Skip to content

King of Gods 1077

King Of Gods

บทที่ 1077 ประมือรุนแรง

ภายในร่างเทพ

จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟย คนทั้งสามต่างแยกย้ายกันรับมือปีศาจผลึกเลือดคนละตน

“กรงเล็บมาร!”

หนานกงเซิ่งยื่นแขนขวาออกมา ลวดลายดอกไม้สีเลือดด้านบนนั้นคืบคลานไปทั่วแขนอย่างรวดเร็ว ลวดลายสีเลือดไม่นับถ้วนขยายออก ก่อนเกาะกลุ่มกันเป็นกรงเล็บมารขนาดใหญ่ แหวกไปด้านหน้าพร้อมพลังน่าพรั่นพรึง

ครั้งนี้หนานกงเซิ่งไม่ประมาท ทุ่มเทแรงลงไปทั้งหมด

บึ้ม!

การโจมตีของปีศาจผลึกเลือดร่างมนุษย์พลันถูกกรงเล็บเดียวของหนานกงเซิ่งฟาดจนสลายไป

“พวกมนุษย์ เจ้ารนหาที่ตาย!”

ปีศาจผลึกเลือดรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายอันแกร่งกล้าในร่างหนานกงเซิ่ง ใจกลางร่างกายของปีศาจผลึกเลือด ทะลักพลังสายเลือด ทำให้ทั่วทั้งร่างเป็นสีแดงเพลิงมากขึ้น

“หนานกงเซิ่ง กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลในร่างปีศาจผลึกเลือดตนนี้เข้มข้นยิ่งกว่า!”

เสียงของจิตเทพปีศาจดังขึ้นในร่างของหนานกงเซิ่ง

หนานกงเซิ่งย่อมเข้าใจความหมายของจิตเทพปีศาจ สายเลือดบรรพกาลของร่างเทพนี้ ถึงจะอ่อนกำลังมากก็ยังคงมีประโยชน์อย่างมหาศาลแก่เขา

หนำซ้ำกระทั่งจิตเทพปีศาจยังไม่อาจประเมินได้ว่าร่างเทพยามมีชีวิตอยู่ในขอบเขตพลังใด

หวนนึกไปถึงตอนแรก เลือดธรรมดาหยดหนึ่งของครึ่งเซียนคุนอวิ๋นยังสามารถดึงดูดให้อัจฉริยะมากมายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง

อีกฟากหนึ่ง จ้าวหยูเฟยต่อกรกับปีศาจผลึกเลือดอย่างสบายมือ

สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณยืนหยัดอยู่ได้นานมาก ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ พลังของจ้าวหยูเฟยยิ่งมีไม่ขาดสาย

แต่สิ่งที่จ้าวหยูเฟยขาดไปคือการระเบิดพลังและการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต ปีศาจผลึกเลือดไม่สามารถทำร้ายจ้าวหยูเฟยได้ ในเวลาสั้นๆ จ้าวหยูเฟยก็ไม่อาจจะจัดการปีศาจผลึกเลือดได้เหมือนกัน

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักลูกเพลิงพลังดวงตาสีทองม่วงกลุ่มหนึ่ง แสงม่วงแวววาววูบไหวอยู่ด้านใน ลวดลายอัสนีเทวะสีม่วงเข้มลอยเอ่อขึ้นหลายสาย

โครม!

กลุ่มเพลิงอัสนีสีทองม่วงโปร่งแสง หอบกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดลงบนร่างปีศาจผลึกเลือด

ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงรับมือปีศาจผลึกเลือดตนหนึ่งเพียงลำพัง เขาย่อมไม่กล้ายืดยาด ใช้วิชาดวงตาวิญญาณกระบวนท่าหนึ่งเป็นอย่างแรก

ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงปลดปล่อยเขตแดนอัสนีที่หนักอึ้งสีเหลืองหม่นออกมา แข็งแกร่งอย่างปีศาจผลึกเลือดยังถูกกดดันในระดับหนึ่งเมื่ออยู่ในเขตแดนของจ้าวเฟิง

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยกำกริชจักรพรรดิเงาสังหาร อีกมือกำแส้งูมังกรทองเอาไว้ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เป็นนาย ดึงดูดความสนใจของปีศาจผลึกเลือด เข้าร่วมการโจมตีเป็นระยะ

หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!

ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!

จ้าวเฟิงสำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบิน ควบคุมความเร็วโบยบินอยู่ในมิติที่จำกัด โจมตีปีศาจผลึกเลือดไม่หยุด

หลังขอบเขตพลังทะลวงผ่านเทวาเร้นลับชั้นต้น พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของจ้าวเฟิงสามารถเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างวายุอัสนีธาตุดินและวายุอัสนีธาตุไฟ โดยแบ่งกันควบคุมและโจมตี

ส่วนหนานกงเซิ่งที่กำลังประมืออยู่กับปีศาจผลึกเลือด ก็ตั้งใจสังเกตสถานการณ์การต่อสู้ของจ้าวเฟิง

“พลังของเขา!”

สีหน้าของหนานกงเซิ่งหนักอึ้งเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของปีศาจผลึกเลือดอ่อนแอ และถูกจ้าวเฟิงกำราบไป

แต่พลังที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาในตอนนี้ก็เกือบถึงระดับราชาเซียนแล้ว

“จ้าวเฟิง ข้าเข้าไปก่อนล่ะ!”

ภายในร่างหนานกงเซิ่งพลันทะลักแสงเทพสีม่วงเจิดจ้า แผ่พลังดั้งเดิมที่สะเทือนไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ไอสวรรค์รอบบริเวณสั่นสะเทือน

“พลังเทพ?”

จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว

ในตอนนี้ หนานกงเซิ่งถึงกับใช้พลังเทพที่เขาไม่อาจควบคุมได้เพื่อเอาชนะจ้าวเฟิง หนานกงเซิ่งที่ปลดปล่อยพลังเทพแล้ว ถึงจะเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนเพียงลำพังก็ไม่หวาดกลัว นับประสาอะไรกับปีศาจผลึกเลือดที่สำแดงกำลังรบขั้นราชาเซียน แต่ขอบเขตพลังกลับไม่ถึงขั้นราชาเซียน

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันมีประกายแสงอัสนีสีขาวสุกสกาวนับไม่ถ้วน เสวียนอ้าวทำลายล้างวิญญาณโหมซัดออกมาพร้อมกับคลื่นวิญญาณที่แกร่งกล้า

ในฐานะที่จ้าวเฟิงเป็นผู้นำของกลุ่ม ย่อมไม่อาจปล่อยให้หนานกงเซิ่งอยู่เหนือเขาได้ มิฉะนั้นแล้ว หนานกงเซิ่งมีแต่จะยิ่งผยองมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงรวมตราอัสนีเทวะจำนวนหนึ่ง แล้วกระตุ้นท่าไม้ตายวิชาดวงตา

ตู้ม!

เห็นเพียงกลุ่มตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยว ขยับวูบไหวประหนึ่งลูกไฟ หอบเอากลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัวเกินจะเปรียบ โจมตีไปที่วิญญาณของปีศาจผลึกเลือดโดยพลัน

โครม ตูม!

พลังวิญญาณของปีศาจผลึกเลือด เดิมทีก็ค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีชั้นวิญญาณอย่างตราอัสนีเทวะ อีกไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็ถูกทำลายจนสูญสลาย

พรึ่บ! จ้าวเฟิงเก็บร่างกายของปีศาจผลึกเลือดเข้าไปในมนตราอากาศ แล้วจึงมุดเข้าไปภายในถ้ำกำแพงผลึกนั้น

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

หนานกงเซิ่งตื่นตะลึงอย่างยิ่ง จัดการสังหารปีศาจผลึกเลือดตรงหน้า แล้วเก็บร่างของมันไป

แต่หนานกงเซิ่งยังช้ากว่าจ้าวเฟิงเล็กน้อย

ในอีกด้านหนึ่ง จ้าวหยูเฟยสำแดงวิชาสายเลือดส่วนหนึ่งก็สามารถสังหารปีศาจผลึกเลือดได้

สวบ สวบ สวบ!

คนทั้งสามตรงดิ่งเข้าไปภายในถ้ำกำแพงผลึก จ้าวเฟิงรวดเร็วที่สุด เข้าไปภายในนั้นเป็นคนแรก

อาณาเขตในถ้ำไม่ใหญ่นัก กำแพงรอบด้านไม่ได้เป็นผลึกทั้งหมด แต่เป็นของเหนียวคล้ายยาง อีกทั้งยังเป็นคลื่นกระเพื่อมน้อยๆ

ตรงใจกลางถ้ำมีบ่อน้ำสีโลหิตขนาดเล็ก ภายในมีของเหลวสีเลือดที่เหนียวหนืดผิดปกติไหลวน

ในตอนนี้ ปีศาจผลึกเลือดตนที่ถูกจ้าวเฟิงและพวกทำร้ายกำลังแช่อยู่ภายในบ่อสีเลือด ราวกับกำลังรักษาอาการบาดเจ็บ ตรงขอบบ่อยังมีปีศาจผลึกเลือดอีกตนหนึ่งที่เหมือนยังไม่เติบโตออกมาทั้งหมด

“เป็นกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายในบ่อน้ำ ในใจสั่นระรัว

ในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงก็เคยเก็บเลือดของวานรสายฟ้านภาเพลิง แต่กลิ่นอายสายเลือดและพลานุภาพต่ำต้อยกว่าในตอนนี้มากนัก

“เก็บ!”

จ้าวเฟิงรีบเข้าไปใกล้บ่อน้ำนั้น ก่อนจะถ่ายเลือดในบ่อเข้าไปไว้ภายในมนตราอากาศ

ในเวลาเดียวกัน เจ้าแมวขโมยน้อยก็ตรงดิ่งเข้าไปในบ่อน้ำ แล้วอ้าปากดูดกลืนทันที

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะมาถึงที่นี่ก่อน แต่หลังจากเก็บไปได้ปริมาณหนึ่งแล้วก็ไม่ได้เก็บต่อไป

“หืม นี่คือ?”

จ้าวเฟิงเก็บเม็ดผลึกทรงกลมสีเลือดที่นอนอยู่ก้นบ่อไป

ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงจึงละสายตาไปมองปีศาจผลึกเลือดที่ยังไม่เติบโตสมบูรณ์ด้านข้าง

พรึ่บ! จ้าวเฟิงเก็บปีศาจผลึกเลือดที่ยังไม่เติบโตเต็มที่เข้าไปในมนตราอากาศ

“พวกเจ้าถึงกับกล้าขโมยสายเลือดเทพเชียวหรือ!”

ในบ่อน้ำ ปีศาจผลึกเลือดที่บาดเจ็บอยู่อีกตนตะโกนก้อง แล้วจึงตรงดิ่งเข้าไปโจมตีจ้าวเฟิง

หลังจากจ้าวเฟิงเก็บผลประโยชน์ไปได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงถอยร่นไปด้านหลัง

ส่วนหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยกระตือรือร้นจะสังหารปีศาจผลึกเลือดที่กำลังบาดเจ็บตนนี้

ของเหลวสีเลือดห้าส่วนที่เหลือในบ่อน้ำถูกคนทั้งสองไปเท่าๆ กัน

“หรือว่านี่จะเป็นเลือดของร่างเทพยามมีชีวิต!”

แววตาหนานกงเซิ่งเป็นประกายแวววับ

“เป็นไปไม่ได้ พวกเราไม่น่าจะเข้าใกล้เลือดของร่างเทพที่แท้จริงได้ด้วยซ้ำ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาตรงๆ

การคาดการณ์ที่จ้าวเฟิงมีต่อพลังของร่างเทพยามมีชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เลือดในบ่อน้ำนั้นถูกย้อมไปด้วยกลิ่นอายสายเลือดค่อนข้างมาก หรือบางทีอาจจะเกิดจากเลือดหยดหนึ่งของร่างเทพ

ถึงในบ่อเลือดแห่งนี้มีเลือดของร่างเทพเพียงหยดเดียว ผ่านระยะเวลาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี พลังในนั้นก็น่าจะแบ่งตัวออกมานานแล้ว ยกตัวอย่างเช่นปีศาจผลึกเลือดเหล่านั้น ก็น่าจะเป็นผลผลิตจากบ่อเลือดแห่งนี้เช่นกัน

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เลือดในบ่อสามารถให้กำเนิดปีศาจที่พลังน่ากลัวเช่นนี้ได้ เลือดนั่นก็คงไม่อ่อนด้อยสักเท่าไหร่

“แย่แล้ว มีคนมา!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุกำแพงผลึก จับสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่ง

“เลือดของร่างเทพ?”

ทันใดนั้นเอง เงาร่างของพวกต่างเผ่าพันธุ์ห้าร่างโบยบินมาอย่างรวดเร็ว

“ที่แท้ก็เป็นพวกมนุษย์นี่เอง!”

เสียงเยาะเย้ยพลันดังขึ้นตามมา

กายผลึกของร่างเทพ ไม่ว่าส่วนใดภายในร่างก็ล้วนแต่ขัดขวางการใช้ประสาทสัมผัส ประสาทสัมผัสของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับจึงถูกปิดกั้น ทำได้เพียงอาศัยการมองเห็นเท่านั้น ไม่อาจล่วงรู้สถานการณ์ภายในถ้ำได้ล่วงหน้า

ตูม!

พลังเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่น่ากลัวหลายกลุ่ม เตรียมจะขวางพวกจ้าวเฟิงทั้งสามที่กำลังพุ่งออกจากถ้ำ

“จ้าวเฟิง!”

ในกลุ่มต่างเผ่าพันธุ์ มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้างผู้หนึ่งร้องอย่างยินดี

จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟย แววตาคนทั้งสามเคร่งขรึมลงไป กวาดตามองคนทั้งห้าเบื้องหน้า

“เซียนหมื่นปรากฏการณ์!”

จ้าวเฟิงและพวกต่างรู้จักเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้างผู้นี้

ในกลุ่มต่างเผ่าพันธุ์แห่งนี้ นอกเหนือจากเซียนหมื่นปรากฏการณ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น ยังมีต่างเผ่าพันธุ์เทวาเร้นลับชั้นต้นผู้หนึ่ง เซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงผู้หนึ่ง รวมไปถึงสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ก็ยังเป็นราชาเซียนเทวาเร้นลับ!

“ท่านเฮยตู๋ (พิษดำ) จื่อตู๋ (พิษม่วง) สามคนนี้เป็นผู้ถูกเลือกแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน สตรีนางนั้นคือจ้าวหยูเฟย ส่วนชายผมม่วงแดงครอบครองพลังเทพปีศาจ!”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์เอ่ยอย่างนบนอบต่อราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองข้างกาย

เรื่องเกี่ยวกับจ้าวหยูเฟย ราชวงศ์จันทราทมิฬย่อมรู้ทั้งหมด ส่วนหนานกงเซิ่งเพิ่งมาถึงสนามรบทีหลัง พวกต่างเผ่าพันธุ์ก็เริ่มคุ้นเคยบ้างแล้ว

“สังหารให้หมด!”

ราชาเซียนเฮยตู๋แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์งูมีสีหน้าเย็นชา เอ่ยตามอำเภอใจ

“เพียงเซียนสามคนก็กล้ารวมกลุ่มเข้ามาภายในร่างเทพ!”

เซียนต่างเผ่าพันธุ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงผู้นั้นหัวเราะหยัน

อีกทั้งในกลุ่มสามคนตรงหน้า จ้าวหยูเฟยและจ้าวเฟิงยังเป็นแค่เซียนเทวาเร้นลับชั้นต้น

“ไม่รู้จักกลัวตายเลยจริงๆ ไม่มีราชาเซียนนำกลุ่มยังกล้าเข้ามาอีก!”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์หัวเราะเสียงดัง ความแค้นที่ผ่านมาของเขา ในที่สุดก็จะได้ล้างแค้นวันนี้แล้ว

ต้องรู้ว่า ถึงกลุ่มในร่างเทพจะมีราชาเซียนคอยดูแลอยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยอย่างแท้จริง อย่างไรเสียครึ่งเทพทั้งหมดในราชวงศ์ทั้งสองก็เข้าไปภายในร่างเทพ

“พวกเจ้าสองคนแยกกันกำราบราชาเซียนสองคนนี้ เซียนหมื่นปรากฏการณ์และเซียน อีกทั้งสองคนให้ข้าจัดการเอง!”

ในขณะที่คนต่างเผ่าพันธุ์ทั้งห้าเยาะเย้ยพวกจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงเองก็วางแผนการกับหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยเรียบร้อยแล้ว

พลานุภาพของราชาเซียนทั้งสองคนนี้ ย่อมแข็งแกร่งกว่าปีศาจผลึกเลือดเมื่อครู่ไม่น้อย แต่พลังเทพปีศาจที่หนานกงเซิ่งครอบครองนั้น จะให้ตรึงกำลังราชาเซียนคนหนึ่งไว้ย่อมไม่ใช่ปัญหา

ส่วนตัวของจ้าวหยูเฟยมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณที่จัดอยู่ในลำดับสิบเก้าของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง พลังป้องกันแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ในร่างเทพที่ไอสวรรค์ฟ้าดินหนาแน่นอย่างมากก็เป็นดั่งเสือติดปีก จะให้ยื้อเซียนผู้หนึ่งไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงและพวกชิงลงมือก่อน โดยไม่รอให้กลุ่มต่างเผ่าพันธุ์ได้ลงมือ

“อะไรกัน?”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์เพิ่งเตรียมจะลงมือจัดการคนทั้งสาม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะตรงดิ่งมาหาเขา

พรึ่บ!

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงทะลักขอบเขตสายฟ้าอัสนีสีเหลืองหม่น ปกคลุมเซียนหมื่นปรากฏการณ์และเซียนอีกสองคนที่เหลือเอาไว้ภายใน

หลังจากทะลวงผ่านเทวาเร้นลับชั้นต้นแล้ว เซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นทั่วไป เมื่อถูกกดดันจากแก่นแท้พลังสายฟ้าอัสนีของจ้าวเฟิง จะประหนึ่งแบกภูเขาขนาดใหญ่เอาไว้ ทั้งหมดจะถูกอย่างมหาศาล แต่เซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงอีกคนหนึ่งและเซียนหมื่นปรากฏการณ์ก็ยังดีกว่านั้นเล็กน้อย

“เป็นไปได้อย่างไร พลังของเจ้า!”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์ตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ

หลายปีก่อนเขาเคยประมือกับจ้าวเฟิง ในตอนนั้นจ้าวเฟิงก็เพียงได้เปรียบเล็กน้อย

แต่ในตอนนี้ จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับเซียนเทวาเร้นลับสามคนพร้อมกัน กลับแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้

“สังหารมันเสีย!”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์เอ่ยกับเซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงต่างเผ่าพันธุ์ด้านข้าง

หลังจากที่เซียนหมื่นปรากฏการณ์ประคองพลังในเสถียรแล้ว จึงมีกำลังรบเซียนชั้นสูง

เขาเชื่อว่า หากเซียนชั้นสูงสองคนร่วมมือกัน จะต้องสังหารจ้าวเฟิงได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มของพวกเขายังมีราชาเซียนผู้มีพลังอันน่ากลัวอยู่ด้วยอีกถึงสองคน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!