Skip to content

King of Gods 150

King Of Gods

บทที่ 150 : ถ้ำมารจันทราชาด (3)

จ้าวเฟิงไม่เห็นการตายของหวงอวิ๋นอยู่ในสายตา ทว่าการตัดสินใจของอีกฝ่ายได้ทำให้เขาผิดหวังเพราะชายหนุ่มผู้นั้นไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสู้

สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแค่ยื้อเวลาไว้สักพักก่อนซิ่งเฉินจะถูกฆ่าโดยหลินฟ่าน เซี่ยวซุน และซู่เหริน และจะทำให้พวกเขาสามารถต่อกรกับศพโลหิตลายเงินได้ ทั้งมีโอกาสชนะมากกว่าหกส่วน

มันมีคำกล่าวว่า มันไม่น่าหวาดกลัวในการมีศัตรูที่เก่งกาจราวเทพเซียน ทว่ามันน่ากลัวที่จะมีคู่หูดั่งสุกร

ในตอนนี้ มีเพียงจ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับศพโลหิตลายเงินเพียงผู้เดียว

“มันจะเป็นเจ้าในไม่ช้า!”

ศพโลหิตลายเงินเลียริมฝีปากพร้อมกับที่น้ำวนได้ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขาโดยที่มันเชื่อมต่อกับกองเลือดด้านล่าง

อีกฝั่งหนึ่งของถ้ำ

ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านได้บีบบังคับให้ซิ่งเฉินตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน

หัวหน้าตระกูลซิ่งนั้นได้รับบาดเจ็บก่อนหน้าจากในป่า และบัดนี้เขาได้เผชิญหน้ากับการโจมตีอันบ้าคลั่งจากทั้งสาม และอยู่ที่ปากเหวแห่งความตาย

ทันใดนั้น ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหวงอวิ๋น

เมื่อมองตามเสียงไป พวกเขาก็เห็นภาพของอีกฝ่ายถูกหั่นครึ่ง หัวใจของพวกเขากลายเป็นเย็นเยียบ

“ไม่ดีแล้ว! ศิษย์น้องจ้าว…”

หลินฟ่านรู้สึกกังวลถึงจ้าวเฟิงอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าพวกเขาอยู่ในช่วงสำคัญเช่นกันเพราะพวกเขาจำต้องจัดการซิ่งเฉิน

หัวหน้าตระกูลซิ่งนั้นอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน ทว่าเขาได้กัดฟันตอบโต้ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำนั้นมีเพียงยื้อการต่อสู้นี้ไว้จนกว่าจ้าวเฟิงจะถูกฆ่าโดยท่านผู้คุ้มครองที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ไป คนที่เผชิญหน้ากับอันตรายที่แท้จริงคือเด็กหนุ่มผมคราม

เขาจะเผชิญหน้ากับศพโลหิตลายเงินเพียงผู้เดียวจริงๆ หรือ?

“ชิ…. ชิ…”

ศพโลหิตลายเงินหัวเราะอย่างน่าสยดสยองขณะที่มันยืนอยู่บนกองเลือด ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากมัน เขายกคันธนูบันไดสุวรรณของเขาขึ้นและหัวเราะเสียงเย็น

“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จ?”

ทันทีที่สิ้นคำ…

เขาได้รั้งสายธนูในมือ ก่อนที่ปราณแท้เย็นยะเยือกแหลมคมจะปรากฏขึ้น

มันเป็นปราณแท้จากวิชาเซียนวายุสวรรค์!

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

กลุ่มธนูสามดอกพร้อมด้วยปราณแท้สีครามคมกริบได้สร้างมุมสามเหลี่ยมขึ้นและพุ่งไปยังร่างของศัตรูด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด

ธนูทั้งสามพุ่งไปยังดวงตาของศพ อีกฝ่ายพลันสะดุ้งอย่างตกใจและปิดดวงตาลงในทันที

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ลูกธนูกระเด็นออกจากเปลือกตาของศพโลหิตลายเงินพร้อมกับที่ประกายไฟแล่บออก ทว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

มันไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของจ้าวเฟิง

“ไอ้เด็กเหลือขอน่าชัง…”

ศพโลหิตลายเงินผงะถอยไปสองสามก้าวด้วยความโกรธและตะลึง

เป้าหมายที่แท้จริงของเด็กหนุ่มนั้นคือชุดลูกธนูอีกสองชุดที่เล็งไปยังเข่าและเท้าของอีกฝ่าย พลังของธนุอีกสองชุดนั้นสามารถคุกคามได้กระทั่งผู้ฝึกตนในนภาที่สาม ซึ่งทำให้ศพโลหิตต้องผงะถอยไปสองสามก้าว และหมายความว่ามันได้ออกห่างจากร่างของหวงอวิ๋นแล้ว

น้ำวนใต้ร่างของศพนั้นก็ได้หายไปในเวลาเดียวกัน

การสังเวยโลหิตได้ถูกขัดขวางโดยจ้าวเฟิง!

เป้าหมายของศพโลหิตลายเงินนั้นคือการใช้วิชาลับและดูดเลือดของหวงอวิ๋นเพื่อฟื้นฟูพลังของมัน

หากเป็นคนธรรมดา เลือดของพวกเขาย่อมไม่ส่งผลใดๆ ต่อมัน แต่หวงอวิ๋นนั้นอยู่ในขั้นสุดยอดของนภาที่สอง และพลังจำนวนมากได้หลอมรวมอยู่ในเลือดของเขา

“ปราณแท้ของวิชาเซียนวายุสวรรค์นั้นแปลกประหลาดโดยแท้” จ้าวเฟิงคิดขณะที่เขารั้งและปล่อยสายธนูของเขาหลายครั้ง ปลดปล่อยการโจมตีไปยังศัตรู

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ศพโลหิตลายเงินรับการโจมตีทั้งหมดโดยตรงและทะยานร่างเข้าหาเด็กหนุ่ม

ฟุ่บ!

เด็กหนุ่มผมครามกำธนูของเขาก่อนจะกลายเป็นเงาพร่าเลือนหลายสายซึ่งแยกออกไปในทิศทางที่แตกต่าง

“เจ้าเด็กโง่เง่า!”

ศพโลหิตลายเงินเยาะเย้ยและพลันรับรู้ถึงร่างที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ในทันที หัวใจของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านและเข้าใจในไม่ช้าว่าแม้ศพโลหิตนี้จะอ่อนแอ การเคลื่อนไหวมัจฉามายาของเขาก็ไม่อาจหลอกลวงมันได้อยู่ดี

ฟุ่บ!

ร่างอื่นๆ หายไปพร้อมกับที่ร่างจริงของจ้าวเฟิงจะเปล่งประกายสีเขียวออกมาพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น

โครมมม!

การโจมตีของศพโลหิตพลาดเป้าและกระแทกเข้าไปยังกำแพงใกล้ๆ จนกลายเป็นซาก

ความเร็วของจ้าวเฟิงได้เข้าสู่ระดับน่าพรั่นพรึงและร่างของเด็กหนุ่มนั้นได้คล่องแคล่วราวกับมัจฉา

เขาโคจรวิชาเซียนวายุสวรรค์อย่างเต็มที่ และภายใต้พลังของปราณแท้ การเคลื่อนไหวของเขาก็ได้เข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง

นอกจากนั้น วิชาเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มยังได้หลมอรวมกับภาพมัจฉามายา

ในตอนนี้ ความเร็วของจ้าวเฟิงนั้นเทียบเท่าได้กับผู้ที่อยู่ในขั้นสุดยอดของนภาที่สาม ศพโลหิตลายเงินโจมตีพลาดหลายครั้งติดต่อกันและคำรามออกมา สร้างภาพลวงตาด้วยพลังจิตของมัน

หากเป็นผู้อื่น แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ พวกเขาอาจยังคงได้รับผลกระทบ ทว่าโชคร้ายที่คู่ต่อสู้นั้นคือจ้าวเฟิง ที่แทบจะเรียกได้ว่าต่อต้านภาพมายาได้โดยสิ้นเชิง

“ท่านผู้คุ้มครอง ดูเหมือนว่าท่านจะเพิ่งตื่น และกล้ามเนื้อของท่านจะยังฝืดเคือง แม้ว่าร่างของท่านจะแข็งแกร่ง แต่พลังกายของท่านมีจำกัด” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงแผ่ว

ตามแผนของเขานั้น ตราบเท่าที่ซิ่งเฉินถูกฆ่า ศพโลหิตลายเงินย่อมถูกฆ่าได้เพราะทั้งสี่จะช่วยกันลดทอนพลังของมันด้วยกัน

“เมื่อข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าจะไปจัดการอีกสามคนก่อน”

ประกายตาเจ้าเล่ห์ส่องประกายวาบในดวงตาของศพโลหิตลายเงินก่อนที่มันจะเปลี่ยนทิศไปทางซู่เหรินและคนอื่นๆ

ไม่ดีแล้ว!

สีหน้าของเด็กหนุ่มผมครามแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามศัตรูที่เขาเผชิญหน้าด้วยนั้นคือสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่มานับร้อยปีและมีอำนาจสูงในลัทธิมารจันทราชาด มันจะธรรมดาได้อย่างไร?

ศพโลหิตลายเงินได้ปลดปล่อยกลิ่นอายของมันที่สะท้านภูผาได้ออกมาและพุ่งเข้าไปยังซู่เหรินและคนอื่นๆ

ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านลนลานซึ่งทำให้ซิ่งเฉินสามารถคว้าโอกาสเปลี่ยนกลายเป็นเงาพร่าเลือนสีดำและมุ่งไปยังทางออกของถ้ำ

จ้าวเฟิงมีสองตัวเลือก

  1. 1. ฆ่าซิ่งเฉิน
  2. 2. ช่วยหลินฟ่าน เซี่ยวซุน และซู่เหริน

ความคิดนี้ได้แล่นวาบในสมองของเด็กหนุ่ม และเขาเลือกตัวเลือกที่สอง เด็กหนุ่มพลันติดตามศพโลหิตลายเงินไปในทันใด

ฝ่ามือวายุอัสนี!

เสียงของฝ่าคำรามและสายลมได้ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่และทำให้ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านสามารถหนีออกจากภาพมายาของพลังจิตได้

เปรี้ยง!

จ้าวเฟิงเข้าปะทะกับศพโลหิตลายเงินโดยตรงก่อนที่ร่างทั้งสองจะแยกจากกัน เด็กหนุ่มผมครามรู้สึกได้ว่าแขนของเขาชาหนึบและเกือบกระอักเลือด พลังโจมตีของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเกินไป ใกล้เคียงกับนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

“พลังสายฟ้าจางๆ…”

ศพโลหิตลายเงินยืนนิ่งไม่ขยับขณะที่มันมองไปยังรอยดำบนฝ่ามือที่กำลังฟื้นฟู

จ้าวเฟิงประหลาดใจอย่างมาก ฝ่ามือวายุอัสนีได้ปลดปล่อยพลังออกมามากภายใต้การโคจรวิชาเซียนวายุสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ฝ่ามือวายุอัสนีนั้นเป็นเพียงพื้นฐาน และมันได้มีพลังของสายลม ขณะที่วิชาเซียนวายุสวรรค์นั้นมีความเข้าใจจากสามกระบวนท่าแรกของสี่กระบวนท่าวายุ

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังรู้สึกว่าพลังของสายฟ้าดูเหมือนจะตอบโต้กับพลังของศพโลหิตลายเงินได้

“ศิษย์น้องจ้าว เราจะฆ่าสิ่งนี้ด้วยกัน”

ซู่เหรินวาดดาบจิงเยว่ของเขาและโจมตีไปยังกลางหลังจากเบื้องหลังของศพโลหิต ในขณะที่จ้าวเฟิงใช้ฝ่ามือวายุอัสนีโจมตีจากด้านหน้า

“เจ้าพวกมดปลวกกล้าดีอย่างไรที่จะฆ่าข้า นายเหนือผู้นี้!”

ศพโลหิตลายเงินหัวเราะอย่างกราดเกรี้ยวและกวาดกรงเล็บของมันออกปรากฏเส้นแสงสีม่วงสร้างรอยกรีดบนพื้น

เคร้ง เคร้ง ฟิ้ว เปรี้ยง

ทั้งสี่โจมตีศพโลหิตลายเงิน ทว่ามันก็ยังคงเยือกเย็นและได้เปรียบอยู่เล็กน้อย

เปรี้ยะ!

อาวุธของทั้งหลินฟ่านและเซี่ยวซุนต่างแตกหักลง มีเพียงดาบชั้นมนุษย์ของซู่เหรินที่ไม่ปรากฏร่อรอยใดๆ ทว่าเมื่อเขาปะทะตรงๆ กับอีกฝ่าย ดาบนั้นก็เกือบจะกระเด็นหลุดออกจากมือของเขา

พรวด!

ซู่เหรินกระอักโลหิตคำโตขณะที่เขาเข้าปะทะกับศัตรูโดยตรง

จ้าวเฟิงนั้นไม่ได้ดีกว่าสักเท่าใด อวัยวะของเขาได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บภายนอกเล็กๆ วิชากำแพงเงินนั้นได้ปกป้องร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี การโจมตีของเขาแข็งแกร่งและสามารถคุกคามผู้ฝึกตนในนภาที่สามแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้ ในขณะที่ฝ่ามือวายุอัสนีก็สามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ ทว่าพวกเขาก็ยังไม่อาจเผชิญหน้ากับการโจมตีของศพโลหิตลายเงินได้ตรงๆ

ในตอนนี้ ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บอย่างมากยกเว้นจ้าวเฟิง

หลังจากปะทะกันอีกไม่กี่ครั้ง ศพโลหิตก็เริ่มตระหนักได้ว่าจ้าวเฟิงเป็นตัวปัญหาและสามารถตอบโต้มันได้

ดังนั้นแล้ว เขาจึงเพ่งความสนใจไปยังอีกสามคน

เคร้ง! เพล้ง!

ดาบของหลินฟ่านแตกกระจายด้วยน้ำมือของศพโลหิตพร้อมกับที่ชายหนุ่มกระอักโลหิตออกมา

เซี่ยวซุนเองก็ถูกโจมตีจากแสงสีม่วงจนกระเด็นถอยหลังพร้อมกับรอยเลือดที่ปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของเขา

พลังต่อสู้ของทั้งสองนั้นอยู่ที่นภาที่สองแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ ทว่ากลับถูกส่งกระเด็นลอยออกไปในพริบตา

สีหน้าของจ้าวเฟิงนั้นเคร่งเครียดอย่างมาก มันยากที่จะเอาชนะศพโลหิตลายเงินนี้เพราะซู่เหรินและอีกสองคนไม่ยอดเยี่ยมเท่าเขาในด้านของการโจมตี ความเร็ว และการป้องกัน หรือมีความสามารถที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตา

“พวกท่านถอยไป ข้าจะรั้งเขาไว้!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเด็ดขาด

“ศิษย์น้องจ้าว ระวังตัวด้วย!”

หลินฟ่านและอีกสองคนลากร่างเหนื่อยล้าของพวกเขาไปยังทางออกของถ้ำ พวกเขารู้ว่ามีเพียงจ้าวเฟิงที่สามารถปะทะกับอีกฝ่ายได้และพวกเขานั้นมีเพียงแต่จะขวางทาง

ฝ่ามือวายุอัสนี! กระบวนท่าตัดวายุเพลิง!

ในขณะที่หลินฟ่านและคนอื่นๆ หลบหนี จ้าวเฟิงได้ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเพื่อหยุดยั้งศพโลหิตลายเงิน

ทว่าเหนือความคาดหมาย อีกฝ่ายกลับไม่ได้หยุดยั้งทั้งสาม บนใบหน้าของมันกลับปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย

“ช้าไปแล้ว พวกเจ้าทุกคนควรอยู่ที่นี่วันนี้”

จ้าวเฟิงชะงักไปก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ตุบ!

เซี่ยวซุนที่เพิ่งวิ่งออกไปสิบหลาล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ศิษย์น้องเซี่ยว!”

หลินฟ่านและซู่เหรินต่างยกร่างของเซี่ยวซุนขึ้นก่อนจะพบกับเส้นสีดำที่ปรากฏขึ้นบนร่างของอีกฝ่ายที่ทำให้ร่างของเขาไม่อาจขยับได้

“พวกเจ้าทุกคนต่างถูกพิษศพของข้าแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่ทำสิ่งใดในตอนนี้ พวกเจ้าก็จะยังคงสิ้นชีวิตลงอยู่ดี”

ศพโลหิตลายเงิน หัวเราและไม่ได้โจมตีอีกต่อไป

ตุบ!

ร่างของหลินฟ่านพลันแข็งค้างและล้มลงบนพื้นหลังจากนั้นในทันที ร่างกายของซู่เหรินเองก็เริ่มสั่นสะท้านและทำได้เพียงมองไปทางจ้าวเฟิงหนึ่งครั้งก่อนจะล้มลงบนพื้น

“พิษศพ? เมื่อใดกันที่พวกเราถูกพิษศพ?”

หัวใจของจ้าวเฟิงเย็นเยียบพร้อมกับที่เขารู้สึกได้ถึงพลังงานเย็นเยียบมืดหม่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

“พิษของข้าจะถูกหยุดด้วยการไหลเวียนโลหิต เมื่อโลหิตของพวกเจ้าไหลเวียนช้าลง พิษก็จะกระจายไปทั่วร่าง และในสามวัน พวกเจ้าจะกลายเป็นผีดิบ”

ศพโลหิตลายเงินเลียริมฝีปากพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย

ผีดิบ?

จ้าวเฟิงสะอึก เขารู้อย่างชัดแจ้งว่ามันหมายถึงสิ่งใด

ในตอนนี้ ซู่เหรินและอีกสองคนค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงและสลบไป บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขานั้นเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้ หรือไม่ก็เพราะพิษที่ได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของพวกเขาแล้ว

“หืม!? เหตุใดเจ้า ผู้ที่อยู่ในนภาที่หนึ่งแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ จึงสามารถต่อต้านพิษศพได้มากกว่าพวกเขา?”

ศพโลหิตลายเงินเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างมากเพราะจ้าวเฟิงนั้นยังคงยืนนิ่ง ไร้ซึ่งอาการใดๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!