บทที่ 1076 ปีศาจผลึกเลือด
เมื่อคนทั้งสามเข้าไปภายในร่างเทพ ก็สัมผัสได้ถึงไอสวรรค์ในฟ้าดินที่อัดแน่นโชยเข้ามา
ทั้งหมดรู้สึกปลอดโปร่งไปทั่วร่าง พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในร่างหมุนวนเร็วมากขึ้น กายศักดิ์สิทธิ์ดูดซึมไอสวรรค์ในฟ้าดินรอบบริเวณเอง
“ถ้าหากฝึกฝนในนี้ ความเร็วในการฝึกน่าจะมากกว่าโลกภายนอกอย่างน้อยสิบเท่าขึ้นไป!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตื่นตะลึง
ไอสวรรค์ฟ้าดินในร่างเทพมากมายเหลือเฟืออย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่สถานที่ใดในโลกภายนอกก็ไม่อาจจะเปรียบได้
อีกทั้งในร่างเทพเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเทพที่สงบนิ่งยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่ง กฎเกณฑ์เสวียนอ้าวจำนวนมากยิ่งสามารถสัมผัสได้ชัดเจนขึ้น จึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกตนชั้นเลิศ
พรึ่บ ฟู่!
ในขณะที่จ้าวหยูเฟยก้าวเดิน ไอสวรรค์ฟ้าดินรอบตัวประหนึ่งแสงสว่างสีม่วงแวววาว พากันกระเพื่อมไหว หมุนวนรอบกายจ้าวหยูเฟยเหมือนศิโรราบให้ และยิ่งไปกว่านั้นมีปราณบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งแทรกเข้าไปภายในร่างนางอย่างรวดเร็ว
“อยู่ที่นี่ข้าไม่ต้องฝึกตน ความเร็วในการดูดซึมไอสวรรค์ฟ้าดินก็เทียบเท่าได้กับยามปิดด่านฝึกตนที่โลกภายนอก!”
จ้าวหยูเฟยมีสีหน้าตื่นตะลึง ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
หนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิงสีหน้าแข็งค้าง อ้าปากกว้างจ้องจ้าวหยูเฟย
ไม่ต้องฝึกฝนก็อยู่ในสภาวะปิดด่านฝึกตนที่โลกภายนอกได้อย่างนั้นหรือ?
จะต้องรู้ว่า ความเร็วการฝึกตนตอนจ้าวเฟิงใช้ผลึกเซียนระดับล่างยังทิ้งห่างจากจ้าวเหยูเฟยนัก และในเวลานี้ จ้าวหยูเฟยใช้แค่สายเลือดเผ่าพันธุ์เผ่าพันธุ์วิญญาณดูดซึมพลังทั่วบริเวณ ความเร็วการฝึกของนางก็สามารถอยู่เหนือจ้าวเฟิงที่ใช้ผลึกเซียนระดับล่างมาฝึกฝน
หนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิงต้องยอมรับว่าพวกเขาประเมินสายเลือดของจ้าวหยูเฟยต่ำไปมากมาตลอด
สายเลือดน่าสะพรึงในยี่สิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ไม่ได้ธรรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด
“หยูเฟย หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ ตั้งใจฝึกตนให้ดี!”
จ้าวเฟิงแนะนำ
ร่างเทพร่างนี้เป็นสถานที่ฝึกตนชั้นยอดของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณชัดๆ
กำแพงผลึกรอบบริเวณ ทุกพื้นที่แฝงไปด้วยพลังฟ้าดินที่เหนือกว่าผลึกเซียนระดับล่างมาก และพลังฟ้าดินของสถานที่ไม่น้อยยิ่งเท่ากับผลึกเซียนที่แท้จริง
ซึ่งพูดได้ว่า ร่างเทพทั้งร่างเท่ากับเป็นผลึกเซียนระดับล่างที่มีขนาดกว่าสิบล้านจั้ง
แต่ทว่า โครงสร้างของร่างเทพนี้สมบูรณ์อย่างยิ่ง บวกกับระดับความแข็งแกร่งที่เกินกว่าจะคาดคิดจนไม่อาจทำลายได้เลย
แต่สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณกลับสามารถดูดซึมปราณฟ้าดินในร่างเทพได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากจ้าวหยูเฟยตั้งใจฝึกตนอยู่ที่นี่ เกรงว่าไม่นานเท่าไหร่ก็จะไปถึงระดับขั้นเทพได้
“ไม่ ข้าอยากจะค้นหาโอกาสที่แท้จริงในร่างเทพกับพี่เฟิง!”
จ้าวหยูเฟยปฏิเสธทันควัน
หากนางอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ปล่อยให้หนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิงไปสำรวจร่างเทพกันเอง จะยิ่งอันตรายเพิ่มขึ้นมาก
อีกทั้งจ้าวหยูเฟยมาสำรวจร่างเทพ ความปรารถนาแรกของนางก็ไม่ใช่เพื่อโอกาสในร่างเทพหรอกหรือ
“เช่นนั้นก็ดี พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!”
จ้าวเฟิงกระตือรือร้น เอ่ยขึ้นทันที
เมื่อเปรียบเทียบปราณฟ้าดินที่แฝงอยู่ในร่างเทพ ภายในร่างเทพน่าจะยังมีสมบัติที่ล้ำค่ามากกว่านั้นซุกซ่อนอยู่ด้วย
กลิ่นอายชั่วร้ายภายในร่างของหนานกงเซิ่ง นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นไปทุทกี
สมบัติภายในร่างเทพนี้ส่งผลกระตุ้นการเติบโตของจิตมารในร่างของเขาอย่างชัดเจน
เมี้ยว เมี้ยว!
ในเวลานี้เอง เจ้าแมวน้อยปรากฏตัวขึ้นบนบ่าของจ้าวเฟิง โยนเหรียญทองแดงโบราณหลายชิ้นออกมาเสียงดัง ‘กรุ๊ง กริ๊ง’ จากนั้นมันจึงโบกอุ้งมือไปมา ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“ไปกัน!”
จ้าวเฟิงย่อมรู้ว่าในเวลาเช่นนี้ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยไม่มีทางนอนอยู่กับที่แน่
ก่อนจะออกเดินทาง จ้าวเฟิงกระตุ้นเกราะแขนที่มือ ทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้ที่นี่อันหนึ่ง
เปรี๊ยะ!
คนทั้งสามเร่งรุดเดินทางไปตามทิศทางที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยชี้ในทันที แต่พวกเขาบินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็หยุดชะงักอีกครา
“นี่คืออะไร?”
จ้าวเฟิงเข้าไปใกล้กำแพงผลึกด้านข้าง ที่มุมหนึ่งของกำแพงมีเห็ดหลินจือในสภาพผลึกชิ้นหนึ่ง
“ปราณบริสุทธิ์ในฟ้าดินแกร่งอย่างยิ่ง แถมยังมีกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลอยู่ด้วย!”
จ้าวหยูเฟยความรู้สึกว่องไว เอ่ยขึ้นทันที
“หรือว่ากลิ่นอายสายเลือดที่อ่อนจางของร่างเทพสอดประสานเข้ากับพลังเทพ จนทำให้เกิดทรัพยากรล้ำค่า?”
จ้าวเฟิงค่อยๆ คาดเดา
หลินจือสีเลือดในสภาพผลึกแก้วนี้มิได้เกี่ยวข้องกับร่างเทพ เหมือนว่าเพิ่งจะงอกขึ้นมาในภายหลัง
ผลึกหลินจือเลือดคล้ายคลึงกับบัวแก้วเวหาที่จ้าวเฟิงเคยได้มา เป็นสมบัติล้ำค่าศาสตร์พฤกษาควบกับหินแร่ แต่ผลึกหลินจือเลือดตรงหน้านี้แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องกังขา มันแฝงไปด้วยกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่ทรงพลังและปราณบริสุทธิ์เข้มข้น ทั้งยังมีเสวียนอ้าวธาตุน้ำและธาตุไม้อีกด้วย
อีกทั้งปราณบริสุทธิ์และกลิ่นอายบรรพกาลที่แฝงอยู่ในผลึกหลินจือสีเลือดชิ้นนี้ มีจำนวนมากเสียยิ่งกว่าทรัพยากรล้ำค่าในห้วงฝันบรรพกาลของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บทรัพยากรล้ำค่าชิ้นนี้เข้าไปในมนตราอากาศทันที
หลังจากเก็บผลึกหลินจือเลือดไปแล้ว จ้าวเฟิงยังพบว่าพลังเทพและปราณบริสุทธิ์ที่แฝงอยู่ในกำแพงผลึกที่งอกเห็ดหลินจือเทียบเท่าได้กับผลึกเซียนเลยทีเดียว
เสียดายก็เพียงเขาไม่อาจเก็บมันไปด้วยได้
ดวงตาหนานกงเซิ่งฉายแววละโมบ แต่กลับหักใจไม่ลงมือ
ก่อนที่จะเข้าไปในร่างเทพ ทั้งสามเคยตกลงกันมาก่อน
โอกาสทั้งหมดในร่างเทพ ใครได้มาก่อนจะกลายเป็นของคนนั้น โดยพึ่งพาความสามารถของแต่ละคน
“ที่นั่นยังมีอีก!”
หนานกงเซิ่งปรายตามองกำแพงที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วจึงรีบโบยบินไป เก็บวัตถุดิบยาผลึกต้นหนึ่งมา
คำพูดของหนานกงเซิ่งทำให้สายตาของจ้าวเฟิงละจากกำแพงไป
“หรือว่าพวกนี้จะเป็นแค่เพียงสมุนไพรทั่วไปในร่างเทพ?”
จ้าวเฟิงสีหน้าแข็งกระด้าง รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย
ผลึกหลินจือเลือดที่เขาเห็นความสำคัญอย่างมากเมื่อครู่ กลับกลายเป็นแค่ทรัพยากรทั่วไปที่เห็นได้ดาษดื่นในร่างเทพนี้
“ยามที่ร่างเทพนี้ยังมีชีวิตอยู่จะเก่งกล้าสามารถปานใด!”
หนานกงเซิ่งสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด เผยสีหน้าตื่นตกใจ
จากที่ดูในตอนนี้ บางทีโอกาสในร่างเทพอาจจะชวนให้ใจสั่นยิ่งกว่าคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาลของมิติเทพลวงตาเสียอีก
“ข้าเองก็ไม่อาจตัดสินได้เช่นกัน!”
เสียงของจิตเทพปีศาจในร่างหนานกงเซิ่งดังขึ้น
เขาเป็นเพียงแค่จิตเทพปีศาจเท่านั้น ไม่มีความทรงจำทั้งหมดของเทพปีศาจบรรพกาล
“ไม่ต้องสนใจของพวกนี้แล้ว เดินทางต่อกันเถอะ!”
จ้าวเฟิงเอ่ย
ถึงแม้ทรัพยากรที่พบเห็นระหว่างทางจะทำให้ใจสั่นเพียงใด แต่ทุกคนต่างข่มใจไม่ไปเก็บมัน
พวกเขาจะสิ้นเปลืองเวลาไปกับ ‘ทรัพยากรธรรมดา’ พวกนี้ได้อย่างไรกัน
“ระวัง!”
จ้าวหยูเฟยเอ่ยทันทีที่สังเกตเห็นระลอกไอสวรรค์กลุ่มหนึ่ง
ตูม วิ้ง!
เสียงตะโกนอย่างโมโหโกรธา หอบเอาแรงกดดันกลิ่นอายที่น่ากลัวกระแทกเข้าใส่ทุกคน
เห็นเพียงเงาแสงสีเลือดสายหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากทางแยกด้านหน้า
แสงสีเลือดนี้มีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่กลับไม่มีใบหน้า ร่างกายเหมือนประกอบขึ้นจากกฎเกณฑ์เสวียนอ้าวและพลังในฟ้าดินที่บริสุทธิ์
“นี่ต้องเป็นปีศาจที่เกิดจากพลังจำนวนมากในร่างเทพรวมตัวกันแน่!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุร่างคนผลึกเลือด และสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว
ทรัพยากรที่ล้ำค่าเกินจะเปรียบยังเกิดจากร่างเทพ เช่นนั้นแล้วร่างเทพย่อมสามารถให้กำเนิดปีศาจที่มีวิญญาณได้เช่นกัน
ส่วนจ้าวหยูเฟยสามารถสัมผัสถึงปีศาจผลึกเลือดได้ก่อนจ้าวเฟิง เป็นเพราะส่วนประกอบส่วนมากในร่างปีศาจผลึกเลือดนี้เป็นกลิ่นอายพลังเทพและปราณบริสุทธิ์ในฟ้าดิน ดังนั้นสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟยจึงสัมผัสได้ก่อน
พรึ่บ!
ปีศาจผลึกเลือดตนนี้ปราดเปรียวอย่างมาก มันฟาดฝ่ามือลงมาทันที
ตุบ โครม!
พลังปราณบริสุทธิ์และกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่ไร้รูปร่างรอบตัวถูกมันกระตุ้น จนเกาะกลุ่มรวมกันเป็นแสงฝ่ามือสีเลือดที่ทรงพลังและน่ากลัวฟาดลงมายังทุกคน
“เป็นพลังที่แกร่งเหลือเกิน!”
สีหน้าของหนานกงเซิ่งเคร่งขรึม แสงเทพโลหิตม่วงโอบล้อมทั่วร่าง เกาะกลุ่มเป็นกรงเล็บมารที่อัดแน่นไปด้วยลวดลายโลหิตม่วง ก่อนพุ่งปะทะออกไปในฉับพลัน
บึ้ม โครม ตูม!
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากัน เลือดในร่างของหนานกงเซิ่งปั่นป่วน ถอยร่นไปหลายก้าว
“การโจมตีเหนือกว่าราชาเซียนทั่วไป!”
จ้าวเฟิงเพ่งสายตามอง
มีทั้งภัยอันตรายและโอกาสอยู่พร้อมกัน ทรัพยากรล้ำค่าทั่วร่างเทพ สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนในโลกภายนอกแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งได้
เช่นนั้นอันตรายในร่างเทพย่อมต้องไม่ใช่สิ่งที่เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับทั่วไปจะรับมือได้
จากการประมือของหนานกงเซิ่งและปีศาจผลึกเลือดเมื่อครู่ ทำให้จ้าวเฟิงพอจะมองพลังที่น่ากลัวของมันออก
คนทั้งสามต้องยอมรับว่าพวกเขาประเมินร่างเทพนี้ต่ำเกินไป อีกทั้งประเมินความเสี่ยงและโอกาสในที่แห่งนี้ต่ำเกินไปเช่นกัน
โครม! จ้าวหยูเฟยและจ้าวเฟิงรับมือในทันที
มือขาวนวลเกินมนุษย์ของจ้าวหยูเฟยโบกน้อยๆ ไอสวรรค์ฟ้าดินในร่างเทพถูกกระตุ้น กลายเป็นลมพายุเงาผลึกม่วงหมุนวนไปยังปีศาจผลึกเลือดทันที
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักเพลิงพลังดวงตาออกมา แสงม่วงแวววาวหมุนวน ลายคลื่นอัสนีเทวะสีม่วงเข้มลอยขึ้นหลายเส้น
ฟิ้ว โครม!
เพลิงอัสนีม่วงทองที่โปร่งแสงกลุ่มหนึ่งพร้อมกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดลงบนร่างของปีศาจผลึกเลือด
“อ๊าก…”
เมื่อปีศาจผลึกเลือดถูกโจมตีจากจ้าวเฟิงและพวก มันก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทันที
หนึ่งในนั้น เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสร้างอาการบาดเจ็บต่อปีศาจผลึกเลือดได้มากที่สุด
ปีศาจผลึกเลือดถือกำเนิดขึ้นในร่างเทพ พลังของกายเนื้อแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ การโจมตียังแฝงไปด้วยสำนึกรู้ที่สูงส่งลึกล้ำ แต่สติปัญญาของมันกลับเป็นจุดอ่อนร้ายแรง
เปรี๊ยะ!
เมื่อปีศาจผลึกเลือดเห็นว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสาม จึงถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงและพวกไล่ตามไปทันที คนทั้งสามไม่ได้รีบสังหารปีศาจสีเลือดตนนี้ แต่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง
จ้าวเฟิงคิดว่า สถานที่ที่สามารถสร้างปีศาจผลึกเลือดได้ย่อมต้องไม่ธรรมแแน่
ไม่นานนัก คนทั้งสามมาถึงปากทางถ้ำผลึกแห่งหนึ่ง
“ทุกคนระวัง!”
จ้าวเฟิงรีบเตือน
สีของกำแพงผลึกในบริเวณนี้เปล่งแสงแดงอ่อน ส่องแสงสีเลือดพร่างพราย ต่างไปจากกำแพงผลึกรอบตัวคนทั้งสามก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
สวบ!
ปีศาจผลึกเลือดตนนั้นโผเข้าไปในปากถ้ำ
พรึ่บ พรึ่บ!
ภายในถ้ำเกิดเสียงกรีดร้องเขย่าขวัญหลายครั้ง กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่น่ากลัวอย่างมากกระจายออกมาพร้อมระลอกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง
สวบ สวบ สวบ!
ปีศาจผลึกเลือดสามตนกระโจนออกจากมาถ้ำผลึกทันที เป็นรูปร่างคนสองตน ส่วนอีกตนมีขนาดสูงใหญ่ละม้ายอสูรประเภทสุนัข
“หนึ่งคนหนึ่งตัว!”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
“สมใจข้ายิ่งนัก!”
หนานกงเซิ่งเผยยิ้มเย็นเหี้ยมโหด แสงศักดิ์สิทธิ์สีโลหิตม่วงที่น่าพรั่นพรึงพลันปะทุออกจากด้านหลัง
จากที่หนานกงเซิ่งดูไปแล้ว นี่เป็นการเทียบพลังของเขาและจ้าวเฟิง หากเขาชิงกำจัดสัตว์ประหลาดผลึกเลือดตัวหนึ่งได้ก่อน ย่อมหมายความว่าเขาเก่งกาจกว่าจ้าวเฟิง และยังสามารถเข้าไปภายในถ้ำกำแพงผลึกได้ก่อน
จ้าวหยูเฟยยิ้มหวานเป็นการเห็นด้วย
โครม!
ทั้งสามลงมือพร้อมกัน หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยพุ่งไปหาสองปีศาจผลึกเลือดรูปร่างมนุษย์ จ้าวเฟิงจึงต้องรับมือกับปีศาจผลึกเลือดคล้ายอสูรตนนั้น
……
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของทั้งสองราชวงศ์พบสมบัติล้ำค่าที่ชวนให้คนบ้าคลั่งในแต่ละส่วนของร่างเทพ ในเวลาเดียวกันก็เกิดการต่อสู้ดุเดือดในระดับที่ต่างกันไป
ด้านนอกร่างเทพ เซียนที่ในตอนแรกไม่คิดจะลงไปสำรวจโอกาสด้านล่างก็เข้าใกล้ร่างเทพอย่างระมัดระวัง
“ที่แท้แล้วก็เป็นร่างเทพ ข้าจะไม่เข้าไปภายในนั้น เพียงฝึกตนอยู่ด้านนอกคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกระมัง!”
เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิด้านข้างร่างเทพผลึก ดูดซึมปราณในฟ้าดินที่บริสุทธิ์จำนวนมหาศาล แล้วจึงเริ่มฝึกตน
ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มบางส่วนหรือผู้แข็งแกร่งขั้นปฐมเซียนต่างทยอยกันลงไปใต้พิภพด้วยความใคร่รู้อย่างมาก
“มาช้าไปแล้ว!”
ผู้เฒ่าชุดเทาผู้หนึ่งในนั้นระบายยิ้มออกมาน้อยๆ ขณะเข้าไปใกล้ร่างเทพ
ในดวงตาขุ่นมัวของผู้เฒ่าชุดเทาปรากฏวงแหวนสีดำขึ้นช้าๆ ก่อนทะลักระลอกพลังดวงตาชวนให้คนผวาออกมา
“ถ้าหากหาโอกาสทะลวงขั้นเทพในนี้เจอ ก็จงไว้ชีวิตนางไป!”