บทที่ 478 พลังดวงตาก่อนวิวัฒนาการ
ดวงอาทิตย์คล้อยลงหลังหุบเขาในทิศตะวันตก
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ลมหนาวเย็นยะเยือกได้แผ่ซ่าน สร้าง ‘ภูเขาน้ำแข็ง’ ขึ้นส่องประกายสีฟ้าใสราวมายา
ท่ามกลางอาณาเขตเยือกแข็งนั้นได้มี ‘รูปปั้นน้ำแข็ง’ ในรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ยืนนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้กว่าครึ่งชั่วยาม
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ทันใดนั้น ทางฝั่งสิบสามแคว้นเมฆาได้ปรากฏร่างหลายร่างขึ้น
“ผู้เฒ่าซู่ ดูเร็วเข้า”
ท่ามกลางฝูงชนมีชายหนุ่มในชุดสีทองและสตรีงดงามในชุดสีฟ้าท่าทีสูงส่ง
“พี่จ้าวกำลังถูกแช่แข็ง”
ใบหน้างดงามของสตรีชุดฟ้าขาวซีด
สีหน้าของผู้เฒ่าซู่เคร่งเครียด โบกมือส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามหยุด
ห่างออกไป ภูเขาน้ำแข็งได้ส่งกลิ่นอายเย็นยะเยียบออกมา ระยะ 1-2 ลี้โดยรอบปรากฏสายลมหนาวเหน็บพัดกระโชก แหลมคมราวกับคมมีด
ผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไม่อาจที่จะเข้าใกล้ ‘ภูเขาน้ำแข็ง’ ได้ หรือมิเช่นนั้น เพียงแค่ต้องถูกสายลมอันหนาวเหน็บเหล่านั้นก็อาจจะเสียชีวิตได้
“ท่านอาจารย์ เหตุใดพี่จ้าวจึงได้ถูกแช่แข็งอยู่กับคนเหล่านี้กัน คนพวกนั้นคือผู้ใด?”
องค์หญิงจิงประคองสติอย่างยากลำบาก นัยน์ตางดงามจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าท่ามกลางชั้นน้ำแข็งที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว
ผู้เฒ่าซู่เพ่งมองอยู่ชั่วครู่ สีหน้าเผยความหนักใจออกมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงมากขึ้น
สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรพลันเงียบงันลงราวกับเข้าใจในสถานการณ์
เวลาผ่านไปพักใหญ่
ผู้เฒ่าซู่สูดลมหายใจยาว นัยน์ตาเผยความชื่นชมนับถือออกมา: “จ้าวเฟิง ไม่คิดว่าเจ้าจะมาถึงระดับนี้ได้ สามารถทำให้หัวหน้าสาขาและยักษ์ใหญ่แห่งสาขาคนอื่นๆ ถูกแช่แข็งไปพร้อมกันได้”
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด?
สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรในบริเวณนั้นเผยสีหน้าหวาดกลัวตื่นตะลึงออกมา
ชัดเจนว่าผู้คนไม่คาดคิดว่าผู้ที่ถูกแช่แข็งอยู่กับจ้าวเฟิงจะมีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้น
“พี่จ้าวและหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดกับสามยักษ์ใหญ่ หลังจากที่ต่อสู้กันแล้วสุดท้ายจึงถูกแช่แข็งไปพร้อมกัน แต่ตัวเขาเองก็…”
บนใบหน้างดงามขององค์หญิงจิงเผยสีหน้าตื่นตะลึงและกังวลออกมา จ้องมองไปยังบริเวณที่เด็กหนุ่มผมฟ้าถูกแช่แข็งอยู่อย่างลึกล้ำ
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด
ตัวตนในระดับนี้นับเป็นยอดฝีมือของทวีปในยามนี้ นับว่าเป็นตำนานผู้หนึ่ง
หลายร้อยปีก่อน
‘สิบสองหอและร้อยแปดสาขา’ ของลัทธิมารจันทราชาดมีอำนาจล้นพ้น ครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีป ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่อาจก้าวข้าม ยามที่อยู่ในจุดสูงสุด ความแข็งแกร่งของสาขาของลัทธิมารจันทราชาดสามารถทำลายแคว้นใหญ่จำนวนมากได้อย่างง่ายดาย
ทว่าในยามนี้ ‘ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้’ กลับสามารถต่อสู้กับ ‘หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด’ ได้
ทั้งหมดนี่นับว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับสมาชิกพันธมิตรสังหารมังกร
ยามที่ผู้คนตื่นตัวก็ปรากฏความตื่นเต้นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทุกคนห้ามเข้าไปใกล้อาณาเขตน้ำแข็งนี่ในระยะสิบลี้”
ผู้เฒ่าซู่สั่งการ
ประสาทสัมผัสของเขาไม่ยากที่จะรับรู้ได้ว่าบริเวณชั้นน้ำแข็งยังคงปรากฏกลิ่นอายพลังชีวิตอยู่ โดยเฉพาะ ‘จ้าวเฟิง’ ที่อยู่ตรงกลาง
องค์หญิงจิงและคนอื่นๆ ไม่ลังเล พลันล่าถอยออกไปทันที
ผู้คนเข้าใจว่าผู้ที่สามารถต่อกรกับหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดได้ ตนเองและคนอื่นๆ ยากที่จะยื่นมือเข้าช่วยได้
ในคนทั้งหมดมีเพียงผู้เฒ่าซู่ที่มีความสามารถเพียงพอในการลงมือ
ทว่ากระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งเช่นผู้เฒ่าซู่ยังทำเพียงเฝ้ามองคนทั้งสี่ที่ถูกแช่แข็งอยู่ ไม่กล้าที่จะผลีผลามลงมือ
“การแช่แข็งนี้ จ้าวเฟิงได้จ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนไปจำนวนมากเพื่อสร้างขึ้น หากข้าผลีผลามลงมือไปอาจไม่ดี”
ใบหน้าของผู้เฒ่าซู่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ในยามนี้ คนทั้งสามที่ถูกชั้นน้ำแข็งปกคลุมไร้ซึ่งหนทางในการต่อต้านโดยสิ้นเชิง
สองคน ผู้คุ้มครองศพโลหิตราวกับสิ้นสติไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวขัดขืน ทว่าจ้าวตำหนักโหยวหลงมีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งอย่างมาก พลังกายมหาศาล ยังคงพยายามดิ้นรนอยู่
“หากแช่แข็งเพียงหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว แต่เมื่อรวมจ้าวตำหนักโหยวหลงและผู้คุ้มครองศพโลหิตเข้ามา ความยากก็เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจ้าวตำหนักโหยวหลงนี่…”
จ้าวเฟิงที่อยู่ที่จุดศูนย์กลางของอาณาเขตเหมันต์ครุ่นคิดในใจ
ในการแช่สามยักษ์ใหญ่นี้ พลังสายเลือดของจ้าวตำหนักโหยวหลงแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถสร้างรอยแตกให้กับพลังความเย็นของสายเลือดของจ้าวเฟิงได้จำนวนมาก
“จ้าวเฟิง เจ้าต้องการความช่วยเหลืออันใดหรือไม่?”
เสียงของผู้เฒ่าซู่ดังขึ้นผ่านกระแสจิต
หืม?
จ้าวเฟิงจึงรับรู้การมาถึงของผู้เฒ่าซู่และคนอื่นๆ การแช่แข็งสามยักษ์ใหญ่ทำให้เขาตัดขาดจากโลกภายนอกไปอย่างสิ้นเชิง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
การมาถึงของผู้เฒ่าซู่และคนอื่นๆ ทำให้จ้าวเฟิงได้แผนการใหม่
การต่อสู้ระหว่างเขาและสามยักษ์ใหญ่ เขาจำต้องออมพลังไว้บางส่วน ไม่อาจที่จะปล่อยให้พลังสายเลือด พลังดวงตา หรือไอสวรรค์แห้งเหือดลงได้
ทว่าในยามนี้ได้มีความช่วยเหลือจากขั้นนายเหนือแท้ ย่อมมีหนทางถอย
“ผู้เฒ่าซู่ ท่านเตรียมตัวรับมือความเสียหายเบื้องหลัง ให้คนอื่นๆ ล่าถอยไปยังระยะหนึ่งร้อยลี้”
เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นในสมองของผู้เฒ่าซู่
“ได้”
ผู้เฒ่าซู่มองเหม่อ ไม่ลังเลที่จะให้คนของพันธมิตรสังหารมังกรล่าถอยไปในระยะหนึ่งร้อยลี้ทันที
มีเพียงเขาที่ยังคงรั้งอยู่ในบริเวณชายขอบระยะสิบลี้พร้อมกับจัดการเหล่าสาวกลัทธิมารจันทราชาดที่เหลือรอด
“จ้าวเฟิง ดูจากพลังสายเลือดของเจ้าแล้วจะสามารถคงสภาพไว้ได้นานเท่าใด?”
“ตัวข้า ผู้นำผู้นี้ได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมาแล้วมากกว่าร้อยปี แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดมีมากมายกว่าเจ้านัก หากต่อสู้ยืดเยื้อ เจ้าย่อมแพ้”
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดที่ถูกแช่แข็ง แม้ว่าจะไม่สามารถเอ่ยปากพูดได้ แต่ก็ยังสามารถสื่อจิตได้
สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง หากเทียบกันในเรื่องของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแล้ว ตัวเขาและหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดแตกต่างกันอยู่มากมายจริงๆ
“เหมันต์วารีผันแปร”
กลิ่นอายสายเลือดในร่างของจ้าวเฟิง รวมทั้งดวงตาซ้ายได้สั่นกระเพื่อม
กลิ่นอายเย็นเยียบพลันหลอมละลายลงราวกับสายน้ำ แม้แต่ชั้นน้ำแข็งโดยรอบยังละลายลงอย่างรวดเร็ว
“น้ำแข็งละลาย?”
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดและจ้าวตำหนักโหยวหลงเผยสีหน้ายินดีออกมา สิ่งที่ทำให้คนทั้งสองรู้สึกคาดไม่ถึงคือ ทั้งหมดนี้คือการกระทำของตัวจ้าวเฟิงเอง
คมดาบจันทร์วารี
จ้าวเฟิงกระตุ้นใช้พลังสายเลือดที่เหลืออยู่ไม่มากนัก บนร่างปรากฏม่านน้ำสั่นกระเพื่อม ควบรวมกันกลายเป็นดาบยาว
“ไป”
จ้าวเฟิงเพ่งตามอง แทงดาบออกไป
ดาบยาวนี้ได้เกิดขึ้นจากน้ำแข็งที่หลอมละลาย ตัดผ่าออกไปอย่างชัดเจน
ฟึ่บ ดาบน้ำแทงไปยังร่างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด
“ไม่…”
ร่างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดแข็งค้าง ในยามนี้ร่างของเขายังคงอยู่ระหว่างการพังน้ำแข็งออกมา คมดาบสายน้ำนั้นได้แทงเข้ามาในร่างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดแล้ว
“กายมารโลหิต”
ดวงตาทั้งสองข้างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ปราณจิตวิญญาณในร่างเผาไหม้เดือดพล่าน ร่างกายส่องประกายเปลวเพลิงสีแดงอมดำ
ไม่เพียงเท่านั้น ทั่วทั้งร่างของเขายังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น 1-2 เท่า กลิ่นอายพลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน
เปรี้ยง
กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออก แขนทั้งสองข้างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดถูกเหวี่ยงกว้าง ชั้นน้ำแข็งที่กำลังละลายรอบกายพลันแตกสลายไป
“วารีเหมันต์ผันแปร”
จ้าวเฟิงกระตุ้นโคจรพลังสายเลือด ดาบคลื่นน้ำที่แทงเข้าไปในร่างของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดพลันกลับกลายเป็นผลึกสีฟ้าใส
เคร้ง
ดาบน้ำแข็งได้ทะลวงเข้าไปในทรวงอกของหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาด
“อ๊ากกกก”
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา กระตุ้นวิชาลับทะลายดาบน้ำแข็งที่แทงคาอยู่ในร่าง
แต่เมื่อทำเช่นนั้น อาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาก็รุนแรงขึ้นหลายเท่า พลังกายแทบจะหมดสิ้น ความตายอยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ มีเพียงแค่ใช้ ‘หญ้าคืนชีวิต’ ‘วารีแห่งชีวิต’ หรือสิ่งที่มีพลังใกล้เคียงกันในการรักษาเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอดชีวิต หรือมิเช่นนั้นต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็ไร้ซึ่งหนทาง
ฟื่บ
หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดแปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงสีเลือด หลบหนีห่างออกไป
รีบหนี
จ้าวตำหนักโหยวหลงใช้วิชาลับ ร่างทะยานเข้าสู่ป่าใหญ่
“ช่วยข้าด้วย”
ผู้คุ้มครองศพโลหิตเพิ่งจะฟื้นคืนสติ ร่างกายแข็งเกร็ง ไม่มีพลังที่จะเคลื่อนไหว พยายามโคจรปราณจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว
คมดาบวายุอัสนี
ฝ่ามือของจ้าวเฟิงวาดออก คมดาบวายุอัสนีพุ่งวาบผ่านอากาศ ตัดร่างของผู้คุ้มครองศพโลหิตเป็นสองส่วน
จากนั้น สายตาของเขาจึงมองตามร่างที่หลบหนีไปของพวกหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดทั้งสอง
“หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดบาดเจ็บสาหัส โอกาสรอดมีเพียงน้อยนิด แต่จ้าวตำหนักโหยวหลงมีพลังต่อสู้เจ็ดส่วนจากยามปกติ”
สายตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ เผยจิตสังหารออกมา
ในยามนี้ หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดและจ้าวจำหนักโหยวหลงได้หลบหนีไปคนล่ะทาง
“ห้ามให้เหลือรอด”
จ้าวเฟิงสั่งฆ่า
ตามหลักเหตุผลแล้ว หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดไม่มีโอกาสรอดชีวิต ทว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจฆ่าเขาก่อน
สำหรับจ้าวตำหนักโหยวหลง บนร่างของเขามีตราเนตรแห่งเทพของจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มจึงไม่รีบร้อนในยามนี้
“ปีกวายุอัสนี”
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก ปราณวายุอัสนีในร่างโคจรในทิศทางที่แปลกประหลาดอย่างรวดเร็ว
ครืนนน
ท่ามกลางฟ้าดิน สายลมและสายฟ้าหมุนวน เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดหวิวของสายลม
เบื้องหลังของจ้าวเฟิงปรากฏกลุ่มก้อนสายลมและกระแสไฟฟ้าสว่างจ้าที่ควบรวมกันจนมีรูปลักษณ์คล้าย ‘ปีก’คู่หนึ่งที่ส่องประกายสีเขียวหม่น
“ปีกวายุอัสนี”
“นี่คือวิชาที่ทำให้มหาจักรพรรดิวายุอัสนีมีความเร็วที่เหนือกว่าผู้ใด บัดนี้ข้าสามารถทำความเข้าใจได้เพียงผิวเผิน ทว่าความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง”
เบื้องหลังของจ้าวเฟิงปรากฏเสียงของสายลมและสายฟ้าที่สั่นสะท้าน ตอบสนองกับไอสวรรค์วายุและอัสนีในฟ้าดิน
ในระหว่างระยะเวลา 1-2 ลมหายใจ ‘ปีกวายุอัสนี’ บนหลังของจ้าวเฟิงก็สยายออกบิน ประกายแสงหลอมรวมขึ้นดูสมจริงเข้าหลายส่วน
“นั่นมันวิชาอันใดกัน ใช้พลังของสายฟ้าและสายลมหลอมรวมพลังของฟ้าดินเข้าจนกลายเป็นปีกวายุอัสนี?”
ผู้เฒ่าซู่ใบหน้าขาวซีด ร่างสั่นสะท้าน
ห่างออกไปสิบลี้ องค์หญิงจิงและสมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรคนอื่นๆ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงที่ ‘ปีกวายุอัสนี’ นั้นได้แพร่ออกมา
ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าจ้าวเฟิงที่มีปีกคู่นี้และมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากจะกลายเป็นฝันร้ายที่ไล่ล่าเหล่าผู้เหลือรอดของลัทธิมารจันทราชาด
ทว่า หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่ลอยอยู่กลางอากาศกลับไม่เคลื่อนไหว
ครืนนนน
ปีกวายุอัสนีที่ควบรวมอยู่เบื้องหลังพลันหม่นแสงลง
เกิดอันใดขึ้น
ผู้เฒ่าซู่ รวมทั้งองค์หญิงจิงและคนอื่นๆ รู้สึกงุนงง
“ถือว่าเจ้าโชคดี”
พลังวายุอัสนีบนร่างของจ้าวเฟิงพลันจางหายไป บนใบหน้าเผยความอ่อนล้าออกมา
ที่เขาสลายปีกวายุอัสนีไปไม่เพียงเพราะความเข้าใจในวิชามีไม่มากพอ ทว่าเป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่ง
ในมิติในดวงตาซ้าย
บึงน้ำที่ราบเรียบกว้างกว่าสิบจ้างได้ปรากฏคลื่นน้ำวนสีดำมืดเชี่ยวกรากขึ้น
ครืนนน
พลังดวงตาในกระแสน้ำของบึงน้ำสีเข้มราวกับกำลังกระโดดโลดเต้น พลันพุ่งทะยานสูงท่วมขึ้น กระแสน้ำในบึงน้ำสาดซัดเข้าที่ริมฝั่งท่วมท้นขึ้น ราวกับระดับน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้น ขยายออกอย่างไม่หยุดยั้ง
“กำลังจะทะลวงผ่านขีดจำกัดสิบจ้าง กลายเป็นระดับใหม่…”
จ้าวเฟิงพึมพำอยู่ในใจ ภายใต้ความเหนื่อยล้าอย่างสาหัส ร่างของเด็กหนุ่มร่วงลงที่พื้นอย่างรวดเร็ว
ยามที่ ‘ผู้เฒ่าซู่’ และคนอื่นๆ พุ่งเข้าไป จ้าวเฟิงก็ส่งสัญญาณไปยังคนทั้งหลาย
“ได้”
ผู้เฒ่าซู่ผงกศีรษะ องค์หญิงจิงที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาประคองจ้าวเฟิงอย่างเร่งรีบ
ในเรื่องนี้ พวกผู้เฒ่าซู่ดูราวกับชินชาเสียแล้ว
จ้าวเฟิงแย้มยิ้ม ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ความรู้สึกเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา นอนอ่อนแรงอยู่ในอ้อมแขนขององค์หญิงจิง หลับใหลไปอย่างสงบ
“พันธมิตรมังกรโลหะยามนี้นับว่าพ่ายแพ้แล้ว กลับไปยังสำนักจันทร์สลาย”
ผู้เฒ่าซู่มองไปยังทิศทางที่หัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดและจ้าวตำหนักโหยวหลงหลบหนีไปก่อนจะนำคนจากไป
ในเวลาเดียวกัน
ในมิติในดวงตาซ้าย
คลื่นสายน้ำพลังดวงตายังคงไหลทะลักออกมา เส้นผ่านศูนย์กลางขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกราวกับทะเลสาบ