Skip to content

King of Gods 477

King Of Gods

บทที่ 477 หนึ่งต่อสาม

“ขวานไร้นภา”

ประกายคมขวานที่บิดเบี้ยวหลอมรวมเข้ากับไอปราณสีแดงสดพุ่งเฉียดร่างของจ้าวเฟิงไปเล็กน้อย

ฟึ่บ

สายลมและกระแสไฟฟ้าพุ่งวูบรุนแรงไปยังอีกฝั่งของท้องฟ้า เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงิน

“พลังทำลายของการโจมตีของหัวหน้าสาขาแห่งลัทธิมารจันทราชาดนับว่าอยู่ในระดับเดียวกับเย่หยานหยู…”

ระลอกคลื่นวายุอัสนีบนร่างของจ้าวเฟิงกระเพื่อมไหว หม่นแสงลงหลายส่วน

การโจมตีที่น่าหวาดกลัวเมื่อครู่ แม้ว่าจะไม่ได้โดนจ้าวเฟิงตรงๆ ทว่าเพียงแค่พลังที่หลงเหลือของมันก็เพียงพอที่จะจัดการผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดแล้ว

สำหรับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่าง ‘หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย’ แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้เช่นเดียวกันก็ไม่อยากที่จะปะทะด้วยตรงๆ

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงที่ฝึกฝน ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ อยู่ในปัจจุบันก็มีพลังโจมตีที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน

ร่างของจ้าวเฟิงกลับกลายเป็นเส้นแสงกระแสไฟฟ้าสีฟ้าพร่าเลือน จางหายไปจากจุดเดิมอีกครั้ง ความเร็วของเขาได้ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปต้องรู้สึกอ่อนด้อย

เสี้ยววินาทีต่อมา

เสียงครืนครางของสายฟ้าดังขึ้นจากเหนือศีรษะของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย

“วายุอัสนีฟ้าฟาด”

ร่างที่มีเรือนผมสีน้ำเงินปรากฏขึ้นพร่าเลือน ฟาดคมดาบสีเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าและสายลมโอบล้อมยาวกว่า 70-80 ฟุต คมดาบที่มีกระแสไฟฟ้าและสายลมล้อมรอบสั่นสะท้านถี่รัว

ฟึ่บ เปรี้ยะ

คมดาบวายุอัสนีนั้นฟาดผ่านอากาศส่องประกายเจิดจ้า สร้างเสียงระเบิดของสายฟ้าฟาดดังลั่นจนแก้วหูแทบฉีกขาด

สีหน้าของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเคร่งเครียด ขวานยักษ์ในมือกลับกลายเป็นเงาสีแดงฉานเย็นเยียบ ‘เงากำแพงขวานเหล็ก’ ปะทะเข้ากับการโจมตีของจ้าวเฟิง สร้างแรงระเบิดที่ทำให้ดวงวิญญาณแทบหลุดลอยออกมา

ในเสี้ยวพริบตา พายุที่เต็มไปด้วยประกายกระแสไฟฟ้าก็โอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้ ขยายวงกว้างไปกว่า 1-2 ลี้

“รีบถอย…”

สาวกลัทธิมารจันทราชาดที่อยู่ใกล้ๆ แตกตื่น บาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายคนต้องทิ้งชีวิตไปกับลูกหลงจากการต่อสู้ของสองยอดฝีมือ

หลังจากม่านฝุ่นทิ้งตัวลง

‘เศษเสี้ยวสายลมที่โอบล้อมไปด้วยสายฟ้า’ ปรากฏขึ้นอีกครั้งกลางเวหา ในมือของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินปรากฏคลื่นวายุอัสนีที่หลอมรวมกันกลายเป็นดาบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

เมื่อมองไปยังหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เรือนผมก็ยุ่งเหยิง บนเสื้อผ้ากระทั่งปรากฏควันไหม้ดำลอยโชยออกมา

“ขวานทลายสิบนภา”

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยคำรามอย่างกราดเกรี้ยว ขวานเหล็กยักษ์ในมือวาดออกอย่างรวดเร็วดุดัน ประกายคมดาบส่องประกายกระหายเลือด

ระเบิดวายุอัสนี

สีหน้ายินดีของจ้าวเฟิงไม่จางหายไป คมดาบวายุอัสนีในมือหลอมรวมเป็นทรงกลม เมื่อมันควบรวมจนแน่นหนาแล้วก็ส่งครืนครางที่น่าพรั่นพรึงออกมา ตาเปล่ามองเห็นเพียงแสงของกระแสไฟฟ้าและสายลมทับซ้อนเป็นชั้น กวาดระยะครึ่งลี้โดยรอบไป ปราณจิตวิญญาณแพร่กระจายขึ้นสูง

ไม่กี่ลมหายใจ

สองยอดฝีมือที่อยู่กลางเวหาได้เข้าปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่ารวดเร็วราวสายฟ้าฟาด คนทั้งสองโจมตีกันโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย พลังต่อสู้ของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยไร้เทียมทาน เพียงแค่พลังของเขาอย่างเดียวก็อาจเหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้แล้ว

จ้าวเฟิงปรับตัวเข้ากับการโจมตีเช่นเดียวกับสายฟ้าฟาด ร่างเป็นราวกับภูตผี พุ่งวูบวาบไปมากลางอากาศ เว้นระยะห่างไว้ซักซ้อม

“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว… จ้าวเฟิงผู้นี้กระทั่งสามารถสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นได้ สามารถรับมือกับผู้ที่แข็งแกร่งอย่างหัวหน้าสาขาได้”

ศพโลหิตมองหน้ากับโหยวหลงด้วยสีหน้าแข็งๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงประหลาดใจ การปะทะกันที่ไม่อาจมองเห็นก่อนหน้า พวกเขาล้วนหวาดกลัวในสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิง

ทว่าพวกเขาคาดเดาว่า จ้าวเฟิงเพียงมีสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ พลังต่อสู้ของร่างจริงคงไม่แข็งแกร่งเพียงนั้น

ทว่าในยามนี้ จ้าวเฟิงได้ทำเรื่องที่เหนือการคาดเดาของผู้คนขึ้นอีกครั้ง

‘หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย’ ที่ได้สัมผัสพลังโจมตีรุนแรงเหล่านั้นด้วยตนเองส่งเสียงคำรามออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ทว่ากลับไม่อาจสร้างความได้เปรียบได้แม้แต่น้อย

การโจมตีของจ้าวเฟิงราวกับสายฟ้าฟาด รวดเร็วเกินกว่าที่ความเร็วของเขาจะตามทัน ทั้งยังไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อย

ผู้ที่มีพลังอันไร้เทียมทานและการโจมตีรุนแรงของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยกลับตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับ

ความคล่องแคล่วของจ้าวเฟิงปรับเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย เป็นฝ่ายลงมือจู่โจมก่อน

ทุกครั้งที่เขาโจมตีจะเล็งไปยังช่องว่างที่ยากจะรับรู้ได้ของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย

แม้ว่าจะเป็นเพียงช่องว่างเล็กๆ มันก็จะถูกจู่โจมโดยจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มใช้พลังเพียงน้อยนิดเพื่อแต่กลับบีบบังคับให้หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยต้องใช้ปราณจิตวิญญาณมากกว่า

“พวกเจ้ามัวแต่มองอันใดอยู่”

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยคำรามเสียงต่ำ

การต่อสู้นี้ หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยถูกไล่ต้อน เขามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทว่ากลับถูกจ้าวเฟิงจูงจมูก

“ไป”

ผู้คุ้มครองศพโลหิตและจ้าวตำหนักโหยวหลงไม่ลังเลอีกต่อไป กลับกลายเป็นเส้นแสงมุ่งตรงไปโจมตีจ้าวเฟิง

“ฮี่ฮี่ คนแซ่จ้าวผู้นี้ต่อสู้แบบหนึ่งต่อสาม ทำให้พวกเจ้าดูเหมือนดีแต่ปากแล้ว”

ท่ามกลางสายลมรุนแรงและเสียงครืนครางของสายฟ้า เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินดังขึ้น

“จองหองยิ่งนัก”

“ไอ้เด็กเวร ตายซะ”

ผู้คุ้มครองศพโลหิตและจ้าวตำหนักโหยวหลงโอบล้อมเข้าจู่โจม

ระลอกคลื่นวายุอัสนีบนร่างของจ้าวเฟิงพลันส่องประกายสว่างจ้า การบินของเขาราวกับสายลมที่เชื่อมต่อเข้ากับกระแสไฟฟ้า แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง

สองยักษ์ใหญ่แห่งสาขาเพียงเพิ่งเข้าใกล้ก็รู้สึกถึงแรงต้านลมที่รุนแรง กระแสไฟฟ้าแพร่กระจายจนทำให้ทั้งร่างชาหนึบ

“ขวานไร้นภา”

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยลงมือจากบริเวณไม่ไกล รวมมือกับสองยักษ์ใหญ่แห่งสาขาโจมตีจากสองฝั่ง

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบางเบา ร่างกลับกลายเป็นระลอกคลื่นวายุอัสนี เข้าปะทะกับผู้คุ้มครองศพโลหิตและจ้าวตำหนักโหยวหลง

ครืนนนน

กลุ่มก้อนสายลมและกระแสไฟฟ้าระเบิดออก ผู้คุ้มครองศพโลหิตถูกจ้าวเฟิงกระทืบลงไปบนพื้น ทั่วทั้งร่างปรากฏควันสีดำลอยฟุ้ง

“นี่มันกลิ่นอายเสวียนอ้าวแห่งวายุและอัสนี…”

จ้าวตำหนักโหยวหลงถูกจ้าวเฟิงใช้หนึ่งฝ่ามือซัดจนกระเด็นออกไป รับรู้ได้เพียงกลิ่นอายของสายลมและสายฟ้าที่น่าพรั่นพรึงกำลังโอบล้อมร่างกายและจิตใจ กระเด็นห่างออกไปนับสิบจ้าง ทั่วทั้งร่างชาหนึบ เพียงลงมือหนึ่งหรือสองกระบวนท่า จ้าวเฟิงก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ต้องล่าถอยออกไปได้อย่างสบายๆ กระทั่งทำให้สองยักษ์ใหญ่แห่งสาขาได้รับบาดเจ็บ

“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์”

ขวานของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยสับลง เป็นเพราะว่าเป็นกังวลถึงจ้าวตำหนักโหยวหลงและผู้คุ้มครองศพโลหิต ทำให้เขาราวกับถูกมัดมือมัดเท้า

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ล่าถอย เรือนผมสีน้ำเงินราวเส้นไหมพลิ้วไหวอย่างแปลกประหลาด

ครืนนนน

ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงส่องประกายสีน้ำเงินเข้มราวกับห้วงมหาสมุทรลึกล้ำ คลื่นน้ำที่กระเพื่อมไหวออกอย่างไม่หยุดยั้งถูกโอบล้อมไปด้วยกระแสไฟฟ้าและสายลม

“สลาย”

มือทั้งสองของจ้าวเฟิงประสานกัน กระตุ้นพลังสายเลือด ม่านสายน้ำราวกับคลื่นในท้องทะเลคลั่ง ตามมาด้วยเสียงครืนครางของสายฟ้า ปะทะเข้ากับขวานของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยอย่างรุนแรง

ในยามนั้น เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินในสายตาราวกับทะเลสาบราบเรียบที่ถูกคลื่นทะเลคลั่งถาโถม

ฟึ่บ ครืนนน เปรี้ยง

ขวานเหล็กยักษ์และจ้าวเฟิงปะทะกันกลางอากาศ พลังที่น่าพรั่นพรึงทั้งสองเข้าห้ำหั่นหัน

“วิชาสายเลือดของเด็กนี่มีพลังมากเพียงนี้…”

ขวานของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยมีพลังเท่ากับแปดส่วนของเขาในยามที่สมบูรณ์พร้อม ทว่ากลับถูกป้องกันได้โดยจ้าวเฟิงอย่างมั่นคง

เขารู้สึกราวกับว่าคลื่นรุนแรงและสายลมกระแสไฟฟ้าของอีกฝ่ายได้กัดกร่อนพลังของเขา

“สายเลือดธาตุน้ำถือกำเนิดขึ้นจากพลังมหาศาลของทะเลอันลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง พลังของมันนั้นกระทั่งสามารถกลืนกินพลังของฟ้าดินได้”

ในสมองของจ้าวเฟิงได้ปรากฏรายละเอียดของมรดก ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ บางส่วนขึ้น รายละเอียดเกี่ยวกับหอกจักรพรรดิเหมันต์นี้เกี่ยวกับธาตุน้ำแข็งและน้ำ

น้ำแข็งและน้ำมีต้นกำเนิดเดียวกัน พลังของน้ำยิ่งใหญ่กว้างขวาง พลังของน้ำคือพื้นฐานที่ให้กำเนิดน้ำแข็งขึ้น เพื่อที่จะทำความเข้าใจในแก่นแท้ของน้ำแข็ง จำต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับธาตุน้ำ

ในยามนี้

จ้าวเฟิงใช้ความเข้าใจใหม่จาก ‘วิชาสายเลือด’ ในการเปิดเผยพลังทำลายของ ‘สายเลือดธาตุน้ำ’

กลางอากาศ

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยและจ้าวเฟิงยังคงยันกันอยู่ที่เดิม ขวานเหล็กยักษ์ยากที่จะล้ำหน้าไปได้อีกแม้เพียงนิด มือทั้งสองของจ้าวเฟิงดูราวกับแผ่ขยายออกเช่นทะเลที่ลึกล้ำ แม้ว่าพลังของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยจะแข็งแกร่ง ทว่ากลับถูกพลังสายเลือดธาตุน้ำของจ้าวเฟิงดูดกลืนสลายไปเสียส่วนมาก

“พวกเจ้ายังไม่มาอีก”

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยกระตุ้นโคจรปราณจิตวิญญาณอย่างรุนแรงพร้อมคำรามเสียงต่ำ

ผู้คุ้มครองศพโลหิตร่วมมือกับจ้าวตำหนักโหยวหลง

ในยามนี้ จ้าวเฟิงและหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเข้าปะทะจนอยู่ในสภาพคานพลังกัน นับว่าเป็นโอกาสทอง

“ไอ้เด็กเวร ตายซะเถอะ”

“ตาย”

ผู้คุ้มครองศพโลหิตและจ้าวตำหนักโหยวหลง คนหนึ่งอยู่ซ้ายคนหนึ่งอยู่ขวา เคลื่อนไหวเข้าใกล้จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้นับว่ามีพลังเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การต่อสู้นี้ได้

“ฮ่า… ไอ้เด็กจองหอง เตรียมถูกฝังอยู่ใต้คมขวานของข้าได้เลย”

หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยแสยะยิ้มกว้าง สีหน้าพึงพอใจ

กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาราวกับก้อนเหล็ก ส่งพลังมหาศาลน่าพรั่นพรึงออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับร่างที่ใหญ่โตนั้นได้ทำให้ร่างของจ้าวเฟิงดูเล็กจ้อยไปถนัดตา

หากไม่ใช่เพราะทำความเข้าใจในแก่นแท้ของสายเลือดธาตุน้ำ จ้าวเฟิงย่อมไม่อาจที่จะรับมือกับพลังมหาศาลนั่นได้

ในยามนี้

สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้กำลังจู่โจมจ้าวเฟิง

“เหมันต์วารีผันแปร”

เรือนผมสีน้ำเงินของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเย็นเยียบ พลังสายเลือดของเด็กหนุ่มพลันเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าหนาวเหน็บหดหู่

“น้ำแข็ง?” หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยที่อยู่ไม่ห่างออกไปรับรู้ถึงความเย็นยะเยือกที่กัดกินร่างกาย ตอนแรกเป็นขวานในมือของเขาที่ปรากฏชั้นน้ำแข็งขึ้น จากนั้นจึงเป็นบรรยากาศที่หนาวเหน็บค่อนๆ แผ่ซ่านเข้ามาในร่าง

“อาณาเขตเหมันต์มรณะ”

จ้าวเฟิงตวาดเสียงเย็น เบื้องหลังปรากฏเงาร่างเย็นเยียบสวมใส่มงกุฎ ในมือถือดาบใหญ่สีดำ นั่งเหยียดหลังตรงอย่างสง่างามบนบัลลังก์น้ำแข็ง

ครืนน

สายลมเย็นยะเยือกหนาวเหน็บส่องประกายเย็นเยียบ ตามมาด้วยกระแสไฟฟ้าที่พร่าเลือนครอบคลุมไปในระยะหลายสิบจ้างโดยรอบ

ร่างของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยที่รับการโจมตีเข้าไปตรงๆ แข็งเกร็งชาหนึบ ทั่วทั้งร่างถูกครอบคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง

ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนมากเพียงใดก็ไม่อาจที่จะต่อต้าน ‘การแช่แข็ง’ จากพลังสายเลือดที่น่าพรั่นพรึงได้

ระยะห้าสิบจ้างโดยรอบจ้าวเฟิงถูกประกายแสงเย็นเยียบกวาดกลืน สายลมพัดความหนาวเย็น กระแสไฟฟ้าแพร่กระจาย พลังสายลมเย็นเยียบที่มีพลังในการแช่แข็งและกระแสไฟฟ้าที่ทำให้ร่างกายช้าหนึบทำให้ร่างของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปแข็งค้างในทันที

“ไม่ดีแล้ว”

ผู้คุ้มครองศพโลหิตและจ้าวตำหนักโหยวหลงที่อยู่ไม่ห่างออกไปหัวใจกระตุกวูบ คนทั้งสองร่างแข็งค้าง รับรู้ได้ถึงความรู้สึกหนึบชารุนแรง

พลังฝึกตนของผู้คุ้มครองศพโลหิตต่ำที่สุด ต่อต้านได้เพียง 1-2 ลมหายใจอย่างยากลำบาก ร่างกายก็แข็งขึ้นเล็กๆ

ร่างกายของเขามีความแข็งขืนของซากศพอยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ถูกพลังความเย็นในอากาศกัดกร่อนก็ยากที่จะเคลื่อนไหว

ทว่าหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยได้ถูก ‘พลังสายเลือดธาตุน้ำแข็ง’ ของจ้าวเฟิงแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง ในเสี้ยววินาทีร่างกายที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางก็เย็นแข็ง ใบหน้ายังคงปรากฏสีหน้ากระวนกระวายลนลาน

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

หนึ่งลมหายใจ… สองลมหายใจ… สามลมหายใจ

ระยะโดยรอบหลายสิบจ้างโดยมีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูนย์กลางดุถูกครอบคลุมโดยวิชาสายเลือด ‘อาณาเขตเหมันต์มรณะ’ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะของมันล้วนถูกแช่แข็ง

กระทั่งตัวจ้าวเฟิงเองรอบกายยังปรากฏชั้นน้ำแข็งสีฟ้าเย็นที่มักจะปรากฏระลอกคลื่นราวสายน้ำขึ้น

“กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าที่กินวงกว้าง ไม่ได้พึ่งพาเพียงข้อมูลจากหอกจักรพรรดิเหมันต์ ทว่ายังมีวิธีการใช้พลังสายเลือดของปิงเว่ยเซียนจื่ออยู่ด้วย”

จ้าวเฟิงราวกับรูปปั้นน้ำแข็ง พลังสายเลือดเย็นเยียบได้แช่แข็งร่างของสามยักษ์ใหญ่แห่งลัทธิมารจันทราชาดสาขา

ในงานชุมนุมเซียนมังกรในอดีต

ปิงเว่ยเซียนจื่อนั้นต้องการที่จะฆ่าจ้าวเฟิง ไม่ลังเลที่จะ ‘กอด’ อีกฝ่ายและใช้วิชาแช่แข็งที่รุนแรง ต้องการที่จะแช่แข็งจ้าวเฟิงไปตลอดกาล และกระทั่งเกือบจะทำได้สำเร็จไปแล้ว

ในยามนี้ เด็กหนุ่มได้เลียนแบบมาสำเร็จ กระทั่งสามารถพัฒนามันไปได้

การแช่แข็งของจ้าวเฟิงเล็งไปยังหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดเป็นส่วนมาก

ฝ่ามือทั้งสองของเขาปะติดอยู่กับขวานเหล็กยักษ์ แปรเปลี่ยนจากธาตุน้ำเป็นน้ำแข็งและใช้กระบวนท่านี้ สร้าง ‘กระบวนท่าต่อเนื่อง’ เมื่อเทียบกับการใช้กระบวนท่าออกมาตรงๆ แล้วความรวดเร็วยังมากกว่า พลังโจมตีรุนแรงกว่า

หัวหน้าสาขาแห่งลัทธิมารจันทราชาด ผู้คุ้มครองศพโลหิต และจ้าวตำหนักโหยวหลงล้วนตกลงมาในกับดักนี้อย่างคาดไม่ถึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!