ตอนที่ 164
นั่นมันกลิ่นสาบของเจ้านก…
จุดกึ่งกลางตรงหว่างคิ้วของหานเป้ย ส่องแสงสีม่วงออกมา นางหอบหายใจ พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ไล่ตามหนึ่งในแผ่นหยกไป เมิ่งฮ่าวก็กระโจนขึ้นไปในอากาศเช่นเดียวกัน เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ไล่ตามแผ่นหยกที่เหลือ
พวกเขาบินขึ้นไปพร้อมเพรียงกัน ในทิศทางที่แตกต่างกัน หลบหลีกสายฟ้าไปมาไล่กวดตามแผ่นหยกไป ในขณะที่แต่ละคนกำลังจะยื่นมือไปคว้าจับแผ่นหยก ผีโต้ง ซึ่งได้สังเกตพวกเขามาตลอดเวลา ทันใดนั้น ก็กระโดดขึ้น
การเคลื่อนไหวของมัน ทำให้สีหน้าของเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป และใบหน้าของหานเป้ยก็หมองคล้ำลง คนทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ด้วยตัวของมันเองก็ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่ดูเหมือนมันจะพึงพอใจในการกระโดดไปบนศีรษะของผู้คน และจากนั้นก็กลืนสายฟ้าเข้าไป หรือกล่าวในอีกแง่หนึ่ง มันได้บ่งบอกให้รู้ถึงการโจมตีของทะเลสายฟ้าที่จะมาถึงในไม่ช้า
“บัดซบ!” เมิ่งฮ่าวพูด ดวงตาของเขาหรี่เล็กลง เมื่อเขาเห็นผีโต้งมุ่งหน้าตรงมาที่เขา, หานเป้ย ซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ในทิศทางอื่น ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ด้วยความระมัดระวังตัวในผีโต้ง, เมิ่งฮ่าวคว้าจับแผ่นหยกไว้ และจากนั้นก็พุ่งกลับไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาเรียกหมอกสายฟ้ากลับไป มันอาจจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ขู่ขวัญคนอื่นๆ ได้อย่างดีเยี่ยมในสถานที่นี้ แต่ก็เป็นตัวดึงดูดความสนใจให้กับผีโต้งด้วยเช่นกัน โชคร้าย ที่ดูเหมือนว่าเขาได้เรียกหมอกสายฟ้ากลับคืน ช้าไปเสียแล้ว
เขาพุ่งไปด้านหลังเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ผีโต้งก็ยังมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยว เพียงชั่วพริบตา มันก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว พุ่งตัวลงมา และกำลังจะไปเกาะอยู่ที่ศีรษะของเขา
ก่อนที่จะมันจะทำเช่นนั้น และก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้ทำอะไร ทันใดนั้น ผีโต้งก็สั่นสะท้าน ใบหน้าของชายชราปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของมันอีกครั้ง ดวงตาของมันเบิกโพลง และสีหน้าของมันก็มีทั้งความไม่อยากจะเชื่อและความรังเกียจเดียดฉันท์ ทันใดนั้น มันก็อ้าปากขึ้น และพูดออกมา
“บัดซบ! บัดซบ! เจ้ามีกลิ่นสาบของเจ้านกนั่นอยู่บนร่างได้อย่างไร?!” มันกระโดดผ่านอากาศไปด้านหลัง ราวกับว่ามันได้รังเกียจเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง และไม่ต้องการแม้แต่จะเข้ามาใกล้เขา มันลอยขึ้นไปด้านหลัง และทันใดนั้น ก็อาเจียนออกมา ราวกับว่ามันเพิ่งจะได้เห็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างแสนสาหัส
ถ้านั่นเป็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่จากนั้นแสงก็แวบขึ้น ขณะที่ผีโต้ง ทันใดนั้น ก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าหานเป้ย นางมองไปด้วยความตกใจ ขณะที่มันงับลงไปที่แผ่นหยกด้วยการกัดเพียงแค่ครั้งเดียว
มันเริ่มขบเคี้ยวแผ่นหยก และเมื่อนางเห็นเช่นนี้ หานเป้ยก็มึนงง นางไม่อาจทำอะไรได้นอกจากถอยไปด้านหลัง
“เลว, เลว, เลว…” ใบหน้าบนผีโต้งพูด สีหน้าของมันบิดเบี้ยว ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ดูราวกับว่ามันกำลังหวาดกลัว แม้แต่จะเข้าไปใกล้เขา
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ ขณะที่มองไปยังผีโต้งที่กำลังถอยหลังออกไป เขาชำเลืองมองไปยังหานเป้ยที่มีใบหน้าหวาดกลัว
นางเงียบไปสักพัก และจากนั้นก็กล่าวขึ้น “ยินดีด้วยที่ได้ครอบครองวิชาสร้างกาลเวลา ของตระกูลหาน, สหายเต๋าเมิ่ง แผ่นหยกนี้มีทั้งหมดสามชิ้น ในแต่ละชิ้นก็มีวิชาที่สามารถใช้ด้วยตัวมันเองแยกเป็นเอกเทศออกมา” ท่าทางซับซ้อนปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง ทันใดนั้น ฟ้าแลบในพื้นที่บริเวณนั้นก็เริ่มส่งเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น
มันมีความเข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว สายฟ้าแต่ละสายเต็มไปด้วยความดุร้ายรุนแรง มากกว่าในตอนแรก ครึ่งชั่วยามได้ผ่านไป ในตอนนี้ การขาดสิ่งของที่ใช้ต่อต้านสายฟ้า ก็หมายถึงต้องตายกลายเป็นเถ้าถ่านลอยไปในสายลมอย่างแน่นอน
สายฟ้าจำนวนมากมายทำให้สีหน้าของเมิ่งฮ่าวหมองคล้ำลง หานเป้ยก็มองไปด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน
“ท่านได้ครอบครองสิ่งของนั้นแล้ว ดังนั้นมันก็เป็นของท่าน, พี่เมิ่ง” หานเป้ยรีบพูดขึ้น “ข้าจะไม่เรียกร้องถึงมัน แต่ข้าต้องขอร้องให้ท่านช่วยดูแลมันเป็นอย่างดี โปรดอย่าทำมันหายไป ครั้งหน้าถ้าพวกเราได้พบกันอีก ท่านต้องให้แผ่นคัดลอกกับข้า นั่นเป็นข้อตกลงของพวกเรา”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก นางก็ตบไปที่ถุงสมบัติ หลัวผานสีม่วงปรากฎขึ้นในมือนาง มันแวบแสงขึ้น จากนั้นร่างของนางก็หายสาบสูญไป ขณะที่นางใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ในเวลาเดียวกันนั้น ผีโต้งก็พุ่งตรงออกไป มันยืมพลังบางส่วนของการเคลื่อนย้ายทางไกล หายออกไปจากโลกของกระถางนี้ด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวมองไปยังสนามแห่งสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆ จากนั้นก็หยิบหลัวผานสีม่วงออกมาในทันที ซึ่งเขาได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียดก่อนหน้านี้ เขาส่งจิตสัมผัสเข้าไป กระตุ้นพลังเคลื่อนย้ายทางไกลของมันขึ้น ในทันใดนั้น เขาก็ถูกย้ายออกไปจากโลกของสายฟ้าแห่งนี้
เมื่อเขาปรากฎขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าด้านบนมืดมิด และพื้นดินก็กำลังสั่นสะเทือน เสียงระเบิดดังออกมาในทุกที่ และเสาแห่งเต๋าของเขาก็ไม่คงที่ขึ้นมาในทันที เขากระอักโลหิตอกมา และเดินโซเซไปเบื้องหน้าหลายก้าว มองไปรอบๆ
เขาอยู่ในพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ ไม่ไกลจากสถานที่ซึ่งเขาได้พบกับหานเป้ยในตอนแรก เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หานเป้ยไม่ได้โกหก หลัวผานนั้นได้ส่งเขามาที่นี่ตามที่นางกล่าว
เขายกมือขึ้น ภายในเป็นเครื่องรางนำโชค เพียงแค่เขาส่งจิตสัมผัสเข้าไป ก็จะสามารถออกไปจากดินแดนสงบสุขนี้ได้ ทันใดนั้น เสาขนาดใหญ่ก็เริ่มพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินที่อยู่ห่างไกลออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และเสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังอยู่ในอากาศ
เขาสามารถเห็นได้ว่า เสาต้นนั้นเหมือนกับหอคอย และมันก็แผ่กระจายกลิ่นอายออกมา กลิ่นอายนั้นไม่ใช่กลิ่นอายของสร้างแกนลมปราณ หรือขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่เป็นพื้นฐานลมปราณ!
นี่คือหอคอยร้อยวิญญาณ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยเสาแห่งเต๋า ของผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณมากกว่าสองร้อยคน
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ เมื่อเขาได้เห็นหอคอยร้อยวิญญาณ ล้อมรอบหอคอยนั้นเป็นเงาร่างภูติผีของผู้ฝึกตนนับร้อย พวกมันส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็ก ผสานเข้าด้วยกันเป็นพลังเสียงแห่งความโศกเศร้าไม่พอใจ เสียงนั้นพุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมืดมิด
จากทิศทางที่แตกต่างกัน สิบเสาแห่งเต๋า หรือมากกว่านั้น ลอยผ่านอากาศ ตรงไปยังหอคอย และหลอมรวมเข้ากับมัน พลังที่กระจายออกมาจากหอคอยเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าคิดว่าผู้ฝึกตนเร่ร่อนขั้นพื้นฐานลมปราณที่เหลือ ที่มายังที่นี้ต่างก็ตายไปหมดแล้ว…” เขานิ่งเงียบ ถูกแผนการอันโหดร้ายของสำนักชิงหลัวกระแทกเข้าไปในจิตใจ เสาแห่งเต๋าของเขาสั่นสะเทือนอยู่ด้านใน ถ้ามันไม่ใช่เสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ เขาก็คงไม่อาจจะควบคุมมันได้อย่างแน่นอน
“ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป…” เขาคิด อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่เขาเอียงศีรษะไป และจ้องออกไปยังที่ห่างไกล ดวงตาสาดประกายออกมาบางเบา และเขาก็ตัดสินใจไม่จากไป แต่บินขึ้นตรงไปยังจุดที่ห่างไกลนั้น
เขาบินไปชั่วระยะหายใจเข้าออกสิบครั้ง ก่อนที่จะหยุดลง ด้านล่างของเขาเป็นพื้นที่ราบ เขามองเห็นกลุ่มผู้ฝึกตนสี่คน นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ รอบๆ พวกมันเป็นเกราะเวทวงกลม ซึ่งดูเหมือนกำลังต่อต้านพลังจากหอคอยร้อยวิญญาณอยู่
หนึ่งในพวกมัน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลู่เทา!
เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่หนึ่งในสี่คนนั้นกระอักโลหิตออกมา ร่างของมันทันใดนั้นก็ระเบิดออก และภาพลวงตาของเสาแห่งเต๋าก็ลอยออกไปในท้องฟ้า
หลังจากนั้น ผู้ฝึกตนอีกคนก็เริ่มสั่น ดวงตาของมันเปิดขึ้น และจ้องไปยังหลู่เทา มันหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าช่างต่ำทราม…” ก่อนที่มันจะพูดจบ ร่างของมันก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่เสาแห่งเต๋าของมันลอยออกไป ใบหน้าคนที่สามก็เริ่มซีดขาว ขณะที่ร่างของมันก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยเช่นกัน เสาแห่งเต๋าของมันลอยออกไปยังที่ห่างไกล
แต่การตายของบุคคลทั้งสาม กลับทำให้เกราะเวทมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นหลายเท่าจากก่อนหน้านี้ หลู่เทานั่งอยู่ด้านในด้วยใบหน้าซีดขาว กัดฟันแน่นด้วยความตั้งใจแน่วแน่ พลังของเวทอาคมนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะต่อต้านแรงดึงดูดด้านนอกได้
เมิ่งฮ่าวมองลงไป เขาเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า ผู้ฝึกตนทั้งสามคนนั้นต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของหลู่เทา ในความเป็นจริง เสาแห่งเต๋าของพวกมันได้ถูกสังเวยไปเพื่อปกป้องหลู่เทา ความตายของพวกมันก็ช่วยหนุนส่งให้เวทอาคมของหลู่เทาแข็งแกร่งขึ้น
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบเรียบ ลอยตรงไปหาหลู่เทา เขาร่อนลงยืนอยู่ข้างๆ เกราะเวทนั้น มองลงไปยังหลู่เทา และส่งเสียงกระแอมไอแห้งๆ ออกมา
หลู่เทาเริ่มตัวสั่น เมื่อมันลืมตาขึ้น และจ้องไปที่เมิ่งฮ่าว ความตกใจปกคลุมไปบนใบหน้าของมัน
“อา, ท่านคือ…สหายเต๋าเมิ่ง…” ใบหน้ามันซีดขาว น้ำเสียงกระวนกระวายใจ ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว
“เวทอาคมที่ดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เขาพูดไม่เร็วและไม่ช้า แต่คำพูดของเขาทำให้หลู่เทารู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่งยวด จากมุมมองของมัน ดูเหมือนว่าแรงดึงดูดนั้นไม่มีผลกระทบกับเมิ่งฮ่าวเลยแม้แต่น้อย
“สหายเต๋าเมิ่ง, ท่าน…ท่านต้องการอันใด?” จิตใจของมันเต็มไปด้วยความกังวลอยู่ลึกๆ ถ้าเมิ่งฮ่าวแทรกแซงเข้ามาด้วยเวทอาคม เกราะเวทนี้คงต้องถูกทำลายลงไปเป็นแน่ มันจินตนาการไปว่าหลังจากนั้น แรงดึงดูดก็คงส่งพลังมาถึงมัน ร่างของมันก็คงแตกออกเป็นชิ้นๆ และเสาแห่งเต๋าของมันก็จะลอยไปอยู่กับคนอื่นๆ ทั้งหมดในหอคอยขนาดใหญ่นั้น
“บอกข้าว่า ใบไม้สายฟ้า จริงๆ แล้วทำอะไรได้บ้าง” เขาพูดอย่างเยือกเย็น มองไปยังหลู่เทาที่อยู่ภายในเกราะเวท
“ข้าบอกท่านไปแล้ว, สหายเต๋าเมิ่ง” มันโพล่งขึ้น รู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น “ใบไม้สายฟ้า…” ก่อนที่มันจะได้พูดต่อ เมิ่งฮ่าวก็เข้ามาใกล้ และกระแทกลงไปบนเกราะเวทที่ปกคลุมหลู่เทาอยู่ด้านใน
เมื่อเขาทำเช่นนั้น เกราะเวทก็สั่นสะเทือน และรอยร้าวเล็กๆ ก็ปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของมัน ความหวาดกลัวแวบขึ้นบนใบหน้าของหลู่เทา
“หยุด, สหายเต๋าเมิ่ง, ได้โปรด…ข้าไม่ได้หลอกลวงท่าน ใบไม้สายฟ้า จริงๆ แล้วสามารถ…”
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาออกมา จากนั้นก็กระแทกลงไปอีกครั้ง เสียงระเบิดดังออกมา และรอยร้ายเจ็ดถึงแปดรอยก็ปรากฎขึ้นภายในเกราะเวท หลู่เทา ทันใดนั้น ก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดซึ่งมีอยู่ที่ด้านนอกกำลังไหลซึมเข้าไปด้านใน เสาแห่งเต๋าของมันสั่นไหวไม่มั่นคง ศีรษะมันหมุนงุนงง ตอนนี้มันกำลังตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อจากความฉลาดของเมิ่งฮ่าว
“ใบไม้สายฟ้าเป็นของที่หายากในดินแดนด้านใต้” มันพรุ่งพรูออกมา พูดด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “มีวิชาพิเศษเฉพาะที่จะสามารถสร้างมันให้กลายเป็นอาวุธเวท เพื่อเพิ่มพลังสายฟ้าของพวกมัน! สหายเต๋าเมิ่ง, โปรดเชื่อข้า ข้ามีแผ่นหยกเพื่อยืนยันเรื่องนี้ เพียงแค่อ่านวิธีในแผ่นหยก ท่านก็จะเข้าใจได้เอง!”
มันหยิบแผ่นหยกออกมาแสดงให้เมิ่งฮ่าวดู ร่างของมันสั่นสะท้านไปทั่ว และมีสีหน้าท่าทางขอร้องอ้อนวอน เสียงของมันฟังดูจริงใจ ราวกับมันไม่ได้ปกปิดสิ่งใดๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย
“ยังคงพยายามจะโกหกข้า?” แสงเย็นเยียบปรากฎขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว นิ้วชี้ด้านขวาของเขา แทงเข้าไปในเกราะเวท เสียงระเบิดดังออกมา ขณะที่รอยร้าวเพิ่มมากขึ้นในเกราะเวทนั้น แม้แต่รูขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนพื้นผิว แรงดึงดูดไหลเข้าไป ใบหน้าหลู่เทาบิดเบี้ยว และกระอักโลหิตออกมา ดูเหมือนร่างของมันอาจจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ