Skip to content

King of Gods 314

King Of Gods

บทที่ 314 : ทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง (3)

ลัทธิโลหะเลือด สาขาพันธารา

ท้องฟ้าเหนือที่พักของหัวหน้าสาขาคนใหม่ได้ปรากฏประกายไฟฟ้าขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไอสวรรค์อัสนีที่บริเวณนี้ผันผวนเป็นอย่างมาก

จากนั้นสามารถมองเห็นประกายไฟฟ้าสีม่วงขึ้นกลางอากาศ ราวกับเป็นเส้นไหมที่หลอมรวมกัน สร้างภาพอันแสนงดงามยิ่งใหญ่ขึ้น

บริเวณรอบๆ ในระยะสิบลี้ เหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณขึ้นไปล้วนสามารถรับรู้ได้ถึงปรากฏการณ์นี้

“ควรค่าแล้วที่เป็นคนที่รองจ้าวลัทธิให้ความสำคัญ อายุน้อยกว่า 17 ปี กลับสามารถบรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ อัจฉริยะระดับนี้ แม้มองไปทั่วทั้งอาณาจักรนภาก็นับว่าหายากยิ่งนัก”

ดวงตางดงามของเตี๋ยเย่ส่องประกายวูบ นางนับเป็นทั้งผู้ช่วยและผู้ดูแลของจ้าวเฟิง

จากประสบการณ์หลายปีของนาง การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นนับว่าราบรื่นยิ่งนัก แทบจะไม่มีปรากฏการณ์คอขวดเกิดขึ้น ทั้งกระบวนการทั้งหมดนับว่าประสบความสำเร็จ

เหตุการณ์ของหัวหน้าสาขาคนใหม่ได้สร้างความตื่นตัวให้กับเหล่าระดับสูงของสาขาพันธาราจำนวนมาก

สีหน้าของอวิ๋นช่าและเฉินเมิ่งเจิ่นย่ำแย่ลงเล็กๆ

“จ้าวเฟิงผู้นี้ไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดา ก่อนหน้ายามที่พวกเราอายุเท่าเขายังคงดิ้นรนอยู่ที่นภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าเขายังมีสายเลือดดวงตาที่พิเศษ…”

คิ้วงดงามของเฉินเมิ่งเจิ่นเลิกสูงเล็กๆ รับรู้ได้ถึงแรงคุกคาม

หากจ้าวเฟิงยังไม่บรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ในสายตาของพวกเขานั้นก็เป็นเพียงแค่มดปลวก ไม่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างชัดเจนก็มีหลากหลายวิธีในการสร้างความยากลำบากให้เด็กนี่ไม่อาจควบคุมสาขาได้

ทว่าเมื่อจ้าวเฟิงบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป

การเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไม่นับเป็นมนุษย์อีกต่อไป

คำพูดเหล่านี้ก็สามารถใช้กับอาณาจักรนภาได้เช่นกัน

เมื่อบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ระดับของสิ่งมีชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ทั้งอายุขัยและพลังล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

“หากเขาบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง การต่อกรด้วยย่อมมีปัญหาเล็กๆ คนที่มีพลังสายเลือดนั้นมักจะเก่งกาจกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าในมือของเขายังมีสามปทุมที่เป็นสมบัติชั้นยอดอยู่ด้วย”

สีหน้าของอวิ๋นช่าหวั่นไหวอย่างชัดเจน

ด้วยพลังฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอดของพวกเขา รวมทั้งพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง โดยมากล้วนไม่นำ ผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้มาอยู่ในสายตา

เพียงแต่จ้าวเฟิงผู้นี้มีวาสนามากนัก ได้รับความใส่ใจจากรองจ้าวลัทธิอย่างมาก พรสวรรค์ความสามารถล้วนยอดเยี่ยม มีสายเลือดดวงตาที่พิเศษ ทั้งยังมีชื่อเสียงในอาณาจักร มีสมบัติชั้นยอดอยู่ในมือ… ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ได้ทำให้ชื่อเสียงและพื้นเพของเขาสูงส่งยิ่งขึ้น

“ไม่ดีแล้ว ต้องทำลายจุดเปลี่ยนของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงของเขา มันเป็นที่รู้กันว่าเบื้องหลังในจุดเปลี่ยนขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงนั้น ทั้งโชคชะตา เงื่อนไข ยาวิเศษ อารมณ์ และอื่นๆ ล้วนส่งผลกระทบได้ทั้งสิ้น เพียงแค่สามารถขัดขวางได้ครั้งหนึ่ง หากเขาต้องการทะลวงขั้นในครั้งหน้า ก็อาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากปัจจัยพวกนี้ โอกาสสำเร็จย่อมลดลงอย่างมาก”

นัยน์ตาของอวิ๋นช่าส่องประกายเย็นเยียบ

“เจ้าเสียสติไปแล้ว หากรองจ้าวลัทธิรู้เข้า หากมิตายก็คงถูกลอกหนังออกมาทีละชั้นแน่”

เฉินเมิ่งเจิ่นผวา

“หึ หากใช้คนของเราลงมือย่อมเป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยคนจากข้างนอกเข้ามาช่วย”

ใบหน้าของอวิ๋นช่าเย็นชา

“อาศัยคนจากข้างนอก อย่าได้บอกข้านะว่าเจ้าคิด…”

เฉินเมิ่งเจิ่นเผยสีหน้าเข้าใจออกมาในทันที

จะอย่างไร ช่วงนี้สาขาพันธราราก็ไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด

ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือการกระทบกระทั่งกับตระกูลหยุนรอง

คนจากตระกูลหยุนรองได้บุกรุกเข้าไปในเหมืองผลึกเริ่มต้นของสาขาพันธาราและฆ่าคนของลัทธิโลหะเลือดสาขาไปคนหนึ่ง

“หากเด็กนี่ต้องการควบรวมแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณต้องใช้เวลาราวสิบวัน ระหว่างนั้นเราสามารถก่อเรื่องใหญ่กับตระกูลหยุนรอง เมื่อสองกลุ่มอำนาจใหญ่ก่อสงคราม ย่อมไม่อาจให้หัวหน้าสาขาเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้”

อวิ๋นช่าเลียริมฝีปาก รูปลักษณ์ปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นหลายส่วน

เฉินเมิ่งเจิ่นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผงกศีรษะ

นางต้องยอมรับว่านี่คือวิธีการที่เหมาะสมที่สุด หากพวกเขาลงมือเองย่อมไม่ใช่เรื่องดี จำเป็นต้องหยิบยืมกำลังจากคนนอก

กำลังภายนอกนั้นคือตระกูลหยุนรอง คู่ต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดของสาขาพันธารา

สองวันต่อมา

การปะทะกันระหว่างสาขาของลัทธิโลหะเลือดและตระกูลหยุนรองแผ่ขยายออกไปอย่างมาก

ทั้งสองฝั่งไม่ยินยอมที่จะตกลงกันอย่างสันติ

ลัทธิโลหะเลือดมักจะมีท่าทีแข็งกร้าวกระหายเลือด ตระกูลหยุนรองเป็นฝ่ายลงมือฆ่าก่อน ลัทธิโลหะเลือดย่อมไม่ยอมถอย ตรรกะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเป็นนิสัยของลัทธิโลหะเลือด

ไม่เกินสามวัน

การต่อสู้ระหว่างสาขาของลัทธิโลหะเลือดและตระกูลรองของตระกูลหยุนได้รุนแรงขึ้นอีกระดับ

แรกเริ่มนั้นเป็นเพียงการต่อสู้กันระหว่างขอบเขตก่อกำเนิดปราณและขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

จากนั้นเหล่ายอดฝีมือขั้นมนุษย์แท้จึงเข้าร่วม

กองกำลังทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กัน เป็นจุดเล็กๆ หลายพื้นที่ และยิ่งต่อสู้ความรุนแรงก็ยิ่งมากขึ้น

ถึงวันที่ห้า รองหัวหน้าสาขาอวิ๋นช่าและเฉินเมิ่งเจิ่นได้เข้าร่วมการต่อสู้และฆ่าผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ของตระกูลหยุนไปคนหนึ่ง รวมทั้งทำให้ผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้สองคนบาดเจ็บสาหัส

จากนั้น ผู้นำตระกูลหยุนวัยชราในขั้นผู้วิเศษแท้จึงได้ลงมือฆ่าผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ผู้หนึ่งของลัทธิโลหะเลือดไป

สถานการณ์ยิ่งบานปลายมากขึ้น

“นี่… นี่มันอันใดกัน ใช่ตระกูลหยุนให้ความร่วมมือกับเราดีเกินไปหรือไม่?”

อวิ๋นช่าและเฉินเมิ่งเจิ่นตื่นตะลึง

ในอดีต ผู้นำชราของตระกูลหยุนที่มีพลังขั้นผู้วิเศษแท้นั้นได้แก่ชราลงทุกวัน ไม่มีความสนใจในการแย่งชิงอำนาจ มักจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับลัทธิโลหะเลือดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทว่าครานี้แปลกประหลาดนัก

คราแรกเป็นตระกูลหยุนรองก่อเรื่องฆ่าคน

จากนั้นลัทธิโลหะเลือดจึงเป็นฝ่ายตอบโต้ แล้วจึงเป็นการโจมตีที่รุนแรงของตระกูลหยุนรอง ซึ่งไม่ต้องให้พวกอวิ๋นช่าทั้งสองวางแผนก่อเรื่องแม้แต่น้อย

ทั้งหมดมันราบรื่นเกินไป

“เรื่องนี้มันต้องมีปัญหาบางอย่างแน่ ตระกูลหยุนรองกล้าลงมือกับเรารุนแรงเพียงนี้ได้อย่างไร แม้ว่าพวกมันจะมีผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้อยู่ ทว่าหากพวกเราสองคนร่วมมือกันโอกาสชนะมีมากนัก ที่สำคัญไปกว่านั้น คนระดับกลางและต่ำของเรา รวมทั้งยอดฝีมือก็มีมากนัก…”

รองหัวหน้าสาขาเฉินเมิ่งเจิ่น ในใจปรากฏความไม่สบายใจขึ้น

“รายงานรองหัวหน้าสาขา เป็นสำนักร้อยบุปผาวางแผนต่อคนของเรา สมาชิกที่เป็นสตรีต่างถูกบังคับลักพาไป หลังจากถูกข่มขืนศพถูกทิ้งอยู่หน้าทางเข้าสาขา”

สมาชิกขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงรีบเอ่ยรายงาน

สำนักร้อยบุปผา

สีหน้าของอวิ๋นช่าและเฉินเมิ่งเจิ่นแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ใจหล่นวูบ

ช่วงนี้การเคลื่อนไหวของสำนักร้อยบุปผาก็แปลกประหลาดนัก หนึ่งในผู้นำของรุ่นนี้ ‘โจรเถาชานเฟ่ย’ ได้รับของจากสมบัติสายธารจันทรามากมาย โดยเฉพาะ ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ ที่ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก

สำนักร้อยบุปผาเก่งกาจในการวางแผน ใช้วิธีการหยาบช้า ร่วมมือกับตระกูลหยุนรองอย่างลับๆ สร้างอันตรายอย่างใหญ่หลวงให้กับลัทธิโลหะเลือดสาขา

“สถานการณ์ย่ำแย่แล้ว”

อวิ๋นช่าและเฉินเมิ่งเจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างช่วยไม่ได้

ในวันเดียวกัน

ลัทธิโลหะเลือดสาขาได้เผชิญหน้ากับการตอบโต้จากตระกูลหยุนรองและสำนักร้อยบุปผา

สมาชิกด้านลัทธิโลหะเลือดมีจำนวนมากมายนัก สามารถล้อมกรอบกลางอากาศ สุดท้ายแล้วย่อมได้รับชัยชนะ

ทว่าไม่มีผู้ใดจะคาดคิดว่าตระกูลหยุนรองจะร่วมมือกับสำนักร้อยบุปผาที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ กระทั่งวางแผนเช่นนี้

ในวันที่เจ็ด ความเสียหายของลัทธิโลหะเลือดมากมายขึ้นเรื่อยๆ

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สาขาพันธาราย่อมตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน

“หึ จ้าวเฟิง ไอ้วายร้ายนั่น หากยินยอมมาขอโทษ ตระกูลหยุนของข้าสามารถจะยอมหยุดโจมตีลัทธิโลหะเลือดสาขาก็ได้”

ชายชราชุดขาว ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยไม่พอใจ ลอยอยู่กลางอากาศราวกับร่างกายนั้นไร้ซึ่งน้ำหนัก

ปราณจิตวิญญาณในร่างของเขาราวกับไร้ที่สิ้นสุด ส่งกลิ่นอายแสนแข็งแกร่งออกมา

หากเป็นผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับเขาหัวใจพลันสั่นสะท้าน ปราณจิตวิญญาณในร่างกระสับกระส่ายอย่างอธิบายไม่ได้

ชายชราชุดขาวหน้าบึ้งผู้นี้คือผู้นำเฒ่าของตระกูลหยุนสาขา ยอดฝีมือขั้นผู้วิเศษแท้

“ให้หัวหน้าสาขาขอโทษ? หัวหน้าสาขาของเราเพิ่งจะรับตำแหน่ง ไม่เคยออกจากสาขาพันธาราแม้เพียงก้าว จะไปสร้างเรื่องแก่ตระกูลหยุนรองของเจ้าได้อย่างไร?”

อวิ๋นช่าและคนอื่นๆ รู้สึกสับสน

พวกเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเรื่องนี้มีบางสิ่งผิดปกติ

จ้าวเฟิงเพียงเพิ่งมาถึงสาขาพันธารา จะไปสร้างเรื่องใหญ่โตได้อย่างไร

“หึ หัวหน้าสาขาคนใหม่ของเจ้า ครั้งที่อยู่ในเมืองหงหูได้ประลองกับหลานชายข้า ทำลายแขนข้างหนึ่งของหยุนไห่หยางที่เคยเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งตระกูลหยุนแห่งพันธารา หลังจากที่แนะนำให้กับผู้นำตระกูลหยุนย่อมมีอนาคตกว้างไกล ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าไอ้วายร้ายนั้นจะไม่เพียงทำลายแขน กระทั่งใช้พิษกับร่างกายของเขาอย่างเลือดเย็น พลังฝึกตนแทบจะถดถอยลง บัดนี้เขากำลังรักษาตัวอยู่ที่ตระกูล…”

ในน้ำเสียงของผู้นำเฒ่าแห่งตระกูลหยุนเต็มไปด้วยความเย็นชากราดเกรี้ยว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนจากลัทธิโลหะเลือดสาขาก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่าอย่างช่วยไม่ได้

หยุนไห่หยางนั้นพวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อ นับว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหยุนแห่งพันธารา ทั้งยังเป็นหลานชายโดยสายเลือดของผู้นำเฒ่านี้

ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงนั้นคือ หยุนไห่หยางผู้นี้และหัวหน้าสาขาคนใหม่จะมีเรื่องเกลียดแค้นกันถึงระดับนี้

ก่อนหน้า ในเมืองหงหู จิตใจของหยุนไห่หยางเต็มไปด้วยความริษยา ส่งคำท้าประลอง ‘ยิงธนู’ กับจ้าวเฟิง

การประลองนั้นรุนแรงยิ่งนัก จ้าวเฟิงไม่กล้าที่จะออมมือ แช่แข็งแขนข้างหนึ่ง ทำลายแขนของอีกฝ่ายไป เป็นเจ้าเมืองหงหูที่ยืนมือเข้าช่วยเหลือทันการณ์ มิเช่นนั้นหยุนไห่หยางคงกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้ว

จากนั้น

หยุนไห่หยางได้รับบาดเจ็บเกินกว่าที่คิดไว้ ธนูหลัวซุยมีพลังที่ธาตุความเย็นที่แปลกประหลาด เมื่อปะทะกับพลังในร่างของเขาก็กลับกลายเป็นพิษ แพร่กระจายไปตามกระดูก

ระยะเวลากว่าครึ่งปี อาการบาดเจ็บที่หยุนไห่หยางที่ได้รับทำให้เขาต้องนอนติดเตียง พลังฝึกตนไม่เพียงไม่ก้าวหน้า กระทั่งถดถอย ผ่านการรักษาและวิเคราะห์อาการโดยหมอมากฝีมือว่าความสามารถในอนาคตจะลดถอยลงอย่างมาก ยากที่จะบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

บังเอิญว่าในครานี้

หัวหน้าสาขาคนใหม่ของลัทธิโลหะเลือดบุคคลในระดับนี้ คนในรุ่นนี้ของแม่น้ำพันธาราย่อมต้องหาข้อมูล

ทว่าผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ เมื่อสืบหากลับพบว่าเด็กนี่คือผู้ร้ายที่ทำร้ายหลานชาย

“หึ หากจะโทษก็จงโทษจ้าวเฟิงที่สร้างศัตรูไว้มากมาย ไม่เพียงหนีการแต่งงานจากเมืองหงหู แต่ยังทำร้ายหลานชายข้า ทั้งยังขโมยสมบัติสายธารจันทราไป หากไม่เป็นเพราะโจรเถาชานเฟ่ยเสนอขอความร่วมมือและจะแบ่งสมบัติให้สี่ส่วน ข้าย่อมไม่เริ่มลงมือเช่นนี้”

ผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนเค้นเสียงเย็นในใจ

โจรเถาชานเฟ่ยแห่งสำนักร้อยบุปผาบัดนี้สามารถทำให้ ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ ยอมรับได้สำเร็จ พลังฝึกตนเกือบจะก้าวเข้าขั้นผู้วิเศษแท้ พลังต่อสู้ไม้ด้อยไปกว่าตัวเขา กระทั่งวิธีการยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่า

แรงกดดันของอวิ๋นช่ามากมายนัก

เพราะตระกูลหยุนร่วมมือกับสำนักร้อยบุปผา เขาเป็นเหมือนแมวสามขา รับมือกับตระกูลหยุน ในขณะที่เฉินเมิ่งเจิ่นรับมือกับการลอบโจมตีของสำนักร้อยบุปผา

“รองหัวหน้าสาขา เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว รองหัวหน้าสาขาเฉินพ่ายแพ้ ถูกโจรเถาชานเฟ่ยจับเป็นตัวประกัน”

ร่างร่างหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว

เฉินเมิ่งเจิ่นถูกจับเป็นตัวประกัน

อวิ๋นช่าสูดลมหายใจหนาวเยือก แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ ความแข็งแกร่งของเฉินเมิ่งเจิ่นนั้นเขารู้ดีเมื่อประมือเสมอกันมาหลายปี

ยอดฝีมือเช่นนี้กลับพ่ายแพ้ให้แก่โจรเถาชานเฟ่ย บัดนี้กลับกลายเป็นตัวประกันต่อหน้าทุกคน

“ลัทธิโลหะเลือดสาขา ข้าให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ส่งตัวจ้าวเฟิงมา”

ผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนเค้นเสียงเย็นเอ่ย

สาขาพันธารา ตำหนักหลักของหัวหน้าสาขา

“รายงานหัวหน้าสาขา ยามนี้เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว ตระกูลหยุนและสำนักร้อยบุปผาร่วมมือกันโจมตีสาขาพันธารา รองหัวหน้าสาขาทั้งสองต้องการให้ท่านออกไปจัดการสถานการณ์”

ศิษย์สายนอกบางคนได้เอ่ยรายงาน

เตี๋ยเย่ยืนอยู่ที่ทางเข้า ไม่เอ่ยคำใด นางเพียงรับผิดชอบดูแลจ้าวเฟิงเท่านั้น

“ออกไป”

จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว

ในใจครุ่นคิดว่าพวกอวิ๋นช่าทั้งสองย่อมต้องการทำลายโอกาสดีในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงของตน

ในยามนี้

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในจุดตันเถียนได้มีขนาดราวนิ้วโป้งแล้ว

ฟูววว

ในยามนี้เองที่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในจุดตันเถียนที่จอมโจรฉุ่ยเยว่มอบให้ได้เชื่อมต่อสื่อสารกับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างแปลกประหลาด สร้างสะพานลึกลับขึ้น

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนั้น เมื่อเทียบกับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงแล้วแข็งแกร่งกว่านับสิบเท่า และส่วนหนึ่งในปราณจิตวิญญาณโปร่งใสนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นตำราเล่มหนึ่ง

บนตำรานั้นได้ปรากฏตัวอักษรไม่กี่คำ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!