บทที่ 12 : แบ่งเงิน
“ดูสิ! เจ้าหมอนั่นดูเหมือนจะเป็นคนตระกูลจ้าว!”
ศิษย์ตระกูลซินมองไปยังจ้าวเฟิงที่ตามอสูรพยัคฆ์ไป ซินเฟ่ยมองไปยังแผ่นหลังของเด็กหนุ่มพร้อมพึมพำ
“เป็นท่าเท้าระดับสูงอันใดเช่นนี้! ความเร็วของเขาไม่ช้ากว่ายามข้าวิ่งเต็มกำลัง! ทั้งทักษะธนูก็ไม่นับว่าแย่…”
“หืม! เขาเป็นคนที่ยิงธนูสุดอำมหิตนั่น! อย่าให้พวกเราตามทันเชียว มิเช่นนั้น…” เด็กหนุ่มที่มีระดับพลังขั้นสามแห่งผู้ฝึกตนเอ่ยอย่างเย็นชา ความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองเพียงซินเฟ่ยเท่านั้น
คำพูดของเขาทำให้คนที่เหลือเห็นด้วยในทันที
“เจ้าพูดถูก! เจ้าเด็กนั่นใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อแล้วยิงธนูในขณะที่หลบซ่อน!”
“ซินกาง เขาคือคนที่ช่วยชีวิตพวกเรา” ซินเฟ่ยส่ายศีรษะ
ในตอนนั้นเอง ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ เสียงคำรามของ ‘พยัคฆ์หัวเขียว’ ดังขึ้น…
สีหน้าของศิษย์ตระกูลจ้าวแปรเปลี่ยนไปทันที ไม่ต้องเดาเลยว่าอสูรตัวนั้นย่อมตายตกไปแล้ว
“เร็วเข้า!” เด็กหนุ่มนามซินกางพุ่งไปยังทิศทางต้นเสียง
ในขณะเดียวกันนั้น ห่างออกไป 3-4 ไมล์ในทิศตะวันออก
ฮู่ว!
จ้าวเฟิงยืนพิงต้นไม้พร้อมหายใจอย่างหนักหน่วง ด้านล่างมีซากของอสูรพยัคฆ์ขนาดราวๆ 5 เมตรพร้อมกับลูกธนูที่ปักอยู่บนหน้าผากของมัน ก่อนหน้าไม่นานอสูรพยัคฆ์นี้กราดเกรี้ยวทำลายล้าง ทว่าบัดนี้มันกลับทอดร่างไร้วิญญาณบนพื้น…
เด็กหนุ่มพยายามจะหยิบธนูขึ้นอีกดอกตามสัญชาตญาณ ทว่าความว่างเปล่าที่จับได้นั้นส่งสัญญาณว่าเขาไม่เหลือลูกธนูแล้ว
ปึก!
จ้าวเฟิงร่อนไปยังซากศพก่อนจะจมลึกในห้วงความคิด
ซูมมม!
ดวงตาซ้ายของเขาจับจ้องไปยังศิษย์ตระกูลซินที่อยู่ห่างออกไปสองไมล์ เด็กหนุ่มยืนนิ่งโดยไม่แตะต้องซากอสูรพยัคฆ์นั้น มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เพียงแค่มันยากเกินกว่าที่เขาจะทำ
น้ำหนักของซากอสูรนี้อยู่ที่ราวๆ 3 ตันซึ่งทำให้เคลื่อนย้ายได้ลำบาก นอกจากนั้นหนังของมันยังยากที่จะตัดให้ขาด
ไม่นาน ศิษย์ตระกูลซินทั้งห้าก็มาถึง
“เจ้าหนู! ถอยออกไป! มันเป็นของพวกข้า!” ซินกางที่อยู่หน้าสุดเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง
ตอนแรกเขากังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิง ทว่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นสอง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับเด็กหนุ่มอีกต่อไป
แม้ว่าพวกเขาจะเสียคนไปหนึ่ง และซินเฟ่ยยังเหนื่อยล้าอยู่มาก พวกเขาก็ยังมีผู้ฝึกตนขั้นสอง 2 คน และผู้ฝึกตนขั้นสามอีก 2 คน
จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและมองไปยังซินกางด้วยสายตาเยาะเหยียด
เขากังวลเพียงแค่ซินเฟ่ยเท่านั้น
“ซินกาง! เขาช่วยชีวิตพวกเรา! เราสามารถคุยกันเรื่องส่วนแบ่งได้” ซินเฟ่ยเอ่ยอย่างช้าๆ เมื่อเขามาถึง
จ้าวเฟิงมองอีกฝ่ายอย่างชื่นชม
“เช่นที่ข้าคิด ศพของอสูรพยัคฆ์นี่ใหญ่นัก และข้าไม่มีเครื่องมือที่จะแยกชิ้นส่วนมัน หรือแรงที่จะยกมันไปได้”
ซินเฟ่ยลงแรงไปมากในการฆ่าพยัคฆ์ตัวนี้ ทั้งยังเสียคนไปหนึ่ง แม้ว่าซินกางจะไม่พอใจ แต่เขาก็ยังคงยอมรับ ไม่นานทั้งหมดก็เริ่มเจรจาส่วนแบ่ง
“2 ต่อ 8 ตระกูลซินจะนำไป 8 ส่วน” ซินกางเอ่ยเสียงแข็ง
“ฮึ่ม! 20 เปอร์เซ็นต์นับว่ามากไปสำหรับเจ้าเด็กนี่!” ใบหน้าของศิษย์ตระกูลซินเต็มไปด้วยความดูถูก
“สองต่อแปด? ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าวเฟิงหัวเราะขึ้นโดยไร้สัญญาณ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! เจ้าหัวเราะอันใด? ข้าอยากจะได้ยินนักว่าเจ้าต้องการเท่าใด!”
“ สองต่อแปด ข้าแปด… พวกเจ้าสอง!” จ้าวเฟิงเอ่ย คราแรกเขาต้องการจะแบ่งครึ่งครึ่ง ทว่าเขาไม่คิดว่าตระกูลซินจะมีท่าทีเช่นนั้น
“อย่ากำแหงนัก! ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความอ่อนแอของเจ้า!” ซินกางหัวเราะขณะชักดาบของเขาออกมา
“หยุด!” ซินเฟ่ยพยายามจะหยุดเด็กหนุ่ม ทว่ามันสายเกินไป
“ภาพติดตาวายุลวงตา!”
ซินกางนั้นราวกับสายลมที่พัดโหมไปยังจ้าวเฟิง
“นั่นมันวิชาระดับสูง ดาบทะลายลม!”
“เจ้าเด็กนับว่าจบสิ้นแล้ว บัดนี้ซินกางได้ฝึกฝน 6 กระบวนท่าแรกสู่ระดับต่ำแล้ว”
สีหน้าของศิษย์ตระกูลซินมีความสงสารปรากฏขึ้น
“กลไร้สาระ!”
จ้าวเฟิงไม่แม้แต่จะถอย กลับกันเขาขยับไปเบื้องหน้า
ความเร็วอันใดกัน!
ทุกคน รวมทั้งซินเฟ่ยเห็นเด็กหนุ่มเป็นเพียงเงาลางๆ เท่านั้น
ไม่ดีแล้ว!
ภาพติดตาวายุลวงตาของซินกางพลาดไป พร้อมกันนั้นจ้าวเฟิงก็ขยับเข้าใกล้คู่ต่อสู้ด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง
“ภาพติดตาวายุคลั่ง!”
ซินกางตะโกนขณะใช้อีกกระบวนท่าออก
“มังกรคลั่งถล่มนภา!”
จ้าวเฟิงใส่แรงทั้งหมดลงไปในหมัดของเขา ในตอนที่เขาได้หลอมรวมหมัดมังกรคลั่งและลมหายใจผลักวายุเข้าด้วยกัน พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่ง
“พลังอะไรกัน!”
จ้าวกางรู้สึกราวกับภูเขาไฟระเบิด พลังของจ้าวเฟิงนั้นอาจเรียกได้ว่าเกินกว่าพลังของผู้ฝึกตนขั้นสามโดยทั่วไป
ตูม!
เสียงระเบิดดังก้องหลังจากที่ทั้งสองปะทะกัน
อั่ก!
ซินกางกระอักเลือดออกมาเมื่อถูกหมัดแรกของอีกฝ่าย
หมัดที่สอง
ตูม!
ดาบเงินของเขาถูกปัดลอยออกไป
หมัดที่สาม
ตูม!
ร่างของเขากระเด็นออกไปทิ้งรอยแตกขนาดเท่าตัวเขาไว้บนต้นไม้เบื้องหลัง
พลังอะไรกัน!
แข็งแกร่งยิ่ง!
ศิษย์ตระกูลซินคนอื่นยืนเงียบราวเป็นใบ้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าผู้ที่มีพลังขั้นสุดยอดของขั้นสามแห่งผู้ฝึกตนจะพ่ายแพ้ในหนึ่งกระบวนท่าให้กับศิษย์ตระกูลจ้าวที่มีระดับผู้ฝึกตนขั้นสอง
“แข็งแกร่ง”
ซินเฟ่ยที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยถาม
“ข้าขอรู้นามของเจ้าได้หรือไม่?”
“จ้าวเฟิง”
จ้าวเฟิงค่อยๆ รั้งหมัดของเขากลับ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! คราวนี้เจ้าแค่โชคดีเท่านั้น!”
ซินกางกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากพื้น
“ข้าสู้กับอสูรนั่นและเหนื่อยล้า คราวหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้แน่”
“โชคดี?”
จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบาง แม้ว่าซินกางจะบาดเจ็บ เขาก็มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายในสภาพสมบูรณ์ได้ คนเดียวที่เขากังวลคือซินเฟ่ย
พลังของซินเฟ่ยนั้นใกล้เคียงกับผู้ฝึกตนขั้นสี่ เมื่อเขาใช้พลังเต็มที่ถึงขั้นสามารถสร้างบาดแผลให้กับจ้าวพยัคฆ์หัวเขียวได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ฝึกตนขั้นสามเลย
“ซินกาง! เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา! เจ้าไม่คิดหรือว่าเสียหน้าเพียงพอแล้ว?”
ซินเฟ่ยหันไปทางจ้าวเฟิง ทันใดนั้นร่างของเขาก็ปรากฏรังสีฆ่าฟันออกมา ทำให้หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก
“ซินเฟ่ยฟื้นตัวแล้ว?”
แน่นอน หากซินเฟ่ยมีพลังไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ จ้าวเฟิงย่อมไม่กลัวอีกฝ่าย ทว่าหลังจากที่พักอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว
“เพลงหมัดของเจ้านับได้ว่าเกือบเข้าขั้นสุดยอด ทั้งท่าเท้าของเจ้าก็นับว่ายอดเยี่ยม ครั้งหน้าที่เจอกันข้าอยากประลองแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้า”
ซินเฟ่ยมองตรงไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“แน่นอน คราวหน้าพวกเราสามารถประลองกันได้”
แม้ว่าจ้าวเฟิงจะกังวลเกี่ยวกับอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขากลัว ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงนั้นอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับจ้าวยี่จางที่ครองอันดับสามในบรรดาศิษย์สายนอก
หากเด็กหนุ่มสามารถเอาชนะจ้าวยี่จางได้ เมื่อนั้นเขาก็นับว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะสู้กับซินเฟ่ย
ไม่ช้าพวกเขาก็ตกลงส่วนแบ่งได้
“ หกต่อสี่ ข้าหก พวกเจ้าสี่” จ้าวเฟิงเอ่ย
“ตกลง” ซินเฟ่ยเป็นผู้ที่เอ่ยตอบเมื่อศิษย์ตระกูลซินคนอื่นไม่มีความกล้าจะเอ่ยปาก พวกเขากังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
จ้าวเฟิงพยักหน้าให้ตนเอง การให้อีกฝ่ายไป 40 เปอร์เซ็นต์นั้นนับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว อย่างแรก เขาไม่มีเครื่องมือที่จะตัดหรือว่าเคลื่อนย้ายซาก ดังนั้นแล้วเขาจึงทำเพียงแค่รอให้อีกฝ่ายจัดการ อย่างที่สองคือเขาไม่ต้องการสร้างศัตรูก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งเพียงพอ
ลองคิดว่าหากเขานำทั้งหมดนี่ไปคนเดียว จะไม่ทำให้ดวงตาของอีกฝ่ายแดงฉานอย่างโกรธเคืองได้อย่างไร?
ซากเสือถูกชำแหละเสร็จสิ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดไป
จ้าวเฟิงนำส่วนที่แพงที่สุดไปพร้อมกับทิ้งเนื้อที่เหลือให้กับศิษย์ตระกูลซิน หลังจากที่มั่นใจว่าเขานำส่วนแบ่งของเขาไปครบ เด็กหนุ่มก็จากไปในทันที
“หืมมม… ตระกูลจ้าวดูเหมือนจะมีอัจฉริยะคนใหม่เกิดขึ้นแล้ว กระทั่งจ้าวหลินหลงยังไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าเขายามที่อยู่ในระดับฝึกตนเดียวกัน” ซินเฟ่ยเอ่ยขณะที่ดวงตาของเขามองตามร่างของจ้าวเฟิงไป
“จ้าวหลินหลง!”
ใบหน้าของจ้าวกางเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“เขาคือหนึ่งในสี่ยอดอัจฉริยะแห่งเมืองประกายอรุณเชียวนะ! เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่แห่งผู้ฝึกตนเมื่อ 2 ปีก่อน และกลายเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริงแล้ว! เจ้าเด็กเหลือขอนั่นจะเทียบกับเขาได้อย่างไร?”
สี่ยอดอัจฉริยะเป็นเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองประกายอรุณ ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริง และแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นมากมายนัก
“ไม่ต้องกล่าวถึงจ้าวหลินหลง กระทั่งพี่เฟ่ยยังสามารถฆ่าเจ้าเด็กนั่นได้ในกระบวนท่าเดียว”