Skip to content

King of Gods 419

King Of Gods

บทที่ 419 : เคลือบแคลง

ยามที่สามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พลังของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นด้วยการสนับสนุนของ ‘ผลปีศาจพฤกษา’ บรรลุขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดในครั้งเดียว

แต่เพราะการกินผลปีศาจพฤกษาเข้าไปทั้งลูกนั้นค่อนข้างเร่งรีบ จ้าวเฟิงจึงไม่อาจดูดกลืนพลังทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มเข้าสู่ขีดจำกัดแล้ว ไม่อาจที่จะพัฒนาขึ้นไปได้อีก

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง ‘การเสียเปล่า’ จ้าวเฟิงจึงถ่ายเทพลังส่วนหนึ่งของผลปีศาจพฤกษาไปยังแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่นั้น ยามอยู่ในจุดสูงสุดกระทั่งนับว่าอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด เมื่อเทียบกับจ้าวเฟิงแล้วยังบริสุทธิ์กว่า

แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้อยู่ในสภาวะที่ใช้แล้วหมดไป ทว่าพลังของผลปีศาจพฤกษามีพลังชีวิตและฟ้าดินอยู่ ราวกับทำให้เขาได้ชีวิตใหม่ มันได้แสดง ‘พลัง’ ออกมาอย่างเต็มที่ เติมเต็มแหล่งพลังที่พร่องไปอย่างรวดเร็ว

“แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่นั้น สำหรับข้าในยามนี้นอกจากจะเป็นแหล่งพลังสำรองแล้วยังสามารถใช้เผาไหม้ได้ในช่วงเวลาสำคัญด้วย”

จ้าวเฟิงรู้ว่าสิ่งนี้ก็นับเป็นไพ่ในมือของเขา

เท่าที่ผ่านมายังไม่มีสถานการณ์อันตรายใดๆ ที่สามารถไล่ต้อนให้จ้าวเฟิงเผาไหม้แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้ได้

การเผาไหม้แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณกับการเผาไหม้ปราณจิตวิญญาณแตกต่างกัน

หากเผาไหม้ปราณจิตวิญญาณ พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้น แต่จะสร้างความเสียหายให้กับไอสวรรค์ หากเผาไหม้ติดต่อกันนานจึงจะส่งผลต่อพื้นฐานพลัง

แต่การเผาไหม้แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนั้นเป็นเหมือนการทำลายพื้นฐานและพลังฝึกตนโดยตรง พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

หากเผาไหม้ ‘แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ’ รุนแรงเกินไป… ก็จะเกิดระเบิดขึ้น

หลังจากที่พลังฝึกตนบรรลุขั้น จ้าวเฟิงก็สร้างความสมดุลให้มันไปพร้อมกัน ใช้สติส่วนหนึ่งให้ความสนใจกับสถานการณ์ของสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้

“เจ้าพวกมนุษย์ไร้ยางอาย… ออกไปเดี๋ยวนี้”

หอคอยพฤกษาปีศาจระเบิดความกราดเกรี้ยวอออกมา โจมตีอย่างบ้าคลั่ง รากและกิ่งไม้จำนวนมากมุ่งเพียงแต่จะฆ่ามนุษย์ที่กล้าขโมย ‘ทายาท’ ของมันไปเพียงเท่านั้น

ควรรู้ว่า

ระดับการโจมตีของหอคอยพฤกษาปีศาจแทบจะอยู่ในระดับของผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งนั้น กระทั่งคนที่แข็งแกร่งอย่างสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะต้องทอดร่างทิ้งไว้

และแรงกดดันที่เย่หยานหยูต้องเผชิญมีมากที่สุด

เพราะแมวขโมยตัวน้อยได้ขโมยผลปีศาจพฤกษาไปสองลูก สร้างความเคืองแค้นแก่ต้นไม้ปีศาจอย่างมาก

โชคดีที่

ไพ่ในมือของนางเองก็ทรงพลังไม่แพ้กัน กระทั่งมีตราหยกที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ภายในมี ‘พลังเซียน’ อยู่

เบื้องหลังของเย่หยานหยูได้ปรากฏเงาเจิดจ้าของ ‘เยว่ป๋าวเซียนจื่อ’ เทพธิดาเซียนจันทราของสำนักนาง

“หากเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป เมื่อข้าใช้พลังโจมตีของพลังเซียนย่อมสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสถึงตายให้ได้ แต่ด้วยร่างกายของสัตว์ประหลาดนี่แข็งแกร่งมากเกินไป ทั้งร่างยังใหญ่โต หยั่งรากลึกลงไปในดินหลายลี้”

เย่หยานหยูไม่ได้เร่งร้อนโจมตี

พลังเซียนของนางสามารถใช้ป้องกันหรือโจมตีได้ มีพลังเทียบเท่าหนึ่งในสิบของราชาในขอบเขตปราณเทวะ

ในสถานการณ์ปัจจุบัน การใช้เพื่อป้องกันย่อมปลอดภัยกว่าอย่างชัดเจน

รวมทั้งเมื่อมี ‘พลังเซียน’ เย่หยานหยูก็จะปลอดภัยภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของหอคอยพฤกษาปีศาจ

กระทั่งหอคอยพฤกษาปีศาจยังหวาดกลัวกลิ่นอายของ ‘พลังเซียน’ อยู่เล็กๆ การโจมตีที่มุ่งไปยังเย่หยานหยูลดลงหลายส่วน

ฟุ่บ ฟุ่บ

จงหว่านเอ๋อร์และชื่อกุ้ยพลันเข้าใกล้เย่หยานหยู ทั้งสามร่วมมือกันฝ่าออกไป

ในมือของชื่อกุ้ยก็มีไพ่อยู่ใบหนึ่ง ดื่มควันเข้าไปราวกับของเหลว ผิวกายส่องประกายสีดำอ่อนจาง ร่างกายเบาหวิว เคลื่อนไหววูบวาบราวกับภูตผี

เขาขบฟันแน่น วิญญาณอาฆาตบางส่วนได้ปรากฏขึ้น

ภายใต้เสียงกรีดร้องโหยหวน ภูตผีเหล่านั้นได้ถูกเยื่อแสงสีดำอ่อนดูดกลืนเข้าไป

จากนั้น

ร่างของชื่อกุ้ยก็ราวกับกลายเป็นวิญญาณ การโจมตีทางกายภาพไม่ส่งต่อเขามากกว่าเจ็ดในสิบส่วน กระทั่งสามารถทะลุผ่านกิ่งไม้ใบไม้ไปได้

“น่าสนใจโดยแท้”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าชื่นชมออกมา ดวงตาเทพเจ้ามองเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน ทว่ามันเต็มไปด้วยศาสตร์ที่ลึกซึ้ง แม้จะเห็นกระบวนการอย่างชัดเจน ทว่าก็ไม่จำเป็นว่าจะเข้าใจเสมอไป

ชั่วขณะต่อมา

การร่วมมือกันของสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ได้สามารถฝ่าฟันการขัดขวางของหอคอยพฤกษาปีศาจไปได้ชั้นแล้วชั้นเล่า

หอคอยพฤกษาปีศาจยอมเสียสละไปอย่างมาก ทว่ากลับไม่อาจทำให้อัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้คนใดตายตกได้

“อัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ทั้งสามคนนี้ จะอย่างไรเบื้องหลังก็มีสำนักระดับสองดาวอยู่ ลำบากเพียงขยับนิ้วก็สามารถกวาดทวีปบุปผาครามได้ อาจารย์ของเย่หยานหยูนั่นต้องเป็นราชาในขอบเขตปราณเทวะเป็นแน่”

จ้าวเฟิงทอดถอนใจอย่างสะเทือนใจ

ในทวีปบุปผาครามเขาอาจเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้

แต่สำหรับอัจฉริยะต่างแดนเหล่านี้ที่มาจากสำนักที่ระดับสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือวิชาต่างก็เหนือกว่า… ทุกแง่มุมเหนือกว่าสิบยอดสำนักของทวีปบุปผาครามมากกว่าหนึ่งขั้น

“ในเมื่อใช้พลังเซียนแล้วก็ใช้ให้มันสุดทางไปเลยแล้วกัน”

ใบหน้างดงามของเย่หยานหยูเย็นเยียบ ฝ่ามือขาวพลิกหมุน

ครืนนน

เงาเยว่ป๋าวเซียนจื่อเบื้องหลังของนางได้เคลื่อนไหว แสดงวิชาที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล

ในเสี้ยวพริบตา

ไอสวรรค์โดยรอบในระยะหนึ่งรอยลี้สั่นสะท้านควบรวมกัน ราวกับว่าเทพเจ้าที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ปรากฏตัว

“กลิ่นอายนี่…”

หัวใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน ดวงตาเทพเจ้าสั่นไหวเล็กๆ

ไอสวรรค์ที่สั่นสะท้านราวกับไร้ที่สิ้นสุดนั้นได้ทำให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหมดดูราวกับเป็นมดปลวก

คนทั้งหมดรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ส่งตรงไปถึงดวงวิญญาณ

ขอบเขตจิตวิญญาณที่ทรงพลังของจ้าวเฟิงยังถูกกดดันเสียจนสั่นสะท้าน แทบจะไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ จะมีอันใดให้เอ่ยถึงขอบเขตจิตวิญญาณของผู้อื่นอีก

เปรี้ยง

เสียงระเบิดที่สั่นสะท้านไปถึงสรวงสวรรค์ดังขึ้น ระเบิดออกที่ใจกลางป่าในหุบเขา

จ้าวเฟิงเห็นเพียงแค่เงาของเยว่ป๋าวเซียนจื่อขยายออกครอบคลุมในระยะหนึ่งร้อยหลา โจมตีไปยังหอคอยพฤกษาปีศาจ

หอคอยพฤกษาปีศาจส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวา นำกิ่งไม้พุ่มไม้ใหญ่โตมาป้องกันเบื้องหน้า ทั่วทั้งร่างส่องประกายสีเขียวมรกต รับพลังเซียนที่โจมตีเข้าไป

แสงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้าครอบคลุมระยะหลายลี้โดยรอบ ตาเปล่าเห็นเพียงคลื่นพลังที่กวาดบริเวณโดยรอบระยะสิบลี้ไป

“ไม่ดีแล้ว”

ศิษย์จากสามสำนักที่ยืนอยู่ใกล้ได้รับผลกระทบ ตั้งโคจรปราณจิตวิญญาณ หรือกระทั่งใช้วิชาเพื่อป้องกันตนเอง

“เป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก เพียงแค่ลูกหลงธรรมดาๆ ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปได้แล้ว”

ปราณจิตวิญญาณโคจรในร่างของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว ร่างกายส่องประกายกระแสไฟฟ้าสว่างจ้า กลายเป็นม่านพลังอัสนี

แม้จะเป็นเช่นนั้น

เขาก็ยังคงรับมือได้ค่อนข้างลำบาก

พลังฝึกตนของอัจฉริยะส่วนมากของสามสำนัก เกินครึ่งอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด ส่วนมากล้วนมีวิชาหรืออาวุธวิเศษที่ใช้รักษาชีวิตของตนเองได้ จึงสามารถผ่านไปได้อย่างกล้ำกลืน

คลื่นลูกหลงนั้นปรากฏขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาสามลมหายใจจึงสลายหายไป

ผู้คนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เพ่งสายตาตนเองมองไป พบว่าระยะสิบลี้โดยรอบเต็มไปด้วยม่านฝุ่น

พลังที่ระเบิดออกเมื่อครู่นั้นเพียงพอที่จะทำลายเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งลงได้

นี่คือ ‘พลังเซียน’ ที่อยู่ในสภาวะถดถอยถึงที่สุด

หากเป็นในสถานการณ์ที่สมบูรณ์พร้อม พลังของการโจมตีเมื่อครู่มีโอกาสมากที่จะคร่าชีวิตของผู้สูงศักดิ์ได้

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

สามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทะยานร่างกลับไปพบกับอัจฉริยะคนอื่นๆ

“การโจมตีเมื่อครู่ แม้ว่าจะสร้างความเสียหายให้กับหอคอยพฤกษาปีศาจได้ ทว่ายังไม่เพียงพอที่จะฆ่ามัน”

เย่หยานหยูพึมพำกับตนเอง

พลังและร่างกายของหอคอยพฤกษาปีศาจแข็งแกร่งเกินไป หยั่งรากลึกลงไปหลายลี้ ส่วนที่ลึกที่สุดลึกถึงสิบลี้

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาเทพเจ้าออก พบว่าบริเวณพุ่มไม้ของหอคอยพฤกษาปีศาจได้ถูกฉีกกระชากจนแหลกสลาย

ในทางหนึ่ง เจ้าของผู้ที่สร้างสัตว์ประหลาดนี่ขึ้นก็นับว่าน่าหวาดกลัวนัก

“แม้ว่าจะไม่อาจฆ่าปีศาจต้นไม้นี่ได้ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ปรากฏจุดอ่อนขึ้นแล้ว”

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ

ร่างกายของหอคอยพฤกษาปีศาจนับเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่ได้มีเพียงผลปีศาจพฤกษา ทว่ายังมี ‘แก่นแท้วิญญาณพฤกษา’ อยู่ด้วย

หอคอยพฤกษาปีศาจสามารถขยายพลังวิญญาณ สำหรับผู้สูงศักดิ์จนถึงราชาในขอบเขตปราณเทวะก็มีประโยชน์อยู่ในระดับหนึ่ง

หากยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถได้ครอบครอง ‘แก่นแท้วิญญาณพฤกษา’ ได้ ภายใต้การเพิ่มพูนเป็นเวลานาน การที่จะบรรลุสู่ระดับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดในอนาคตก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

โดยเฉพาะผู้ฝึกตนในศาสตร์แห่งวิญญาณ แก่นแท้วิญญาณพฤกษานับเป็นสมบัติล้ำค่าหายากที่พวกเขาใฝ่ฝัน

จ้าวเฟิงย่อมเข้าใจถึงจุดนี้

ทว่าเขาเองก็รู้ว่าหากมีเพียงเขาคนเดียวย่อมไม่อาจที่จะครอบครองแก่นแท้วิญญาณพฤกษาได้

การที่จะได้ครอบครองแก่นแท้วิญญาณพฤกษาจำต้องฆ่าหอยคอยพฤกษาปีศาจโดยที่ไม่ได้ทำลายมันจนหมดสิ้น

แต่ในยามนี้

สามยอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้กลับมาแล้ว ไอสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างมาก ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจที่จะโจมตีต้นไม้ปีศาจนั่นได้

ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือ ‘ชื่อกุ้ย’ ที่กินควันลึกลับนั่นเข้าไปและใช้วิชาลับบางอย่าง ทำให้ร่างกายกลายเป็นกึ่งวิญญาณ

แม้จะเป็นผู้ที่บาดเจ็บน้อยที่สุดอย่างเย่หยานหยูก็ยังได้รับบาดเจ็บมากกว่าในถ้ำก่อนหน้า

“หยูลั่วไปไหน?”

เย่หยานหยูพลันค้นพบความผิดปกติ

อัจฉริยะหลายคนของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างเต็มไปด้วยความหดหู่ สาเหตุการตายของหยูลั่วถูกเอ่ยออกไปโดยไม่พาดพิงจ้าวเฟิงอย่างจงใจ

จะอย่างไร การตายของหยูลั่ว เหล่าศิษย์ของทั้งสามสำนักก็เห็นอย่างชัดเจน

“ด้วยนิสัยของหยูลั่ว จะไล่ตามฆ่าจ้าวเฟิงเพื่อฉกชิงสมบัติไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่ายอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้กลับถูกหลอกโดยร่างเงา สุดท้ายแล้วยังเข้าไปในระยะโจมตีของหอคอยพฤกษาปีศาจ… นอกจากนั้นหยูลั่วยังไม่ใช่ผู้ที่หุนหันพลันแล่นเช่นนั้น”

คิ้วงดงามของเย่หยานหยูมุ่นเข้าหากันเล็กๆ เชื่อเพียงกึ่งหนึ่ง ยังคงปรากฏความเคลือบแคลงสงสัยอยู่บ้าง

นัยน์ตาของนางส่องประกายเย็นเยียบ มีแรงกดดันทิ่มแทงที่ไม่อาจเอ่ยขณะมองไปยังจ้าวเฟิง

หากเป็นผู้อื่นที่มีความผิดบาปอยู่ในใจย่อมปรากฏความกระวนกระวายลนลานขึ้นบ้าง แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยเย่หยานหยูก็รับรู้ได้

ทว่าไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหรือภายนอกของจ้าวเฟิงกลับเรียบนิ่งยิ่งนัก เย่หยานหยูไม่อาจที่จะมองเห็นความผิดแปลกได้

“อืม…”

ใบหน้าของเย่หยานหยูปรากฏความครุ่นคิดขึ้น นางรู้สึกว่าการตายของหยูลั่วผิดปกติ

แม้ว่าจะสามารถยืนยันได้ว่าหยูลั่วไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของจ้าวเฟิงตรงๆ ทว่ามันก็ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้

จะอย่างไรในยามนั้นก็มีเพียงจ้าวเฟิงที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับหยูลั่ว

“ก่อนที่หยูลั่วจะตาย ไม่มีผู้ใดรู้ถึงตำแหน่งของจ้าวเฟิง แต่ในยามนั้นเขาอยู่ในสภาพพรางกาย ไม่มีผู้ใดเห็นเขา หรืออีกนัยหนึ่ง… ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการกระทำของเขา”

เย่หยานหยูคิด

ความคิดของนางรอบคอบและละเอียดลออ พบจุดที่น่าสงสัยที่ไม่อาจสลัดหลุดได้ของจ้าวเฟิง ทำให้ยังมีส่วนที่น่าเคลือบแคลงอยู่

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปของเย่หยานหยู

“สตรีผู้นี้ฉลาดนัก แม้จะสามารถหลอกนางได้ด้วยแผนของแมวขโมยตัวน้อย แต่ก็ไม่แน่ว่านางจะไม่สงสัย”

จ้าวเฟิงพบว่าแม้แผนของตนเองจะทำให้ได้สมบัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่าโอกาสที่จะ ‘ถูกเปิดเผย’ เองก็เพิ่มขึ้นพร้อมกัน

เด็กหนุ่มลอบตัดสินใจ หากไม่ใช่โอกาสใหญ่จะหาโอกาสหลบหนีไป แยกจากเย่หยานหยู

ในยามนี้

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

ห่างออกไปได้ปรากฏเสียง รวมทั้งกลิ่นอายทรงพลังของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ที่แทบจะไม่ด้อยไปกว่าเย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์ขึ้น

ท่ามกลางหมู่เมฆได้ปรากฏร่างขึ้นหลายร่าง

“ไม่ดีแล้ว กำลังเสริมของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างมาแล้ว”

สีหน้าของคนจากตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราเลวร้ายลง

จ้าวเฟิงกวาดตามอง ผู้มาใหม่ทั้งหลายนั้นเมื่อเทียบกับกองกำลังของหยูลั่วก่อนหน้าแล้วยังแข็งแกร่งกว่า ‘ชายหนุ่มชุดดำ’ ผู้หนึ่งมีพลังฝึกตนสูงถึงขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง ราวกับว่าเพิ่งจะทะลวงขั้นได้ไม่นาน

“การที่ข้าวางแผนฆ่าหยูลั่วก่อนหน้าเพราะคิดว่าพลังของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างแข็งแกร่งเกินไป อาจส่งผลต่อสมดุลได้ แต่บัดนี้กลับมีผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงปรากฏขึ้นเสียได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!