Skip to content

King of Gods 364

King Of Gods

บทที่ 364 : ร่วมมือ

จ้าวเฟิงพลันเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้ ทำให้โม่เทียนอี้ตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก ใบหน้าระแวดระวัง ทว่ายังคงไม่กล้าที่จะลงมือก่อน

ในด้านความเร็วการโจมตี วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงย่อมส่งการโจมตีมาถึงเป้าหมายก่อนที่พวกเขาจะสามารถโจมตีออกไปได้แน่นอน

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ โม่เทียนอี้และบุรุษหน้าเหลืองก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล จิตใจตึงเครียด ไม่กล้าที่จะเบนความสนใจไปทางอื่น

“จ้าวเฟิง! ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มาจากแดนเหนือ เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับเรา กับสำนักเทียนหยวนหรือ?”

บุรุษหน้าเหลืองเอ่ยข่มขู่ ทว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตัวกระวนกระวาย ทำให้น้ำเสียงของเขาฟังดูขาดความมั่นใจไปบ้าง

สำนักเทียนหยวนเป็นหนึ่งในสิบยอดสำนัก หากไม่นับวังฉวนปิงที่เป็นกลุ่มอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในแดนเหนือ กระทั่งสามอาณาจักรยังต้องหวาดกลัว

ทว่าจ้าวเฟิงราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา เข้าใกล้ไปอีกเล็กน้อย ไม่กระทั่งชายตามองพวกโม่เทียนอี้ทั้งสอง

“จ้าวเฟิง! เจ้าเองก็ยังไม่ใช้ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่แท้จริง อย่าได้คิดว่าคนแซ่โม่ผู้นี้ง่ายที่จะรังแก”

โม่เทียนอี้ที่ถึงขีดจำกัดระเบิดออกมาในที่สุด ปราณจิตวิญญาณพลันพลุ่งพล่านขึ้น ฝ่ามือหนึ่งผลักออกจนอากาศสั่นสะท้าน ราวกับปรากฏภูเขาที่มองไม่เห็นกดทับ

ฝ่ามือกำเนิดภูผา!

ปราณจิตวิญญาณสีส้มส่องสว่างเป็นประกายในระยะหนึ่งร้อยเมตรโดยรอบ พลังฝ่ามือที่ส่องประกายราวผลึกนั้นรวมตัวกันเป็นรูปลักษณ์ของภูเขา กดทับลงมาที่จุดหนึ่ง

ในเสี้ยววินาทีที่พลังฝ่ามือนั้นถูกใช้ออก ชั้นดินโดยรอบก็ได้กลายเป็นหลุมลึกหนึ่งฟุต

ร่างของจ้าวเฟิงร่วงลง ปราณจิตวิญญาณถูกพลังที่มองไม่เห็นกดทับ ลมหายใจติดขัด ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจสั่นคลอน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหลบหนีได้พ้น

ครืนนน

เบื้องหลังจ้าวเฟิงปรากฏเงาเย็นเยียบและบัลลังก์น้ำแข็งขึ้นอีกครั้ง ในวินาทีที่ฝ่ามือของคู่ต่อสู้ถูกใช้ออก พลังเหมันต์อัสนีก็เข้าปะทะ เชื่อมต่อกับไอสวรรค์อย่างแข็งแกร่ง เกิดฝ่ามือกลุ่มพลังเหมันต์อัสนีขนาดยักษ์ส่งออกไป

ฝ่ามือเหมันต์อัสนีรูปดอกไม้นั้นได้ปะทะเข้ากับ ‘ฝ่ามือกำเนิดภูผา’ ที่อยู่ห่างออกไปในเสี้ยววินาทีก่อนจะระเบิดออกในทันที ประกายกระแสไฟฟ้าและน้ำแข็งสาดกระจายไปทุกทิศ

เปรี้ยง เพี้ยะ

พลังของฝ่ามือเหมันต์อัสนีสะท้อนกลับไปยังร่างของจ้าวเฟิงในทันที

เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวชะงักไปเล็กๆ ดวงตาเทพเจ้าของเขาได้วิเคราะห์ถึงพลังเสวียนอ้าวของ ‘ฝ่ามือกำเนิดภูผา’ ของโม่เทียนอี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงได้บีบอัดพลังให้มากที่สุดเพื่อที่จะรับมือ ทว่าผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าจะยังมีพลังย้อนกลับมาเช่นนี้

แต่เป็นเรื่องดีที่

ตัวเขาได้ทำการป้องกันไว้ก่อนหน้า สามปทุมผลิบานส่องแสงสามสี เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับพลิ้วไหวอย่างเยือกเย็น ต่อต้านสลายพลังที่หลงเหลือ

คนทั้งสองปะทะกันหนึ่งฝ่ามือโดยไร้ซึ่งคำพูด

“วิชา ‘ฝ่ามือกำเนิดภูผา’ ของโม่เทียนอี้ผู้นี้มีพลังธาตุดินและทอง เสวียนอ้าวของธาตุทั้งสอง พลังโจมตีแม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าเขาสามารถสะท้อนและสลายได้”

จ้าวเฟิงได้รับข้อมูลเพิ่มมากขึ้น

มีเพียงแค่เขาเป็นเช่นหยูเทียนฮ่าว มีการโจมตีที่ ‘เป็นหนึ่งในใต้หล้า’ จึงสามารถมีชัยเหนือกว่าได้โดยสิ้นเชิง

ความจริงแล้ว การรับมือกับโม่เทียนอี้ที่ดีที่สุดคือการใช้วิชาดวงตาหรือใช้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา

ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้มาหาโม่เทียนอี้เพื่อต่อสู้

“หยูเฟ่ย”

จ้าวเฟิงไม่ขยับไปด้านหน้าอีก สายตามองไปยังจ้าวหยูเฟ่ย”

“พี่จ้าวเฟิง! พี่ตั้งใจมาหาข้าโดยเฉพาะหรือ?”

จ้าวหยูเฟ่ยแย้มยิ้ม

เป้าหมายของจ้าวเฟิงคือจ้าวหยูเฟ่ย

“ที่แท้พวกเจ้ารู้จักกันอยู่แล้ว”

บุรุษหน้าเหลืองถอนหายใจอย่างโล่งอก โม่เทียนอี้เผยสีหน้าซับซ้อนออกมา

ในแท่นดาวเหนือ จ้าวเฟิงได้เจอกับจ้าวหยูเฟ่ย ทว่าไม่มีเวลาที่จะพูดคุยในยามนั้น มีเพียงแค่การพูดคุยผ่านจิตเพียงสั้นๆ

รวมทั้งซินอู๋เหิน ชางหยูเยว่ และเป่ยม่อก็เช่นกัน

ในยามนั้น ทุกนาทีทุกวินาทีของจ้าวเฟิงใช้ในการพัฒนาตนเองอย่างขยันขันแข็ง มิเช่นนั้นยามนี้คงไม่อาจก้าวมาถึงจุดนี้ได้

จ้าวหยูเฟ่ยรู้สึกแปลกใจเล็กๆ จ้าวเฟิงมาหานางอย่างกะทันหัน มีเรื่องอันใดกัน?

การพบเจอกันครานี้ เรือนผมและดวงตาของจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นสีฟ้า จ้าวหยูเฟ่ยพบว่าสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายดูเย็นชาขึ้นกว่าแต่ก่อน

“เรื่องคือข้าอยากจะร่วมมือกับพวกเจ้าสามคน”

สายตาของจ้าวเฟิงกวาดมองไปยังโม่เทียนอี้และบุรุษหน้าเหลือง

ร่วมมือ?

โม่เทียนอี้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขากับจ้าวเฟิงไม่ได้สนิทสนมกัน กระทั่งอาจเรียกได้ว่าไม่รู้จักกันเสียด้วยซ้ำ

เมื่อคิดดูอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เกี่ยวข้องคือจ้าวหยูเฟ่ย

แต่บัดนี้ กระทั่งจ้าวหยูเฟ่ยยังรู้สึกสงสัย จ้าวเฟิงคิดอันใดกันจึงได้เสนอให้ร่วมมือ?

หากจะพูดอย่างจริงจัง จ้าวเฟิงสามารถรับมือกับทุกคนที่มีระดับต่ำกว่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้แม้จะมองไปทั่วทั้งงานชุมนุมเซียนมังกร แล้วจะต้องหวาดกลัวสิ่งใดกัน?

จ้าวเฟิงไม่เปิดปากพูด สายตาจ้องมองไปในดวงตาของทั้งสาม

ฟุ่บ!

เสี้ยววินาทีต่อมา

คนทั้งสี่ได้เข้าไปในบ้านที่งามแปลกตาหลังหนึ่ง

โม่เทียนอี้ จ้าวหยูเฟ่ย และบุรุษหน้าเหลืองนั่งอยู่บนเก้าอี้

ฝั่งตรงข้ามคือจ้าวเฟิงที่นั่งอยู่

มันคือบทสนทนาแบบหนึ่งต่อสาม

พวกโม่เทียนอี้ทั้งสามรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าวิชาการสื่อสารทางจิตของจ้าวเฟิงจะสูงถึงระดับนี้

“นี่เป็นเพียงแค่ภาพมายาธรรมดา”

จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบาง

จะอย่างไรเขาก็ได้เดินเข้าไปในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณโบราณ อ่าน ‘ชิ้นส่วนบันทึกหมิงถง’ ผ่านตามาบ้าง ย่อมมีความเข้าใจในวิชามายาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

สิ่งที่ใช้อยู่ในยามนี้เป็นเพียงการสื่อสารทางจิตแบบพื้นฐานที่เสริมภาพมายาเข้าไป ความจริงแล้วยังถือว่ามีความหยาบกระด้างอยู่มาก ง่ายต่อการทำลายและสังเกตได้ง่ายว่ามันเป็นเพียงภาพมายา

ในห้วงมายานั้น การพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ดูสมจริงมากกว่า ทั้งผู้อื่นยังยากที่จะดักฟัง

ในเวลาเดียวกัน

บนแท่นสูง ผู้สูงศักดิ์ทั้งเก้าเหลือบมองไปยังจ้าวเฟิงบ่อยครั้ง

สิ่งที่จ้าวเฟิงจะเอ่ยเสนอเงื่อนไขต่อโม่เทียนอี้นั้น ระดับของผู้สูงศักดิ์พอจะคาดเดาได้อยู่บ้างราว 1-2 ส่วน

“วาสนามังกรของจ้าวเฟิงผู้นี้ได้อยู่ในระดับเดียวกับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้แล้ว”

ผู้สูงศักดิ์หลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

เพราะอันดับสุดท้ายของงานชุมนุมเซียนมังกรนั้นวัดผลโดยปริมาณของวาสนามังกร

“ด้วยวาสนามังกรนั้นนับว่าอยู่ในระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้จริงๆ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาในยามนี้คงมีเพียงอย่างเดียวคือเส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างเขากับผู้ถูกเลือกไร้คู่ต่อสู้”

ร่างยักษ์ผิวสีทองแดงเอ่ยวิเคราะห์ขึ้น

ผู้สูงศักดิ์หลายคนผงกศีรษะเห็นด้วย

ก่อนหน้าจ้าวเฟิงสามารถรับมือกับปิงเว่ยเซียนจื่อได้โดยไม่ภายแพ้ โดยมากนั้นเป็นเพราะมีความสามารถที่ข่มอีกฝ่ายอยู่ แต่โดยรวมแล้ว จ้าวเฟิงก็ยังคงถูกไล่ต้อนอยู่ดี

หากเปลี่ยนเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่น จ้าวเฟิงย่อมพ่ายแพ้อย่างยับเยินเสียเป็นส่วนมาก

“ฮี่ฮี่ หากจะเทียบวาสนามังกรกับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ยังนับว่าความแข็งแกร่งด้อยกว่าอยู่เล็กๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มีหรือที่ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่นๆ จะปล่อยเขาไป?”

ผู้สูงศักดิ์สตรี ปี้เยว่ แย้มยิ้มทรงเสน่ห์

ตอนนี้

วาสนามังกรของจ้าวเฟิงเมื่อเทียบกับเงามังกรทองทั้งหมดแล้วนับว่าเล็กที่สุด ใกล้เคียงกับปิงเว่ยเซียนจื่อ

ทว่าการเติบโตของเขารวดเร็วเกินไป สุดท้ายแล้วอาจไม่ด้อยไปกว่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนใด กระทั่งเหนือกว่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ส่วนมาก

ทว่า

สถานการณ์เช่นนั้น จ้าวเฟิงที่ควบคุมทุกสิ่งเอาไว้มีหรือที่จะไม่ตระหนักถึง?

ในกระท่อมลวงตา

จ้าวเฟิงและโม่เทียนอี้พูดคุยกันได้พักหนึ่งแล้ว ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

“จ้าวเฟิง เจ้าช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง อยากให้ศิษย์หลักทั้งสามของสำนักเทียนหยวนอย่างพวกเราไปเป็นผู้คุ้มกันเจ้าน่ะหรือ?”

โม่เทียนอี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

“เงื่อนไขนั้นข้าได้พูดไปแล้ว ข้าจะช่วยเพิ่มวาสนามังกรของพวกเจ้าให้ รวมทั้งยังมี ‘วารีเร้นลับ’ ที่จะช่วยให้หยูเฟ่ยเพิ่มโอกาสในการทะลวงขั้น หากข้ามองไม่ผิด พลังฝึกตนของหยูเฟ่ยได้เข้าใกล้ขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอดเป็นอย่างมากแล้ว ทว่าปราณจิตวิญญาณในร่างบริสุทธิ์มาก ทำให้ต้องใช้ปริมาณมากกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่าตัว หากได้รับส่วนเสริม พลังฝึกตนย่อมสามารถเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ได้ ชัดเจนว่านี่เป็นการร่วมมือที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”

จ้าวเฟิงเอ่ยย้ำ

ข้อเสนอที่เขาเอ่ยไปนั้นนับว่าดีแล้ว โม่เทียนอี้เองก็เข้าใจ ทว่ายังคงพยายามโต้แย้งต่อรอง

สายตาของโม่เทียนอี้ส่องประกายระริก “จ้าวเฟิง จากการปะทะกับเจ้าก่อนหน้า เจ้ายังห่างจากผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่แท้จริงอยู่หนึ่งหรือสองขั้น ทั้งเจ้ายังมีวาสนามังกรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังมีความขุ่นเคืองกับปิงเว่ยเซียนจื่อ หากสองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้สองคนร่วมมือกัน ย่อมสามารถทำให้เจ้าเข้าตาจนได้”

ยามที่จ้าวเฟิงเอ่ยขอ ‘ผู้คุ้มกัน’ มีหรือที่โม่เทียนอี้จะไม่ตระหนักถึงสถานการณ์นี้?

จ้าวเฟิงยังขาดพลังไปอยู่หนึ่งหรือสองส่วนในยามนี้หากเทียบกับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ยามที่บรรลุสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ก็เหมือนเช่นการลดช่องว่างระหว่างพลังฝึกตนลงไปอย่างมาก

พลังหนึ่งหรือสองส่วนนี้คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของจ้าวเฟิง

ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ ได้หลบเลี่ยงเหล่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้อย่างจงใจ

ยามที่วาสนามังกรบนร่างของเขาที่เทียบกับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้อยู่ในระดับเดียวกัน อาจเรียกได้ว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่น่าชมนักสำหรับตนเอง

“จ้าวเฟิง! เมื่อเจ้าบรรลุถึงขั้นผู้วิเศษแท้ ในยามนั้นย่อมนับเป็นผู้ถูกเลือกคนที่หก มีผู้ใดกันที่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าจะไม่ลงมือกับพวกเรา”

บุรุษหน้าเหลืองเอ่ยขึ้นอย่างระแวดระวัง

“ข้าเชื่อใจพี่จ้าวเฟิง”

จ้าวหยูเฟ่ยเชื่อมั่นใจจ้าวเฟิง ยินดีที่จะร่วมมือด้วย

จากนั้น พวกโม่เทียนอี้ทั้งสองจึงรู้สึกกดดันอย่างมาก

“หากข้าทำได้สำเร็จ ข้าจะดูแลคนจากสำนักเทียนหยวนของพวกเจ้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทั่งทำสัญญาเลือดก็ได้”

จ้าวเฟิงเอ่ยสัญญา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่เทียนอี้และบุรุษหน้าเหลืองพลันตื่นเต้นขึ้น

“สัญญาเลือดไม่จำเป็น ข้าเชื่อหยูเฟ่ย และเชื่อในความจริงใจของการกระทำของเจ้า”

โม่เทียนอี้ผงกศีรษะ

ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ในทันที

พวกโม่เทียนอี้ทั้งสามจะต้องเป็นผู้คุ้มกันของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงช่วยอีกฝ่ายเพิ่มวาสนามังกรให้หนึ่งเท่าตัวก่อน นำวารีเร้นลับมอบให้จ้าวหยูเฟ่ยเพื่อช่วยเพิ่มพลังให้กับกลุ่มคนของสำนักเทียนหยวน

สุดท้ายแล้ว

หากจ้าวเฟิงทำได้สำเร็จจะต้องดูแลคนของสำนักเทียนหยวนด้วย

มันอาจดูเหมือนจ้าวเฟิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทว่าหากจะพูดตรงๆ แล้ว มันนับเป็นการร่วมมือกันมากกว่า จะอย่างไรเด็กหนุ่มก็ขาดไปอีกก้าวเดียวก็จะสามารถแย่งชิงอันดับเซียนมังกรหนึ่งในสามอันดับแรกได้ กระทั่งอาจแย่งชิงอันดับหนึ่งได้

จากนั้น

จ้าวเฟิงและพวกโม่เทียนอี้ทั้งสามเริ่มแย่งชิงวาสนามังกรไปทุกทิศ

เพราะมีดวงตาเทพเจ้า จ้าวเฟิงจึงสามารถมองสถานการณ์ทั้งหมดได้ด้วยมุมมองของปักษา สามารถค้นหาเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

ทว่าวาสนามังกรบนร่างของเขานั้นใหญ่โตยิ่งนัก อัจฉริยะที่อยู่ห่างออกไปสามารถพบเห็นและหลีกหนีไปได้ก่อน

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้พวกโม่เทียนอี้ทั้งสามซุ่มโจมตี ให้แมวขโมยตัวน้อยหลบซ่อนตัวค่อยจู่โจม

ในเวลาเพียงน้อยนิด

พวกจ้าวเฟิงทั้งสี่ก็ลอบโจมตีอัจฉริยะ 5-6 คนได้สำเร็จ รวมทั้งฉินคุนอู๋ที่เป็นยอดอัจฉริยะชั้นแนวหน้า

วาสนามังกรบนร่างของโม่เทียนอี้ จ้าวหยูเฟ่ย และบุรุษหน้าเหลืองได้ปรากฏรูปลักษณ์ของมังกรขึ้น เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว ภายใต้การดูแลของจ้าวเฟิง วาสนามังกรของจ้าวหยูเฟ่ยได้ใกล้เคียงกับโม่เทียนอี้

จ้าวเฟิงไม่ได้ดูดกลืนตราคำสั่งเซียนมังกรอีกเพื่อรักษาระยะห่างกับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่เหลืออย่างจงใจ

“น่าจะได้แล้ว อย่างแรกหาที่ห่างไกลและเงียบสงบก่อน พวกเจ้าเป็นผู้คุ้มกันให้ข้า”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

สำหรับสถานที่นั้น จ้าวเฟิงได้หาเอาไว้แล้ว เดินทางอย่างหลบซ่อน คนผู้อื่นยากที่จะพบเห็นได้

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองสถานการณ์โดยรวมด้วยมุมมองของปักษา ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้อีกครั้ง

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ตันไถ่หลันเยว่และชื่อเฉิงเทียน สองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ร่วมมือกันต่อสู้กับหยูเทียนฮ่าวต่อสู้กันจนฟ้าดินมืดครึ้ม พื้นดินโดยรอบในระยะหลายลี้แตกสลาย

ปิงเว่ยเซียนจื่อหลบซ่อนตัวในที่ลับ ลอบมองการต่อสู้ของหยูเทียนฮ่าว ตันไถ่หลันเยว่ และชื่อเฉิงเทียน

สำหรับแฝดไท่หยุน พี่น้องร่างติดกันคู่นี้อารมณ์รุนแรง เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมกระหายเลือด ไล่ฆ่าผู้อื่นไปอย่างไร้จุดหมาย

“นับเป็นโอกาสดี”

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาเทพเจ้า นำพวกโม่เทียนอี้ทั้งสามไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิ้งร่างลงในแม่น้ำ

ไม่ช้า

ในส่วนลึกของแม่น้ำ เด็กหนุ่มได้สร้างถ้ำง่ายๆ ขึ้นมาถ้ำหนึ่ง

“หลบซ่อนในส่วนลึกของแม่น้ำ สายน้ำย่อมทำให้ยากที่จะหาพบ ทว่าวาสนามังกรบนร่างของเจ้าใหญ่โตนัก หากเข้ามาใกล้หรือค้นหาอย่างละเอียดย่อมสามารถรับรู้ได้”

โม่เทียนอี้มุ่นคิ้วลงเล็กๆ

“ฮี่ฮี่ นี่ก็คงต้องพึ่งพาพี่โม่มากแล้ว”

ใบหน้าแย้มยิ้มของจ้าวเฟิงปรากฏความเป็นต่ออยู่บ้าง เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิธิปิดเปลือกตา ไม่สนใจโลกภายนอกอีกต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!