Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1537

ตอนที่ 1537

พื้นฐานเต๋าสมบูรณ์

เสียงกู่ร้องนั้นราวกับจะฉีกกระชากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้ขาดออกจากกัน ดังก้องออกไปทั้งสี่ทิศแปดทาง ทำให้ดรรชนีนั้นเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา

ขณะที่เมิ่งฮ่าวกระจายเป็นแสงสีแดงอันเจิดจ้าออกไป เส้นผมลอยพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว

แสงสีแดงนั้นเป็นสีเดียวกับวิญญาณและดวงตาของเมิ่งฮ่าว!

ในทันทีที่แสงนั้นปรากฏขึ้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง และพลังของกายเนื้อก็ก้าวขึ้นไปจนถึงระดับที่สูงมากกว่าเดิม เป็นระดับที่สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน และนี่ก็คือ…เหนือสูงสุด!

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปอยู่ในจุดเหนือสูงสุด

ก็ราวกับว่าประตูถูกเปิดออกไปในฟ้าดิน เป็นประตูที่ปะทุขึ้นมาด้วยพลังแห่งกาลเวลา ขณะเดียวกันนั้นร่างกายเมิ่งฮ่าวก็สร้างท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวขึ้นมาใหม่

เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวซึ่งเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างของเมิ่งฮ่าว และกลายเป็นกระแสน้ำวนที่กำลังหมุนวนไปมา

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ตอนนี้กายเนื้ออยู่ในจุดเหนือสูงสุดแล้ว ซึ่งหมายความว่าต่อให้สวรรค์พังทลายปฐพีสูญสลาย เมิ่งฮ่าวก็ยังคงอยู่

“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาด พลังพุ่งทะยานขึ้นไป และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา ขณะที่ฟาดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง ดรรชนียักษ์ถอยไปทางด้านกลัง และยังได้เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ว่ามันกำลังจะแตกกระจายออกไปในไม่ช้านี้แล้ว

ในตอนนี้แม้แต่ร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่ก็ยังไม่อาจจะเทียบกับเมิ่งฮ่าวได้ นอกจากนั้นมันก็ยังเป็นแค่ร่างจำแลงเท่านั้น ในขณะที่เมิ่งฮ่าวเป็นร่างจริง

เมิ่งฮ่าวก็เหมือนกับปีศาจ, เทพ หรือมาร ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เหนือสูงสุดเพียงแค่เจ็ดในสิบส่วนเท่านั้น และยังคงขาดวิญญาณเหนือสูงสุด แต่ก็สามารถจะปลดปล่อยพลังออกมา จนสามารถจะต่อสู้กลับไปยังดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนได้ และจริงๆ แล้วก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอีกด้วย!

ดรรชนีแห่งหลัวเทียนถูกผลักดันให้ถอยกลับไป และเมิ่งฮ่าวก็ลอยตัวอยู่ในความว่างเปล่า ถูกห้อมล้อมโดยแสงสีแดงเข้มอันไร้ขอบเขต เมื่อเขามองขึ้นไป ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันคมกริบ

“เหนือสูงสุดต่อมาก็คือวิญญาณของข้า” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และพื้นฐานฝึกตนก็ปะทุขึ้นด้วยพลังเหนือสูงสสุดอันน่ากลัว ไม่มีใครจะสามารถเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้ได้ โดยที่จิตใจไม่รู้สึกหวาดกลัว เป็นพลังที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติทั้งปวง มันคือพื้นฐานเต๋า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวบิดเบี้ยวไปมา สวรรค์และปฐพีทั้งปวงต่างก็แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อเมิ่งฮ่าว

ขณะที่พลังการฝึกตนพุ่งทะยานขึ้นไป เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำให้อากาศรอบๆ ตัวแตกกระจายไป ราวกับว่าเขากำลังดูดซับพลังชีวิตจากสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ทำให้ทุกสรรพสิ่งแห้งเหี่ยวลงไป

เวลาเดียวกันนั้นกายเนื้อเหนือสูงสุดก็กระจายเป็นพลังอันน่ากลัวออกมา ซึ่งไปรวมเข้ากับพลังจากพื้นฐานฝึกตนเพื่อก่อตัวเป็นพลังสะท้อนอันน่าตกใจ

เนื่องจากพลังสะท้อนนั้น ทำให้วิญญาณเมิ่งฮ่าวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นอายเริ่มน่ากลัวมากขึ้น พุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ในที่สุดวิญญาณก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เมิ่งฮ่าวอยู่เหนือสูงสุดอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้เองที่กลิ่นอายและระลอกคลื่นอันน่ากลัวซึ่งกำลังกระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็จางหายไป เขาไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่น ดูคล้ายกับมนุษย์ธรรมดาอย่างแท้จริง

แต่เนื่องจากสถานะในตอนนี้ ทำให้ความเก่าแก่โบราณที่อยู่รอบๆ ตัวจางหายไป และโลกแห่งนี้ก็กลับมาอยู่ในสถานะก่อนหน้านี้เหมือนเดิม ดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าของเขตสุสานปรากฏขึ้นอีกครั้ง และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่ตรงด้านบน

เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องขึ้น ตรงด้านล่างบนดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า เจ้าสำนักและคนอื่นๆ กำลังสั่นสะท้าน ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความนับถืออย่างเข้มข้น เมื่อพวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็ต้องหอบหายใจออกมา จากนั้นก็คุกเข่าลงไปโขกศีรษะ

“ขอคารวะเชาทัว! (ผู้อยู่เหนือสูงสุด)”

“ขอคารวะเชาทัว!!” ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และคุกเข่าลงไปโขกศีรษะด้วยเช่นกัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ คลั่งไคล้และหวาดกลัว

ผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้เหล่านี้ไม่เคยโขกศีรษะให้กับผู้ใดมานานมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกมันไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะก้มศีรษะลงไปจนกระทั่งหน้าผากแตะสัมผัสพื้นดิน พวกมันไม่ลังเลที่จะแสดงความเคารพนับถืออย่างเป็นทางการมากที่สุดออกมา

ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ผู้ฝึกตนเหนือสูงสุดเป็นสิ่งที่อยู่เหนือตำนานทั้งหมด พวกมันคือบุคคลที่สามารถจะทำลายโลกทั้งปวงได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวโดยที่ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดๆ พวกมันเป็นแก่นแท้แห่งคนทั้งมวล แม้แต่เจตจำนงแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตก็ยังไม่อาจจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้

เหนือสูงสุดและอาณาจักรพื้นฐานเต๋า แยกตัวเป็นอิสระออกมาจากกฎธรรมชาติโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนเช่นนี้สามารถจะสร้างกฎธรรมชาติและแก่นแท้ของตนเองขึ้นมาได้

พวกมันเป็นอิสระอย่างแท้จริง!

ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักและผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้คนอื่นๆ เท่านั้นที่โขกศีรษะลงไป เหล่าภูตผีนับไม่ถ้วนที่ยังคงเฝ้ารออยู่ในที่ห่างไกลออกไป ต่างก็มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความนับถือบูชาโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็คุกเข่าลงไปโขกศีรษะด้วยเช่นกัน

“ขอคารวะเชาทัว!”

ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต เงาร่างนับไม่ถ้วน สิ่งมีชีวิตมากมาย โลกจำนวนมาก ต่างก็สั่นสะท้านกันทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างก็มองมายังทิศทางของเขตสุสาน และก้มศีรษะลง

เกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาจากภายในจิตวิญญาณของพวกมัน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครบรรลุถึงจุดเหนือสูงสุด แต่พวกมันก็รู้สึกว่าทันใดนั้นสวรรค์แห่งใหม่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน

จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ตลอดหลายปีนับไม่ถ้วนที่ผ่านไป มีผู้ฝึกตนเหนือสูงสุดเพียงแค่สามคนเท่านั้น ปีศาจ มาร เทพ แต่ตอนนี้ก็มีคนที่สี่แล้ว!

เขามีพลังเวทที่ไร้ขอบเขต

เขาคือเต๋าไร้สิ้นสุด

เขาคือผู้เหยียบย่ำสวรรค์

เขาคือ…เมิ่งฮ่าว!

ทันใดนั้นดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในความว่างเปล่าไร้ขอบเขตที่เพิ่งจะพังทลายลงไป ก็ก่อตัวกลับขึ้นมาใหม่ เวลาเดียวกันนั้นโลกนับพันก็แห้งเหี่ยวลงไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายในโลกเหล่านั้นตกตายไปในทันที พลังชีวิตของพวกมันถูกดูดออกไป เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับดรรชนีใหม่นี้

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อดรรชนีนั้นเริ่มตกลงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจยิ่ง

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งเยือกเย็น จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมาและชี้นิ้วออกไป

ขณะที่ทำเช่นนี้ระลอกคลื่นสีแดงที่อยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ หมุนวนเป็นรูปวงกลมรอบแล้วรอบเล่า เพื่อกลายเป็นภาพของดรรชนี ซึ่งสามารถเทียบได้กับดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนในทุกส่วน ดรรชนีสีแดงเข้มเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศโดยไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย

ดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และจากนั้นก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นผลึกแสงนับไม่ถ้วน สำหรับดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากแก่นแท้ส่วนตัวของเมิ่งฮ่าว ก็ระเบิดกลายเป็นแสงสีแดงด้วยเช่นกัน

ในทันทีที่ดรรชนีซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนพังทลายลงไป ก็ดูเหมือนว่าจุดแสงนับไม่ถ้วนเหล่านั้นจะกลายเป็นสายฟ้าในทันที เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมา ขณะที่สายฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว

นี่คือทัณฑ์สายฟ้า ซึ่งถูกส่งมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ในฐานะที่เป็นทัณฑ์เหนือสูงสุด

แค่สายฟ้าสายใดสายหนึ่งเหล่านั้น ก็สามารถจะกวาดล้างผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดไปได้อย่างง่ายดาย ขณะที่พวกมันตกลงมายังเมิ่งฮ่าว เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้แสงทั้งปวงที่ก่อตัวเป็นดรรชนีเมื่อครู่นี้ เชื่อมต่อกันเป็นศีรษะขนาดใหญ่

ศีรษะนั้นมีเขาโดดเดี่ยวข้างหนึ่งงอกยาวออกมา พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายสีแดงจ้า ขณะที่เผชิญหน้ากับสายฟ้าที่ใกล้เข้ามา ก็ยิ้มอย่างดุร้าย จากนั้นก็อ้าปากขึ้นและเริ่มสูดลมหายใจเข้าไป

ทันใดนั้นสายฟ้าก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา และถูกดูดเข้าไปในปากของศีรษะยักษ์ ศีรษะนั้นมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้นก็เริ่มหดตัวเล็กลงไป บินตรงมายังฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว และในที่สุดก็กลายเป็นกระแสน้ำวนที่หมุนวนไปมา

กระแสน้ำวนนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ก็ดูเหมือนว่าภายในนั้นจะไร้จุดสิ้นสุด ราวกับว่าจะประกอบไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน ราวกับว่ามันมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของตนเอง

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบลงไปโดยสิ้นเชิง ร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่มองไปยังกระแสน้ำวนที่อยู่บนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด เวลาเดียวกันนั้นเงาร่างๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของเขตสุสานแห่งนี้

เป็นแค่เค้าโครงร่างเท่านั้น และภายในนั้นก็มองเห็นผลไม้อยู่เก้าสิบแปดผล เป็นเงาร่างเดียวกันกับที่เมิ่งฮ่าวเคยเห็นมาก่อนในเสาอสูรตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต

เงาร่างนี้ก็คือร่างจริงที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต

ยากที่จะบอกได้ว่ามันปรากฏกายขึ้นมาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ลอยตัวอยู่ที่นั่นมองลงมายังเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่าจะเพ่งมองไปยังกระแสน้ำวนแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวบนมือของเมิ่งฮ่าวมากเป็นพิเศษ

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังเงาร่างนั้น

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เค้าโครงร่างนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ป้านจู่ (ครึ่งบรรพจารย์)…”

ด้วยการมองมายังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นร่างมันก็จางหายไป

“ป้านจู่ (ครึ่งบรรพจารย์)…” เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา หลังจากที่พื้นฐานฝึกตน กายเนื้อ และวิญญาณต่างก็ผ่านเข้าไปในจุดเหนือสูงสุด เขาก็ตระหนักได้ถึงความเป็นจริง เมื่อพูดถึงเหนือสูงสุด อาณาจักรพื้นฐานเต๋า ก็ไม่ได้มีแค่อาณาจักรนี้เท่านั้น

ยังมีอาณาจักรอื่นอีก ซึ่งก็คือบรรพจารย์…

นั่นคือจุดสูงสุดของเหนือสูงสุด สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว เมื่อไปอยู่ในจุดเหนือสูงสุด ก็ก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงระดับวงจรอันยิ่งใหญ่ อันที่จริงเขายังได้ก้าวขึ้นไปสูงกว่านั้น ทำให้ห่างจากอาณาจักรบรรพจารย์อยู่ครึ่งก้าว

จุดเด่นของอาณาจักรบรรพจารย์ก็คือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และโลก ซึ่งจะปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่างกายของคนผู้นั้น

ดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวมองไปยังร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์!”

เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ความช่วยเหลือจากชางหมางเหลาจู่เป็นสิ่งที่ตนเองไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้ เขาโค้งตัวลงด้วยความจริงใจและรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง

ร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“สามคนก่อนหน้าเจ้า ได้จากไปนานแล้ว บางทีพวกมันอาจจะกลับมา แต่ก็อาจจะเพียงแค่มาสังเกตดูเล็กน้อยก่อนที่จะจากไปอีกครั้ง เมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่เหล่านั้นแล้ว สถานที่แห่งนี้ช่างไร้ความหมายอย่างแท้จริง”

“เหล่าฟูเป็นแค่ร่างจำแลงเท่านั้น และตอนนี้ก็แทบไม่อาจจะคงอยู่ได้อีกต่อไป อย่างมากที่สุดก็อีกหนึ่งหมื่นปีก่อนที่จะตายไปในการเข้าฌาน จากนั้นก็จะหายสาบสูญไป แต่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสหายเต๋าเหนือสูงสุดคนที่สี่ในบ้านเกิดของตนเอง”

ร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่ยิ้มออกมา จากนั้นก็เดินกลับไปยังบัลลังก์ขนาดใหญ่ ก้อนศิลาลอยกลับขึ้นไปในอากาศ ปกคลุมร่างมันไว้ กลายเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่อีกครั้ง ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนเดิม พร้อมกับรูปปั้นที่กำลังมองออกไปยังดินแดนของตนเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version