ตอนที่ 602
โชควาสนา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่จื่อเซียงลากเขาลงไปในน้ำ และจากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ น้ำมีอยู่ไม่มากนัก เพียงแค่ท่วมถึงเอวจื่อเซียงเท่านั้น
จื่อเซียงดึงเมิ่งฮ่าวนั่งลงขัดสมาธิอยู่ในน้ำตรงหน้านาง เมื่อสายตาเขาตกกระทบลงไปบนร่างนาง เขาก็กระแอมไอออกมา
“ขณะที่ข้าดูดซับพลังของสระน้ำเซียนอสูรนี้” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา “เจ้าก็สามารถฝึกฝนร่างกายได้เช่นกัน ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ข้ามีร่างกายที่พิเศษเฉพาะ ในช่วงของการกลายร่างของข้าให้เป็นร่างเซียนอสูร ข้าจะกระจายกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมา”
“กลิ่นหอมนี้สามารถถือว่าเป็นของวิเศษอันล้ำค่า เมื่อเจ้าหลอมรวมมันเข้าไปในร่างกาย…ก็สามารถสร้างพลังงานอย่างมากมาย ให้กับเวทฝึกฝนร่างที่ดีที่สุดของเจ้า เมื่อใช้เวทนั้นในที่แห่งนี้”
“แทนที่จะปล่อยให้มันต้องเสียไปอย่างสูญเปล่า เจ้าควรจะดูดซับกลิ่นหอมนี้เข้าไปจะดีกว่า”
“นอกจากนี้ โปรดอย่าได้รบกวนข้าในช่วงนี้ สำหรับคำสาปแช่ง จากการค้นคว้าของสำนัก เมื่อไหร่ที่ข้าเริ่มขั้นตอนการกลายร่าง พวกมันจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อข้า”
“ถ้าเจ้าเสร็จสิ้นก่อนข้า ก็ไปรอข้าอยู่ที่ด้านนอกได้ ข้าไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยเฝ้าคุ้มกัน จนกระทั่งข้ากลายร่างได้สำเร็จ” ด้วยการมองมายังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย นางก็หลับตาลง
ทันทีที่นางทำเช่นนั้น กลิ่นหอมอันเข้มข้นก็กระจายออกมาจากร่างนางในทันใด หลอมรวมเข้าไปในน้ำ ทำให้มีกลุ่มหมอกสีขาวพุ่งขึ้นมา กลุ่มหมอกนั้นมีความเข้มข้นมากด้วยเช่นกัน เพียงชั่วพริบตา ก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสระน้ำ ปิดบังเมิ่งฮ่าวและจื่อเซียงไว้ภายในโดยสิ้นเชิง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่มองไปรอบๆ ตระหนักขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ความหนาวเย็นที่กระเพื่อมอยู่ในน้ำนี้ค่อนข้างจะลดน้อยลงไปจากครั้งก่อน หลังจากที่กลุ่มหมอกพุ่งขึ้นมา ความหนาวเย็นก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า
จากการมองดู มีแต่ความหนาวเย็นนี้เท่านั้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้จากตอนที่เขาแช่ร่างอยู่ในน้ำ ช่วงที่อยู่ในอาณาจักรที่สอง ซึ่งมีความหนาวเย็นเข้มข้นกว่า ทำให้เขาได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่โคจรพื้นฐานฝึกตน เวลาต่อมา เขาก็ตระหนักขึ้นอีกเรื่อง ดูเหมือนกับว่ากลุ่มหมอกในพื้นที่บริเวณนี้ กำลังหล่อเลี้ยงร่างกายเขาอยู่ ขณะที่มันไหลเข้าไปในร่าง กายเนื้อเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจ ค่อยๆ แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“จื่อเซียงไม่ได้โกหก” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ทั้งกลุ่มหมอกและน้ำในสระ ต่างก็มีผลดีต่อร่างเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้ใช้วิชาเวทใดๆ แต่ก็ยังได้รับผลตอบแทนที่น่าเหลือเชื่อ
ถึงแม้จะดูเหมือนว่า เขาไม่อาจจะบรรลุถึงร่างวิญญาณดวงที่เจ็ด ขณะที่อยู่ในวิญญาณดวงแรกเท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุถึงวิญญาณดวงที่หก
จากการคาดคำนวนของเมิ่งฮ่าว การจะบรรลุถึงระดับวิญญาณดวงที่เจ็ด เป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง…
“ข้าสงสัยว่าร่างศักดิ์สิทธิ์…สามารถฝึกฝนอยู่ในที่แห่งนี้ได้หรือไม่ มันสามารถฝึกฝนได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในครั้งเดียว ซึ่งน่าแปลกใจอย่างที่สุด…ยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศในสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ที่จะใช้ฝึกฝนร่างกาย ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้มันอย่างแท้จริง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า นอกจากนี้ เมื่อกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายก็จะยิ่งแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น พลังก็จะยิ่งมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็มีความรู้สึกว่า ทั้งเวทแห่งเต๋า และวิชาลับ เมื่อได้ครอบครองอยู่ในสำนักเซียนอสูร ก็จำเป็นต้องฝึกฝนอยู่ในที่แห่งนี้ การพยายามฝึกฝนอยู่ที่โลกด้านนอก จะเป็นการไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เมื่อพิจารณาเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องลังเลใจใดๆ ตอนนี้ก็คือเวลาที่จะใช้มัน!
ลำแสงพุ่งออกมาจากดวงตาเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาหลับตาลง ภายในจิตใจ เขาปลดปล่อยวิชาลับร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมา!
ตูม!
เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ขณะที่วิชาลับกระจายออกมา ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที กลุ่มหมอกรอบๆ ตัวเขาพลุ่งพล่านปั่นป่วน ทันใดนั้น กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าว คล้ายกับกลุ่มเมฆที่ถูกสายลมโชยพัด
น้ำในสระพุ่งเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้นเช่นกัน
จื่อเซียงกำลังจมอยู่ในช่วงการกลายร่างของนาง แต่ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่ด้านนอก และรู้สึกตกตะลึง จิตใจเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มเช่นเดียวกัน และทั่วทั้งร่างก็เริ่มกระจายปราณอสูรจำนวนมากมายออกมา ขณะที่ปราณอสูรถูกปลดปล่อยออกไป ก็ทำให้กลุ่มหมอกหนาแน่นมากขึ้น จื่อเซียงรับรู้ถึงความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นอย่างไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ กระจายไปทั่วร่างนาง อันเนื่องมาจากการกลายร่างที่นางกำลังประสบอยู่
เวลาผ่านไป เมิ่งฮ่าวลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นเดียวกับจื่อเซียง คนทั้งสองนั่งขัดสมาธิอยู่ในสระน้ำ ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอก ไม่มีอะไรที่จะมองเห็นได้ชัดเจน แม้แต่ร่างกายของคนทั้งสองเอง พวกเขาได้แต่รู้สึกว่าตัวเองกำลังแข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อบรรลุถึงจุดสูงสุด มันก็หดกลับลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดขึ้นเช่นนี้กลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นวงจรหมุนวนไปมา เมื่อการหมุนวนของวงจรนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ร่างเมิ่งฮ่าวก็คลายความเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวนี้ออกมา
กายเนื้อเขาเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง!
ภาพลวงตาของสัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วน เริ่มกระพริบไปมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า กระเพื่อมด้วยกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณ ขณะที่หมุนวนไปรอบๆ ร่าง ภาพทั้งหมดนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวดูแปลกประหลาดไปโดยสิ้นเชิง
ตรงกันข้ามกับเมิ่งฮ่าว ร่างจื่อเซียงกระจายปราณอสูรอันเข้มข้นออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ และขณะที่พวกมันรวมตัวเข้าด้วยกัน ก็ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตมากมาย
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทั้งหมด มีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกตัวก็คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน กลุ่มอสูรอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีเหล่านี้ ทั้งหมดต่างไม่มีชีวิตอยู่แล้วในตอนนี้ แต่พวกมันยังคงถูกจดจำโดยสวรรค์แห่งจิ่วซานไห่
ขณะที่พวกมันปรากฏขึ้น ก็หดตัวจนมีขนาดเล็กลง จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิอยู่รอบๆ ร่างจื่อเซียง ร่ายเวทที่ทำให้เกิดเป็นลำแสงอันเลือนลาง พุ่งออกไปหลอมรวมเข้ากับร่างของจื่อเซียง
สำหรับเมิ่งฮ่าว เขากำลังนั่งอยู่ใกล้กับจื่อเซียงเป็นอย่างมาก ด้วยเช่นนั้นเขาจึงอยู่ภายในขอบเขตของลำแสง ที่ส่องออกมาโดยอสูรอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีด้วยเช่นเดียวกัน ลำแสงเลือนลางมากมายพุ่งผ่านเข้าไปในร่างเขาด้วยเช่นกัน
ในขณะที่เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน สัญลักษณ์เวทก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งตรงมาที่เขาและหลอมรวมเข้าไปในร่าง
ขณะที่แสงและสัญลักษณ์เวทรวมตัวเข้าไปในร่าง จิตใจเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้านไปอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายเขาเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายกระจายการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวออกมา
บางครั้งเขาจะมีขนาดใหญ่โตและแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจ แต่บางครั้งร่างเขาก็หดเล็กลงไป จนมีรูปร่างเท่ากับคนปกติธรรมดา เสื้อผ้าเมิ่งฮ่าวได้ฉีกขาดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนานแล้ว ในช่วงของการขยายร่าง ในตอนนี้เขาไม่มีเสื้อผ้าอีกต่อไป นั่งเปลือยเปล่าอยู่ที่นั่นเหมือนกับจื่อเซียงโดยสิ้นเชิง
สิ่งแรกที่แข็งแกร่งก็คือโครงสร้างกระดูกของเขา เป็นการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษเฉพาะ จนทำให้กระดูกเหนียวแน่นและยืดหยุ่น จนถึงจุดที่สามารถถือได้ว่าเป็นสิ่งของเวทได้เช่นเดียวกัน
เมื่อมีพลังงานไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงในร่างเขาอยู่ตลอดเวลา ก็ทำให้กระดูกเมิ่งฮ่าวเพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น และ…เขาก็ยังนั่งใกล้กับจื่อเซียงเป็นอย่างมาก ภาพลวงตาของอสูรอันยิ่งใหญ่ ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ ร่างนาง กระจายแสงเลือนลางออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็พุ่งตรงมายังทิศทางของสัญลักษณ์เวทที่อยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน
แสงนั้นไม่ได้ช่วยส่งเสริม แต่เป็นการทำลายล้าง แก่นแท้ของร่างเซียนอสูรก็คือ การกระตุ้นศักยภาพของการทำลายล้าง ด้วยเช่นนั้นมันจึงช่วยสร้างร่างกายอันแข็งแกร่งอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน
วิชาลับแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์มีพื้นฐานอยู่บนการหล่อเลี้ยง การกระตุ้นศักยภาพก็คือการหล่อเลี้ยงบำรุงร่างกาย ทำให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งร่างกายรวมตัวกันจนแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
มันเป็นสองวิธีการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จากสมัยโบราณจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ไม่เคยมีการฝึกฝนที่พร้อมกันเช่นนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยทดลองมาก่อน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีทางที่จะฝึกฝนด้วยวิธีการเช่นนี้ได้
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเผอิญโชคดี จึงได้บรรลุถึงความสมดุลย์ที่แปลกประหลาด แสงจากภาพลวงตาของอสูรอันยิ่งใหญ่ กำลังทำลายโครงสร้างกระดูกของเขาลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดูกค่อยๆ แตกกระจายไปอย่างช้าๆแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับร่างศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น…วิชาที่ปกติแล้ว ต้องใช้แค่สัญลักษณ์เวทเท่านั้น จู่ๆ ก็เริ่มมีสัญลักษณ์เวทผนึกไหลออกมามากยิ่งขึ้น พวกมันพุ่งเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว เพื่อซ่อมแซมและทำให้กระดูกของเขาสมบูรณ์
ขั้นตอนของการทำลายและเสริมสร้างนี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ในเวลาเดียวกันนั้น ผลประโยชน์ที่เขาได้รับก็สมบูรณ์แบบมากกว่าเมื่อครั้งในสมัยโบราณ!
ยากที่จะบอกได้ว่าเวลาได้ผ่านไปมากมายเท่าใดแล้ว แต่เนื่องจากวงจรที่หมุนวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างกระดูกของเมิ่งฮ่าว เริ่มเสถียรมั่นคงและหนักแน่นขึ้น เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในร่างกาย ขณะที่เขาทะลวงผ่านเข้าไปในพลังของวิญญาณดวงที่หก
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานฝึกตน ร่างกายเขาก็ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจ เขาไม่ได้มีรูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนก่อนหน้านี้ แต่มีร่างกายที่แน่นหนาบึกบึน แทบจะดูคล้ายกับเป็นภูเขาลูกน้อยๆ
ในตอนนี้ การกลั่นสกัดร่างกายของเมิ่งฮ่าว ได้ขยายออกมาจากกระดูก เข้าไปในเลือดเนื้อ!
กระดูก, โลหิตและชิ้นเนื้อ, เส้นโลหิตและหลอดเลือด ทั้งสามส่วนนี้ต่างก็ถูกกลั่นสกัด เมื่อหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ก็นำไปสู่ความแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมาของลมปราณและโลหิต!
ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แสงจากอสูรอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี ทำให้ร่างเขาแห้งเหี่ยวลงอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งดูเหมือนกับเป็นโครงกระดูก แต่ในลมหายใจต่อมา พลังอันน่าเหลือเชื่อจากสัญลักษณ์เวทก็ไหลเข้าไปในร่าง ทำให้ร่างกายเริ่มฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์
ขณะที่วงจรเช่นนี้ดำเนินต่อไป สัญลักษณ์เวทรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวก็เริ่มลดน้อยลง ในที่สุดก็เหลืออยู่อีกไม่มากนัก แต่ในเวลาเดียวกันนั้น รอยแยกขนาดใหญ่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าเหนือยอดเขาเจ็ดของสำนักเซียนอสูร
ขณะที่รอยแยกนั้นเปิดออกเป็นระลอกคลื่น เสียงระเบิดอย่างน่าเหลือเชื่อก็ได้ยินมา จนทำให้ทุกสรรพสิ่งในสำนักเซียนอสูรสั่นสะเทือน ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งดาวหนานเทียนมองขึ้นไป สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
พวกมันแต่ละคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในรอยแยกที่ด้านบนท้องฟ้ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตมาก ขณะที่มันใกล้เข้ามา…คนเหล่านั้นก็มองเห็นเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ จนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้!
มันก็คือ…เจดีย์เซียนอสูร!!
คนทั้งหมดเคยเห็นเจดีย์นี้ในอาณาจักรที่สอง แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เจดีย์…กำลังดิ้นรนที่จะรักษาตัวเองไว้ มีบางพื้นที่ของมันที่ถูกทำลายและพังลงไป แม้แต่บางส่วนของมันที่ยึดแน่นเข้าด้วยกัน ก็กำลังเกิดเป็นแสงเจิดจ้าที่ยืดยาวออกไป
ทั่วทั้งเจดีย์กำลังพังทลายลง เห็นได้ชัดว่า มันเกือบจะถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ในช่วงสงครามสมัยโบราณอย่างไรก็ตาม เจดีย์…ก็ยังคงอยู่ต่อไป ขณะที่มันใกล้เข้ามา ก็กระจายแรงกดดันอันไร้ขอบเขตซึ่งมองไม่เห็นออกมา ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างต้องสั่นสะท้านอยู่ในใจ และสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เจดีย์เซียนอสูรเข้ามาใกล้ ทันใดนั้น ลำแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากภายใน สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์เวท!!
สัญลักษณ์เวทผนึกมากมายนับไม่ถ้วน กลายเป็นแม่น้ำแห่งดวงดาว กวาดออกไปทั่วในอากาศ คล้ายกับเป็นสายฟ้าแห่งผ้าไหมสีขาว ที่ถูกคลี่กระจายออกมาอย่างน่าตกใจ พุ่งตรงไปยังยอดเขาที่เจ็ด และสระน้ำเซียนอสูร เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วในอากาศ พุ่งตรงไปยังบริเวณที่คนทั้งหมดมองไม่เห็น ปกคลุมไปทั่วทั้งสระน้ำเซียนอสูร และจากนั้นก็ไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว!
ร่างศักดิ์สิทธิ์เป็นวิชาลับที่มาจากเจดีย์เซียนอสูร ร่างเซียนอสูรเป็นกายเนื้อที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยราชันหลี่ สำหรับการที่จะบอกว่าวิชาทั้งสองนี้ วิชาไหนแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่ากัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวให้ชัดเจนได้
ในตอนนี้ การต่อสู้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นแล้ว อยู่ภายในร่างของเมิ่งฮ่าวที่เป็นเหมือนกับสนามรบ วิชาเวทต่อสู้กับร่างเซียนอสูร ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันไปมา
การทำลายล้างจะเอาชนะเหนือการสร้างเสริม หรือการสร้างเสริมไม่อาจจะถูกทำลายลงไปได้? การทำลายล้างราวกับเป็นหอก ที่แทงเข้าไปในเกราะป้องกันของการสร้างเสริม!