ตอนพิเศษ 3
การพบกันครั้งแรกระหว่างอู่เหยียและซานเหยีย
ห้วงจักรวาลทั้งสีดำสนิทและเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับด้วยเช่นกัน
แต่ก็ไม่ใช่ความขัดแย้ง แสงระยิบระยับเหล่านั้นกระจายออกมาจากดวงดาวนับไม่ถ้วน ที่กระจัดกระจายออกไปคล้ายกับเมล็ดพืช คล้ายกับไข่มุกที่กำลังเรืองแสงอย่างที่ไม่อาจจะนับได้ ส่งผลให้แสงของพวกมันสาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ความมืดมิดมาจากความจริงที่ว่าห้วงจักรวาลมีขนาดกว้างใหญ่มหาศาล ทำให้ระยะห่างระหว่างโลกทั้งสองเหล่านั้นแทบไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ภายในความว่างเปล่านั้นจึงไม่มีแสงสว่างใดๆ มีเพียงความเงียบและความมืดมิดเท่านั้น
กาลเวลาในห้วงจักรวาลไม่เด่นชัดมากนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพลังแห่งห้วงจักรวาลเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรบรรพจารย์ก็ตาม
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว จนกระทั่งในวันหนึ่ง ลำแสงอันเจิดจ้าสายหนึ่งได้ปรากฏขึ้น เคลื่อนที่ผ่านห้วงจักรวาลมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจยิ่ง
ถ้าตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็จะพบว่าลำแสงสายนั้นประกอบด้วยคนผู้หนึ่ง เป็นบุรุษวัยกลางคน
ที่มีจิตวิญญาณอ่อนแอเป็นอย่างมาก
คนผู้นั้นสวมใส่ชุดยาวสีเขียว และมีใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่ามันกำลังถูกไล่ล่ามา ถึงแม้ว่าจะมีสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม แต่ภายในแววตาก็แวบประกายเจ้าเล่ห์ออกมา
ขณะที่บุรุษผู้นั้นพุ่งผ่านไป ลำแสงสายที่สองก็ปรากฏขึ้นภายในความมืด เป็นหญิงสาวนางหนึ่ง ใบหน้าซีดขาวด้วยเช่นกัน ขณะที่บินมาด้วยความรวดเร็วสูงสุด เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองกำลังถูกไล่ตามมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง
คนทั้งสองรู้จักซึ่งกันและกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากนัก และยังได้เป็นศัตรูกันอีกด้วย ขณะที่พวกมันหลบหนีไป ก็มักจะโจมตีกันไปมาเพื่อพยายามทำให้อีกฝ่ายช้าลง บุรุษมักจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ไม่อาจจะลดความเร็วของหญิงสาวนางนั้นได้อย่างถาวร
ขณะที่คนทั้งสองพุ่งผ่านความเงียบแห่งห้วงจักรวาลไป ลำแสงที่สามก็ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังพวกมัน กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา ภายในแสงนั้นเป็น…
นกแก้วตัวหนึ่ง!
ขนของมันเปล่งประกายหลากสี และพุ่งตรงมาคล้ายกับเป็นดาวตก ดูงดงามและยิ่งใหญ่ จนดูคล้ายกับเป็นอาวุธสงคราม ขณะที่ไล่ตามบุรุษและสตรีนางนั้น
ทันใดนั้นนกแก้วก็เร่งความเร็วจนเข้าไปใกล้คนทั้งสองอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็กระแทกลงไปยังพวกมัน ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจาก
ปากของสตรี เวลาเดียวกันนั้นโลหิตก็ไหลซึมลงมาจากคางของบุรุษ
“อู่เต้า (เต๋าห้า) อย่าได้รังแกกันเกินไปนัก แม้แต่จักรพรรดิเจ้าก็ยังไม่อาจจะเอาชนะร่างจริงข้าได้ ข้าคือเซียน! เป็นเซียนแห่งห้วงจักรวาลนี้!” ถึงแม้จะดูเหมือนว่าบุรุษผู้นั้นจะพูดจาอย่างคลุ้มคลั่ง แต่ความฉลาดก็แวบขึ้นมาจากในส่วนลึกของดวงตา จนแทบจะมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง
ใบหน้าของสตรีนางนั้นซีดขาวมากขึ้น กัดฟันแน่นพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด
การไล่ล่าดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหนึ่งในดวงดาวเหล่านั้นปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เหมือนกับดวงดาวนับไม่ถ้วนในห้วงจักรวาลแห่งนี้ ยกเว้นว่าดาวดวงนี้ยังไม่สมบูรณ์อย่างเต็มที่ เจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของมันยังคงเติบโตขึ้นมา และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นก็ยังไม่เจริญก้าวหน้ามากนัก
เมื่อกลุ่มคนทั้งหมดเข้ามาใกล้ เสียงของนกแก้วก็ดังก้องขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและสะกดข่ม “จู่เหริน (เจ้านาย) ข้ากำลังจะไปสังหารร่างจริงเจ้าอย่างแน่นอน! และข้าก็ได้รับมอบหมายให้มากำจัดเจ้าซึ่งเป็นร่างจำแลง! กู่เซียนหลิง (วิญญาณเซียนโบราณ) และเจ้าต้องถูกกำจัดไปในวันนี้ พวกเจ้าทั้งสองไม่มีทางหนีพ้น!”
สีหน้านกแก้วเย็นชาราวน้ำแข็ง แต่น้ำเสียงยังเย็นชายิ่งกว่า ขณะที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องไปทั่วทั้งห้วงจักรวาล ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ทุกสรรพสิ่งถูกแช่แข็งไป
ทันใดนั้นค่ายกลเวทก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวนกแก้ว กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ปกคลุมไปทั่ว
มา และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นก็ยังไม่เจริญก้าวหน้ามากนัก
เมื่อกลุ่มคนทั้งหมดเข้ามาใกล้ เสียงของนกแก้วก็ดังก้องขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและสะกดข่ม “จู่เหริน (เจ้านาย) ข้ากำลังจะไปสังหารร่างจริงเจ้าอย่างแน่นอน! และข้าก็ได้รับมอบหมายให้มากำจัดเจ้าซึ่งเป็นร่างจำแลง! กู่เซียนหลิง (วิญญาณเซียนโบราณ) และเจ้าต้องถูกกำจัดไปในวันนี้ พวกเจ้าทั้งสองไม่มีทางหนีพ้น!”
สีหน้านกแก้วเย็นชาราวน้ำแข็ง แต่น้ำเสียงยังเย็นชายิ่งกว่า ขณะที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องไปทั่วทั้งห้วงจักรวาล ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ทุกสรรพสิ่งถูกแช่แข็งไป
ทันใดนั้นค่ายกลเวทก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวนกแก้ว กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ปกคลุมไปทั่วแม้แต่บุรุษและสตรีคู่นั้น ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ แสงอันหลากสีก็พุ่งขึ้นมากลายเป็นสัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วน เสียงสวดมนต์อันลี้ลับดังก้องขึ้น เมื่อค่ายกลเวทเริ่มหมุนวนไปมา กลิ่นอายอันน่ากลัวพุ่งขึ้นไปขณะที่ค่ายกลเวทเริ่มระเบิดขึ้น กลายเป็นพลังการโจมตีทำลายล้างที่พุ่งลงมายังบุรุษและสตรีผู้นั้น
ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงนี้ บุรุษแผดร้องคำรามปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทำให้ร่างกายขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็กลายร่างเป็นยักษ์พร้อมกับขวานต่อสู้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ โดยไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย มันกวัดแกว่งขวานต่อสู้ไปยังสัญลักษณ์เวทเหล่านั้น ปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ออกไป เป็นพลังที่สามารถจะทำให้ภูเขาต้องพังทลายน้ำทะเลต้องเหือดแห้งหายไป
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น และยักษ์ก็กระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ ร่างกายแทบจะพังทลายลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย ร้องตวาดว่า “อู่เต้า เจ้าทำเกินไปแล้ว!!”
แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน โลหิตสีทองสิบหยดก็โผล่ออกมาจากร่างที่ถูกทำลายไป หยดโลหิตเหล่านั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันในทันที กลายเป็นหัตถ์สีโลหิตขนาดยักษ์หนึ่งข้าง
หัตถ์ยักษ์นั้นกระจายเป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา เป็นสิ่งที่ทำให้ดวงตานกแก้วต้องเบิกกว้างขึ้น ทันใดนั้นมันก็จดจำกลิ่นอายนั้นได้ โลหิตสีทองทั้งสิบหยดเหล่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำไมจู่เหรินของนกแก้วถึงได้พยายามจะสังหารร่างจริงของหลัวเทียน! มันคือ…โลหิตจักรวาล!
ทันใดนั้น ดวงตาหลัวเทียนก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า และเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา
“กู่เซียนหลิง ถึงเวลาที่ต้องทำตามแผนการแล้ว หลังจากนั้นเจ้าก็จะเป็นอิสระ!”
สตรีนางนั้นลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกัดฟันแน่นด้วยความแน่วแน่ ทันใดนั้นเกล็ดนับไม่ถ้วนก็กระจายออกมาปกคลุมไปทั่วผิวกาย ขาทั้งสองข้างรวมเข้าด้วยกัน ชั่วขณะต่อมานางก็มีร่างกายเป็นอสรพิษและหมุนคว้างไปมา แทนที่จะหลบหนีจากไป กลับผลักมือออกไปอย่างรุนแรง ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ใช้พลังชีวิตของตนเองปลดปล่อยเป็นเวทแห่งเต๋าบางอย่างออกมา
ในทันทีที่วิชาเวทนั้นถูกปลดปล่อยออกไป กลิ่นอายอันทรงพลังก็ระเบิดออกมา
เป็นกลิ่นอายที่แปลกประหลาด โบราณและเต็มไปด้วยความรู้สึกของกาลเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน พลังนั้นพุ่งตรงไปยังนกแก้วและค่ายกลเวทในทันที
ในชั่วพริบตาค่ายกลเวทก็เริ่มหดตัวเล็กลงไป และนกแก้วก็หยุดชะงักนิ่ง แสงอันเย็นชาสาดประกายอยู่ในดวงตา
จากนั้นพลังของมันก็เริ่มพุ่งขึ้นมา ขณะที่เตรียมตัวจะทำลายพลังนั้น บุรุษวัยกลางคนรีบขยับสองมือร่ายเวท ทำให้หัตถ์ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากโลหิตสีทองสิบหยดขยายขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทะเลโลหิตขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงไปยังนกแก้ว
ในตอนนี้สตรีนางนั้นอ่อนแอลงเป็นอย่างมากจากการใช้พลังแห่งกาลเวลาออกมา และเริ่มพุ่งถอยไปทางด้านหลัง
“อู่เต้า เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้เตรียมตัวจริงๆ? ช่างไร้เดียงสานัก! ที่เจ้าไล่ตามข้ามาทั้งหมดนี้เป็นแผนการของร่างจริงข้า! ถ้ากำจัดเจ้าไปได้ก็เหมือนกับการตัดแขนของจักรพรรดิเจ้าออกไปได้หนึ่งข้าง!” หลัวเทียนแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา เห็นได้ชัดว่าความอ่อนแอทั้งหมดจากก่อนหน้านี้ของมันเป็นแผนลวง เพื่อล่อให้นกแก้วติดตามมายังห้วงจักรวาลอันห่างไกล และจากนั้นก็รวมพลังกับสตรีนางนั้นเพื่อสังหารนกแก้วไป
ขณะที่ทะเลโลหิตบรรลุถึงขั้นสูงสุด และกำลังระเบิดเป็นพลังออกไป ก็กลายเป็นเครื่องหมายผนึกที่กระจายปกคลุมไปทั่วร่างนกแก้ว แต่แววตานกแก้วก็ไร้ความตื่นตระหนกให้มองเห็นแม้แต่น้อย มีแต่ความเยือกเย็นราวน้ำแข็งเท่านั้น
“เจ้าล่อข้าให้มายังที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้จู่เหรินสามารถสังหารร่างจริงเจ้าได้! ข้าตกหลุมพรางเจ้า หรือว่าเจ้าตกหลุมพรางข้ากันแน่?” นกแก้วถอนหายใจ ราวกับว่าไม่ต้องการจะแยกจากโลกนี้ไป แต่จากนั้นดวงตาก็แวบขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ทะเลโลหิตเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นนกแก้วก็เริ่มกระจายเป็นความผันผวนอันน่ากลัวออกมา เป็นความผันผวนแห่ง…การระเบิดตัวเอง!
อย่างน่าตกใจยิ่ง มันตัดสินใจที่จะระเบิดตัวเองเพื่อสังหารคู่ต่อสู้
บางทีการระเบิดตัวเองแบบธรรมดาทั่วไป ไม่อาจจะทำอะไรกับกลิ่นอายอันน่ากลัวที่มันกำลังเผชิญหน้าอยู่ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่านกแก้วเตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว มันกำลังใช้เวทสะกดข่มเพื่อเพิ่ม
“เจ้าล่อข้าให้มายังที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้จู่เหรินสามารถสังหารร่างจริงเจ้าได้! ข้าตกหลุมพรางเจ้า หรือว่าเจ้าตกหลุมพรางข้ากันแน่?” นกแก้วถอนหายใจ ราวกับว่าไม่ต้องการจะแยกจากโลกนี้ไป แต่จากนั้นดวงตาก็แวบขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ทะเลโลหิตเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นนกแก้วก็เริ่มกระจายเป็นความผันผวนอันน่ากลัวออกมา เป็นความผันผวนแห่ง…การระเบิดตัวเอง!
อย่างน่าตกใจยิ่ง มันตัดสินใจที่จะระเบิดตัวเองเพื่อสังหารคู่ต่อสู้
บางทีการระเบิดตัวเองแบบธรรมดาทั่วไป ไม่อาจจะทำอะไรกับกลิ่นอายอันน่ากลัวที่มันกำลังเผชิญหน้าอยู่ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่านกแก้วเตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว มันกำลังใช้เวทสะกดข่มเพื่อเพิ่มพลังให้การระเบิดตัวเอง ทำให้มีพลังมากกว่าปกติทั่วไป
ดวงตาหลัวเทียนเบิกกว้างขึ้น แต่จากนั้นก็หัวเราะเป็นเสียงเย็นชาออกมา
“ถึงเจ้าเลือกที่จะทำเช่นนั้น แต่ร่างจริงข้าก็มีการเตรียมตัวไว้แล้ว” ขณะที่พูดสองมือก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้สตรีที่กำลังหลบหนีไปนั้น ต้องหยุดชะงักนิ่งในทันที ทันใดนั้นสิ่งที่ถูกผนึกไว้ภายในร่างนางก็ถูกปลดปล่อยออกมา และโลหิตนางก็เริ่มเดือดพล่าน ชั่วขณะต่อมาความผันผวนของการระเบิดตัวเองก็เริ่มพุ่งขึ้นมา
อย่างน่าตกใจยิ่งหลัวเทียนกำลังบังคับให้นางทำการระเบิดตัวเอง เพื่อให้ตัวมันมีโอกาสหลบหนีจากไปได้
สตรีมองไปยังหลัวเทียนด้วยโทสะ นี่ไม่ใช่ข้อตกลงร่วมกันของคนทั้งสอง การที่มันยอมเสียสละนางในช่วงวิกฤตนี้ทำให้ดวงตานางต้องแดงก่ำขึ้น อย่างไรก็ตามริมฝีปากนางก็เริ่มบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมา
แม้ในขณะที่พลังแห่งการระเบิดตัวเองทั้งสองกำลังพุ่งทะยานขึ้น เสียงของนกแก้วก็ดังก้องออกมาด้วยความเย็นชาเหมือนเช่นเคย
“กู่เซียนหลิงจะรีรออันใด? ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น! ถึงเวลาที่ต้องแสดงตัวออกมาแล้ว ยังไม่ลงมืออีก? ถ้าเจ้าต้องการอิสรภาพ ก็ต้องต่อสู้ด้วยตนเอง!”
คำพูดของนกแก้วทำให้สีหน้าหลัวเทียนต้องเปลี่ยนไป
สตรีนางนั้นยิ้มอย่างเย็นชา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ย้อนกลับไปในตอนที่หลัวเทียนทำความตกลงร่วมกับนาง นกแก้วก็แอบไปติดต่อนางและบอกว่าเหตุการณ์จะจบลงเช่นนี้ ตอนนี้นางจึงเริ่มหัวเราะขึ้นด้วยความไม่ลังเลใดๆ อีก
“เจ้าพูดถูกแล้ว มีแต่ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองถึงจะได้รับอิสรภาพ ข้าได้แต่ยกเลิกศักดิ์ฐานะเซียนโบราณ เพื่อความเป็นอิสระชั่วนิรันดร์!”
สีหน้าหลัวเทียนสลดลง และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่มีเวลา ขณะที่สตรีพูดจบ ร่างนางก็แยกส่วนออกไปในทันที
ไม่ใช่การระเบิดตัวเอง แต่เป็นการพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง เลือดเนื้อกระจายออกมาจากร่างที่แห้งเหี่ยวลง กระจายออกไปทั่ว ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกลายเป็นสีแดงจ้า
“คำสาปแช่งแห่งการเกิดใหม่! ชีวิตนำไปสู่ความตาย ความตายนำไปสู่การเกิดใหม่ เถ้าคืนสู่เถ้า ธุลีคืนสู่ธุลี ส่งเจตจำนงเข้าไปในความลืมเลือน ทำลายจิตใจ ทุกสรรพสิ่งที่คงอยู่…จะเริ่มต้นใหม่ในตอนนี้!”
“นับจากนี้เป็นต้นไป โลกแห่งนี้จะไม่มีเซียนกู่ (เซียนโบราณ) อีกต่อไป…” ขณะที่คำพูดของสตรีนางนั้นดังก้องออกมา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องขึ้น
แรงกดดันอันเข้มข้นปะทุขึ้นมา บดขยี้ไปยังร่างนกแก้วจนกลายเป็นเถ้าธุลี เวลาเดียวกันนั้น ก็บดขยี้ไปยังทะเลโลหิตด้วยเช่นกัน ทำให้หลัวเทียนต้องแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา มันพยายามจะหลบหนีแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ และถูกบดขยี้ไปด้วยแรงกดดันนั้นในทันที ร่างของสตรีระเบิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ตายไป วิญญาณนางยังไม่ได้กระจัดกระจายออกไป
เวทสุดท้ายที่นางใช้ออกมา เป็นสิ่งที่สามารถจะเริ่มต้นช่วงเวลาใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดขยี้ไป แต่จากนั้นภายในการทำลายล้างนั้น สิ่งต่างๆ ทั้งหมดก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ดวงดาวที่อยู่ใกล้การต่อสู้นี้ได้รับผลกระทบจากระลอกคลื่นพลัง เจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของมันสั่นสะท้าน และจากนั้นก็กระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง เวลาเดียวกันนั้นหลุมขนาดใหญ่ก็เปิดออกพุ่งตรงเข้ามาในโลกแห่งนี้
ในตอนที่หลุมนั้นเปิดออก เถ้าธุลี ปราณ และโลหิตของบุรุษ สตรี และนกแก้ว ต่างก็ถูกดูดเข้าไปทั้งหมด ในชั่วพริบตาก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในโลกแห่งนั้น
หลายปีต่อมาภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของโลกแห่งนี้ รูปแบบชีวิตใหม่ก็เกิดขึ้นมาในท่ามกลางสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มีอยู่ในนั้น เป็นวิญญาณของนกแก้ว ซึ่งมองไปรอบๆ โลกแห่งนี้ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
วิญญาณอื่นปรากฏขึ้น ค่อยๆ กลายเป็นตัวแทนเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ลืมเลือนเรื่องราวในอดีตไปจนหมดสิ้น และกระทำ
ตามสัญชาตญาณเท่านั้น มันคือเจตจำนงแห่งหลัวเทียน
ในท่ามกลางสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นับไม่ถ้วนในโลกแห่งนี้ สตรีนางนั้นผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ไม่เคยตระหนักถึงชีวิตในชาติก่อน และถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า พบเจอกับการเกิดใหม่นับไม่ถ้วน และยุคสมัยสุดคณานับ
ต่อมานกแก้วก็ได้พบกับใครบางคนที่กลายร่างเป็นอาวุธเวท ซึ่งก็คือกระจกทองแดง
วันหนึ่งสตรีนางนั้นก็ได้พบกับคนผู้หนึ่งในโลกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นกว่าโลกของนาง มันถูกเรียกว่าอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่
คนที่นางพบนั้นเป็นหนึ่งในพลเมืองของโลกขนาดเล็ก ซึ่งถูกเรียกว่า…เหลยตี้ (จักรพรรดิสายฟ้า)
เหลยตี้และสตรีนางนั้นตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และนางก็กลายมาเป็นภรรยามัน ต่อมาอาณาจักรชั้นต่ำแห่งอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ก่อกบฏ
จากแผนการของหลัวเทียน เหลยตี้ทำการต่อสู้เพื่อบ้านเกิดของตนเอง และต่อสู้เพื่อสตรีที่ตนเองรัก แต่สุดท้ายมันก็ตายไปในการต่อสู้นั้น
เมื่อมันตายไป สายฟ้านับไม่ถ้วนก็พุ่งกระจายออกมาจากร่าง ทำให้พื้นที่แห่งนั้นสั่นสะท้านไปทั่ว
หลังจากที่มันตายไป สตรีนางนั้นก็นั่งอยู่ข้างซากศพ ร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ใน
ตอนนั้นเองที่ความทรงจำภายในจิตใจนาง ซึ่งถูกผนึกไว้ตลอดเวลาคลายออก นางมองลงไปยังเหลยตี้ และหยดน้ำตาก็ตกลงไปบนชุดเกราะของมัน ในที่สุดหยดน้ำตาเหล่านั้นก็หายไป และเห็นได้ชัดว่าพวกมันได้นำพาความรู้สึกของนางที่มีต่อเหลยตี้ไปด้วย ตอนนี้ดวงตานางกลายเป็นเย็นชาและว่างเปล่า
“ในที่สุดพวกเราก็ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน นี่เป็นแค่การหยุดพักชั่วคราวในการเดินทางของชีวิตข้าเท่านั้น ตอนนี้ข้าตื่นขึ้นมาแล้ว และถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว ข้า…เป็นอิสระแล้ว” ด้วยเช่นนั้นนางจึงออกจากโลกแห่งนั้นไป ออกเดินทางไปทั่วทั้งจักรวาลอีกครั้ง
นางไม่ต้องการจะไปพบกับเจตจำนงแห่งหลัวเทียน หรือนกแก้วอีกครั้ง
หลังจากที่นางจากไป ซากศพของเหลยตี้ก็ลอยไปมาในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงไปอย่างช้าๆ ชุดเกราะบนซากศพหลอมละลายไป และในที่สุดซากศพนั้นก็เริ่มโปร่งแสง
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นก็เนื่องมาจากหยดน้ำตาของสตรีนางนั้นในตอนที่นางได้สติกลับคืนมา หยดน้ำตานั้นประกอบด้วยพลังแห่งอดีตและชีวิตในปัจจุบันหลอมรวมเข้าด้วยกัน
เนื่องจากหยดน้ำตาเหล่านั้น ทำให้ชุดเกราะเริ่มหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของมัน ซึ่งเป็นวิญญาณแห่งจักรพรรดิสายฟ้าที่น่าจะตายไปแล้ว
ในที่สุดซากศพก็เน่าเปื่อย หลอมรวมเข้ากับชุดเกราะอย่างสมบูรณ์ หลายปีต่อมา มันก็รู้สึกตัวตื่น
ขึ้นมา ในช่วงเวลานั้นมันรู้ว่าตนเองไม่ได้ตายไปอย่างแท้จริง และรู้ด้วยว่าไม่อาจจะกลายเป็นชุดเกราะได้อีกครั้งด้วยเช่นกัน และไม่ควรจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องใครบางคนอีกต่อไป
ถ้าทำเช่นนั้น มันก็จะสูญเสียธรรมชาติที่ไม่ตายไปของตนเอง
นอกจากนั้นความทรงจำของมันก็ว่างเปล่า เริ่มระหกระเหินไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล และค่อยๆ เริ่มตระหนักว่ามันชอบพูดคุย และชอบที่จะสั่งสอนพวกคนพาล ในที่สุดก็พบว่าตนเองไม่อาจจะนับได้ด้วยเช่นกัน…
ในวันหนึ่งมันไปพบกับนกแก้วที่เพิ่งจะบินออกมาจากกระจกทองแดง…
“เฮโย! สหายที่ดูคล้ายชุดเกราะ มา มา มา มาให้อู่เหยียดู ทำไมเจ้าถึงไม่มีขนหรือเส้นผมแม้แต่น้อย?”
“ไสหัวไป เจ้าคนพาล! ข้าจะเปลี่ยนแปลงเจ้า!”