ตอนที่ 1404
เซียน เทพ มาร อสูร ปีศาจ
ขณะที่ผีเสื้อบินตรงไป เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนหลังของมัน โลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากมุมปาก ถึงแม้จะดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเขาเมื่อครู่นี้จะทรงพลังอย่างน่าประทับใจ แต่ความเป็นจริงก็คือว่าพื้นฐานฝึกตนของเขาไม่เสถียรมั่นคง ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกขัดขวางในขั้นตอนของการดูดซับโชควาสนาจากสุ่ยตงหลิว
เมิ่งฮ่าวยังคงไม่อาจจะผ่านเข้าไปภายในโลกของผีเสื้อได้ โดยที่ไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อไหร่ที่เขาพยายามจะผ่านเข้าไปในปีกของมัน ผีเสื้อก็จะเริ่มสั่นสะท้านจนแทบจะแตกกระจายออกไป
สำหรับปีกผีเสื้อนั้น เมื่อบิดามารดาและตี้จ้างรวมทั้งคนอื่นๆ พิจารณาดูแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่ากลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ไม่สอดคล้องกับผีเสื้อ อันเนื่องมาจากการดูดซับโชควาสนาจากสุ่ยตงหลิวยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ หลังจากขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น และกลิ่นอายต่างๆ เหล่านั้นอยู่ในจุดที่สมดุลพอดี ก็น่าจะมีทางผ่านเข้าไปได้
แต่เรื่องนี้ก็ไม่น่าวิตกมากนัก และไม่ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการปกป้องคุ้มครองผีเสื้อของเมิ่งฮ่าว ดังนั้นเขาจึงนั่งลงขัดสมาธิอยู่บนหลังของมัน มองออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ด้วยสีหน้าแห่งการหวนรำลึกอยู่เป็นระยะ
เขาคิดย้อนกลับไปยังอาณาจักรขุนเขาทะเล คิดไปถึงสุ่ยตงหลิว และใบหน้าที่เขาจดจำได้ทั้งหมดจากที่แห่งนั้น เกิดเป็นความเจ็บปวดในจิตใจจนยากที่จะสะกดข่มไว้ได้ เป็นเรื่องจริงที่บิดามารดาของตนเองได้ตายไปแล้ว เหลืออยู่แค่เครือญาติบางส่วนเท่านั้น ถึงแม้ว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลจะมีความหวังที่จะอยู่รอดในระยะยาว แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไป ก็แทบอยากจะให้สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
ทำให้เขาต้องแอบถอนหายใจอย่างลึกล้ำอยู่ในจิตใจ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงได้กลับกลายเป็นเช่นนี้ ได้แต่กระทำในส่วนของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องคุ้มครองผีเสื้อ
ขณะที่มันมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งที่ไห่เมิ่งจื้อจุนค้นพบ ด้วยการใช้ชีวิตของตนเองเป็นค่าตอบแทน
“นั่นคือสถานที่ซึ่งมีโอกาสรอดชีวิตเหลืออยู่…” เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังที่ห่างไกล พอจะเห็นแค่กระแสน้ำวนสีดำและสีขาว อยู่ภายในเต๋าแห่งกาลเวลาที่หมุนวนไปมาได้อย่างเลือนลางเท่านั้น
ภายในโลกของผีเสื้อ ผู้ที่รอดชีวิตอยู่ของอาณาจักรขุนเขาทะเล กำลังก่อสร้างบ้านเรือนของตนเองขึ้นมาใหม่อย่างเงียบๆ จากอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง มีผู้ฝึกตนเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่แสนคนเท่านั้น
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นเคยต่อสู้อยู่ในสงครามอันขมขื่น เคยมองดูบ้านเรือนของตนเองพังทลายลงไป เคยผ่านความโหดเหี้ยมมานับไม่ถ้วน แต่พวกมันก็ยังคงแน่วแน่เด็ดเดี่ยวเหมือนเช่นเคย จิตวิญญาณของพวกมันไม่ได้มอดดับลงไป เมื่อเวลาผ่านไปจิตวิญญาณเหล่านั้นก็จะถูกส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่อีกนับไม่ถ้วน
สวี่ชิงมักจะโผล่ออกมาเพื่อคอยอยู่เป็นเพื่อนกับเมิ่งฮ่าวเป็นระยะ หวังโหย่วฉาย เจ้าอ้วน และคนอื่นๆ ก็ออกมาด้วยเช่นกัน แต่เฉินฝานไม่ปรากฏตัวขึ้น เมิ่งฮ่าวจำได้อย่างแม่นยำว่ามันก็อยู่ในกลุ่มคนที่ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในโลกของผีเสื้อ แต่จากนั้นก็ไม่เคยพบเห็นมันอีกเลย
หลังจากที่ขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมิ่งฮ่าวก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเหลือบมองเห็นเฉินฝานตอนที่กำลังออกมาจากสามสิบสามนรก และมองเห็นความสับสนอยู่ในแววตาของมัน เห็นได้ชัดว่าเฉินฝานต้องเคยพบเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในสามสิบสามนรก ซึ่งก็คือ…โชควาสนาที่ไม่เหมือนใครของมัน
ในช่วงที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวเคยลองพยายามที่จะตรวจสอบดูเรื่องนี้ แต่ตอนนี้กลุ่มคนอาณาจักรขุนเขาทะเลต่างก็เหน็ดเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ ตัวเมิ่งฮ่าวเองก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะไปขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
ปรมาจารย์เอกะเทวะก็อยู่ในโลกของผีเสื้อด้วยเช่นกัน รวมทั้งตานกุ่ยและเคอจิ่วซือ
เวลาผ่านไป ในขณะที่กลุ่มคนกำลังก่อสร้างบ้านใหม่ของตนเอง เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังของผีเสื้อ แต่ก็ไม่ได้เข้าฌานหรือฝึกฝนตนเอง กลับส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังสภาพแวดล้อมรอบตัว เพื่อคอยพิทักษ์คุ้มกันอย่างต่อเนื่อง
อันตรายที่อยู่ห่างไกลออกไปยังไม่สิ้นสุดลง
เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งสองแห่งตรึงแน่นมาบนร่างผีเสื้อ หนึ่งในนั้นอยู่ห่างไกลออกไปตรงด้านหน้า เป็นพลังที่ลี้ลับและยากจะหยั่งถึง ซึ่งเป็นของอาณาจักรมารโดยไม่ต้องสงสัย พวกมันยังคงเฝ้าจับตามองมาอย่างใกล้ชิด ตรงด้านหลังเป็นรังสีสังหารจากอาณาจักรเทพ
ขณะที่สองดินแดนอันกว้างใหญ่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเป็นร่างแหขนาดใหญ่ที่แผ่กระจายออกมา แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งร่างผีเสื้ออยู่ในตอนนี้
อย่างไรก็ตามสองดินแดนอันกว้างใหญ่นั้นก็ไม่อาจจะระบุตำแหน่งของผีเสื้อได้อย่างแม่นยำ ปราณอสูรของเมิ่งฮ่าวทำให้ทุกสรรพสิ่งบิดเบี้ยวไปมา ทำให้พวกมันไม่อาจจะระบุได้อย่างชัดแจ้ง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น พวกมันก็คงจะเคลื่อนย้ายทางไกลมาในทันที
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ขณะที่ผีเสื้อเข้าไปใกล้กระแสน้ำวน ซึ่งเป็นความหวังของอาณาจักรขุนเขาทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวสังเกตดูความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต และมองเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่มากมาย
เขามองเห็นภายในกลุ่มหมอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีรูปปั้นที่แตกหักไม่อาจจะมองเห็นรูปร่างหน้าตาได้ อยู่รวมกันเป็นกลุ่มห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งผ่านไป
มองไปแค่แวบเดียวก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นรูปปั้น แต่หลังจากที่ตรวจสอบดูให้ละเอียด…ก็เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่แปลกๆ บางอย่าง
โชคดีที่พวกมันไม่มีท่าทีดุร้าย ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าวและผีเสื้อ ขณะที่ลอยห่างออกไปไกล
อีกครั้งด้วยเช่นกันที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่น่าตกใจ เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่าที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีกลุ่มหมอกที่บิดตัวไปมาปรากฏขึ้น กระเพื่อมเป็นความหนาวเย็นอย่างรุนแรงออกมา ขณะที่เริ่มไล่ตามผีเสื้อไป
ชั่วขณะต่อมาดวงตาสีเทามากมายก็ปรากฏขึ้นมาจากภายในกลุ่มหมอก เมื่อพวกมันตระหนักว่าดวงตาสีแดงเข้มของเมิ่งฮ่าวกำลังจ้องมองกลับมา และรู้สึกได้ถึงความดุร้ายจากภายในสายตาของเขา กลุ่มหมอกเหล่านั้นก็ถอยร่นไปทางด้านหลัง และจากนั้นก็จางหายไป
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว กลุ่มหมอกเหล่านั้นทำให้เกิดเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดขึ้นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะมีรูปแบบสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนอยู่ภายในนั้น เขายังรู้สึกด้วยอีกว่าถ้าไม่มีแรงกดดันเก้าแก่นแท้อยู่ภายในร่างตนเอง กลุ่มหมอกก็คงจะไล่ตามผีเสื้อต่อไป…เฝ้ารอโอกาสที่จะโจมตีมา
เหล่านั้นคือสิ่งที่แปลกประหลาดบางส่วนซึ่งเมิ่งฮ่าวมองเห็นในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ขณะที่เดินทางไปเรื่อยๆ เขายังได้เห็นฝูงสุนัขป่าด้วยเช่นกัน…พวกมันเป็นสุนัขป่าจริงๆ เหมือนกับเป็นสุนัขป่าจากโลกมนุษย์ทั่วไป
ยกเว้นว่าพวกมันแอบซ่อนอยู่ภายในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต สำหรับพวกมันแล้วความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตคือผืนป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของตนเอง
เขามองเห็นซากศพยักษ์ ที่เริ่มเน่าเปื่อยมานานแล้ว และกำลังถูกกัดกินอย่างช้าๆ จากฝูงศีรษะที่ไร้ร่างนับไม่ถ้วน
ท่ามกลางศีรษะเหล่านั้นมีทั้งบุรุษและสตรี ชราและเยาว์วัย พวกมันทั้งหมดกำลังกัดแทะซากศพนั้นไปอย่างช้าๆ
ยักษ์ตนนี้แตกต่างไปจากเทพสามตา หรือชนเผ่ายักษ์แห่งอาณาจักรเทพ มันมีสองหัวและหางที่ยาวมาก
ร่างกายมากกว่าครึ่งของมันถูกกัดกินไปแล้ว แต่จากการมองไปยังกระดูก ก็สามารถจะบอกได้ว่าในชั่วชีวิตของมัน เคยเทียบเท่ากับ…ผู้แข็งแกร่งแปดแก่นแท้
เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ ศีรษะเหล่านั้นก็หยุดการกัดเคี้ยว และค่อยๆ มองมายังผีเสื้อด้วยสายตาที่เย็นชาและว่างเปล่า อย่างไรก็ตามในทันทีที่พวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้น และพวกมันก็รีบหันหลังกลับ ทำการกัดกินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ยังมีบางสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่ก็เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ในครั้งหนึ่งเขามองเห็นราชวังศิลากำลังลอยอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เมื่อกำลังพุ่งผ่านมันไป ก็มีดวงตามากมายโผล่ขึ้นมาจากศิลาที่ถูกสร้างขึ้นเป็นราชวัง ดวงตาเหล่านั้นมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น เวลาเดียวกันนั้นเสียงร้องตะโกนนับไม่ถ้วนก็ได้ยินขึ้นมา
“บัดซบ เจ้ากำลังทับข้าอยู่! โอย, เจ็บ!”
“หุบปาก! ข้าอยู่บนร่างเจ้ามาโดยตลอด! ข้าไม่ต้องการเป็นเช่นนี้ มีใครบางคนกำลังทับข้าอยู่ด้วยเช่นกัน!”
“อ๊ากกกกก! ข้ากลายเป็นก้อนศิลาไปแล้ว! ช่างน่าแปลกใจนัก…”
เห็นได้ชัดว่าเสียงโต้เถียงกันเหล่านี้ดังออกมาจากก้อนศิลาเอง และยังคงทะเลาะกันอย่างต่อเนื่องขณะที่ราชวังลอยออกไปยังที่ห่างไกล
ในที่สุดผีเสื้อก็เข้าไปใกล้กระแสน้ำวน ซึ่งกล่าวได้ว่ามันมาถึงยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายแล้ว! แต่ทันใดนั้นคนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น!
นี่เป็นครั้งแรกที่มีมนุษย์ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เป็นชายชราในชุดเสื้อกันฝนที่ถักทอมาจากต้นกก นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนศิลาซึ่งลอยอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ก้อนศิลานั้นมีดวงตาหนึ่งคู่ และตอนนี้กำลังแผดร้องตะโกนด้วยโทสะออกมา
“เฒ่าบัดซบ! ลงไปเดี๋ยวนี้! ไม่อนุญาตให้เจ้ามานั่งบนร่างข้า อ๊ากกกกก! เจ้าทำให้ข้าต้องอับอายนัก! เจ้าดูถูกข้ามากไปแล้ว ข้า ข้า ข้า, ข้ายังไม่ได้แต่งงาน! ข้าจะเสี่ยงชีวิตกับเจ้าแล้ว!”
ขณะที่ก้อนศิลาแผดร้องออกมา ชายชราก็แค่นเสียงเย็นชา และตวัดคันเบ็ดออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผีเสื้อบินผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็สันนิษฐานว่าโลกแห่งนี้ก็น่าจะเหมือนกับโลกอื่นๆ ที่แค่มองมาและไม่สนใจตนเองเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเองที่ผีเสื้อสั่นสะท้านขึ้นมา และเปลี่ยนทิศทาง…มุ่งหน้าตรงไปกินเหยื่อที่ห้อยอยู่ตรงปลายสายเบ็ดของชายชรา!
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และลุกขึ้นมายืนในทันที ขณะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ก็ได้ยินเสียงบิดามารดาดังก้องขึ้นมาในจิตใจ
“ฮ่าวเอ๋อร์ พวกเราไม่อาจจะควบคุมผีเสื้อได้…”
สีแดงจ้าในดวงตาเมิ่งฮ่าวเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น และปราณอสูรก็พลุ่งพล่านขึ้นมา ขณะที่จ้องมองไปยังชายชรา
ชายชรามองมายังเมิ่งฮ่าวและยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด และในขณะที่มันยิ้มออกมานั้น ตรงหน้าผากก็แยกออกจากกัน และเขาสีดำก็โผล่ออกมา ร่างมันแยกออกอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยรอยแตก จากนั้นร่างมันก็ระเบิดขึ้น เผยให้เห็นเป็น…เงาร่างสีเขียวพร้อมกับเขาหนึ่งข้าง!
ร่างมันกระเพื่อมไปมาด้วยกลิ่นอายที่ปั่นป่วนวุ่นวาย ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องขึ้น
“เมื่อความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตตกอยู่ในความปั่นป่วน ฟ้าดินก็จะมาอยู่ในมืออีกครั้ง!”
“เมื่อจักรวาลพังทลายลงไป เต๋าอันยิ่งใหญ่ก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!”
“ใครจะอยู่เหนือเทพและมาร…เพื่อผนึกสวรรค์!?”
“ทั้งหมดนี้คือการนำไปสู่…สิ่งที่มันควรจะเป็นไป…” เงาร่างสีเขียวหัวเราะขึ้น จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังผีเสื้อในทันที
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะช่วยเจ้า เพื่อสร้างความดีสักเล็กน้อย” พร้อมกับเสียงหัวเราะ เงาร่างสีเขียวชี้นิ้วออกไป และผีเสื้อก็สั่นสะท้าน คาดไม่ถึงว่าเกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกไปจากปีกทั้งสองข้าง พุ่งเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และเวทข้ามกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าผีเสื้อที่กำลังสั่นสะท้านผลักดันให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแทบจะแตกกระจายออกไป ราวกับว่าเกิดเป็นพลังที่พุ่งขึ้นมาจนแทบจะระเบิดออกไป ทำให้สามารถจะปลดปล่อยเป็นความเร็วอันน่าตกใจที่สามารถจะทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมดได้ออกมา
เวทข้ามกาลเวลาปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวเงาร่างสีเขียวนั้น และเมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังมันในตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าเวลาได้ไหลผ่านไปด้วยความแตกต่างอยู่รอบๆ ตัวมัน
เห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้มาจากยุคสมัยนี้ และจริงๆ แล้วก็ใช้ความผันผวนแห่งกาลเวลาที่แปลกๆ ในบริเวณนี้เพื่อมายังจุดนี้
ขณะที่เงาร่างนั้นเริ่มเลือนรางลงไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ถามขึ้น “ท่านคือใคร?!”
“เมื่อเจ้าไม่รู้จักข้า ก็ไม่จำเป็นต้องรู้แล้ว”
เสียงหัวเราะดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงาร่างสีเขียวหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย…สิ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็คือเสียงของมัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยน้ำเสียงที่โล่งใจ ดังก้องอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
“ใครเป็นคนสร้างไข่มุกขาว!?”
“ใครเป็นคนสร้างไข่มุกดำ!?”
“ใครเป็นคนก่อตั้งสี่อาณาจักรอันยิ่งใหญ่…ใครเป็นคนเปลี่ยนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้กลายเป็นความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต…?”
“และใคร…สร้างกระจกบานนั้น…? ใครตัดขาดจากเซียนเพื่อกลายเป็นปีศาจ!?”
“มันคือจุดเริ่มต้น เจ้าคือจุดสิ้นสุด มันเป็นเช่นนี้นี่เอง…เซียน เทพ มาร อสูร ปีศาจ เป็นเช่นนี้นี่เอง…”