Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 845

ตอนที่ 845

ดาวจรัสแสง!

ในตอนนี้ สายตาทุกคู่ต่างก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว!

ไม่เพียงแต่กลุ่มคนที่โลกด้านนอกเท่านั้นกำลังมองไป ผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่ในเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า ต่างก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้ว่าคนทั้งหมดจะถูกแยกออกจากกันด้วยระยะทางที่ห่างไกล แต่ภายในความว่างเปล่าของเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถกวาดล้างคนทั้งหมดที่อยู่ภายในระยะหนึ่งหมื่นจ้างออกไปได้ ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

แม้แต่บุคคลที่เคยอยู่ในอันดับแรกก่อนหน้านี้ บุรุษหนุ่มที่สวมหน้ากาก มันก็สามารถจะกวาดล้างบริเวณแห่งนั้นได้แค่ไม่กี่พันจ้างเท่านั้น

ในตอนนี้สมาชิกระดับสูงของสามนิกายหกสำนัก, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ ทั้งหมดต่างก็สะท้านใจ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า เสียงมากมายได้ยินออกมา

“ให้ใช้วิธีการทุกอย่างส่งข้อความไปให้บุรุษผู้นั้น ไม่ว่ามันจะเรียกร้องอะไร ต้องทำให้มันมาเข้าสังกัดเซียงหั่วเต้า (เต๋าธูปเผาไหม้) ให้จงได้!”

“การได้อันดับหนึ่งในด่านแรก ถือว่าไม่มีอะไรมากนัก ยังมีอีกหลายด่านที่ต้องฟันฝ่า ดังนั้นต้องมีคนอื่นๆ ที่จะโดดเด่นขึ้นมา ข้าเกรงว่าคนที่ได้อันดับสอง อาจจะไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากนักในตอนนี้ แต่…สำหรับผู้ชนะอันดับหนึ่ง ถ้ามันทำได้ไม่ดีในด่านต่อไป ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจเหมือนในด่านแรก นิกายตี้เซียน (เซียนจักรพรรดิ) ก็ต้องให้มันมาเป็นแค่ศิษย์ธรรมดา! กระจายคำสั่งออกไปเดี๋ยวนี้!”

“พลังการต่อสู้ของมันช่างน่าประหลาดใจยิ่ง และมีนิสัยที่โหดเหี้ยม บุคคลเช่นนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะมาเข้าสังกัดนิกายเซี่ยหลัน!! (กล้วยไม้โลหิต)”

กองกำลังจากสามนิกายหกสำนักมีอยู่ไม่น้อยที่ให้ความสนใจในตัวเมิ่งฮ่าวขึ้นมาในทันที อันเนื่องมาจากพลังที่เขาแสดงออกมานี้

สำหรับห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์, สี่ตระกูลใหญ่ และสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครจะมีคำสั่งประกาศออกมาเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ต้องมองเมิ่งฮ่าวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ อย่างแน่นอน

ผู้ที่กำลังมองดูเส้นทางโบราณบนกระแสน้ำวนมีบิดามารดาเมิ่งฮ่าวอยู่ด้วยเช่นกัน พวกท่านอยู่ในตระกูลฟางบนดาวหนานเทียนอันกว้างใหญ่ มองขึ้นไปยังจอภาพนั้น เมิ่งฮ่าวอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไป แต่ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ก็ยังคงจดจำเขาได้ในทันที

เมื่อพวกท่านมองเห็นว่าเขาได้อันดับหนึ่งในด่านแรก ทั้งคู่ก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและมุ่งหวัง แน่นอนว่ารอยยิ้มของมารดาเมิ่งฮ่าว ได้ประกอบไปด้วยความห่วงใยขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แต่นางก็รู้ว่าเส้นทางของเมิ่งฮ่าว…คือเส้นทางที่เขาต้องเดินไปด้วยตนเอง

ในเต๋าคุนหลุน ตานกุ่ยกำลังมองไปยังจอภาพค้นหาเต๋าบนกระแสน้ำวน ถึงแม้จะไม่มีใครจดจำเมิ่งฮ่าวได้ แต่ตานกุ่ยไม่อาจจะแยกแยะได้อย่างไรว่า คนผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าฟางมู่?

ฉู่อวี้เยียนยืนอยู่ที่ด้านข้างของตานกุ่ย มองไปอย่างเงียบๆ ในจิตใจนางมีอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง ที่นางไม่อาจหรือไม่ปรารถนาที่จะลืมเลือนไป นอกจากนั้นในตอนนี้ นางก็เริ่มคุ้นเคยกับการมองดูเมิ่งฮ่าวจากที่ห่างไกลแล้ว

นางเป็นศิษย์ของตานกุ่ย แต่ในเต๋าคุนหลุน ตานกุ่ยได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์โดยตรงของเต๋าคุนหลุน ทำให้กลายเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าขึ้นมาในทันที เนื่องจากเช่นนั้น ฉู่อวี้เยียนจึงมีตำแหน่งที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน เพียงช่วงเวลาสั้นๆ นางก็เริ่มคุ้นเคยกับผู้ถูกเลือกในที่แห่งนี้มากมาย เนื่องจากความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อของนาง ทำให้ศิษย์ของเต๋าคุนหลุนนับไม่ถ้วนเริ่มไล่ตามพัวพันนาง

โลกของนางในตอนนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ด้านบนศีรษะขึ้นไปในตอนนี้ของนางไม่มีท้องฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นดวงดาว สิ่งที่นางเห็นเมื่อมองไปรอบๆ ไม่ใช่ภูเขาที่สูงใหญ่ แต่เป็นทะเลแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนดาวหนานเทียน ได้ประทับลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของนาง

ด่านแรกจบลงไปแล้ว ผู้เข้าแข่งขันมากมายถูกกำจัดไปจากเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ และค้นหาเต๋า คนที่ผ่านด่านแรกมาได้ตอนนี้กำลังรอคอยด่านที่สองอยู่ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและกังวลใจ

ต่อมาเสียงเก่าแก่โบราณก็พูดขึ้นมา อยู่ในสามเส้นทางโบราณที่แตกต่างกันนี้ คำพูดที่กล่าวมาแตกต่างกันออกไป แต่มีความหมายเช่นเดียวกัน ขณะที่เสียงนั้นบอกให้ทุกคนรู้ว่าด่านแรกได้จบลงไปแล้ว และในเวลาเดียวกันนั้น…ก็ประกาศว่ายังมีอีกกี่ด่านที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องฟันฝ่าไป!

“ผู้ที่ดับเปลวเทียนได้ห้าสิบเล่มหรือน้อยกว่านั้นในด่านแรก ให้เดินตรงไปสามพันก้าว! หนึ่งร้อยเล่มหรือน้อยกว่านั้น, ห้าพันก้าว!”

“สองร้อยเล่มหรือน้อยกว่า, เจ็ดพันก้าว สามร้อยเล่มหรือน้อยกว่า, เก้าพันก้าว…ห้าร้อยเล่ม, หนึ่งหมื่นก้าว!” เป็นครั้งแรกที่หลิงอวิ๋นจื่อจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ได้ปรากฏกายขึ้นด้วยตัวเองในเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า มันมีรูปร่างที่ผอมแห้ง สวมใส่ชุดยาวสีเขียว มีขนคิ้วเป็นสีขาว และมีเครื่องหมายสีน้ำเงินอยู่บนหน้าผาก ซึ่งดูเหมือนจะประกอบไปด้วยห้วงมหาสมุทรทั้งหมด!

มันยืนอยู่ที่นั่น กระจายกลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาเป็นระยะ ราวกับว่าตัวมันเองถูกสร้างขึ้นมาจากทะเลแห่งดวงดาว!

มองเห็นภาพลวงตาของมังกรทะเลเก้าหัวอยู่ที่ด้านหลังมันอย่างน่าตกใจยิ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไป ก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองไปยังพลังของเทพเซียนบางอย่าง

หลิงอวิ๋นจื่อ ถูกถือว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในตี้จิ่วซานไห่นี้!

สายตามันกวาดผ่านไปทั้งบริเวณนั้น อ้อยอิ่งอยู่ที่เมิ่งฮ่าวชั่วขณะ

หลังจากที่พูดจบ หลิงอวิ๋นจื่อก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้คนทั้งหมดในเส้นทางโบราณค้นหาเต๋าหายตัวไป เคลื่อนที่ตรงไปเกินกว่าที่จะควบคุมตนเองได้ มุ่งไปยังจุดที่ได้อธิบายไว้เมื่อครู่นี้

พวกมันเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ไม่ได้พบเห็นเชิงเทียนหรือแท่นเวทีใดๆ ตลอดเส้นทาง พวกมันลอยผ่านความว่างเปล่าจนกระทั่งบรรลุถึงซากปรักหักพังที่ยืดยาวออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด ยังคงมองเห็นได้ถึงเศษซากของอาคารบ้านเรือน รวมทั้งรูปปั้นโบราณต่างๆ ป่าไม้ที่แห้งเหี่ยว แม่น้ำและเทือกเขา

ตอนนี้คนทั้งหมดอยู่ใน…เศษซากเซียนของตี้จิ่วซานไห่

ความว่างเปล่าที่เพิ่งจะเห็นนั้นเป็นแค่ทางเข้ามาเท่านั้น!

มีเพียงไม่กี่คำพูดที่สามารถใช้อธิบายถึงสถานที่แห่งนี้คือ ไร้สิ่งมีชีวิต, เก่าแก่, โบราณ, ลี้ลับ, เงียบสงบ และกว้างใหญ่!

หกคำเหล่านี้ลอยขึ้นมาอยู่ในจิตใจของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด ขณะที่พวกมันมองไปยังเศษซากเซียนในตอนแรก คำพูดสุดท้ายจริงๆ แล้วก็เป็นความรู้สึกที่ผุดเด่นขึ้นมาเมื่อพวกมันได้มองไป

แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่านี่เป็นเส้นทางของอะไร มีอยู่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาคือแท่นบูชานับไม่ถ้วนที่เรียงรายเป็นทิวแถวยืดยาวออกไปยังที่ห่างไกล ดูเหมือนว่าพวกมันจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของเวลาและความเก่าแก่โบราณ พวกมันถูกแกะสลักเป็นสัญลักษณ์เวทที่ซับซ้อน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจได้ แท่นบูชาที่อยู่ห่างไกลออกไป ก็ยิ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์เวทที่แน่นหนามากขึ้นกว่าแท่นบูชาที่อยู่ใกล้ ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่ลี้ลับขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ

ถ้าเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าเส้นทาง ถ้าเช่นนั้นก็อาจจะเป็น…เส้นทางแท่นบูชาที่ยืดยาวออกไป จนทำให้มองเห็นเป็นรูปร่างของถนนหนทาง

ยากที่จะบอกได้ว่ามีแท่นบูชาอยู่ในที่แห่งนี้มากมายเท่าใด พวกมันขยายยาวออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุดในที่ห่างไกล

เพียงมองไปแค่แวบแรก ดูเหมือนว่าแท่นบูชานั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่…จริงๆ แล้วก็มีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ อันที่จริงแท่นบูชาที่มีขนาดเล็กมากที่สุดมีขนาดประมาณสามในสิบส่วนของความว่างเปล่าทั้งหมดที่พวกมันเพิ่งจะผ่านมา

แต่ละแท่นบูชามีขนาดใหญ่โตอย่างถึงที่สุด!

จากสิ่งนี้ก็สามารถจะคาดคิดได้ว่าเศษซากเซียนน่าตกใจถึงเพียงไหน จากความรู้สึกของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้โดยผู้ฝึกตน แต่อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ยักษ์ขนาดใหญ่บางเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้

แต่จากนั้นจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจเมื่อคิดย้อนกลับไปยัง…สิ่งที่เคยพบเห็นมาในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ ในเขตเทือกเขาแห่งดินแดนตะวันออก จากภาพในความคิด เขาได้เห็นสิ่งของหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาในสมัยโบราณ บางทียักษ์และผู้ฝึกตนอาจจะเป็นสิ่งเดียวกันก็เป็นได้

กลุ่มคนที่หยุดอยู่ในระยะสามพันก้าวค่อนข้างจะเป็นส่วนน้อย พวกมันทั้งหมดไปหยุดอยู่ที่หนึ่งในแท่นบูชา และไม่มีการจับกลุ่มกันใดๆ กลุ่มที่ใหญ่มากที่สุดคือกลุ่มคนที่ไปได้ไกลห้าพันก้าว ถึงแม้จะเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ละคนก็ยังมีแท่นบูชาเป็นของตัวเองพร้อมกับพื้นที่อันกว้างใหญ่

ต่อมาก็เป็นกลุ่มคนที่ไปได้ไกลเจ็ดพันก้าว กลุ่มนี้มีอยู่แค่ไม่กี่คน พวกมันรีบกระจายออกไปยังแท่นบูชาต่างๆ เฝ้าจับตาดูซึ่งกันและกัน

เมื่อมาถึงเขตเก้าพันก้าว ก็มีเพียงบุรุษหนุ่มที่สวมใส่หน้ากาก และคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงอายุขัยได้ ตอนนี้มันได้เปลี่ยนจากชายชราเป็นเด็กหนุ่ม มันและบุรุษสวมหน้ากากไปอยู่ที่แท่นบูชาขนาดใหญ่ด้วยกัน

สำหรับเมิ่งฮ่าว เป็นคนสุดท้ายที่มาหยุดอยู่ในตำแหน่งผู้นำ เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองแท่นบูชาในบริเวณนั้นทั้งหมด!

ภาพเดียวกันนี้กำลังปรากฏขึ้นอยู่ในเส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณ

“ด่านที่สอง คือด่านแห่งการสังหาร!” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ด่านแรกเป็นการทดสอบความสามารถที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ ผู้ฝึกตนได้ฝึกฝนความสามารถที่จะต่อสู้ พวกเราต่อสู้กับผู้คน ต่อสู้กับสวรรค์ ต่อสู้กับปฐพี มีแต่ต่อสู้เท่านั้นถึงจะสามารถฝ่าฟันโชคชะตาที่ต่อต้านสวรรค์ได้!”

“ด่านแห่งการสังหารนี้ จะทดสอบว่าพวกเจ้าที่อยู่ในขั้นค้นหาเต๋าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน!”

“ด่านนี้ดูจะเหมือนกับด่านแรก แต่จริงๆ แล้วก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในด่านแรกพวกเจ้าทั้งหมดได้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกัน บ้างก็อ่อนแอ บ้างก็แข็งแกร่ง ซึ่งไม่มีทางที่จะตัดสินได้ว่าพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน”

“ในด่านที่สองนี้ พวกเจ้าจะต้องต่อสู้กับศัตรูคนเดียวกัน!”

“สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนเช่นพวกเรา เต๋าคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เวทของพวกเราได้เตรียมพร้อมที่จะคอยปกป้องเต๋า ถ้าไม่มีเวทที่แข็งแกร่งเพียงพอ แล้วพวกเราจะบรรลุถึงเต๋าได้อย่างไร? ดังนั้นพวกเจ้าต้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ออกมาในด่านที่สองนี้!”

“ในด่านนี้ เวลาจะถูกจำกัดไว้ที่ธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอกเช่นเดียวกัน การทดสอบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวนชีวิตที่พวกเจ้าสามารถกำจัดไปได้ แต่เป็น…ความรวดเร็วในการสังหาร!”

“สังหารทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น ใครก็ตามที่ไม่อาจจะทำได้สำเร็จในช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกก็จะถูกกำจัดไป ในด่านที่สองนี้พวกเจ้าต้องเสี่ยงด้วยชีวิต ถ้าไม่ต้องการ พวกเจ้าสามารถจะจากไปได้ตั้งแต่ตอนนี้!” สายตาหลิงอวิ๋นจื่อกวาดผ่านไปทั่วทั้งกลุ่มฝูงชน แต่ก็ไม่มีใครเลือกที่จะถอนตัวจากไป หลิงอวิ๋นจื่อมีสีหน้าที่เย็นชาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และทันใดนั้นสัญลักษณ์เวทบนแท่นบูชาก็สาดประกายเจิดจ้า เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และแสงเจิดจ้าก็หมุนวนไปมาอยู่ทั่วทุกที่

แสงนั้นกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ปกคลุมไปทั่วทั้งแท่นบูชาทั้งหมด ห่อหุ้มคนทั้งหมดไว้โดยสิ้นเชิง

ด้านหลังเมิ่งฮ่าวหนึ่งพันก้าว บุรุษที่สวมหน้ากากยืนอยู่ที่นั่น จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวขณะที่แสงได้ปกคลุมเขาไว้ ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงอันดุร้ายขณะที่มองเห็นเมิ่งฮ่าวหายตัวไป

“เจ้าเอาชนะได้ในด่านแรก แต่ด่านที่สองนี้จะไม่เป็นของเจ้า!”

ชายชราที่สามารถเปลี่ยนอายุได้ตอนนี้กลายเป็นเด็กหนุ่ม ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าเช่นเดียวกัน

ด้านหลังพวกมันคือผู้เข้าแข่งขันอื่นๆ ทั้งหมดที่มีผลสูงสุดอยู่ในด่านแรก แต่ละคนมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังหายตัวไป ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยแสงอันดื้อรั้น

“ก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามันได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างในช่วงสุดท้าย ครั้งนี้…มันถูกบังคับให้ต้องแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว!”

ในเวลาเดียวกันนั้น บนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณ คนทั้งหมดก็กำลังถูกปกคลุมด้วยแสงอันเจิดจ้าเช่นเดียวกัน ในที่สุดก็มองไม่เห็นใครอีก สิ่งเดียวที่มองเห็นได้ภายในแสงอันเจิดจ้านั้นคือรายนาม

ด้านหลังของแต่ละรายนามเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงจำนวนชีวิตที่พวกมันได้กำจัดไป

ย้อนกลับไปยังแท่นบูชาของเมิ่งฮ่าว เสียงอันเย็นชาทันใดนั้นก็ดังก้องอยู่ในหู สอบถามถึงนามของเขา สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่พึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วขณะ เขาก็ตอบไปว่า ‘ฟางมู่’

เพียงชั่วพริบตา ตัวอักษรฟางมู่ (方木) ก็ปรากฏขึ้นในแสงของแท่นบูชา ทันใดนั้นคนทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ก็สามารถมองเห็นมัน

“มันมีนามว่าฟางมู่!!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันมีความสัมพันธ์กับตระกูลฟาง? แต่ก็มีผู้คนที่แซ่ฟางอยู่มากมายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลฟาง”

“ฟางมู่ ฟางมู่…มันได้อันดับหนึ่งในด่านแรก ข้าอยากรู้นักว่ามันจะทำได้อีกหรือไม่ในด่านที่สอง…”

“อย่าไปคิดมากเลย ไม่มีทางที่จะมีคนได้อันดับหนึ่งในด่านแรก แล้วจะได้อีกครั้งในด่านที่สอง ข้าสงสัยว่ามันคงจะใช้เวทเต๋าต้องห้ามบางอย่างในช่วงท้ายสุด มิเช่นนั้นมันก็ไม่มีทางที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่งในด่านแรก จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมจู่ๆ มันถึงได้พุ่งทะยานขึ้นมาได้ในช่วงสุดท้าย”

“อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามันได้อันดับหนึ่งอีกครั้ง ก็คงจะเป็นผู้ที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง สำนักต่างๆ คงจะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นแน่!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!