บทที่ 1075 เข้าสู่ร่างเทพ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
จ้าวเฟิงสำรวจสถานการณ์ใต้พิภพโดยใช้การมองทะลุผ่านของดวงตาซ้าย จึงได้รับข่าวสารส่วนหนึ่งมาอย่างรวดเร็ว
ผู้แข็งแกร่งใต้พิภพส่วนมากแล้วจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม โดยมีขั้วอำนาจหนึ่งที่แข็งแกร่งเป็นผู้นำ
พวกขั้วอำนาจที่ตั้งมั่นอยู่ใต้พิภพ นอกเหนือจากสมาชิกของตัวขั้วอำนาจเองแล้ว ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ที่รับมาด้วย
เซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นและชั้นสูงทั่วไปส่วนหนึ่งอยู่โดยลำพัง ไม่กล้าเข้าไปสำรวจคลังสมบัติลับใต้ดิน ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับขั้วอำนาจและสำนักต่างๆ ของราชวงศ์เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง
และเช่นเดียวกัน ขั้วอำนาจและสำนักที่แกร่งกล้าเหล่านี้จะรับผู้แข็งแกร่งจากภายนอกมา ขยายพลังทั้งหมดของตนเอง เพื่อรับรองว่าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้มากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ที่เดินทางโดยลำพังส่วนหนึ่ง หรือกลุ่มเซียนที่รวมตัวกันเป็นการชั่วคราว
จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟย ก็เป็นกลุ่มที่รวมตัวกันชั่วคราวเช่นกัน
ขอบเขตพลังของหนานกงเซิ่งในตอนนี้คือขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง บางทีพลังอาจจะยังไม่เสถียร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเซียนก็ยังพอมีพลังจะสู้รบตบมือกันแน่นอน
ถึงแม้ว่าจ้าวหยูเฟยจะมีขอบเขตพลังอยู่เพียงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น แต่นางมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ เมื่อต่อสู้ในร่างเทพที่มีปราณชีวิตหนาแน่น กำลังรบจึงไม่ด้อยไปกว่าหนานกงเซิ่งแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ กำลังรบกลุ่มจำนวนสามคนของจ้าวเฟิงนับว่าแข็งแกร่งยิ่ง ขอแค่ไม่เจอกลุ่มครึ่งเทพ ก็จะไม่เกิดเหตุคาดไม่ถึงอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้จ้าวเฟิงถึงวางใจให้จ้าวหยูเฟยติดตามมา
อีกทั้งจ้าวเฟิงยังมีไพ่ตายอีกใบหนึ่ง คือครึ่งเซียนคุนอวิ๋น!
จากป้ายคำสั่งสี่เหลี่ยมโบราณในมือ
จ้าวเฟิงจะสามารถรับรู้ตำแหน่งของคุนอวิ๋นได้เลย
เชื่อว่าเวลาผ่านไปนานเช่นนี้ พลังของคุนอวิ๋นคงจะพัฒนาขึ้นไม่น้อย
“ตามข้ามา!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับที่แฝงด้วยวายุอัสนีธาตุดิน โอบล้อมตัวจ้าวหยูเฟยกับหนานกงเซิ่งเข้าไปภายในผาอีกฟากบนหุบเหวลึกทันที
“จ้าวเฟิง เจ้าจะมุดดินไปแล้วหรือ?”
หนานกงเซิ่งถามอย่างตกใจ
จำได้ว่ายามอยู่ในมิติเทพลวงตาตอนนั้น หนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับมังกรมายาพันผันแปรและมังกรฟ้าวารีที่ไล่ตามมา ค่อนข้างจะยากลำบากไม่น้อย สุดท้ายได้เจ้าแมวขโมยน้อยขุดเอามังกรสองตนออกมา
จ้าวเฟิงไม่ได้ตอบหนานกงเซิ่ง รีบพาคนทั้งสองทะลุเข้าไปใต้พิภพ
“ขั้วอำนาจของวังเก้านิรยไม่ได้อยู่แถวนี้!”
จ้าวเฟิงลอบยินดี
หากในละแวกใกล้เคียงมีขั้วอำนาจของวังเก้านิรย จ้าวเฟิงคงทำได้เพียงเดินทางอ้อมไป
จนสุดท้าย จ้าวเฟิงเลือกหยุด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
“หยุดพักที่นี่เป็นการชั่วคราว รอให้พลังเทพสลายไปทั้งหมดแล้วค่อยลงมือ!”
จ้าวเฟิงเอ่ยทันที
จ้าวเฟิงชัดเจนแจ่มแจ้งว่าใต้พิภพมีอะไรบ้าง พลังเทพกลุ่มนั้นยังปกคลุมอาณาเขตกว้างใหญ่มาก
จ้าวหยูเฟยไม่สงสัยในคำพูดของจ้าวเฟิง นางรีบหลอมรวมเข้าไปในมิติส่วนตัวของตนและเริ่มฝึกฝน
ในขณะนี้ จ้าวหยูเฟยอยู่ใกล้พลังของเทพอย่างยิ่ง ที่นี่เอื้อประโยชน์ต่อการฝึกตนของพวกสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างนาง
ถึงแม้ว่าหนานกงเซิ่งจะมีข้อสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
พรึ่บ! จ้าวเฟิงเข้าไปในมนตราอากาศ
ด้านข้างของมนตราอากาศ เจ้าแมวขโมยน้อยที่กำลังนอนกรน ทั่วร่างมีขนสีเทาเปล่งแสงประหลาดแวววับ ในร่างของมันสาดซัดกลิ่นอายสายเลือดที่ทำให้จ้าวเฟิงหวาดกลัวเกินจะเปรียบ
“หรือว่าเจ้าแมวจะมีสายเลือดบางอย่างในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแฝงอยู่?”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสงสัย
จ้าวเฟิงได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้สัมผัสกับสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
จากที่เขาคาดเดา ถ้าหากเจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เช่นนั้นลำดับสายเลือด น่าจะอยู่ในสามสิบลำดับแรกเป็นอย่างน้อย
แต่จ้าวเฟิงก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าเจ้าแมวขโมยมีสายเลือดอย่างไร โดยอาศัยแค่กลิ่นอายสายเลือดที่ผสมปนเปเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น
จ้าวเฟิงมีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องเจ้าแมวขโมยตัวน้อย และตอนนี้ก็เพิ่มมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
พรึ่บ!
ปรากฏผลึกเซียนระดับล่างสองชิ้นขึ้นในมือจ้าวเฟิง
“ยังเหลืออีกช่วงหนึ่งกว่าพลังเทพจะสลายไป จะต้องทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นให้ได้ก่อนหน้านั้น!”
แววตาของจ้าวเฟิงแน่วแน่ โคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ดูดซึมพลังบริสุทธิ์ในผลึกเซียนระดับล่าง
ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงและพวกหนานกงเซิ่งกับจ้าวหยูเฟยในตอนนี้ จ้าวเฟิงก็ยังรู้สึกว่าการไปสำรวจร่างเทพด้วยขอบเขตพลังเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มอันตรายมากเกินไป
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงดูดเอาศรสังหารเทพชั้นรองดอกหนึ่งเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย และเริ่มลอกเลียนแบบ!
ด้วยพลานุภาพในตอนนี้ของจ้าวเฟิง การกระตุ้นศรสังหารเทพชั้นรองสีทองเข้มสามารถสร้างอาการบาดเจ็บหนักต่อราชาเซียน อานุภาพของมันก็น่าจะพอๆ กับ ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ ที่จ้าวเฟิงใช้ตราอัสนีเทวะทั้งหมดสร้างขึ้น
แต่จ้าวเฟิงจะใช้ตราอัสนีเทวะหมดในคราวเดียวได้อย่างไร ดังนั้นจ้าวเฟิงจำต้องคัดลอกศรสังหารเทพชั้นรองออกมาส่วนหนึ่ง
พลังเทพใต้พิภพอ่อนกำลังลงทีละน้อย
นอกเหนือจากพวกจ้าวเฟิงทั้งสาม ขั้วอำนาจสำนักอื่นหรือกลุ่มโดดๆ ก็เดินหน้าเข้าไปเรื่อยๆ ตามพลังเทพที่อ่อนจางลง
เพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วแหล่งกำเนิดพลังเทพที่แผ่ออกมากลุ่มนี้อยู่ใต้ดินลึกเท่าไหร่
ณ ใจกลางอาณาเขตขั้วอำนาจตำหนักไท่หวง
ครึ่งเทพหลงหวงกุมไม้เท้าทองหัวมังกร ร่างกายไม่ไหวติง กลิ่นอายน่ากลัวที่ไร้รูปร่างกลับสะเทือนรัศมีหมื่นลี้
ชายแดนอันเป็นที่ตั้งของขั้วอำนาจตำหนักไท่หวง ราชาเซียนอวี่หลิงแววตาสั่นไหว ห้วงความคิดดำดิ่งลงไปในมิติเก็บของ สิ่งของบางอย่างในมิติเก็บของในตอนนี้ จู่ๆ ก็เปล่งประกายแวววับออกมา
ห้วงความคิดราชาเซียนอวี่หลิงขยับ รับข่าวสารในนั้นมา
“เหอะๆ ยังจะกล้ามาที่นี่อีก!”
ราชาเซียนอวี่หลิงเผยรอยยิ้มเยอะเย้ย
“ราชาเซียนซีไห่ (ทะเลสงบ) เจ้าเด็กนั่นมาแล้ว พอถึงตอนนั้นหากเจ้าช่วยข้า ในภายภาคหน้าจะขอบคุณอย่างงาม!”
ราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยกับชายวัยกลางคนผมน้ำเงินด้านข้าง
ขั้วอำนาจของตำหนักไท่หวง มีครึ่งเทพและราชาเซียนเป็นหัวหน้ากลุ่ม นำสมาชิกคนอื่นๆ ไปสำรวจคลังสมบัติ
ส่วนราชาเซียนอวี่หลิงและราชาเซียนซีไห่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยมีราชาเซียนอวี่หลิงเป็นหัวหน้ากลุ่ม
ในกลุ่มนี้ นอกจากพวกเขาสองคนที่เป็นราชาแห่งเซียนแล้ว ยังมีขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงหนึ่งคนและขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นสองคนด้วย!
กลุ่มที่น่ากลัวเช่นนี้ หากอยู่โลกภายนอกแทบจะสามารถทำลายล้างสำนักสามดาวได้เลยทีเดียว
แต่ในเวลานี้ กลุ่มที่นำโดยราชาเซียนอวี่หลิงน่าจะไม่ถึงยี่สิบอันดับแรกด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
“ด้วยมิตรภาพของเจ้าและข้า ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก!”
ราชาเซียนซีไห่เอ่ยพลางยิ้ม
รอบกายเขาปรากฏเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ธาตุน้ำที่ไร้รูปร่างขึ้น ทำให้ดินโคลนทั้งสี่ทิศเปลี่ยนเป็นสายน้ำ เหมือนรอบกายกลายเป็นโลกมหาสมุทรที่ปั่นป่วนบ้าคลั่ง
อีกฟากหนึ่งใต้พิภพ ภายใต้กลุ่มหมอกควันไอมาร
“รายงานผู้อาวุโสสูงสุด ได้รับการยืนยันมาว่าจ้าวเฟิงลงมาใต้พิภพแล้ว!”
เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นผู้หนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งพลางเอ่ยอย่างยินดี
ในกลุ่มหมอกควันไอมารนั้น เงาแสงที่ว่างเปล่ากลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นทันใด
“จ้าวเฟิง มันรนหาที่ตายแท้ๆ!”
แววตาของผู้อาวุโสสูงสุดวังเก้านิรยอย่างครึ่งเทพโยวไห่มีเพลิงมารสีม่วงเข้มส่องวูบวาบ
คนระดับสูงทั้งหมดของวังเก้านิรยต่างพากันเกลียดจ้าวเฟิงเข้ากระดูกดำ
ตั้งแต่วันที่จ้าวเฟิงและวังเก้านิรยประจันหน้ากัน
จ้าวเฟิงสังหารยอดฝีมือของวังเก้านิรยไปไม่รู้เท่าไหร่ แถมยังฮุบทรัพยากรรวมไปถึงขั้วอำนาจนับไม่ถ้วนของวังเก้านิรยไป หนำซ้ำยังอาศัยชื่อเสียงของวังเก้านิรยถีบให้ตนเองผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความอัปยศเช่นนี้ วังเก้านิรยย่อมไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้
แต่เดิมครึ่งเทพโยวไห่วางแผนจะรอให้ขุดค้นสำรวจคลังสมบัติลับใต้พิภพให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะรนหาที่แบบนี้
“หากเจอจ้าวเฟิงก็สังหารได้เลย!”
เสียงของครึ่งเทพโยวไห่ดังขึ้นกลางหมอกควันมาร
“รับทราบ!”
ในหมอกควันไอมาร หัวหน้ากลุ่มย่อยที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งขานรับทันที
ในมุมหนึ่งใต้พิภพ
ชายที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีดำสนิทและสตรีชุดขาวผู้มีใบหน้านิ่งเฉยนางหนึ่งยืนเคียงข้างกัน
“ไม่เสียทีที่เป็นเนตรทำนาย ถึงจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่ผู้แข็งแกร่งในขั้วอำนาจคนอื่นๆ ก็ยังสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของข้าไม่ได้!”
มังกรวารีล้างโลกาหัวเราะอย่างเหี้ยมโหด
สถานที่ที่มังกรวารีล้างโลกาซ่อนตัวในตอนนี้ อยู่ห่างจากขั้วอำนาจของทั้งสองราชวงศ์พอดี
ดวงตาสีขาวของป๋ายหลินแผ่พลังวิญญาณลี้ลับออกมา จนสุดท้ายปรากฏขึ้นเป็นภาพที่เป็นรูปธรรมและมีสีสันชัดเจน
“ข้าคาดเดาเรื่องทั้งหมดของจ้าวเฟิงไม่ได้!”
ป๋ายหลินโอดครวญ ดวงตาสีขาวกลอกกลิ้งไม่หยุด
ชั่วขณะหนึ่ง บนภาพนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จนสุดท้ายปรากฏร่างปีศาจโลหิตม่วงร่างหนึ่ง ทิวทัศน์รอบกายเริ่มพร่าเลือน
“เป้าหมาย กะโหลกร่างเทพ จะเจอจ้าวเฟิงได้ที่นั่น!”
ป๋ายหลินเอ่ยเสียงเรียบ
ไม่สามารถคาดเดาถึงการกระทำต่างๆ ของจ้าวเฟิง แต่ว่ายังพอคาดเดาได้จากคนรอบตัวเขา
“กะโหลกร่างเทพ?”
มังกรวารีล้างโลกาแววตาทอประกาย
ถึงป๋ายหลินจะไม่ได้เอ่ยออกมา แต่เป้าหมายสุดท้ายของเขาก็ยังเป็นกะโหลกร่างเทพเช่นกัน
“เตรียมเข้าไป!” ป๋ายหลินพลันเอ่ยขึ้น
มังกรวารีล้างโลกาสั่นสะท้านทั้งร่าง
วินาทีต่อมา พลังเทพทั้งหมดใต้พิภพก็พลันหายไปจนหมด
พรึ่บ!
มังกรวารีล้างโลกาม้วนตัวป๋ายหลินเข้าไปภายในมิติส่วนตัวของตนเอง แล้วพลันพุ่งทะยานไปใต้พิภพ
สิ่งที่ปรากฏขึ้นแก่ครรลองสายตาของมังกรวารีล้างโลกาก็คือกายเนื้อสีขาวสุกสกาวร่างหนึ่ง
“กายเทพรวมตัวกับพลังเทพ!”
มังกรวารีล้างโลกาเข้าใจสภาพของร่างนี้ทันที
ขอบเขตพลังขั้นเทพแท้จริงมีจะกายเทพ ไม่สูญสลายและเป็นอมตะ เมื่อกายเทพสอดประสานเข้ากับพลังเทพแล้วจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น
ในขณะนี้ ร่างเทพร่างนี้สอดประสานเข้ากับพลังเทพ ทั่วร่างกลายเป็นผลึก เรียกได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน
ถึงจะเป็นครึ่งเทพในดินแดนทวีปร่วมมือกันก็ไม่น่าจะทำลายลงไปได้
“รอยโหว่?”
นัยน์ตาของมังกรวารีล้างโลกาจับจ้อง ในใจเคารพเนตรทำนายมากกว่าเดิม
ร่างเทพใหญ่โตอย่างมาก คิดจะหารอยโหว่สักจุดหนึ่งก็ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ตรงหน้ามังกรวารีล้างโลกามีรอยโหว่เล็กๆ แห่งหนึ่ง ทั้งหมดเกิดจากการควบคุมของเนตรทำนายทั้งสิ้น
พรึ่บ!
มังกรวารีล้างโลกามุดเข้าไปภายในผ่านรอยโหว่บนพื้นผิวของร่างเทพ
ลึกลงไปใต้พิภพ
ในขณะที่พลังเทพสลายไปจนหมดสิ้น ร่างเทพร่างนี้ก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
“ที่แท้เป็นร่างเทพจริงๆ ด้วย!”
สายตาครึ่งเทพหลงหวงชะงักไป
‘ร่างเทพที่ใหญ่โตเพียงนี้ คนผู้นี้ยามมีชีวิตอยู่มีพลังอะไรกันแน่ ไยร่างกายของเขาจึงปรากฏขึ้นที่นี่?’
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของซงไท่หวงกวาดผ่าน พบร่างเทพที่มีขนาดใหญ่ยิ่งก็พลันใจเต้นระรัว
โครม ฟู่!
ทันใดนั้นเอง ขั้วอำนาจของราชวงศ์ทั้งสองเคลื่อนไหวพร้อมกัน ตรงดิ่งไปหาร่างเทพใหญ่ยักษ์ที่กลายเป็นผลึกทั้งร่าง
เปรี้ยง ตูม!
ราชาเซียนผู้หนึ่งฟาดสายฟ้าสีแดงที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างออกมา แต่กลับไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดไว้บนผิวกายเซียนได้แม้แต่น้อย
“ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ!”
ราชาเซียนผู้นี้ตื่นตะลึงอย่างมาก ทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงนำกลุ่มไปหาทางเข้าอื่นเท่านั้น
อีกฟากหนึ่งของใต้พิภพ
“จ้าวเฟิง!”
หนานกงเซิ่งตะเบ็งเสียงด้วยท่าทีกราดเกรี้ยว
พรึ่บ!
ร่างจ้าวเฟิงปรากฏขึ้นข้างกายเขา บนใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ
“พี่เฟิง ท่านทะลวงผ่านขั้นแล้วหรือ?”
จ้าวหยูเฟยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายจ้าวเฟิง จึงเอ่ยแสดงความยินดี
“ใช่แล้ว!”
จ้าวเฟิงฝืนยิ้มออกมา
ในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย จ้าวเฟิงทะลวงไปถึงเทวาเร้นลับชั้นต้น แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าระหว่างนั้น จ้าวเฟิงใช้ผลึกเซียนระดับล่างและทรัพยากรล้ำค่าไปเท่าไหร่
จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับที่แฝงไปด้วยวายุอัสนีธาตุดิน กวาดคนทั้งสองดิ่งลงไปด้านล่าง
“นี่คือร่างเทพ!”
จ้าวเฟิงไม่ปิดบังใดๆ อีก เอ่ยออกมาตามตรง
เปรี๊ยะ!
จ้าวเฟิงและพวกเข้าไปภายในร่างเทพจากรอยโหว่บนพื้นผิว
“เหตุใดจะบังเอิญเช่นนี้ ด้านล่างมีทางเข้าพอดี!”
หนานกงเซิ่งแววตาเคร่งขรึมลงไป
เขาสัมผัสได้ถึงความลึกลับเกินคาดเดาของจ้าวเฟิงอีกครั้ง ความรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าอีกฝ่ายถาโถมเข้ามา