บทที่ 1533 เผ่าเทพมายามาเยือน
สมาชิกทั้งหลายในสนามรบถูกการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและทูตสวรรค์อู่สะกดเอาไว้
นี่แทบจะเป็นการประมือของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสนามรบจากทั้งสองฝั่ง
ฟากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
ราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตต่างค่อนข้างให้ความสนใจกับการต่อสู้นี้
“ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะแพ้หรือชนะ ขอเพียงแค่ตรึงกำลังผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพมารเอาไว้ให้ได้ก็พอแล้ว!”
ราชาเทพหวาเฟิงสูดหายใจลึก
จ้าวเฟิงคนเดียวสกัดกั้นทูตสวรรค์อู่เอาไว้ได้ ทำให้ผู้อาวุโสจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองคนสามารถปลีกตัวออกมาลงมือได้
ความกดดันบนสนามรบของฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก ทั้งยังค่อยๆ พลิกจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
การต่อสู้ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตและพวกฝืนชะตาฟ้าในตอนนี้ตีเสมอ ไม่เป็นสองรองกัน
ครืน ตูม ตูม!
ใจกลางการระเบิด มิติแหลกละเอียด สายอัสนีและกระแสอากาศดำม่วงพัดกวาดอย่างกำเริบเสิบสาน
แผ่นหลังของทูตสวรรค์อู่มีบาดแผลสาหัส ส่วนหน้าอกก็เป็นโพรง บาดแผลสมานตัวค่อนข้างยาก
เขาสร้างการป้องกันขึ้นอย่างรีบร้อน แต่ก็สุดท้ายก็สกัด ‘หัตถาเทพมารทมิฬ’ ฉบับลอกแบบไม่ได้อยู่ดี
นอกจากนั้น ทูตสวรรค์อู่ยิ่งตกใจมากกว่า วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงสร้างอาการบาดเจ็บให้เขาได้มากถึงเพียงนี้
ตามหลักแล้ว วิชาดวงตาระดับนั้นถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่อย่างมากก็สร้างบาดแผลได้เล็กน้อยเท่านั้น เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็สมานตัวได้
แต่ความจริงคือการโจมตีของกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ทะลุผ่านกายเทพมารของเขา สร้างอาการบาดเจ็บสาหัสให้ หนำซ้ำบาดแผลยังสมานตัวได้ค่อนข้างยาก
“หรือจะเป็นเพราะเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?”
สีหน้าของทูตสวรรค์อู่เคร่งเครียด
ในตอนนี้เอง เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอีกกลุ่มหนึ่ง
ฟิ้ว! เห็นเพียงแสงอัสนีเจิดจ้าสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
กระบี่เทพพลังบริสุทธิ์อีกเล่มหนึ่งมาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา ก่อนจะพุ่งแทงเข้าไปในร่าง
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองเห็นทุกอย่างโดยไม่มีอะไรมาบดบังแม้แต่น้อย เขาพบว่าวิชาดวงตาของตนมีผลต่อกายเทพมารของทูตสวรรค์อู่ค่อนข้างมาก ดังนั้นเขาจึงกระตุ้นวิชาดวงตานี้อีกครั้ง
ทูตสวรรค์อู่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจากการโจมตีจากครั้งที่แล้วก็โดนจู่โจมอีกครั้ง
“อ้าก…”
ทูตสวรรค์อู่ร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาไม่ได้สัมผัสกับความเจ็บปวดเช่นนี้มานานมากแล้ว
“ต้องเอาชนะเจ้านี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
สีหน้าของทูตสวรรค์อู่คร่ำเคร่ง
ตูม!
ร่างของทูตสวรรค์อู่พุ่งออกมาจากใจกลางการระเบิดพร้อมด้วยพลังมารชั่วร้ายที่ทรงอำนาจ จากนั้นตรงไปยังจ้าวเฟิงทันที
“ท่าทางเนตรเทพมายาที่มีผลกับเจ้า!” จ้าวเฟิงยิ้มเล็กน้อย
เนตรเทพมายาพัฒนาถึงระดับเนตรเทพเจ้านานแล้ว ทุกด้านสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ จ้าวเฟิงสำแดงพลังของมันอยู่ตลอด
วิชาดวงตาทุกอย่างของจ้าวเฟิง ขอแค่เป็นวิชาที่ใช้เนตรเทพมายากระตุ้นก็ล้วนแต่มีพลังดั้งเดิมของเนตรเทพประเภทนี้แฝงไว้ทั้งสิ้น อาจเพราะเหตุนี้เอง วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงจึงส่งผลต่อกายเทพมารอย่างคาดไม่ถึง
นอกจากนั้น ก็อาจเป็นเพราะในนั้นมีพลังความคิดของจ้าวเฟิงอยู่ด้วย เขาหวังว่าวิชาดวงตาของตนจะมีผลต่อทูตสวรรค์อู่ ความหวังนี้ถึงถูกปลดปล่อยออกมาในระดับสูงสุดและเป็นจริงขึ้น
ฟิ้ว! ร่างของจ้าวเฟิงถอยไปข้างหลัง
ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรพลัง ‘แปรฝันให้เป็นจริง’
วิชาดวงตาระดับต่ำบางอย่างก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงใช้ได้อย่างชำนาญตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องโคจรเอง การขับเคลื่อนพลังแท้จริงของแปรฝันให้เป็นจริงเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ชั่วพริบตา
ภายในนั้น มีวิชาดวงตาซึ่งปลดปล่อยในชั่วพริบตาไม่น้อยโจมตีไปยังทูตสวรรค์อู่
ครืน ตูม เปรี้ยง!
การโจมตีวิชาดวงตาเป็นชุดซัดมายังทูตสวรรค์อู่ สร้างการโจมตีอย่างหนักหน่วงให้กับเขา
“ผู้เยาว์…เจ้า…”
ทูตสวรรค์อู่สีหน้าแข็งค้าง
วิชาดวงตาที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมารวดเร็วมาก กระทั่งว่าไม่ต้องเสียเวลามาก ในขณะเดียวกับที่สำแดงวิชาดวงตาก็รักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้ในระดับหนึ่ง
“กระบี่เทพพลังบริสุทธิ์!”
แสงอัสนีมืดหม่นพุ่งออกมาจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงอีกครั้ง
ในชั่วพริบตาที่สำแดงกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ สีสันมายาพร่างพรายก็ตลบอวลออกมาจากตาซ้ายอีกครั้ง
“พลัง…เพิ่มขึ้น…” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องเพ่งไปยังกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ โคจรพลังความคิดสร้างปณิธานที่แรงกล้าขึ้น
เพียงชั่วพริบตา ขนาดของกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน แสงอัสนียิ่งเจิดจ้ามากขึ้น กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาก็ยิ่งน่าหวั่นเกรง
ครืน ฉัวะ~
กระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ที่เพิ่มอานุภาพแล้วปะทะไปยังหน้าอกของทูตสวรรค์อู่ ระเบิดโพรงสีม่วงดำจนกลายเป็นหลุมใหญ่
ทูตสวรรค์อู่หน้าแดงก่ำ กระอักเลือดสดๆ ออกมา
แต่กลิ่นอายมารชั่วร้ายบนร่างของเขากลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สั่นสะเทือนผืนดิน กระทั่งส่งผลต่อจิตใจของทุกคนที่อยู่บนสนามรบ
เผ่าเทพมารคือเผ่าที่สู้รบได้เก่งกาจมากที่สุด ยิ่งความคิดชั่วร้ายในใจมากเท่าใด พลังที่สำแดงออกมาได้ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“เนตรมารคลั่ง!” ทูตสวรรค์อู่รวมกลิ่นอายศาสตร์มารไว้ที่ดวงตาสองข้าง แล้วปลดปล่อยออกมาทันใด
ว่ากันว่าเผ่าเทพมารมีเนตรมารคู่หนึ่ง สามารถทำให้คนกลายเป็นปีศาจ คลุ้มคลั่งกระหายเลือด สูญเสียสติสัมปชัญญะ สูญสิ้นความเป็นคน
ครืน ฟู่ ฟู่~
กระแสพลังปั่นป่วนสีม่วงดำอันแข็งแกร่งทรงพลังพุ่งไปหาจ้าวเฟิงทันที
เนตรมารคลั่งของทูตสวรรค์อู่เทียบเท่ากับการโจมตีวิญญาณและจิตใจ รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาก็ซัดไปยังจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงมึนงงไปเล็กน้อย วิญญาณถูกพลังชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งรุกล้ำ ความคิดชั่วร้ายค่อยๆ ก่อขึ้นในใจ
ในยามที่ความคิดชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นจริงๆ ในใจของคนคนหนึ่ง หากอาศัยเพียงเจตจำนงตั้งมั่นของตนเองนั้นยากเกินกว่าที่จะควบคุมมันได้
แต่ว่าจ้าวเฟิงต่างจากคนทั่วไป
“หายไป…หายไป…”
เจตจำนงของเขาเดิมทีก็แกร่งมากอยู่แล้ว จึงรักษาสติตื่นตัวเอาไว้ได้บ้าง แล้วจึงโคจรพลังแปรฝันให้เป็นจริง
สีสันมายาแปลกประหลาดลอยอวลไปยังกายวิญญาณอัสนี
ความคิดชั่วร้ายในใจของจ้าวเฟิงค่อยๆ สลายหายไป
ณ ที่ไกลๆ
ทูตสวรรค์อู่เห็นการโจมตีของตนสำเร็จ จึงเข้ามาใกล้จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็ลืมตาที่สงบเยือกเย็นขึ้น จ้องตรงมายังทูตสวรรค์อู่
“เนตรมารแผดเผาวิญญาณ!”
เจตจำนงดวงตาสีแดงเข้มพุ่งตรงไปยังทูตสวรรค์อู่ในพริบตา
เนตรมารแผดเผาวิญญาณสามารถแทรกซึมเข้าไปในช่องโหว่ของจิตใจฝ่ายตรงข้าม แล้วขยายช่องโหว่นั้น สร้างผลกระทบต่อความคิดและประสาทสัมผัส ทำให้เห็นภาพความหวาดกลัวต่างๆ ที่อยู่ในใจ…
ทูตสวรรค์อู่รอบรู้กว้างไกล มองประเภทของวิชาดวงตาออก จึงรีบป้องกันจิตใจ ต้านทานการรุกโจมตีของพลังกลุ่มนี้ไว้
รวมกับวิญญาณและกายเทพของเขาเดิมก็เป็นหนึ่งเดียวกัน แรงต้านทานต่อพลังกลุ่มนี้จึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ต่อให้เป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบเพียงใด พลังของแปรฝันให้เป็นจริงก็สามารถเปิดช่องโหว่ได้
ยามโคจรพลังแปรฝันให้เป็นจริง เจตจำนงดวงตาเสี้ยวหนึ่งของจ้าวเฟิงรุกล้ำเข้าไปในกายของทูตสวรรค์อู่
ร่างของทูตสวรรค์อู่สั่นเทิ้มทันที แผ่กระจายกลิ่นอายสายมารที่ปั่นป่วนเกินบรรยายออกมา
เผ่าเทพมารเผ่านี้เดิมก็บ้าคลั่งยิ่งนัก ทะเยอทะยานมากอยู่แล้ว
เมื่อวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงแทรกซึมเข้าไปในจุดนี้ ก็สามารถสร้างผลกระทบต่อทูตสวรรค์อู่ได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งปั่นป่วนจิตใจและสติของเขา
จ้าวเฟิงฉวยโอกาสนี้จู่โจมทูตสวรรค์อู่อย่างรุนแรง
ครืน ตูม!
มือของเขากุมกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ไว้ กระหน่ำฟันทูตสวรรค์อู่ไม่ยั้ง
ส่วนทูตสวรรค์อู่ก็ยากจะตอบโต้กลับ เพราะจิตใจและประสาทสัมผัสต่างถูกหลอกจนงงงัน
ครืน บึ้ม เปรี้ยง~
การโจมตีกระหน่ำไม่ขาดสายปะทะยังร่างของทูตสวรรค์อู่ พลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะโจมตีเขาอยู่ทุกชั่วขณะ กลิ่นอายสายเลือดของทูตสวรรค์อู่ค่อยๆ อ่อนแรงลง ส่วนผลกระทบจากวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงก็สลายไปแล้ว
ตอนนี้ทูตสวรรค์รู้ตัวว่าตนไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิงอีกแล้ว
พรึ่บ! ทูตสวรรค์อู่รีบถอยหนีไปข้างหลังทันที
สมาชิกทั้งหลายของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตโห่ร้องยินดีกับความพ่ายแพ้ของทูตสวรรค์อู่
ขวัญกำลังใจทหารของแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายของพวกฝืนชะตาฟ้าใจเต้นระส่ำ ยากจะเชื่อว่าทูตสวรรค์อู่พ่ายแพ้ให้กับจอมเทพขั้นสองสุดยอด
“ตาแก่นี่ฉลาดไม่เบา!” จ้าวเฟิงไม่ได้ไล่ตามไป
ในตอนนี้ทูตสวรรค์อู่ยังอยู่ในสภาพกระตุ้นเผ่าเทพมาร การป้องกันแข็งแกร่งสุดยอด ยากจะโจมตีสังหารได้
หากทูตสวรรค์อู่โมโหหน้าจนมืดตามัว ฝืนสู้ตัวตายกับจ้าวเฟิง และใช้พลังสายเลือดเผ่าเทพมารจนหมดแล้วล่าถอยละก็ จ้าวเฟิงต้องพยายามสังหารเขาอย่างสุดกำลังแน่นอน
หลังผ่านศึกใหญ่มาติดๆ กัน จ้าวเฟิงเองก็ถอยออกมาจากสนามรบชั่วคราวเช่นกัน
“พวกฝืนชะตาฟ้าจะต้องมีไพ่ตายที่เกิดความคาดการณ์แน่ๆ!”
จ้าวเฟิงจิตใจหนักอึ้ง มิฉะนั้นแล้วพวกฝืนชะตาฟ้าไม่มีทางโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีนายเหนือหัวดูแลอยู่เป็นแน่
“ฮ่าๆ สหายจ้าวช่างเก่งกล้าไร้เทียมทานเสียจริงๆ!”
ราชาเทพหวาเฟิงหัวเราะอย่างยินดี
แต่เดิมเขาคิดว่าขอแค่จ้าวเฟิงตรึงทูตสวรรค์อู่เอาไว้ได้ ต่อให้อยู่ๆ พวกฝืนชะตาฟ้ามีจอมเทพขั้นสามสองคนปรากฏตัวขึ้น ก็สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ แต่คิดไม่ถึงเลย ไม่เพียงแต่จ้าวเฟิงจะทำได้ หนำซ้ำยังเอาชนะทูตสวรรค์อู่ได้ด้วย
ขวัญกำลังใจของฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจึงเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด พลิกความเสียเปรียบก่อนหน้านี้ ค่อยๆ ยึดครองข้อได้เปรียบเอาไว้ให้มั่น เมื่อสู้รบต่อไป ข้อได้เปรียบนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
จ้าวเฟิงยืนฟื้นฟูพลังของจิตใจอยู่ข้างๆ
สงครามไม่จบลงเช่นนี้แน่ เขาจะต้องรักษาสภาพที่ดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา
นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต การต่อสู้ดุเดือดมีอยู่ทั่วสารทิศ
ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตโจมตีจนพวกฝืนชะตาฟ้าล่าถอยไปไกลหมื่นลี้
“แดนศักดิ์สิทธิ์ช่างสมกับที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์!”
ฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้า จ้าวสวรรค์ยืนอย่างทะนงในท้องฟ้าพลันเอ่ยปากขึ้น
นายเหนือหัวเนตรชีวิตไม่พูดอะไร อย่างน้อยนางรู้สึกว่าสงครามไม่มีทางจบลงง่ายๆ เช่นนี้
“แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมีผู้ช่วย พวกเราก็มีพันธมิตรไม่น้อย พวกเขาอยากเข้าร่วมรบอย่างอดรนทนไม่ไหวอยู่นานแล้ว!” เจ้าสวรรค์หัวเราะ
ประโยคนี้ทำเอานายเหนือหัวเนตรชีวิตและราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าเคร่งเครียดทันใดพวกฝืนชะตาฟ้ายังมีพันธมิตรอีก ช่างเป็นข่าวร้ายจริงๆ
วู้ม วู้ม!
คลื่นกฎเกณฑ์มิติแผ่ระลอกขึ้นในท้องฟ้า ฟ้าดินบิดม้วน เงาคนหลายร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากในนั้น ผู้นำเป็นผู้อาวุโสชุดดำ ผมดำขลับราวม่านน้ำตกปลิวสยาย ดวงตาเย็นยะเยือก กลิ่นอายสูงสุดสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า สนามรบที่กว้างใหญ่สั่นคลอน
“ราชาเทพ!” จอมเทพทั้งหลายบนสนามรบส่งเสียงร้องอย่างตื่นกลัว
ศึกนี้ ในที่สุดก็ถึงคราวที่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพออกโรงแล้ว
“คนผู้นี้คือราชาเทพโยวอวิ๋นแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่ใช่รึ?”
ดวงตาของราชาเทพหวาเฟิงตื่นตะลึง
ราชาเทพโยวอวิ๋นคือราชาเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์เขตดาราชาด ชื่อเสียงเลื่องลือ ราชาเทพหวาเฟิงเคยเห็นอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง
สมาชิกทั้งหลายข้างหลังราชาเทพโยวอวิ๋นแทบจะเป็นจอมเทพสายเลือดเผ่าเทพมายาทั้งสิ้น
“แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา ราชาเทพโยวอวิ๋น?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าพวกฝืนชะตาฟ้าทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไปแล้วหรือ? เห็นทีทุกอย่างจะไม่ง่ายดายดั่งที่เห็น
เสี้ยวขณะนี้ นายเหนือหัวเนตรชีวิตขมวดคิ้วเล็กน้อย
ศัตรูที่ปรากฏตอนนี้ รวมมีราชาเทพโยวอวิ๋นและผู้นำระดับสูงส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา
หากขั้วอำนาจนี้เข้าร่วมรบด้วยแล้วละก็ ข้อได้เปรียบของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ก็จะอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา
“ยังไม่หมดหรอก ฮ่าๆ!”
เสียงของเจ้าสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง
ขวับ! อุโมงค์มิติปรากฏขึ้นในท้องฟ้าอีกครา
เห็นเพียงเงามายารางเลือนพุ่งออกมาจากในนั้นแล้วขยายใหญ่ในชั่วพริบตา ราวกับแปลงเป็นขุนเขามหึมาอย่างไรอย่างนั้น
ร่างใหญ่โตนั้นดำเมื่อมไปทั้งตัว บนร่างคล้ายกิเลนเต็มไปด้วยลวดลายแปลกประหลาดชั่วร้าย ส่วนบนคอของมัน หัวสัตว์เหี้ยมเกรียมทั้งเก้าหัวมีดวงตามากมายสีม่วงเข้มส่องประกายแสงชั่วร้าย ชวนให้คนใจสั่นสะท้าน
หัวทั้งเก้าของสัตว์โบราณประหลาดอ้าปากกว้าง เสียงที่คำรามออกมาราวกับดังมาจากนรก
หัวทั้งเก้าปราดเปรียวอย่างมาก ดวงตาสีม่วงเข้มแผ่กระจายกลิ่นอายที่ทำให้หวาดกลัว จับจ้องยังทุกที่ในสนามรบ