Skip to content

King of Gods 288

King Of Gods

บทที่ 288 : สี่สมบัติสายธารจันทรา

โลงศพจื่อถง ชั้นที่หนึ่ง

จ้าวเฟิงรู้สึกสนใจ ไม่รีบร้อนลนลาน ค่อยๆ แก้กับดักไปทีละขั้น

ในทุกๆ ห้องจะมีกลไกกับดัก แต่ละอันล้วนมีทั้งได้และเสีย

กลไกบางอย่างที่ซับซ้อนมากเกินไป ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงทำได้เพียงตัดสินได้ดาษๆ

หลังจากผ่านห้องที่สี่ ความสามารถของเด็กหนุ่มในด้านกลไกถือว่าผ่านในระดับเริ่มแรก ตำราที่ได้รับมาจากห้องที่สองนั้นได้ทำให้เขาเข้าใจมากกว่าแปดส่วน

ไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งของเขา พื้นฐานเกี่ยวกับค่ายกลก่อนหน้าเองก็มีส่วนอยู่ในระดับหนึ่ง

“หากยึดตามแผนที่ต้องผ่านไปทั้งหมดเก้าห้องจึงสามารถเข้าไปถึงจุดศูนย์กลางของชั้นที่หนึ่ง”

จ้าวเฟิงคิดในใจ

เมื่อแก้กลไกห้องที่สี่ได้แล้ว ความยากในของกลไกก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ

จ้าวเฟิงได้รับความช่วยเหลือจากดวงตาเทพเจ้าและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกลไก ในการสำรวจห้องแต่ล่ะห้องอย่างละเอียด

เป้าหมายของเขาคือการเก็บข้อได้เปรียบของแต่ล่ะห้อง เมื่อทำเช่นนี้ การโจมตีและความเร็วของเขาย่อมได้รับผลอยู่บ้าง

เมื่อมาถึงห้องที่ห้า กลไกที่วางไว้มีมากกว่าหกจุด

หลังผ่านการเคราะห์ด้วยดวงตาเทพเจ้า เด็กหนุ่มได้ตัดออกไปสี่อัน

เหลือกลไกเพียงสองอย่าง

กลไกแรกอยู่ที่มุมห้อง ส่วนอีกกลไกหนึ่งอยู่ที่พื้นใจกลางห้อง เป็นหลุมตื้นๆ หลุมหนึ่ง

จ้าวเฟิงให้แมวขโมยตัวน้อยตรวจสอบ

ความคล่องแคล่วของแมวขโมยตัวน้อยนั้นไม่อาจเทียบได้ ทั้งมันยังอ่อนไหวต่ออันตรายอย่างมาก

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยวาดกงเล็บไปมา ดวงตากลอกกลิ้ง จับจ้องไปยังมุมห้อง

ฟุ่บ

มันใช้กงเล็บของมันวาดไปมากลางอากาศ สร้างลำแสงสีเงินไปยังมุมห้องนั้น

ฟู่

มุมห้องพลันปรากฏกลุ่มควันดำขึ้น ก่อนที่กระแสไฟฟ้าสีม่วงจะครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง

กระแสไฟฟ้าสีม่วงนั้นปิดกั้นห้องทั้งห้อง ราวกับกรงเหล็กที่ไม่อาจมองเห็น

“ดูเหมือนว่าพลังของกระแสไฟฟ้านี้จะสามารถเปลี่ยนร่างของผู้ฝึกตนในนภาที่เจ็ดทั่วไปให้กลายเป็นฝุ่นผงได้”

จ้าวเฟิงสีหน้าครุ่นคิด

หากเป็นผู้อยู่ในนภาที่เจ็ดทั่วไปตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีโอกาสรอดน้อยนัก ทั้งหากเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง โอกาสที่จะฝ่าไปได้ก็ไม่เกินไปกว่าสามในสิบส่วน

ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด หากตัดกลไกอันนี้ออกไป เช่นนั้นกลไกที่อยู่ตรงกลางย่อมเป็นกลไกที่สร้างผลดีเป็นแน่

แมวขโมยตัวน้อยยืดหัวขึ้นสูง บางครั้งการวิเคราะห์ของมันก็ไม่ได้แม่นยำแน่นอน

ดวงชะตานั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนนัก

ครั้งนี้ จ้าวเฟิงเดินไปยังใจกลางห้องด้วยตนเองก่อนใช้มือเคาะเบาๆ ไปสองสามที

ไม่นาน พื้นนั้นก็เปิดออกด้วยตนเอง เผยให้เห็นหยกใสสีเงินส่องประกายเย็นเยียบอันหนึ่ง

“ผลึกฉวนอิ๋นจื่อ”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้ายินดี มูลค่าของผลึกนี้นั้นเทียบเคียงได้กับอาวุธชั้นมนุษย์ระดับสูงเลยทีเดียว

ความคิดของเขาไม่ผิดพลาด แต่ล่ะห้องนั้นจะซ่อนกลไกที่เก็บสมบัติเอาไว้

หากเปิดกลไกนี้ออกก็จะสามารถเปิดห้องต่อไปได้

หากเป็นกับดัก ต้องแก้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งจึงจะสามารถไปยังห้องต่อไปได้

แน่นอนว่าประตูห้องที่หกเบื้องหน้าได้เปิดออก

กระแสไฟฟ้าสีม่วงนั้นไม่ได้หายไป จ้าวเฟิงใช้กระแสไฟฟ้าสีเขียวครามของเขาเดินทะลุผ่านกระแสไฟฟ้าสีม่วงไปตรงๆ

กระแสไฟฟ้าที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้หลอมรวมเข้ากับกระแสไฟสีเขียวของเขา

ร่างและจิตใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน ความรู้สึกหนึบชาแพร่กระจายไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มเร่งรีบเค้นพลังจากจุดตันเถียนออกมาป้องกันเพิ่ม

หลังจากที่หลอมรวมกระแสไฟฟ้านี้เข้าไปได้สำเร็จ ความหนาแน่นของปราณแท้ของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นอีกหลายขั้น

จากนั้น จ้าวเฟิงจึงเดินผ่านไปยังห้องต่อไป

ด้วยพลังดวงตาเทพเจ้า เด็กหนุ่มจึงสามารถแยกระหว่างกับดักและกลไกเก็บสมบัติออกได้ แต่การตัดสินใจของแมวขโมยตัวน้อยจะสามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้ทำให้จ้าวเฟิงสามารถหลบเลี่ยงอันตรายส่วนมากไปได้

เมื่อมาถึงห้องที่แปด จ้าวเฟิงได้รับหลายสิ่ง

สิ่งที่เขาได้รับนั้นมีทั้งวัสดุ ตำรา ยาจิตวิญญาณ และทรัพย์สมบัติอื่นๆ

หนึ่งในยาจิตวิญญาณนั้นถูกเรียกว่า “ยาร้อยหลอม” มันแก้ไขพิษส่วนมากที่ปรากฏขึ้นในโลกนี้ได้ ดูเหมือนจะเป็นยาเพียงอย่างเดียวที่สามารถแก้พิษของจอมโจรฉุ่ยเยว่ได้

“จอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นฉลาดหลักแหลม มีเชี่ยวชาญทั้งด้านภาษา ภูมิศาสตร์ ยา และกลไกค่ายกล… ทั้งยังรวบรวมสิ่งของมีค่าหายากได้อย่างมากมาย มิแปลกใจเลยที่ยามนั้นสามารถท่องทะยานไปทั่วอาณาจักรนภาได้”

จ้าวเฟิงรู้สึกชื่นชมในความสามารถของจอมโจรฉุ่ยเยว่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

กลไกในห้องที่แปดนั้นมีถึงสิบจุด จ้าวเฟิงแก้ไขได้อย่างยากลำบาก ได้รับของแปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง เป็นศิลาสีเทา

จอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นได้รวบรวมสมบัติหายากได้จำนวนมากมายจนเกินไป จ้าวเฟิงไม่อาจล่วงรู้ได้ทั้งหมด

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยแย่งศิลาสีเทานั้นไป ไม่เพียงนับเป็นของตนเอง ยังกัดมันด้วยเขี้ยวแมวของมันอีก ทว่าผลนั้นคือมันไม่อาจเคี้ยวได้ ชัดเจนว่าศิลานี้มีความแข็งมากนัก

จ้าวเฟิงไม่ได้ถามสิ่งใด เข้าไปยังห้องที่เก้าซึ่งเป็นห้องสุดท้าย

กลไกในห้องนี้มีอย่างน้อยสิบเอ็ดจุด

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาเทพเจ้ากวาดมอง เค้นสมองคิด สามารถตัดทิ้งไปได้หกจุด จากนั้นจึงใช้ความรู้เกี่ยวกับกลไกตัดทิ้งไปอีกสองจุด

หรืออีกนัยหนึ่ง ยังเหลืออีกสามจุดที่เขาต้องตรวจสอบ

ทั้งนี่ยังเป็นจ้าวเฟิง ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มสามารถค้นพบตำแหน่งของกลไกได้อย่างรวดเร็ว

ห้องสุดท้าย แม้จะเป็นเด็กหนุ่มก็ไม่อาจแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้นๆ

จ้าวเฟิงไม่ต้องการยอมแพ้ เขาต้องหากลไกที่เก็บสมบัติในห้องนี้ให้เจอ

ขณะที่จ้าวเฟิงกำลังหาทางแก้กลไก อีกสองห้องก็ไม่ต่างกัน

ฝ่ายโจรสลัดโลหิตคลั่ง ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวนั้นเชี่ยวชาญในการขโมยของในสุสาน ทักษะในด้านกลไกค่ายกลนั้นสามารถนับว่าเก่งกาจได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคนของเขามีจำนวนมากกว่า ทั้งยังมีขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงช่วยเหลือ สามารถฝ่าฟันอันตรายไปได้เสียส่วนมาก ทว่าก็ไม่ใช่ทั้งหมด

ฝ่ายป้อมเหิงฉุ่ยมีปี้เฉี่ยวยู่ที่เป็นอัจฉริยะด้านกลไกค่ายกลอยู่ ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นศิษย์ของอจารย์ด้านกลไกผู้หนึ่ง

ที่ผ่านมานี้นางเรียนรู้ไปไม่น้อย ด้านการแก้ไขกลไกนั้นกระทั่งมีประสบการณ์มาก ทั้งยังมีนายท่านปี้ที่คอยปกป้องนางอยู่ตลอดทาง

ทว่าในด้านประสิทธิภาพในการแก้ไขกลไกนั้น จ้าวเฟิงนับว่ารวดเร็วที่สุด กระทั่งนำฝ่ายโจรสลัดไปไกล

ทว่า เด็กหนุ่มได้พยายามทำทุกสิ่งให้สมบูรณ์ ทุกคราที่ค้นพบกลไกซ่อนสมบัติจะไม่ยินยอมปล่อยมือไป

แม้เด็กหนุ่มจะไม่เชี่ยวชาญในด้านกลไกนักก็ยังมีแมวขโมยตัวน้อยอีกตัว นับเป็นสองคน ความเร็วเมื่อเทียบกับอีกสองฝ่ายจึงนับว่าเท่าเทียม

ขณะที่ทั้งสามฝ่ายกำลังเค้นสมองแก้ไขกลไกอยู่นั้น ร่างสามร่างก็ได้ข้ามผ่านแม่น้ำแมลงมาอย่างใจเย็น

ผู้ที่นำหน้าคือชายหนุ่มในชุดสีทอง มือถือพัด วาดส่งประกายแสงสีขาวชมพูกวาดแมลงศพในระยะสิบหลาให้กลับกลายเป็นเพียงกองของเหลวสีเทาในเสี้ยววินาที

ในด้านพลัง ชายหนุ่มชุดทองนับว่าแข็งแกร่งกว่าขั้นมนุษย์ทั่วไปมากนัก

ทั้งสามได้มาถึงยังเบื้องหน้าโลงศพจื่อถง

“ทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศเหนือ ทั้งสามประตูมีคนเข้าไปหมดแล้ว”

ชายแก่ร่างเตี้ยเหลือบตามองเพียงครึ่งก่อนมองไปยังประตูทิศตะวันตกซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับประตูของจ้าวเฟิงพอดี

ประตูทิศตะวันตกได้ปรากฏรอยฝ่ามือขึ้นเป็นรอยฝ่ามือของชายหนุ่มในชุดทอง

“พวกเราคงไม่ได้มาช้าไปใช่หรือไม่?”

สตรีในอาภรณ์สีสดเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีค่อนข้างลนลาน

“น่าจะตามทัน ตามโครงสร้างการวางกลไกนั้น ทั้งสี่ทิศ เหนือใต้ ออก ตก ล้วนมีสมบัติซ่อนอยู่ ทว่าทิศที่มีสมบัติที่ดีที่สุดคือทิศตะวันออก ทิศตะวันออกนั้นหมายถึงทิศของผู้ชนะ หากคาดเดาไม่ผิด คนที่สัมผัสรอยฝ่ามือบนแผ่นหินนั้นเป็นคนแรกคงเป็นผู้ที่อยู่ที่ทิศตะวันออก”

สายตาของชายแก่ร่างเตี้ยส่องประกายวูบ

การวิเคราะห์ของเขานั้นถูกต้อง ประตูทิศตะวันออกนั้นคือประตูที่จ้าวเฟิงเข้าไป

“ข้ามิสนว่าจะเป็นทิศตะวันออกหรือตะวันตก วันนี้ข้าจะจัดการพวกมันทั้งหมดให้สิ้นซาก”

ชายหนุ่มในชุดสีทองใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ปรากฏความหยิ่งผยองเจือจาง

ชายแก่ร่างเตี้ยแย้มยิ้มขมขื่น ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ

โจรเถาชานเฟ่ยเป็นศิษย์เอกของจอมโจรฉุ่ยเยว่ ฝีมือของเขาไม่อาจนับว่าธรรมดาได้ ไม่ว่าจะเป็นนายท่านปี้หรือฉานเซว่ตูอิงก็อาจไม่สามารถนับเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ

โจรเถาชานเฟ่ยได้ “เชิญ” ชายแก่ร่างเตี้ยที่เป็นอาจารย์ด้านกลไกค่ายกลมาด้วย ความรู้ด้านกลไกของเขากระทั่งเหนือกว่าจอมโจรฉุ่ยเยว่

การรวมตัวกันนี้ เพื่อมายังที่แห่งนี้โดยเฉพาะ

ชายหนุ่มชุดทองเปิดประตูเบื้องหน้า คนทั้งสามเข้าไปยังประตูทิศตะวันตกในทันที

ในชั้นเดียวกัน ทิศทางของพวกเขาตรงข้ามกับจ้าวเฟิงพอดิบพอดี

ความสามารถในการแก้ไขกลไกกับดักของชายแก่ร่างเตี้ยนั้นสามารถใช้ตัวอักษรเพียงสองตัว “มหัศจรรย์” มาอธิบายได้

ห้องเบื้องหน้าหลายห้อง เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจในการแก้ไข

“โอ้ โครงสร้างของกลไกเหล่านี้ค่อนข้างหยาบ ดูเหมือนว่าระหว่างที่วางกลไกเหล่านี้ จอมโจรฉุ่ยเยว่จะเร่งรีบมากนัก”

ชายแก่ร่างเตี้ยเดินไปราวกับกำลังเดินเล่น

ทั้งสามแทบไม่ได้หยุดยืน หนึ่งลมหายใจแก้ไขได้ทั้งหมดเก้าห้อง

เหมือนดังที่ชายแก่ร่างเตี้ยกล่าวไว้ ประตูด้านตะวันตกนั้นความหมายไม่ดี ไม่เพียงจะยากมาก แม้จะแก้ไขกลไกสำเร็จของที่ได้ก็ไม่มากมายนัก

ทิศตะวันออกคือทิศของผู้ชนะ ดังนั้นจึงได้รับความโชคดีเป็นพิเศษ

จ้าวเฟิงเป็นคนแรกที่ทิ้งรอยฝ่ามือเอาไว้ ผู้ใดมาก่อนย่อมได้ก่อน ผู้ใดมาหลังย่อมได้หลัง ชัดเจนว่ามีความสำคัญมากกว่า

แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น มือของชายแก่ร่างเตี้ยก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ

แคร่ก!

กลไกในห้องที่เก้าได้ถูกแก้ไขในยี่สิบลมหายใจโดยชายแก่ร่างเตี้ย

แต่ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิง โจรสลัดโลหิตคลั่ง และป้อมเหิงฉุ่ยยังคงอยู่ในห้องที่เก้ามากเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วน้ำชาเดือดแล้ว

อีกนัยหนึ่ง

ชายแก่ร่างเตี้ยสามารถแก้ไขกลไกทั้งเก้าห้องได้เรียบร้อยแล้วในขณะที่อีกสามฝ่ายยังแก้ได้ไม่สำเร็จ

ผู้ที่ได้รับคำเรียกขานว่าอาจารย์นั้น ความสามารถด้านใดด้านหนึ่งนับว่าสูงนักโดยไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจอมโจรฉุ่ยเยว่จะฟื้นคืนชีพมาก็ต้องยอมรับความแตกต่างนี้

เมื่อคลายกับดักห้องที่เก้าเรียบร้อยแล้ว พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสามก็มาถึงใจกลางของชั้นหนึ่ง

ในยามนี้พวกเขาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องหนึ่ง

ใจกลางห้องเล็กนี้ปรากฏโลงศพแก้วอยู่ กำแพงทั้งสี่ด้านมีประตูทองสัมฤทธิ์ที่ปิดอยู่ ด้านบนมีรอบฝ่ามือปรากฏอยู่

ในโลงศพแก้วนั้นปรากฏสมบัติล้ำค่าหายากมากมาย มีทั้งวัสดุชั้นสูงหายากเครื่องประดับที่ส่องแสงแพรวพราว กระทั่งมีอาวุธชั้นจิตวิญญาณชิ้นหนึ่ง

สิ่งของหลากหลายในโลงแก้วนั้นได้ทำให้สายตาของผู้จ้องมองต้องพร่าเลือนตาลาย

ไม่ว่าจะเป็นสมบัติชิ้นใดก็สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงต้องตาลุกวาว

ทว่าในโลงแก้วนั้นกลับไม่มีศพอยู่ด้านใน

“ตามโครงสร้างแล้ว สมบัติที่ชั้นหนึ่งยังไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ชั้นที่สองและสามจะดียิ่งกว่า และชั้นที่สามจึงจะมีศพของจอมโจรฉุ่ยเยว่ รวมทั้งสมบัติที่มีค่ามากที่สุด”

ชายแก่ร่างเตี้ยกล่าว

เขากระทั่งแนะนำว่าให้ทิ้งสมบัติชั้นที่หนึ่งและมุ่งไปชั้นที่สองเลย

ทว่าโจรเถาชานเฟ่ยและสตรีงดงามในอาภรณ์สีสดต่างก็ไม่ขยับไหว จับจ้องไปยังสมบัติที่อยู่ในโลงแก้ว

“ถุงร้อยบุปผา! เป็นถุงร้อยบุปผาจริงๆ!”

โจรเถาชานเฟ่ยมีสีหน้าตื่นเต้นยินดีขึ้น

สตรีในชุดสีสดเองก็มองไปยังถุงสีสดใสขนาดเท่าเด็กแรกเกิดในโลงแก้วด้วยสายตาวาววับ

“ถุงร้อยบุปผา? ที่นี่มีหนึ่งในสี่สมบัติสายธารจันทรา ‘ถุงร้อยบุปผา’อยู่ด้วยหรือ?”

ชายแก่ร่างเตี้ยตกใจจนไม่อาจเอ่ยคำพูดใดได้

สี่สมบัติสายธารจันทราคือสมบัติสี่อย่างที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ใช้ในการท่องทะยานไปทั่วทั้งอาณาจักรนภา

หนึ่งในนั้นคือ “ถุงร้อยบุปผา” มันเป็นอาวุธที่เฉียบแหลม สามารถผสมสร้างผงยาพิษได้มากกว่าร้อยชนิด วิธีการใช้มีมากมายนับไม่ถ้วน “กำยานหลอนเทวา” ก่อนหน้าก็เป็นหนึ่งในพิษเหล่านั้น

“ถุงร้อยบุปผานั้นมีผงยา ยาพิษ และกำยานนับร้อยชนิด ไม่ว่าจะเป็นพิษใดของมันก็สามารถส่งผลต่อขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ผงพิษบางชนิดกระทั่งสามารถฆ่ายอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ในระยะเวลาสั้นๆ ผงยาบางชนิดสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นได้ในเสี้ยววินาที หรือสามารถฟื้นคืนพลังชีวิตเมื่ออยู่ในสภาพใกล้ตายได้”

น้ำเสียงของสตรีในอาภรณ์สีสดสั่นเครือเล็กๆ

ถุงร้อยบุปผานับเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้เดินในหนทางมารเฝ้าใฝ่ฝัน ด้วยสรรพคุณที่มีมากสามารถควบคุม ฆ่า หรือช่วยเหลือคนได้ ทั้งยังสามารถเพิ่มพลังได้… มันนับว่าเป็นถุงอเนกประสงค์ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง

เมื่อมีของสิ่งนี้อยู่ในมือ ต่อให้คนผู้นั้นกระทั่งพลังจะฆ่าไก่ยังไม่มี ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถฆ่าผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!