นสะท้านขึ้นในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเวทแห่งเต๋าของพวกมันก็ถูกปลดปล่อยออกมา หอกสีม่วงอันน่ากลัวเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นในท่ามกลางการพุ่งมาโจมตี และจากนั้นก็กระจายหายไปอย่างง่ายดาย

ในเวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็บินฝ่าอากาศไป มือขวากำเป็นหมัด และจากนั้นก็ต่อยไปยังพวกมันด้วยหมัดทำลายล้างชีวิต

เมื่อหมัดของเขากำลังจะกระแทกลงไป เสียงแค่นเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากด้านหลังของบุรุษชุดดำ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เก่าแก่โบราณ เงาร่างสายหนึ่งเดินออกมา เป็นบุรุษในชุดดำอีกคน แต่สูงกว่าคนอื่นๆ นี่คือหัวหน้าของพวกมัน เป็นบุรุษคนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมต่อสู้

มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าของเมิ่งฮ่าว

“จักรพรรดิบนภูเขากั๋วยิ่น รับรู้ได้ว่ามีใครบางคนเข้ามาในที่แห่งนี้ เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้ และอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิธีการใช้หมัดทำลายล้างชีวิตได้อย่างถูกต้อง” ขณะที่บุรุษผู้นั้นพูดขึ้น ก็กำมือขวาจนกลายเป็นหมัด และทันใดนั้นเจตจำนงแห่งการทำลายล้างชีวิตได้ระเบิดออกมา เพื่อก่อตัวเป็นหนึ่งหมัด

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น รู้สึกว่าคำพูดของมันช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะขบคิดว่าทำไม คนทั้งสองพุ่งผ่านอุโมงค์ตรงเข้าหากัน จนกระทั่งหมัดของทั้งสองกระแทกเข้าด้วยกัน

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนไปมา ดูเหมือนว่าตัวของสุสานเองอาจจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ เสียงแตกร้าวดังก้องขึ้นขณะที่อุโมงค์เริ่มสั่นไปมา โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของเมิ่งฮ่าว ขณะที่ร่างลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังด้วยพลังของแรงกระแทกนั้น

ร่างของบุรุษชุดดำสั่นสะท้านขึ้นด้วยเช่นกัน และถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว เมื่อมันมองขึ้นไป ผ้าคลุมหน้าสีดำก็ยังคงปกปิดใบหน้ามันไว้ ทำให้ยากที่จะมองเห็นหน้าตาของมันได้ แต่ดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ออกมา มันเริ่มเดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไปอีกครั้ง

“กลายเป็นปีศาจ!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ต่อยหมัดออกไป และบรรยากาศที่สะกดข่มอย่างรุนแรงก็พุ่งขึ้นมา ราวกับว่าบุรุษผู้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญเพียงหนึ่งเดียวในโลกแห่งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะผ่านเข้าไปในขั้นของการกลายเป็นปีศาจ ปลดปล่อยพลังระเบิดที่สามารถจะเสียสละได้ทุกสรรพสิ่งออกไป

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับเมื่อครู่นี้ยังไม่ถูกฟื้นฟู ทำให้ต้องเสียเปรียบเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองเห็นบุรุษชุดดำต่อยหมัดกลายเป็นปีศาจออกมา ก็หยุดการเคลื่อนที่ไปทางด้านหลัง และต่อยหมัดกลายเป็นปีศาจของตนเองออกไปแทน

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา เมื่อหมัดของคนทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง สุสานเริ่มแสดงสัญญาณแห่งการพังทลายออกมามากขึ้นกว่าเดิม

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และเขาก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังคล้ายกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน เขาถูกผลักดันให้พุ่งไปทางด้านหลังจนห่างไกล ในที่สุดก็เข้าไปใกล้กับปากทางเข้าของห้องลับ เขาหอบหายใจออกมาขณะที่มองขึ้นไปยังชายชราในชุดดำ พื้นฐานฝึกตนที่ผันผวนของมัน ทำให้มีตะเกียงวิญญาณที่ถูกดับลงไปแล้วสิบดวง ยิ่งไปกว่านั้นระดับของการฝึกตนกายเนื้อที่ระเบิดออกมาของมัน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ว่าคนผู้นี้ต้องแข็งแกร่งกว่าเต้าเทียน!

ชายชราก้าวเดินตรงมา ต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง “สังหารเทพ!”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฉับพลันนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบประกายขึ้น และร้องตะโกนขึ้นมาว่า “เจ้าคือจ้งอู๋หยา!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างของชายชราก็สั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวฉวยโอกาสที่มันเสียสมาธิ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และต่อยหมัดของตัวเองโจมตีไป

“สังหารเทพ!”

ในตอนนี้เองที่ห้องลับด้านล่าง อ๋าวเฉี่ยนส่งเสียงคำรามออกมา เป็นเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ราวกับว่าอ๋าวเฉี่ยนได้บรรลุถึงจุดวิกฤตในขั้นตอนของการครอบครอง และกำลังทุ่มออกมาจนสุดตัว มันอาจจะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่และแทนที่วิญญาณผู้ทรยศ หรืออาจจะตายไปในขั้นตอนนี้!

———————

หมายเหตุ : จ้งอู๋หยาเคยมีพูดถึงในตอนที่ 1052, 1082 และ 1083

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!