บทที่ 1559 ราชาเทพทั้งสอง
จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่า ทูตสวรรค์ที่ตายไปจนเหลือไม่กี่คนจะฟื้นคืนชีวิต แถมยังอยู่กันพร้อมหน้าเจ็ดคน
เนตรสังสารวัฏมีสองด้านทั้งชีวิตและมรณะ สังสารวัฏแห่งชีวิตสามารถฟื้นคืนชีพให้คนตาย และยังครอบครองวิชาที่ควบคุมสังสารวัฏ
แน่นอนว่าการฟื้นคืนชีพให้คนตายกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าจะฟื้นคืนชีพได้ซี้ซั้ว อย่างน้อยหากตายนานเกินไป ก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้
ส่วนสังสารวัฏแห่งความตายจะกักดวงวิญญาณฝ่ายตรงข้ามไว้ในเนตรเทพสังสารวัฏ จะถูกควบคุม กลายเป็นทาสที่เป็นอมตะ
การใช้สังสารวัฏแห่งชีวิตฟื้นคืนชีพให้คนตายมีราคามหาศาล
แต่สำหรับเจ้าสวรรค์ การฟื้นคืนชีพจอมเทพขั้นสามสองสามคนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“จ้าวเฟิง พวกเราติดตามเจ้าสวรรค์ จึงเป็นอมตะตลอดไป แต่เจ้าจะต้องตายแน่นอน!”
เป่ยหมิงฮุยจ้องจ้าวเฟิง ความโกรธแค้นแผ่พวยพุ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะเย้ย
“เช่นนั้นหรือ? พวกเจ้ามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ข้าก็จะสังหารเจ้าอีกครั้งหนึ่ง!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเรียบ ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
คนที่เคยถูกเขาสังหารมาก่อนเหล่านี้ อาจล้วนแต่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของเขา แต่นี่ก็เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ตัวจ้าวเฟิงเองมีพัฒนาการตลอดเวลา อยู่เหนือตนเองในอดีตไปเรียบร้อย
“กำเริบเสิบสาน!” ทูตสวรรค์อู่หัวเราะร่วน ก่อนจะบดขยี้เข้ามาพร้อมกลิ่นอายบ้าคลั่งดำมืดที่คุกคาม
“ฝ่ามือมารสวรรค์!” เขาสะบัดมือไป เงาฝ่ามือมารขนาดยักษ์ที่มีลวดลายสีดำหมุนทะลวงเมฆลม
“ทำลาย!” จ้าวเฟิงโบกมือ กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์เล่มหนึ่งเกาะกลุ่มรวมกันทันใด แล้วโบยบินออกมา
โครม ตูม! เงาฝ่ามือมารยักษ์แหลกละเอียดทันที
‘เป็นไปได้อย่างไร…แข็งแกร่งเหลือเกิน!’ ทูตสวรรค์อู่แอบตกตะลึงในใจ
เขาเพิ่งตายไม่นานเท่าไหร่ หลังจากฟื้นคืนชีพแล้ว จ้าวเฟิงกลับเติบโตมาจนถึงขั้นนี้แล้ว โจมตีส่งๆ ก็ทำลายเคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าเทพมารของเขา
“ฝ่ามือพลังบริสุทธิ์!”
“คมดาบกาลเวลา!”
“ลมหายใจมังกรล้างโลกา!”
และในเวลาเดียวกัน เคล็ดวิชาสายเลือดของทูตสวรรค์ที่เหลือก็มาถึง
สีหน้าจ้าวเฟิงราบเรียบ พลังอัสนีเทวะบริสุทธิ์ในร่างพวยพุ่งออกมาประหนึ่งคลื่นปั่นป่วน รวมตัวกันเป็นพายุอัสนีมืดหม่น หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
โครม ตูม เปรี้ยง!
เคล็ดวิชาทรงพลังรอบบริเวณนั้นโจมตีไปบนพายุอัสนีขมุกขมัว ก่อนจะถูกพายุอัสนีกลืนกินเข้าไปหมด หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันใด
ยามนี้เอง ด้านนอกพายุอัสนี
“จ้าวเฟิง ไม่เสียทีที่เป็นผู้ครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่เจ้าไปยั่วโทสะกลุ่มฝืนชะตาฟ้า จะต้องมีจุดจบไม่สวยเหมือนกัน!”
เป่ยหมิงฮุยเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“กางค่ายกล ค่ายกลเจ็ดดารา!”
ทูตสวรรค์อู่ตะโกนกร้าว
ในมือทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดปรากฏธงค่ายกลสีดำเงินขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
ทันทีที่ธงปรากฏ พลังค่ายกลความลับสวรรค์ที่ลึกล้ำกลุ่มหนึ่งก็ทะลักล้นออกมา กลายเป็นพลังมหาศาล เกาะกลุ่มกันเป็นมิติดวงดาวระยิบระยับ ล้อมขังจ้าวเฟิงเอาไว้ข้างใน
“เตรียมตัวไว้แล้วหรือ?” จ้าวเฟิงพึมพำ
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในช่วงที่พลังเพิ่มพูนขึ้น เขาก็ไม่ได้พบเจอพวกฝืนชะตาฟ้าทว่าพวกฝืนชะตาฟ้าไม่ใช่คนโง่ พวกเขาล่วงรู้ศักยภาพในการพัฒนาของจ้าวเฟิง ทูตสวรรค์เจ็ดคนไม่มากพอจะรับมือกับเขา ดังนั้นพวกฝืนชะตาฟ้าจึงเตรียมค่ายกลไว้ให้ทูตสวรรค์ทั้งหลายก่อน ต่อให้เป็นราชาเทพชั้นยอดก็ยากจะหลุดพ้นไปได้
“ตายเสียเถอะ!” เจ็ดทูตสวรรค์ควบคุม ‘ค่ายกลเจ็ดดารา’ บุกไปโจมตีจ้าวเฟิง
อันที่จริง ในใจพวกเขายากจะรับได้ในจุดนี้ ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดอย่างพวกเขาร่วมมือกัน กลับต้องอาศัยค่ายกลเผ่าความลับสวรรค์ถึงจะรับมือจ้าวเฟิงได้ แต่ทว่า โชคดีที่ผู้คุมกฎโย่วให้ค่ายกลนี้กับพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาอาจต้องตายด้วยเงื้อมมือของจ้าวเฟิงอีกครั้ง
โครม ฟู่! ในหมอกควันสีเทาเข้มรอบบริเวณ แสงดาวสีเงินระยิบระยับลอยขึ้นมา ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นพุ่งไปปะทะจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว
ดวงดาวเหล่านั้นรวบรวมพลังค่ายกลและพลังของทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดเอาไว้ รุนแรงมากพอที่จะทำร้ายจอมเทพชั้นยอดได้
เมื่อวูบไหวกายเล็กน้อย จ้าวเฟิงหลบไปได้ แต่เวลาเดียวกัน ดวงดาราขนาดยักษ์ดวงหนึ่งก็ลอยมาจากทางด้านขวา
“สมแล้วที่เป็นค่ายกลความลับสวรรค์ หลบไปได้ครั้งหนึ่ง แถมยังมีครั้งสองอีก ต่อให้หลบได้เจ็ดครั้ง เกรงว่าคงต้องรับมือกับกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!”
จ้าวเฟิงคงจะไม่ดูถูกค่ายกลเผ่าความลับสวรรค์
ชั่วขณะนั้น ถ้าหากเขาเลือกหลบหลีกต่อ เกรงว่าคงยิ่งถลำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ และจะต้องรับมือกับค่ายกลสังหารในตอนสุดท้าย
ทำลายค่ายกลให้ได้เร็วที่สุด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อีกอย่าง เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายล่วงหน้า ถึงแม้ว่าทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดคนนี้ยากจะมีอิทธิพลอะไรต่อจ้าวเฟิงได้ก็ตาม แต่เผชิญหน้ากับเผ่าความลับสวรรค์ ไม่สามารถประมาทได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนแล้ว สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว การทำลายค่ายกลง่ายดายอย่างยิ่ง
โครม โครม~
ในดวงตาซ้าย พลังมายาดั้งเดิมกระเพื่อมออกมา พลังความคิดหมุนวน จดจ้องไปยังดาวดวงหนึ่งในนั้นที่ลอยมา
“เปลี่ยนเส้นทาง!” ความปรารถนาที่แรงกล้าเกิดขึ้น
ทันใดนั้นเอง ดวงดาวสีเงินใหญ่ยักษ์ดวงนั้นก็ย้ายไปทางขวา
โครม ตูม!
แต่ตำแหน่งที่ดาวสีเงินเคลื่อนย้ายไป กลับชนเข้ากับดาวอีกดวงหนึ่งอย่างจัง ลมพายุพลังเทพที่น่ากลัวกระจายตัวออกจากด้านในค่ายกล
ดวงดาวเหล่านี้โคจรอยู่ตามตำแหน่งในค่ายยกล ทันทีที่วงโคจรเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น จะทำให้ทั้งค่ายกลเกิดปัญหา และในขณะเดียวกันค่ายกลเจ็ดดาราก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ค่ายกลโคจรผิดพลาด!” ทูตสวรรค์อู่ตะโกนเสียงดัง
ค่ายกลของเผ่าความลับสวรรค์ ทำไมถึงเกิดช่องโหว่ง่ายๆ แบบนี้ได้ ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดทุ่มสุดตัวเพื่อซ่อมแซมค่ายกล ทว่าขณะนี้ ในหัวของพวกเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ระเบิดค่ายกล!”
คนที่พูดนั้นก็คือผู้คุมกฎโย่วของเผ่าความลับสวรรค์
“รับทราบ!” ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุอะไร แต่ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดก็ยังคงลงมือในทันที
แต่ทันใดนั้น ในค่ายกลก็เกิดกลิ่นอายพลังเทพที่น่ากลัวกระเพื่อมออกมา
โครม ตูม! กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ขนาดใหญ่เกินจะเปรียบ หอบเอากลิ่นอายที่น่าสะพรึงทิ่มแทงด้านบนค่ายกลอย่างช้าๆ
หลังจากที่ค่ายกลเจ็ดดาราตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว ความสามารถในแต่ละด้านก็เสียหายมาก จ้าวเฟิงรวบรวมพลังเพื่อโจมตีทำลายค่ายกลได้อย่างราบรื่น!
“เป็นไปได้อย่างไร?” ใบหน้าทูตสวรรค์อู่ฉายแววหวาดกลัว
คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะทำลายค่ายกลเจ็ดดาราของพวกเขาเจ็ดคนได้ง่ายดายเช่นนี้ทั้งเจ็ดคนโบยบินจากไปอย่างรวดเร็ว
โครม ตูม เปรี้ยง!
ในค่ายกล พลังทะลักออกอย่างรุนแรง และระเบิดปะทุ
ค่ายกลเจ็ดดาราเสียหายไปแล้ว ส่วนทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดก็แยกย้ายกันไป
จ้าวเฟิงกระตุ้นอาวุธบรรพชนเทียมทะยานฟ้า ร่างทะลวงออกจากค่ายกลที่ระเบิดอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แต่ทว่ายามนี้ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งผิดปกติสองกลุ่ม
ฟิ้ว เปรี๊ยะ!
พายุน้ำแข็งสายหนึ่งฟาดลงมาพร้อมด้วยกฎเกณฑ์เหมันต์ที่ทรงพลัง ทำให้ทั้งฟ้าดินตกอยู่ในความหนาวเหน็บ ส่วนชายขอบของระเบิดปรากฏระลอกน้ำวนสีดำอันหนึ่งหมุนวนออกมา กลืนกินพลังระเบิดนั้นไปอย่างบ้าคลั่ง
“ราชาเทพสองคน!” ใบหน้าจ้าวเฟิงชาวาบ
ราชาเทพสองคนนี้เป็นกายวัฏสงสาร คนหนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสผมฟ้าที่เคยสู้กับจ้าวเฟิงในอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า ส่วนอีกคนคือราชาเทพทุนซื่อ
ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ความรู้สึกอันตรายของดวงตาซ้ายมาจากผู้คุมกฎโย่วนี่เอง
ถ้าหากจ้าวเฟิงประจันหน้ากับผู้อาวุโสผมฟ้ากับราชาเทพทุนซื่อ จะต้องระมัดระวังหรืออาจถึงขั้นถอยร่นไป ดังนั้นผู้คุมกฎโย่วจึงให้ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดเป็นตัวล่อ พยายามจะใช้ค่ายกลเจ็ดดารากักขังจ้าวเฟิงเอาไว้ จากนั้นราชาเทพทั้งสองค่อยลอบโจมตี
เพียงแต่ว่าความเร็วในการทำลายของค่ายกลจ้าวเฟิง ผู้คุมกฎโย่วแม้แต่จะคิดยังคิดไม่ถึง
ถ้าหากในตอนเริ่มต้น จ้าวเฟิงประมาททูตสวรรค์ทั้งเจ็ด จากการล้อมสังหารของราชาเทพทั้งสอง ค่ายกลเจ็ดดารา และทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด เขาอาจจะบาดเจ็บสาหัสก็เป็นได้
ในเรือรบสีทองดำของเผ่าความลับสวรรค์ด้านหลัง ผู้คุมกฎโย่วสีหน้าโหดเหี้ยม “เหมือนเจ้าเด็กนี่จะมองออกแล้ว แต่ต้องเผชิญหน้ากับราชาเทพสองคน ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร!”
“ตายเสีย!” ใบหน้าราชาเทพทุนซื่อฉายแววเย็นชา
ตอนที่จ้าวเฟิงโน้มน้าวให้เขาเข้าร่วมพันธมิตรเนตรเทพเจ้า ราชาเทพทุนซื่อปฏิเสธไปแล้ว
ในการต่อสู้หลังจากนั้น เขาจึงประกาศยอมแพ้จ้าวเฟิง แต่ท้ายที่สุดแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเจ้าสวรรค์โจมตี ตัวเขาเองก็ถูกเจ้าสวรรค์สังหาร กลายมาเป็นกายวัฏสงสาร
ราชาเทพทุนซื่อเคียดแค้นชิงชัง! เกลียดที่ชะตาไม่ยุติธรรมเช่นนี้!
เขาเอาความแค้นทั้งหมดโทษไปที่จ้าวเฟิง เขาต้องการให้จ้าวเฟิงมีจุดจบเช่นเดียวกับเขา
โครม ฟู่! เมื่อดูดซึมพลังที่ระเบิดออกมา การโจมตีของราชาเทพทุนซื่อก็เพิ่มขึ้น
อีกฝั่งหนึ่ง ผู้อาวุโสผมฟ้ากระตุ้นกฎเกณฑ์เหมันต์ จดจ้องอิริยาบถของจ้าวเฟิง
เปรี๊ยะ! เมื่อกระตุ้นมิติกฎเกณฑ์รวมไปถึงอาวุธบรรพชนเทียมทะยานฟ้า จ้าวเฟิงกลายเป็นคมแสงสีเงินที่เลือนรางโบยบินวนไป
ราชาเทพทั้งสองจัดการค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองเป็นกายวัฏสงสารเสียด้วย
แต่ทำไมจ้าวเฟิงถึงได้หลบหนีไปเช่นนี้
“เขตแดนพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงปลดปล่อยเขตแดนพลังบริสุทธิ์กว้างใหญ่จากในร่าง แทรกซึมเข้าไปในฟ้าดิน เกิดเป็นพื้นที่พลังบริสุทธิ์ที่ดำมืดแห่งหนึ่ง
ในเขตแดนพลังบริสุทธิ์ ตัวเขาได้รับการเพิ่มพลัง แต่ศัตรูจะถูกลดทอนพลังและกดข่มไว้
เปรี๊ยะ! เมื่อกระตุ้นความเร็วไปถึงขีดสุด จ้าวเฟิงพุ่งเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสผมฟ้าอย่างรวดเร็ว
“สังหารเจ้าก่อน!” ใบหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา พลังเทพบริสุทธิ์ทะลักออกจากในมือ
“ฮ่าๆ สังหารข้าหรือ?” ผู้อาวุโสผมฟ้าหัวเราะร่วน
อย่างแรกเขาผู้เป็นราชาเทพจะตายง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร
สอง ตนเองเป็นถึงกายวัฏสงสาร ขอแค่ไม่ถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง ในเวลาไม่นานก็จะหายดีขึ้นได้ช้าๆ
สาม พวกเขาราชาเทพทั้งสองร่วมมือกัน ราชาเทพทุนซื่อยังเป็นถึงราชาเทพชั้นยอด กำลังรบโดดเด่นไม่ธรรมดา
“เช่นนั้นก็ลองดู!” สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา พึมพำเสียงต่ำ
“ผนึกเหมันต์!” ผู้อาวุโสผมฟ้าตะโกนกร้าว
อากาศรอบบริเวณตกอยู่ในความหนาวเหน็บ ลมพายุที่หนาวเหน็บแช่แข็งอากาศในทันที แล้วไปรวมตัวกันที่ด้านหน้า
ลมพายุที่หนาวเหน็บและระลอกพลังบริสุทธิ์เข้าโรมรัน
จ้าวเฟิงอาศัยกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์แบบของมิติ เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน บวกกับความแข็งแกร่งของพลังบริสุทธิ์ ดังนั้นเขตแดนพลังบริสุทธิ์ของเขาจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“หัตถ์ปิดฟ้า!”
จ้าวเฟิงรวบรวมเอาพลังบริสุทธิ์ไว้ในมือสักพัก แล้วปลดปล่อยออกมาในทันที
แล้วจึงเห็นว่าในโค้งขอบฟ้า จู่ๆ ปรากฏหัตถ์มารสีดำข้างหนึ่งขึ้น หอบเอาแรงกดดันไร้ขอบเขตไปกลืนกินพลังในฟ้าดิน แล้วระเบิดออกมาทันที
หัตถ์ปิดฟ้าเป็นเคล็ดวิชาการโจมตีในระดับสูงที่จ้าวเฟิงสร้างขึ้น ถึงแม้ด้านดวงวิญญาณจะด้อยกว่ากระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ แต่พลานุภาพการโจมตีและพลังระเบิดในพริบตาเหนือฝ่ายหลังมาก
โครม ตูม! แซ่ด แซ่ด~
ในเวลาเดียวกันกับที่ฟาดฝ่ามือลงไป พลังอัสนีเทวะที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากภายใน
พลังที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้ ทั้งหมดดำดิ่งเขาไปในร่างของผู้อาวุโสผมฟ้า ทำลายกายวัฏสงสารของเขาไป
“เนตรอัสนีบริสุทธิ์!”
พร้อมกันนั้น ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกระตุ้นวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งออกมา
ในอากาศด้านบน ตราประทับกระบี่อัสนีเทวะสีดำระเบิดออก จากนั้นตีตราประทับลงบนศีรษะของผู้อาวุโสผมฟ้า
ทั้งหมดนี้ยังไม่จบสิ้น คิดจะสังหารกายวัฏสงสาร จำเป็นต้องทำลายให้สิ้นในเวลาสั้นๆ
ฟิ้ว~ จ้าวเฟิงกระตุ้นทะยานฟ้า สร้าง ‘คมดาบมิติ’ ที่ทรงพลังออกมา
คมดาบมิติกลุ่มนั้นทะลุผ่านไปในฟ้าดิน เข้าระเบิดในร่างศัตรู
สีหน้าราชาเทพทุนซื่อที่อยู่ด้านหลังตกตะลึง
ในระดับความเร็วนี้ เขาไม่อาจสู้จ้าวเฟิงได้ และคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่จ้าวเเฟิงเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสผมฟ้า จะปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงนั้นออกมา ต่อให้เป็นเขาในช่วงชีวิตก่อนก็ยากจะขัดขวางได้
“ฝันไปเถอะ!” ราชาเทพทุนซื่อตะโกนเสียงดัง เขาไม่อาจปล่อยให้จ้าวเฟิงสังหารผู้อาวุโสผมฟ้าได้