Skip to content

King of Gods 403

King Of Gods

บทที่ 403 : เลี้ยงศพ

ซากปรักหักพังสือเฉิงได้ถูกควบคุมโดยสามยอดสำนักที่ร่วมมือกันยึดครองทางเข้าออกของมรดก กองกำลังอื่นๆ นับว่ายากที่จะแทรกซึมเข้ามาได้

เหล่าอัจฉริยะต่างแดนที่เข้ามาในซากปรักหักพังเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักเหล่านั้น ต่างครอบครองตราคำสั่งมรดก

การที่จะมี ‘อัจฉริยะคนนอก’ ที่ไม่ได้อยู่ในสามสำนักใดเข้ามาในซากปรักหักพังได้นับว่ายากยิ่งนัก ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าอัจฉริยะจากยอดสำนักเหล่านี้ต่างก็แย่งชิงผลประโยชน์กัน

ทว่า

ทว่าด้วยการ ‘ทรยศ’ ของแมวขโมยตัวน้อย เรื่องเหล่านี้ก็ได้ถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย

จ้าวเฟิงถูกเย่หยานหยูบังคับอย่างสบายๆ สามารถสลายสถานการณ์อันตรายและน่าอึดอัดของ ‘คนนอก’ ไปได้อย่างมาก

อย่างน้อย เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ถูกโจมตีจากรอบด้านอีกต่อไป

ที่ยิ่งไปกว่านั้น

จ้าวเฟิงยังนับเป็นหนึ่งใน ‘สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง’ ชั่วคราว ทำให้ตำหนักผาดำที่มีเรื่องขุ่นแค้นกันก่อนหน้าไม่กล้าลงมือ

สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการหยุดยืนดูด้วยสถานะของ ‘บุคคลที่สี่’ มองดูการดิ้นรนของสามสำนัก เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญจึงลงมือฉกฉวยสิ่งที่ตนเองต้องการ

ทว่านี่นับเป็นเพียงแผนที่คิดขึ้นเท่านั้น การทำให้มันสำเร็จได้ต้องใช้จิตใจที่ละเอียดอ่อนและความกล้าเป็นอย่างมาก

แผนนี้เป็นการชี้นำของแมวขโมยตัวน้อย

มันได้จงใจนำทางเย่หยานหยูมาหาจ้าวเฟิง ดูคล้ายกับนำอันตรายมา ทว่าที่จริงแล้วกลับเป็นการมอบหลุมหลบภัยให้จ้าวเฟิง รวมทั้งสร้างสถานการณ์ให้พัฒนาได้อย่างลึกล้ำ

จ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยใช้การพูดคุยผ่านจิต หลังจากเจอกันก็ได้เริ่มการแสดงทันที

แน่นอนว่า

เบื้องหลังแผนการที่ละเอียดอ่อนนี้ก็มีความเสี่ยงมหาศาลอยู่

หากยอมเล่นตามไป จ้าวเฟิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก อย่างน้อยต่อหน้าเย่หยานหยู เด็กหนุ่มก็ไม่มีพลังที่จะต่อต้านมากนัก

“ยิ่งโอกาสยอดเยี่ยมเท่าใด ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

สายตาของจ้าวเฟิงสั่นระริก กลั้นใจให้กลับสู่ความเยือกเย็น

ทุกย่างก้าวคือกุญแจ หากผิดพลาดแม้เพียงนิด บางทีเขาอาจสูญเสียุทกสิ่งไป

ทว่าเป็นตอนนี้ที่จิตใจของจ้าวเฟิงเยือกเย็น โลหิตทั่วทั้งร่างเดือดพล่านอย่างตื่นเต้น

ในยามนี้

สามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ร่วมมือกัน ยอดฝีมือขั้นผู้วิเศษแท้หลายคนรักษาระยะห่างอยู่รอบๆ แมงป่องยักษ์โบราณ ส่งการโจมตีรุนแรงไปยังร่างของเป้าหมาย

พลังป้องกันของแมงป่องยักษ์โบราณแข็งแกร่งอย่างมาก เทียบเคียงได้กับขั้นนายเหนือแท้ ยากที่จะโจมตีทะลวงผ่านได้ตรงๆ

พิษแมงป่องของมันเองก็สามารถคร่าชีวิตของขั้นนายเหนือแท้ได้ ยากที่จะมีชีวิตรอด

โชคดีที่มีชื่อกุ้ยจากตำหนักผาดำ ควบคุมหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้สองตนดึงความสนใจแมงป่องยักษ์โบราณได้

ชายหนุ่มชุดสีเลือดวาดดาบจันทร์เสี้ยวโลหิต สร้างวงพลังจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดไปทั่ว กัดกร่อนบาดแผลของแมงป่องยักษ์โบราณ

ตราบเท่าที่มีรอยแผลแม้เพียงนิด การโจมตีจากศาสตร์แห่งโลหิตของชายหนุ่มชุดสีเลือดก็จะสามารถแทรกซึมกัดกร่อนให้มันลึกกว่าเดิมได้ การโจมตีนั้นกระทั่งกัดกร่อนเข้าไปในร่างของมันปนเปื้อนอวัยวะภายใน

หากเปลี่ยนเป็นสัตว์ปีศาจขั้นนายเหนือแท้ตัวอื่น การร่วมมือกันของชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดย่อมสามารถจัดการได้ภายในเวลานาทีเดียว

ทว่าร่างกายเลือดเนื้อของแมงป่องยักษ์โบราณนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก หุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้สองตนสามารถทำได้เพียงสร้างบาดแผลเล็กๆ ให้มัน

การโจมตีจากดาบจันทร์เสี้ยวโลหิตของชายหนุ่มชุดแดงไม่อาจที่จะทำลายพลังป้องกันของแมงป่องยักษ์ได้ ทำได้เพียงพึ่งพาการกัดกร่อนอย่างเชื่องช้า

กำลังหลักคือเย่หยานหยู

นางได้ใช้ ‘เพลงดาบจิตวิญญาณจันทรา’ วาดดาบโปร่งใสสีปรอทผ่านม่านแห่งราตรี ทุกครั้งที่วาดดาบจะปรากฏแสงจันทร์สาดส่อง

การโจมตีของเย่หยานหยูสามารถสร้างรอยเลือดขึ้นบนร่างของแมงป่องยักษ์โบราณได้ทุกครั้ง

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไป ด้วยแก่นแท้ของการโจมตีของเพลงดาบของเย่หยานหยู ลำบากเพียงหนึ่งหรือสองกระบวนท่าก็สามารถปลิดชีวิตอีกฝ่ายได้ ทว่าแม้จะฟันไปแล้วกว่า 7-8 ดาบต่อเนื่องกัน บนร่างของแมงป่องยักษ์โบราณกลับปรากฏเพียงรอยเลือดขึ้นไม่กี่แห่ง

“แมงป่องยักษ์โบราณนี้ ควรแล้วที่ถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ล้ำค่าที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังไม่อาจที่จะเอาชนะมันตรงๆ ได้”

จ้าวเฟิงยืนอยู่ห่างออกไป เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน อดไม่ได้ที่จะอุทานออกไป

เช่นนั้น ลูกแมงป่องยักษ์ที่อยู่ในภูเขาคงร้อนจนลวกมือได้เป็นแน่(1)

ตามทฤษฏี การที่สามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ร่วมมือกัน รวมทั้งยอดฝีมือขั้นผู้วิเศษแท้อีกหลายคนคอยล้อมรอบ ประสิทธิภาพของการโจมตีนับว่าเทียบเท่าได้กับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ 7-8 คน

โดยที่พลังต่อสู้ของเย่หยานหยูเพียงคนเดียวเทียบได้กับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปกว่า 3-4 คน

ชื่อกุ้ยนั้นมีพลังต่อสู้เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้มากกว่าสองคน จะอย่างไรเขาก็ควบคุมหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้สองตน

คนเหล่านี้ได้ดาหน้าเข้ามา ทว่าในเวลาสั้นๆ กลับทำได้เพียงไล่ต้อนแมงป่องยักษ์โบราณ ไม่อาจเอาชนะมันได้

“แมงป่องยักษ์โบราณยื้ออยู่หน้าถ้ำไม่ยอมไปไหน หากมันจงใจหลบหนี การที่จะฆ่ามันได้ย่อมยากเย็นกว่าเดิมหลายเท่าตัว”

ในฐานะของบุคคลที่สี่ จ้าวเฟิงได้เฝ้ามองสถานการณ์ เข้าใจทุกแง่มุมอย่างชัดเจน

แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้มองอยู่เฉยๆ ได้ตั้งเป้าหมายบางอย่างไว้

ฟุ่บ ฟุ่บ

ลูกธนูเหมันต์อัสนีที่ส่องประกาย เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นพร้อมกับสายลมเย็นเยียบที่พัดไหว โจมตีเข้าไปยังเปลือกนอกของแมงป่องยักษ์อย่างโหดเหี้ยม สร้างเสียง ‘เคร้ง เปรี้ยะ’ ขึ้น

‘ลูกธนูเหมันต์อัสนี’ มีแรงระเบิดรุนแรง พลังโจมตีเข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้ทั่วไป

นอกจากนั้น ลูกธนูเหมันต์อัสนีทุกดอกได้โจมตีถูกเป้าหมายจะระเบิดพลังเหมันต์อัสนีออก แม้จะไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บใหญ่โตให้แก่แมงป่องยักษ์ ทว่ากลับเป็นอุปสรรคให้มันไม่น้อย กระทั่งทำให้มันเชื่องช้าลงเล็กๆ

“เยี่ยม!”

อัจฉริยะต่างแดนหลายคนที่อยู่ ณ ที่นั้นได้มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างประหลาดใจและคาดไม่ถึง

การโจมตีระยะไกลของจ้าวเฟิงมีพลังโจมตีรุนแรง ทั้งยังสามารถทำให้แมงป่องยักษ์เชื่องช้าลงได้ นับว่าช่วยเหลือทุกคนได้มาก

แมงป่องยักษ์เชื่องช้าร่างหนึบชา ความเร็วการเคลื่อนไหวด้อยลง แรงคุกคามต่ออัจฉริยะรอบๆ ลดลงอย่างมาก

แม้ว่าอัจฉริยะจากตำหนักผาดำจะมีความขุ่นแค้นกับจ้าวเฟิง ทว่าก็ต้องยอมรับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีประโยชน์ในระดับหนึ่ง เทียบได้กับสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้

อัจฉริยะที่มีพลังต่ำกว่าขั้นนายเหนือแท้ การโจมตีของหลายคนสามารถเทียบการโจมตีของจ้าวเฟิงได้ ทว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะโจมตีถี่นัก ระแวงถึงการตอบโต้ของแมงป่องยักษ์

ทว่าจ้าวเฟิงยืนอยู่ไกล ไม่มีสิ่งใดให้เป็นกังวล การโจมตีจึงอยู่ในระดับเดียวกับสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้

ทั้งความสามารถในการลดความเร็ว ทำให้แมงป่องยักษ์ร่างกายหนึบชานั้น อัจฉริยะคนอื่นๆ ไม่อาจทำได้

เย่หยานหยูอดที่จะผงกศีรษะเล็กๆ ไม่ได้ ดูจากความสามารถที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา หากเข้าร่วมสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง อย่างน้อยย่อมสามารถเป็นศิษย์สายในได้

จุดเดียวที่น่าสงสัยคือ ความเป็นมาของเด็กหนุ่มผู้นี้

เมื่อเวลาผ่านไป

อาการบาดเจ็บบนร่างของแมงป่องยักษ์โบราณได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การกัดกร่อนของศาสตร์แห่งโลหิตของชายหนุ่มชุดสีเลือดได้ส่งผล ขยายอาการบาดเจ็บเหล่านั้นไปสู่อวัยวะภายใน

ลูกธนูเหมันต์อัสนีของจ้าวเฟิงได้สร้างอาการหนึบชา ทำให้การเคลื่อนไหวของแมงป่องยักษ์เชื่องช้าลงอย่างต่อเนื่อง

เย่หยานหยูฉลาดยิ่งนัก พยายามตัดหางของแมงป่องยักษ์ออกเป็นอย่างแรก ส่งผลต่อสมดุลร่างกายของมัน จากนั้นจึงเล็งไปยังแขนขาของมัน

สุดท้ายแล้ว แมงป่องยักษ์โบราณก็ไม่อาจต้านทานสติปัญญาและการร่วมมือกันของผู้คน ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน การโจมตีเริ่มขาดหาย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หางแมงป่องและแขนขาของมันได้ถูกตัดออก แม้จะอยากหลบหนีไปก็นับว่ายากนัก

“ไม่นานหรอก! มันจะต้านทานได้นานเท่าใดกัน”

“อย่างมากก็หนึ่งชั่วยามคงจัดการมันได้”

ขวัญกำลังใจของผู้คนเพิ่มสูงขึ้น การโจมตีรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ตูม!

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ร่างใหญ่โตราวภูเขาเล็กๆ ของแมงป่องยักษ์โบราณก็ล้มลง

ก่อนหน้าที่มันจะตาย มันได้ส่งการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงออกไป ระยะการโจมตีนั้นไกลหลายร้อยหลา อัจฉริยะจากตำหนักมารจันทราสองคนถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

และอัจฉริยะจากตำหนักผาดำคนหนึ่งปรากฏรอยกรีดขึ้นที่ร่าง ถูกพิษของแมงป่องยักษ์จนตายตกในไม่กี่ลมหายใจ

ผู้คนผวา การโจมตีในลมหายใจเฮือกสุดท้ายของแมงป่องยักษ์โบราณสามารถฉีกกระชากกระทั่งร่างของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ได้ในเสี้ยววินาที

โครงกระดูกลายเงินเพียงหนึ่งเดียวของชื่อกุ้ยที่อยู่กลางสนามรบได้ถูกหั่นเป็นสองส่วน แต่เป็นเรื่องดีที่ซากภูตผีเช่นนี้ลำบากเพียงหาวัสดุมาให้เพียงพอก็สามารถซ่อมแซมได้

จ้าวเฟิงที่ยืนโจมตีอยู่ก่อนหน้า ยามที่แมงป่องยักษ์นั้นระเบิดพลังออกกลับไม่เห็นแม้แต่เงา หลบซ่อนตัวอยู่ที่ร่องน้ำห่างออกไปหนึ่งลี้

หลังจากที่แมงป่องยักษ์นั้นสิ้นชีพ จ้าวเฟิงจึงออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งกายตรงไปยังศพองของมัน

เย่หยานหยุหยูเหม่อมองไปยังจ้าวเฟิงครั้งหนึ่ง การโจมตีสุดท้ายของแมงป่องยักษ์นั่นอาจจะมุ่งตรงไปยังทิศทางที่จ้าวเฟิงอยู่

ยามที่ต่อสู้นั้น คันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิงได้ถูกยิงออกอย่างต่อเนื่อง สร้างผลแข็งชา ชัดเจนว่าสร้างแรงคุกคามให้กับแมงป่องยักษ์อย่างมาก บางทีระยะการโจมตีที่ไกลที่สุดของมันอาจจะเล็งไปยังสถานที่ที่ไกลที่สุด

จากนั้น

กองกำลังทั้งสามฝ่ายจึงเริ่มพูดคุยถึงการแบ่งส่วนซากแมงป่องยักษ์โบราณ

ความสนใจในศพของแมงป่องยักษ์ของเย่หยานหยูมีไม่มากนัก นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของแมงป่องยักษ์ก็คือก้ามแมงป่อง เป้าหมายของนางคือลูกแมงป่องยักษ์ รวมถึงสมบัติล้ำค่าในถ้ำ

ทว่า

การกระทำของจ้าวเฟิงชัดเจนกว่านาง นำอาวุธวิเศษออกมาตัดเลือดเนื้อที่กระจายออกของศพอย่างระมัดระวัง นำถุงสีดำสนิทขนาดราวกำปั้นออกมา

นี่คือถุงพิษของแมงป่องยักษ์โบราณ

“อืม ข้าต้องการไอ้นี่”

จ้าวเฟิงเก็บถุงพิษไปโดยไร้ซึ่งความลังเล

ที่เขาลงแรงไปอย่างมากเมื่อครู่เป็นเพราะต้องการของสิ่งนี้

สำหรับเย่หยานหยู สาวงามจากสำนักฝ่ายธรรมะในระดับนั้นย่อมไม่สนใจในถุงพิษสกปรกนี่อย่างแน่นอน

“ถุงพิษของแมงป่องยักษ์โบราณ! พิษของแมงป่องยักษ์นั่นรุนแรง มูลค่าของถุงพิษของมันนับว่าเทียบเคียงได้กับก้ามของแมงป่องยักษ์

คนจากตำหนักผาดำพลันแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรออกมา

ความจริงแล้ว ถุงพิษของแมงป่องยักษ์มีประโยชน์อย่างมากสำหรับตำหนักผาดำ

ตำหนักผาดำเป็นสำนักมารในศาสตร์แห่งซากศพ สิ่งที่มีพิษรุนแรงเช่นนั้นจะสามารถพัฒนาภูติผีของพวกเขาให้แข็งแกร่งกว่าเดิมได้

ทว่าถุงพิษของแมงป่องยักษ์ วัตถุดิบชิ้นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจเทียบเคียงได้

ความเร็วที่จ้าวเฟิงลงมือเพียงรวดเร็วเกินไป!

ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มแม่นยำอย่างมาก รู้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของถุงพิษของแมงป่องยักษ์ ใช้บาดแผลของมันในการฉกฉวยไป

ทว่าคนของตำหนักผาดำไร้ซึ่งทางเลือก

ที่สามารถจัดการแมงป่องยักษ์โบราณได้ จ้าวเฟิงและเย่หยานหยูนับว่ามีส่วนอย่างมาก

ส่วนที่จ้าวเฟิงลงมือนั้นนับว่าเทียบกับสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ได้ ทำให้การสูญเสียลดลงอย่างมาก เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับทุกคน

เย่หยานหยูไม่เอ่ยอันใด สำหรับนางแล้ว ถุงพิษของแมงป่องยักษ์ที่ดูเหมือนกับกระเพาะอาหารหน้าตาแปลกประหลาดนั่น นางไม่มีความสนใจ

นอกจากนั้น จากข้อตกลงก่อนหน้า สิ่งที่จ้าวเฟิงหามาได้จะกลายเป็นของเขา ที่สามารถฆ่าแมงป่องยักษ์โบราณได้ จ้าวเฟิงเองก็ได้ ‘ลงมืออย่างเต็มที่’ การนำถุงพิษไปก็ไม่นับว่าเกินเลย

จะอย่างไร จ้าวเฟิงก็นับว่าเป็นคนของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างอยู่ครึ่งหนึ่ง หากถุงพิษนั้นไปตกอยู่ในมือของเขา มันย่อมดีกว่าไปตกอยู่ในมือของตำหนักผาดำที่เป็นศัตรู

เมื่อเห็นว่าเย่หยานหยูไม่คัดค้าน ตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราก็ไม่อาจที่จะเอ่ยโต้แย้งได้

ศพของแมงป่องยักษ์โบราณนั้นราวกับภูเขาลูกหนึ่ง นอกจากส่วนที่สำคัญแล้ว เลือดเนื้อของมันก็ยังล้ำค่าอย่างมาก เพียงแค่ว่ามันมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะที่จะแบกกลับไป

ฟึ่บ!

จ้าวเฟิงลูบบัวดำ นำหุ่นเชิดศพทั้งสองออกมา ปล่อยให้พวกมันกินเลือดเนื้อของแมงป่องยักษ์โบราณสายเลือดบริสุทธิ์ตัวนี้

“ไอ้ตัวไร้ยางอาย!”

“หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์สองตนนี่เป็นของศิษย์สำนักข้า ทว่ากลับถูกไอ้เด็กนี่แย่งชิงไปไม่พอ มันยังกล้าขโมยเอาเลือดเนื้อของแมงป่องยักษ์ไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้”

คนของตำหนักผาดำสีหน้าไม่น่าดู ขบฟันกรอดอย่างเกลียดชังจ้าวเฟิง นัย์นตาของหลายคนเผยความโกรธแค้นออกมา

จ้าวเฟิงไม่หวั่นไหว ทำทุกวิธีทางในการเพิ่มพลังของตนเอง

หลังจากที่ได้ครอบครอง ‘ถุงพิษของแมงป่องยักษ์’ แผนการในสมองของเด็กหนุ่มก็ชัดเจนยิ่งขึ้น

“หลังจากที่กินเลือดเนื้อของแมงป่องยักษ์แล้ว หุ่นเชิดศพทั้งสองนี่จะมีพื้นฐานพลังมั่นคงยิ่งขึ้น ความแข็งแกร่งย่อมเทียบเคียงได้กับผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดได้อย่างสมบูรณ์ ‘ถุงพิษแมงป่องยักษ์’ นี่สำหรับการเตรียมการของหุ่นเชิดศพทั้งสอง ทว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกของแผนเท่านั้น!”

จ้าวเฟิงหรี่ตา มองไปยังหุ่นเชิดศพทั้งสอง

หุ่นเชิดศพทั้งสองนี้มีรูปร่างสูงใหญ่อย่างมาก ผิวทั่วทั้งร่างสร้างขึ้นจากโลหะสัมฤทธิ์ที่มีสีหม่น ผิวกายส่องประกายลวดลายสีเลือดขึ้นจางๆ อ้าปากแยกเขี้ยวกัดกินเลือดเนื้อ กลิ่นอายโหดเหี้ยมดุร้ายกระทั่งรุนแรงยิ่งขึ้น

เมื่อเทียบกันแล้ว หุ่นเชิดศพในระดับเดียวกันของศิษย์จากตำหนักผาดำยังดูจะ ‘เปราะบาง’ กว่าหลายเท่า ด้อยกว่าหุ่นเชิดศพทั้งสองของจ้าวเฟิง

หมายเหตุ: (1) ร้อนจนลวกมือ (炙手可熱)หมายถึง ทรงพลังอย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!