บทที่ 1286 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
“เทพโบราณของเผ่าเปลวทองก็ไม่เท่าไหร่ ข้าเพียงแค่คนเดียวก็สามารถเอาชนะพวกเจ้าที่เหลือทุกคนได้!”
จ้าวเฟิงทำหน้าเหนื่อยหน่าย มือสองข้างไพล่หลัง ระบายยิ้มนึกสนุกขณะกวาดสายตามองศิษย์เผ่าเปลวทองที่เข้าร่วมประลองคนอื่น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทพโบราณหลิวจินที่กำลังพักอยู่นั้น สีหน้าพลันทะมึน ดวงตาฉายแววเยียบเย็น ประโยคนี้เขาเคยเอ่ยต่อศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณตอนเอาชนะเทพโบราณปิงหยวน แต่ในตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังเอ่ยย้อนเผ่าเปลวทองด้วยประโยคเดียวกัน
“ชนะแล้ว เอาชนะเทพโบราณจินนู่ได้แล้ว!”
ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณต่างกู่ร้องยินดี
ถึงพวกเขาจะไม่สนิทชิดเชื้อกับจ้าวเฟิงมากนัก แต่ในฐานะที่จ้าวเฟิงเป็นศิษย์ในเผ่าพันธุ์วิญญาณ เขาเอาชนะคนของเผ่าศัตรูได้ก็เป็นการสร้างเกียรติยศให้กับเผ่า
มีความเป็นไปได้มากว่าจ้าวเฟิงจะสามารถพลิกสถานการณ์ ทำให้เผ่าพันธุ์วิญญาณได้สายธารผลึกเพลิงวิญญาณมาบ้างบางส่วน หนำซ้ำเมื่อครู่ผู้อาวุโสสี่ก็บอกแล้วว่า ขอแค่เผ่าพันธุ์วิญญาณได้สายธารผลึกเพลิงวิญญาณมาส่วนหนึ่ง ศิษย์ที่เข้าร่วมทั้งหมดก็จะได้คะแนนคุณูปการไปหนึ่งหมื่น
ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังอย่างยิ่งว่าจ้าวเฟิงจะได้ชัยชนะต่อไป
“เขาชนะแล้วรึ!” เทพโบราณปิงหยวนอึ้งอยู่กับที่ มีท่าทีท้อแท้ ดูริษยาเล็กน้อย
จ้าวเฟิงเอาชนะเทพโบราณจินนู่ได้ แปลว่าพลังของอีกฝ่ายไม่ได้ต่างจากเขามากนัก
‘แข็งแกร่งเหลือเกิน ไม่เหมือนคนที่เพิ่งทะลวงขั้นเทพโบราณแม้แต่นิดเดียว!’
แววตาผู้อาวุโสสี่หนักอึ้ง เอ่ยพึมพำในใจ
ทันใดนั้น เขาก็คิดได้ว่าในตอนแรกจ้าวเฟิงปฏิเสธคำเชิญชวนมาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสที่สาม
‘หรือว่าเขาจะมีอาจารย์แล้ว?’ จู่ๆ ผู้อาวุโสสี่ก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ
มีเพียงเช่นนี้จึงจะอธิบายได้ว่าเหตุใดจ้าวเฟิงจึงปฏิเสธไม่เป็นศิษย์ของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ และสามารถอธิบายได้ว่า ไยจ้าวเฟิงจึงทะลวงขั้นเทพโบราณได้รวดเร็วและมีพลังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ อีกอย่าง ตอนที่จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ก็ลอบหนีออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ
เขาจะต้องไปเจออาจารย์ลึกลับของเขา และได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์จึงทะลวงขั้นเทพโบราณ และยังทำให้ขั้นพลังเสถียร
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ผู้อาวุโสสี่ก็ยิ่งแน่ใจในความคิดนี้ ทางฝั่งเผ่าเปลวทองสงบเงียบกว่าพื้นที่บริเวณอื่นมากนัก
“เป็นไปได้อย่างไร? เทพโบราณจินนู่กลับพ่ายแพ้เสียแล้ว!”
ศิษย์เผ่าเปลวทองยังตื่นตะลึงกันอยู่
คนระดับสูงของเผ่าเปลวทองแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด เดิมทีเผ่าเปลวทองน่าจะเอาชนะและเหยียบย่ำเผ่าพันธุ์วิญญาณไว้ใต้ฝ่าเท้า แต่จู่ๆ ก็มีจ้าวเฟิงโผล่มาระหว่างนั้น แถมยังเอาชนะเทพโบราณจินนู่ไปได้อีก ต่อให้สุดท้ายเผ่าเปลวทองเป็นฝ่ายได้ชัย ผลของการข่มขวัญเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ด้อยลงไปมาก
“เก็บเจ้าเด็กนี่ไว้ไม่ได้!”
ในส่วนลึกของดวงตาผู้อาวุโสจินซุกซ่อนจิตสังหารที่ยากจะสังเกตเห็น
“เทพโบราณจินนู่พ่ายแล้ว ต่อไปตาใครล่ะ?”
จ้าวเฟิงกวาดตามองเผ่าเปลวทองด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“เจ้าหนุ่ม อย่ามุทะลุนักเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าบาดเจ็บสาหัส เสียพลังไปมาก เจ้าคงแพ้ด้วยเงื้อมมือข้านานแล้ว!”
เทพโบราณหลิวจินตะโกนกร้าว
“พูดแบบนี้ แปลว่าตอนนี้เจ้าไม่กล้าประลอง?” จ้าวเฟิงเอ่ยสัพยอก
“เจ้า…” เทพโบราณหลิวจินโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถขึ้นไปประลองได้จริงๆ ต่อให้เขามีไพ่ตาย โอกาสที่จะพ่ายแพ้ในเงื้อมมือจ้าวเฟิงก็ยังมีมากอยู่ดี
“เทพโบราณหลิวจินต้องการเวลาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ พวกเจ้าขึ้นไปประลองก่อน พยายามซื้อเวลาให้ได้มากที่สุด และทำให้เขาใช้พลังกายไปพร้อมกัน!”
คนระดับสูงของเผ่าเปลวทองส่งกระแสจิตบอกศิษย์ที่เข้าร่วมประลองคนอื่น
จ้าวเฟิงเอาชนะเทพโบราณจินนู่ แต่เผ่าเปลวทองยังเหลือถึงหกคน
“อืม เขาเอาชนะเทพโบราณจินนู่ได้ น่าจะใช้พลังไปไม่น้อย!”
“พวกเราจะยื้อเขาเอาไว้ ให้เทพโบราณหลิวจินมีเวลามากพอฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ!”
ศิษย์ที่เหลือของเผ่าเปลวทองต่างเห็นพ้อง
“ในเมื่อเจ้าอยากจะพักผ่อน เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าบรรลุตามประสงค์ ให้เทพแท้จริงของเผ่าเปลวทองขึ้นมาประลองก่อนเลย!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มเรียบเฉย
ต่อให้เขาท้าประลองเทพโบราณหลิวจิน อีกฝ่ายก็จะปฏิเสธอยู่ดี หนำซ้ำหากเขาต้องการจะเอาชนะเทพโบราณหลิวจิน ก็จะทำให้เผ่าเปลวทองเอ่ยยอมแพ้ เช่นนั้นก็กอบโกยคะแนนคุณูปการมาไม่ได้ไม่ใช่หรือ ดังนั้นก่อนจะจัดการเทพโบราณหลิวจิน เขาต้องจัดการพวกมดปลวกฆ่าเวลาไปเสียก่อน
“ให้เทพแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นไปประลองก่อน!”
คำพูดของผู้อาวุโสจินดังขึ้นในหัวเทพแท้จริงทั้งห้าคน
ในตอนนี้ เผ่าเปลวทองพ่ายแพ้ไปสี่ครั้งแล้ว หากแพ้อีกสองครั้ง จำนวนคนน้อยกว่าห้า เผ่าพันธุ์วิญญาณจะได้ส่วนแบ่งสายธารผลึกเพลิงวิญญาณส่วนหนึ่ง หากให้เทพแท้จริงที่ค่อนข้างแข็งแกร่งขึ้นไปประลองก่อน ก็เป็นการซื้อเวลาส่วนหนึ่งให้เทพโบราณหลิวจิน
หลังจากบรรดาเทพแท้จริงมองตากันครู่หนึ่ง บุรุษหนุ่มชุดดำจึงก้าวออกมา
พรึ่บ! เขากระโดดขึ้นบนเวทีประลอง จ้องจ้าวเฟิงอย่างเอาจริงเอาจัง
ทันทีที่อีกฝ่ายขึ้นเวทีประลอง ร่างจ้าวเฟิงก็ไหววูบรุกคืบเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
โครม! บุรุษหนุ่มกระตุ้นสายเลือดทั้งหมด โคจรเคล็ดวิชาป้องกันร่างกาย มือกำอาวุธเทพเอาไว้ ก่อนจะเรียกใช้วิชาป้องกัน
ภารกิจของเขามีเพียงซื้อเวลาให้เทพโบราณหลิวจิน และพยายามลดพลังของจ้าวเฟิงไปด้วย แต่จ้าวเฟิงจะยอมให้เผ่าเปลวทองสมดังใจหมายได้อย่างไร
ถ้าหากยื้อการต่อสู้ให้นานออกไป เทพโบราณหลิวจินจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้โดยเร็ว จ้าวเฟิงก็จะไม่มีโอกาสไปจัดการคนอื่นแล้ว
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงเพิ่งจะสู้กับเทพโบราณจินนู่มา ต่อจากนั้นยังต้องเผชิญหน้ากับเทพแท้จริงจำนวนมาก รวมถึงเทพโบราณหลิวจิน จึงต้องเก็บพลังเอาไว้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงใช้กลวิธีเฉพาะตัวมาจัดการคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว! นัยน์ตาสีเงินมายาของจ้าวเฟิงโคจรช้าๆ แสงหลากสีสันสาดออกมา ทั้งสว่างพร่างพรายและงดงาม
“แย่แล้ว วิชาดวงตา!” บุรุษหนุ่มชุดดำรีบรวบรวมสติ ทุ่มจิตใจเกินร้อย
เขาต้องระแวดระวังวิชาดวงตามายาของจ้าวเฟิง แล้วยังต้องคอยป้องกันวิชาดวงตาสายมิติ แต่ด้วยพลังวิญญาณเทพแท้จริงขั้นหกของเขา ต่อให้ระแวดระวังก็ยังไม่ช่วยอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นเทพแท้จริง เนตรเทพเจ้าก็ได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปอีกครั้ง
ดวงตาซ้ายของเขาในตอนนี้แตะขั้นเนตรปฐมเทพแล้ว!
วูบ! หมอกแสงมายากลุ่มหนึ่งกระจายรอบตัวบุรุษหนุ่มชุดดำ ค่อยๆ ปกคลุมเขาเอาไว้
หมอกแสงมายากลายเป็นระลอกส่องประกายแวววับหลายชั้น ในนั้นยังมีเส้นสายฟ้าระยิบระยับเคลื่อนไหว
“คุกมายาอัสนีวารี!” วิชาดวงตาถูกปลดปล่อยเป็นผลสำเร็จ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจึงหยุดโคจรไปเอง
‘คุกมายาอัสนีวารี’ เป็นวิชาที่จ้าวเฟิงคิดค้นขึ้นมาใหม่ เขาหลอมรวมเสวียนอ้าวธาตุน้ำและเสวียนอ้าวมายาเข้าไว้ด้วยกัน ผสานด้วยพลังของทั้งชั้นวิญญาณและกายเนื้อ เน้นที่การกักขัง จนทำให้คู่ต่อสู้หนีไม่รอด
เห็นเพียงบุรุษหนุ่มชุดดำอยู่ในกรงขังสายฟ้าสีฟ้าที่เป็นดังภาพมายา สีหน้าลนลาน พยายามดิ้นรนสุดแรง แต่กลับไม่สามารถหลุดพ้นไปได้
พรึ่บ! จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขาในพริบตา ก่อนจะเปลี่ยนพลังเทพห้าธาตุเป็นพลังเทพธาตุน้ำ แล้วฟาดออกไปทันที
ตอนที่แสงฝ่ามือที่แฝงด้วยเสวียนอ้าวธาตุน้ำโจมตีภายใน ‘คุกมายาอัสนีวารี’ มันจะหลอมรวมพลังเข้าไป และตรงดิ่งไปบดขยี้บุรุษหนุ่มชุดดำด้วยสภาวะที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โครม ตู้ม! บุรุษหนุ่มชุดดำไม่ทันได้ป้องกัน ร่างกายจึงกระเด็นออกไป กระแทกลงพื้นไกลหลายพันจั้งอย่างแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
สีหน้าคนเผ่าเปลวทองทั้งหมดหนักอึ้ง รวมไปถึงศิษย์ที่เข้าร่วมประลองพวกนั้น ในใจหวาดกลัวอยู่บ้าง
“นี่เป็นดวงตาอะไรกันแน่ แข็งแกร่งเหลือเกิน!”
“แล้วความลึกซึ้งในวิชาเนตรของเขาเองก็ลึกล้ำอย่างยิ่ง!”
คนในเผ่าเปลวทองต่างถกกันเพื่อหาวิธีรับมือ
บุรุษหนุ่มชุดดำพ่ายแพ้เร็วเกินไป ยื้อเวลาได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องส่งคนไปประลองอีก
“ดี ชนะอีกแล้ว!” คนเผ่าพันธุ์วิญญาณกู่ร้องยินดี
จ้าวเฟิงเอาชนะได้สองคน ขอแค่เอาชนะได้อีกคนหนึ่ง เผ่าพันธุ์วิญญาณก็จะได้ครอบครองสายธารผลึกส่วนหนึ่ง ส่วนผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะได้รับคะแนนคุณูปการหนึ่งหมื่น
แต่ในตอนนี้ คนของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ประจักษ์ในพลังของจ้าวเฟิงแล้ว
บางทีเผ่าพันธุ์วิญญาณอาจจะได้สายธารมาไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มากกว่านั้นอีก
“กลิ่นอายกลุ่มนี้…”
“เนตรปฐมเทพ กลิ่นอายของเนตรเทพเจ้า!”
บนเวทีชมการประลองของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต คนจำนวนหนึ่งที่มีเนตรชีวิตใบหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
“เป็นไปไม่ได้ สายเลือดดวงตาทั้งหมดในฟ้าดินล้วนแต่มาจากแปดเนตรเทพเจ้า แต่ดวงตาของเขาไม่เหมือนแปดเนตรเทพเจ้าแม้แต่ประเภทเดียว หนำซ้ำกลิ่นอายเนตรเทพเจ้ากลุ่มนี้มันอะไรกัน…”
ชายชราใบหน้าแห้งเหี่ยวแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตขบคิด
แต่ตอนนั้นเอง ในหมู่ลูกศิษย์ของเผ่าเปลวทอง สตรีผู้ทรงเสน่ห์นางนั้นก็ย่างเท้าขึ้นบนเวทีประลอง
แต่ที่น่าสนใจก็คือ บนร่างของสตรีนางนี้มีอาวุธเทพป้องกันวิญญาณอยู่สามชิ้น
“ข้าเคยบอกว่าข้าเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะเผ่าเปลวทองทุกคนเผ่าเปลวทองได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้!”
จ้าวเฟิงจ้องสตรีนางนั้น
สีหน้าคนในเผ่าพันธุ์วิญญาณอึ้งไปเล็กน้อย ตอนแรกพวกเขาล้วนแต่คิดว่าจ้าวเฟิงเอ่ยเพื่อเยาะเย้ยเผ่าเปลวทอง แต่ตอนนี้ดูไปแล้วจ้าวเฟิงมีเจตนาเช่นนี้นี่เอง
“เหอะ พูดจาโอหัง ไม่ว่าใครก็ทำได้?”
สตรีทรงเสน่ห์นางนั้นอารมณ์ฉุนเฉียว อีกทั้งนางยังเตรียมพร้อมมาแล้ว บนร่างยังพกอาวุธเทพป้องกันวิญญาณเอาไว้สามชิ้น
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงไม่ได้พูดไร้สาระอะไรอีก เขาวูบไหวกายออกไป พลังเทพมหาศาลตรงดิ่งไปกดดัน
สตรีทรงเสน่ห์นางนั้นพลันสำแดงฝีมือทั้งหมด ประมือกับจ้าวเฟิงอย่างระมัดระวัง
“ฝ่ามืออัสนีเทวะห้าธาตุ!” จ้าวเฟิงใช้พลังทั้งหมดรุกโจมตีอย่างรุนแรง
‘แข็งแกร่งเหลือเกิน เขาไม่ใช้วิชาดวงตา ข้าก็ต้านทานเอาไว้ได้ไม่นานนัก!’
สตรีทรงเสน่ห์ขมขื่นใจเล็กน้อย
การโจมตีของจ้าวเฟิงแฝงไปด้วยเสวียนอ้าววายุอัสนี เสวียนอ้าวห้าธาตุ และมักจะใช้เสวียนอ้าวมิติ ทำให้นางไม่สามารถต้านทานได้ หลังจากสิบกระบวนท่า นางก็ถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนกระเด็นออกไป
“สามครั้ง ชนะไปสามครั้งแล้ว!” คนของเผ่าพันธุ์วิญญาณแต่ละคนลิงโลดอย่างมาก
เผ่าเปลวทองแต่ละคนสีหน้าดำคล้ำ เมื่ออับจนหนทาง พวกเขาทำได้เพียงส่งศิษย์ขั้นเทพแท้จริงไปเรื่อยๆ เพื่อจะยื้อเวลาให้กับเทพโบราณหลิวจิน แต่ทว่าพลังของศิษย์พวกนี้อ่อนแอกว่าสองคนก่อนนี้ แทบจะไม่มีแรงประมือกับจ้าวเฟิง
หากพวกเขาไม่พกอาวุธเทพป้องกันวิญญาณไว้มาก น่าจะถูกจ้าวเฟิงสังหารในกระบวนท่าเดียว!
จนสุดท้าย ศิษย์ขั้นเทพแท้จริงทั้งหมดของเผ่าเปลวทองก็พ่ายแพ้ไปจนหมด!
แต่จ้าวเฟิงเอาชนะได้หกครั้งติดต่อกัน สีหน้าของทุกคนรอบเวทีประลองออกจะอึ้งตะลึง ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าการประลองจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้
ก่อนนี้เทพโบราณหลิวจินแห่งเผ่าเปลวทองเอาชนะคนเผ่าพันธุ์วิญญาณเจ็ดคนติดต่อกัน
แต่จากนั้น จ้าวเฟิงแห่งเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ปลดปล่อยพลังที่แท้จริง เอาชนะคนเผ่าเปลวทองไปหกคนรวด
“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าวเฟิงจะมีพลังเช่นนี้!”
“เอาชนะไปได้ถึงหกคน เผ่าพันธุ์วิญญาณแบ่งสายธารผลึกเพลิงวิญญาณไปได้ถึงสี่ส่วนแล้ว!”
คนเผ่าพันธุ์วิญญาณตื่นเต้นเกินจะเปรียบ ไม่นึกเลยว่าจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวจะช่วยกอบกู้สถานการณ์เลวร้ายของเผ่า ต่อให้จ้าวเฟิงพ่ายแพ้ไป ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิเขา
ตุบ! เทพโบราณหลิวจินขึ้นไปบนเวทีประลองแล้ว
เขามีสีหน้าท่าทีโหดเหี้ยม แววตาชั่วร้าย
“จ้าวเฟิง ข้าจะเหยียบเจ้าให้จมดินไปเลย!” เทพโบราณหลิวจินตะโกนกร้าว
แต่เดิมการประลองครั้งนี้เขาโดดเด่นที่สุดเพียงคนเดียว เหยียบย่ำเผ่าพันธุ์วิญญาณเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า กอบกู้เกียรติยศให้เผ่าเปลวทอง แต่ทั้งหมดนี้ถูกจ้าวเฟิงทำลายลงไปหมดแล้ว เพื่อจะยื้อเวลาให้เทพโบราณหลิวจินได้ฟื้นฟูพลัง เผ่าเปลวทองจึงต้องส่งศิษย์เทพแท้จริงขึ้นมา
แต่ที่คาดคิดไม่ถึงคือจ้าวเฟิงฝีมือร้ายกาจจนเกินไป สามารถเอาชนะทุกคนได้อย่างรวดเร็ว เรื่องมาจนถึงตอนนี้ เผ่าเปลวทองจะกังวลไปก็ไร้ประโยชน์
ดีที่เทพโบราณหลิวจินฟื้นฟูพลังไปได้พอประมาณแล้ว
คนของเผ่าเปลวทองเชื่อมั่นว่าในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เทพโบราณหลิวจินจะต้องเป็นได้ชัยแน่นอน
การประลองเดิมพันครั้งนี้ คนที่ชนะจะต้องเป็นเผ่าเปลวทอง!